ปัญหาคาราคาซังลากยาวเป็นปี จำได้ตั้งแต่ต้นปีที่แล้วที่เป๊ปซี่โค แถลงจะทำการซื้อหุ้นของตระกูลบุลสุข เพื่อได้สิทธิ์ในการบริหารจัดการในประเทศไทย แต่ยื่นข้อเสนอมาเพียงนี่ยี่สิบกว่าบาทต่อหุ้น ทำให้เสิรมสุขรับไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าทางเป๊ปซี่โคชอบเอาเปรียบตัวเองอยู่เรื่อย ทั้งที่ก็ถือหุ้นใหญ่อยู่ในบริษัทเดียวกัน ได้รับปันผลเหมือนกัน (ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าไม่กี่ปีก่อน ทางเป๊ปซี่โคได้ขึ้นค่าหัวเชื้อกับเสริมสุขมาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้การต่อรองครั้งนี้ มีเพียงให้ลดค่าหัวเชื้อลงด้วย)
ประมาณปลายปีที่แล้ว ทางเสริมสุขก็ได้ขายหุ้นออกไปให้บริษัท เอส เอส เนชั่นแนล (ว่ากันว่า เป็นของตระกูล สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้าง)
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20101117/363125/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%81%E0%B8%AF%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82.html
http://www2.manager.co.th/daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000176097
ทำให้ตอนนี้ เอสเอส เนชั่นแนลคือผู้ถือหุ้นใหญ่ในเสริมสุข แต่ยังให้สมชาย บุลสุข นั่งเก้าอี้บริหารอยู่ (คล้ายกับตอนที่เบียร์ช้างซื้อโออิชิของตัน แต่ให้คุณตันนั่งบริหารอยู่ต่อระยะหนึ่ง)
เป็นการแก้เกมของตระกูล บุลสุข ถ้าทางเป๊ปซี่โคให้ราคาสมน้ำสมเนื้อ กับการที่จะเอากิจการที่สร้างชื่อเสียงและรายได้ ให้กับตระกูลของเขามาหลายสิบปี ผมว่าดีลมันอาจจะจบไปตั้งแต่ปีที่แล้ว และถ้าเอสเอส เนชั่นแนลเป็นของเสี่ยเจริญจริง การเสียสิทธิ์ในการทำตลาดในแบรนด์เป๊ปซี่ อาจจะไม่ได้กระเทือนกับเสริมสุขมากนัก เพราะได้แบ๊ีคอัพ ระดับมหาเศรฐฐี ที่เชี่ยวชาญในตลาดเครื่องดื่มและมีช่องทางการจำหน่ายที่แข็งโป๊ก
ถ้าสองบริษัทแตกหักกันจริงๆ ผมว่าเป๊ปซี่โคน่าจะแย่กว่า จริงอยู่ที่ว่าน่าจะหาคนมาทำแทนเสริมสุขได้ไม่น่ายากเท่าไหร่ (อาจจะเป็นบุญรอดก็ได้ใครจะรู้) แต่ระหว่างการเปลี่ยนถ่ายงาน อาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง (ผมว่าน่าจะเป็นเดือน นึกถึงตอนนี้พิซซ่าฮัททะเลาะกับตัวแทนในประเทศไทย จนบริษัทตัวแทนเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ในชั่วข้ามคืน กลายเป็นเดอะพิซซ่า คอมปานี, พิซซ่าฮัท ตอนนั้นเหลือสาขาอยู่สาขาเดียว ผ่านมาหลายปีแล้ว พิซซ่าฮัทได้แค่ค่อยๆ เพิ่มสาขาและสร้างการเติบโตใหม่ โดยที่ถึงตอนนี้ เจ้าของตลาดยังเป็นเดอะพิซซ่าอยู่เลย) ระยะเวลานั้น ลูกค้าอาจจะหันไปดื่มของคู่แข่งแทน และหลายคนอาจมีความรู้สึกไม่ดีกับแบรนด์จนไม่กลับมาทานอีก ประเทศไทยก็จะกลายเป็นอีกประเทศหนึ่ง ในเกือบทั้งหมดในโลก ที่เป๊ปซี่ต้องแพ้โคคาโคลา
ส่วนเสริมสุขก็อาจจะทำแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาใหม่ ดูตัวอย่างจากบิ๊กโคลา เห็นได้ว่าไม่จำเป็นต้องแบรนด์ดังเสมอไป จึงจะเจาะตลาดเมืองไทยได้ (สองปีที่แล้วบิ๊กโคลามีส่วนแบ่งตลาดน้ำดำที่ 15 เปอร์เซ็นต์ ปีที่แล้วถ้าจำไม่ผิด เพิ่มขึ้นมาเป็นยี่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว) และอย่างที่ข่าวบอก ทางเสริมสุขจะไปเน้นทำเครื่องดื่มที่เกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกอยู่แล้ว (เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทางเป๊ปซี่โคอยากเทคโอเวอร์เสริมสุข เพราะยอดขายน้ำดำมีแต่ลดลง โดยเฉพาะตลาดอเมริกาเหนือ เป๊ปซี่โคมีเครื่องดื่มพวกน้ำผลไม้ และฟังก์ชันนัลดริงค์อยู่ในมือหลายตัว แต่ไม่สามารถหรือไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยได้ เพราะอำนาจบริหารอยู่กับตระกูลบุลสุข แต่เสริมสุขตัดสินใจทำเครืองดื่มของตัวเอง ทั้งน้ำดื่มคริสตัลฯ รับผลิตและจัดจำหน่ายให้บริษัทอื่นๆแทน)
ส่วนตัวผมว่าทางเป๊ปซี่โคน่าจะยอมทำที่ทางเสริมสุขร้องขอไปนะ แต่ต้องคอยดูกัน หรือไม่เราอาจเห็นแบรนด์โคล่าตัวใหม่ก็ได้
ป.ล. เป๊ปซี่ขายแพ้โค้กภาคเดียวคือภาคใต้ ซึ่งโค้กภาคใต้เป็นของบริษัทหาดทิพย์ของตระกูลรัตกุล ไม่ใช่ไทยน้ำทิพย์เหมือนภูมิภาคอื่นๆ จำได้ว่าพี่เขยขึ้นมาจากใต้ ซื้อโค้กกระป๋องกับเซเว่นอัพกระป๋องมาด้วย เป็นแบบกระป๋องเรียวๆ ผอมๆหน่อย ซึ่ง sleek can ตัวนี้มีขายแต่ในภาคใต้เท่านั้น