ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafeใครเป็นคนจน ยกมือขึ้น
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ใครเป็นคนจน ยกมือขึ้น  (อ่าน 2162 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
eagle
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 61



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 23 กันยายน 2007, 01:40:54 »

คอลัมน์ หอคอยงาช้าง

โดย รศ.ดร.วิมุต วานิชเจริญธรรม

เมื่อธนาคารโลกประกาศจำนวนประชากรโลกที่ถูกจัดชั้นว่าเป็นกลุ่ม "ยากจนสุดแร้นแค้น" (extremely poor) ในปี 2004 โดยนับหัวของประชากรที่ดำรงชีวิตในแต่ละวันด้วยจำนวนเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐหรือน้อยกว่านั้น (ซึ่งคิดเป็นเงินบาทได้ราวสี่สิบบาทต่อวัน หากคำนวณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงเวลานั้น) ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 986 ล้านคน (หรือเทียบได้ราวกว่าสิบเท่าของจำนวนประชากรในประเทศไทย) ยอดตัวเลขนี้ย่อมทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า ประชากรโลกจำนวนมากจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไรด้วยจำนวนเงินอันน้อยนิดเช่นนี้

นอกจากนี้อาจมีคำถามตามมาเช่นกันว่า ด้วยเหตุใดธนาคารโลกจึงเลือกใช้ 1 เหรียญสหรัฐต่อวัน เป็นเกณฑ์ในการวัดความยากจนสุดแร้นแค้น

ที่มาของตัวเลขนี้ต้องย้อนไปเมื่อปี 1990 เมื่อครั้งที่ธนาคารโลกตัดสินใจจะนับจำนวน คนยากจนในโลก เพื่อประกอบรายงาน "World Development Report" บรรดาเศรษฐกรของธนาคารโลก ที่นำโดย Martin Ravallion เริ่มต้นการค้นคว้าวิจัยด้วยการนำตัวเลขของเส้นความยากจนที่มีการคำนวณไว้ในหลายประเทศมาศึกษาเปรียบเทียบกัน

เส้นความยากจนนี้ถือเป็นเกณฑ์สากลที่ใช้ประมาณจำนวนประชากรกลุ่มที่จัดว่า "ยากจน" โดยการสร้างเส้นความยากจนจะเริ่มต้นจากการประเมินว่า ต้นทุนของการซื้อหาอาหารในแต่ละวันเพื่อให้ได้บริโภคแคลอรีขั้นต่ำที่กระทรวงสาธารณสุขในแต่ละประเทศได้กำหนดไว้ คิดเป็นเงินเท่าใด

ต้นทุนของการซื้อหาแคลอรีขั้นต่ำนี้เองที่นักเศรษฐศาสตร์ถือเป็นเส้นแบ่งความยากจนของครัวเรือน ครัวเรือนใดที่มีรายได้ต่อวันต่ำกว่าต้นทุนตัวนี้ ถือว่ามีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน และจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของ "คนจน"

เมื่อ Ravallion และคณะ พยายามนำเส้นความยากจนของหลายประเทศมาศึกษาเปรียบเทียบกัน จำต้องมีการปรับค่าของเส้นความยากจนในแต่ละประเทศให้อยู่ในหน่วยของเงินสกุลเดียวกัน เพื่อจะได้ทำการเทียบเคียงกันได้ ซึ่งคณะผู้วิจัยเลือกใช้การปรับเส้นความยากจน ให้อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยมีการปรับอัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลต่างๆ ให้สะท้อนถึงกำลังซื้อที่แท้จริงของประชาชนในแต่ละประเทศด้วย งานศึกษานี้พบว่า เส้นความยากจนในหลายประเทศมีค่าใกล้เคียงกับ ตัวเลข 1 เหรียญสหรัฐต่อวัน นั่นจึงเป็นที่มาของเกณฑ์ดังกล่าว

สำหรับกรณีของประเทศไทยนั้น เราสามารถนำข้อมูลการสำรวจสภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน (socio-economic survey หรือ SES) ที่จัดเก็บโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ มาวิเคราะห์เพื่อค้นหาว่า มีครัวเรือนจำนวนเท่าใด ในประเทศไทยที่อยู่ในเกณฑ์ "ยากจนสุดแร้นแค้น" ตามนิยามของธนาคารโลกบ้าง

งานศึกษาของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโก-มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่าจากข้อมูลสำรวจในปี 2547 ที่ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศทั้งหมด 31,630 ครัวเรือน มีครัวเรือนจำนวนทั้งสิ้น 3,213 ครัวเรือน ที่มีการใช้จ่ายต่อหัวสมาชิกต่ำกว่า 1 เหรียญสหรัฐต่อวัน โดยครัวเรือนเหล่านี้มีการกระจายตัวอยู่ในแต่ละภูมิภาค ดังแสดงไว้ในตารางที่ 1

ที่มา : คำนวณจากข้อมูลสำรวจสภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ปี 2547 ที่ Archive โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโก- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจนี้ถูกสุ่มขึ้นมาจากสำมะโนประชากรของประเทศด้วยหลักการทางสถิติ โดยตัวอย่างดังกล่าวมีคุณสมบัติของความเป็นตัวแทนของประชากรทั้งประเทศอย่างครบถ้วน ซึ่งหากต้องการจะใช้ผลสำรวจนี้อ้างอิงไปหาประชากรทั้งหมด นักวิจัยก็สามารถทำได้โดยการนำตัวแปร "weight" (ซึ่งเป็นค่าตัวเลขที่ ระบุว่าครัวเรือนที่ถูกสำรวจแต่ละรายมีน้ำหนักเป็นตัวแทนกลุ่มประชากรที่คล้ายคลึงกันเท่าไหร่) มาคูณกับแต่ละครัวเรือนตัวอย่าง และจาก ผล การคำนวณชี้ว่า มีครัวเรือนที่จัดเป็นกลุ่ม "ยากจนสุดแร้นแค้น" ทั้งสิ้น 2,268,371 ครัวเรือน จากจำนวนประชากรทั้งหมด 16,765,051 ครัวเรือนทั่วประเทศ ตารางที่ 2 แสดงให้เห็นว่า ครัวเรือนกลุ่มนี้กระจุกตัวอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีจำนวนทั้งหมดเท่ากับ 1,382,911 ครัวเรือน

ที่มา : คำนวณจากข้อมูลสำรวจสภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ปี 2547 ที่ Archive โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโก- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

เมื่อพิจารณาต่อไปถึงวิถีชีวิตของกลุ่มคนยากจนกลุ่มนี้ นักเศรษฐศาสตร์ตั้งคำถามต่อไปว่า คนกลุ่มนี้มีการใช้จ่ายในแต่ละกลุ่มสินค้าอย่างไรบ้าง เพื่อตอบคำถามนี้ เราได้นำรายการค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่ได้สำรวจไว้ใน SES ปี 2547 มาคำนวณหาส่วนแบ่ง หรือ share ของรายจ่ายครัวเรือนในแต่ละรายการสินค้าเทียบกับมูลค่าทั้งหมดของรายจ่ายครัวเรือน และเราขอนำบางส่วนของการคำนวณมาแสดงไว้ในตารางที่ 3

จะเห็นได้ว่าอาหารและเครื่องดื่มเป็นรายจ่าย ที่มีส่วนแบ่งสูงที่สุด โดยมีสัดส่วนเกินกว่าครึ่งหนึ่งของงบประมาณทั้งหมดของครัวเรือน

อย่างไรก็ดีหากเรานำผลการศึกษานี้ไปเปรียบเทียบกับผลการศึกษาของ Abhijit V. Banerjee และ Esther Duflo (งานวิจัยเรื่อง "The Economic Lives of the Poor" ที่ได้ตีพิมพ์ลงในวารสาร Journal of Economic Perspectives ปี 2006) สองนักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology (MIT) ซึ่งใช้ข้อมูลสำรวจที่คล้ายคลึงกับ SES เพื่อศึกษาถึงวิถีชีวิตของครัวเรือนที่ยากจนสุดแร้นแค้น ใน 13 ประเทศ เราจะพบถึงวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน และข้อสรุปสำหรับการวางนโยบายเศรษฐกิจ และสังคมที่น่าสนใจ

ตารางที่ 4 นี้ นำข้อมูลที่ศูนย์วิจัยฯเราคำนวณไว้มาเปรียบเทียบกับข้อมูลในงานศึกษาของ Banerjee และ Duflo (2006) โดยแสดงเพียงรายจ่ายที่น่าสนใจบางรายการเท่านั้น โดยในกรณีของประเทศไทยนั้นแสดงเพียงข้อมูลของครัวเรือนที่มีถิ่นฐานอยู่นอกเขตเทศบาล และในกลุ่มประเทศในงานศึกษาของ Banerjee และ Duflo (2006) นั้น แสดงเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในชนบท

Banerjee และ Duflo ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ ในงานศึกษาของพวกเขาว่า ครัวเรือนที่ยากจน สุดแร้นแค้นเหล่านี้ล้วนมีชีวิตในวังวนของวัฏจักรความยากจน และถูกรุมเร้าด้วยปัญหาด้านสุขภาพและความหิวโหย แต่กระนั้นพวกเขาเหล่านี้ ยังสามารถเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อเลี้ยงปากท้องได้ หากเพียงลดการจัดสรรงบประมาณของเขา ให้กับรายจ่าย อย่างแอลกอฮอล์และยาสูบ หรือรายจ่ายที่เกี่ยวกับงานรื่นเริง

ข้อสังเกตนี้ใช้ได้กับในกรณีของประเทศไทยเช่นกัน หากเราจะเปรียบเทียบงบประมาณ ที่ครัวเรือนไทยจัดสรรให้กับการซื้ออาหารและเครื่องดื่ม เราจะพบว่าสัดส่วนที่จัดสรรนี้ต่ำกว่าที่พบในหลายประเทศ นั่นหมายความว่าคนกลุ่มนี้ ยังสามารถ ใช้งบประมาณที่พวกเขามีอยู่ซื้อหาอาหารและเครื่องดื่มมาบรรเทาความหิวโหย หากแต่การจัดสรรเช่นนี้จำต้องตัดงบฯที่ให้กับการซื้อของมึนเมาและยาสูบ หรือรายจ่ายอื่นๆ ออกไป

หน้า 45
อ้างถึง


บันทึกการเข้า
Bes
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,502



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 23 กันยายน 2007, 09:47:12 »

สรุปให้หน่อย  = ="
บันทึกการเข้า

Sylar
ทีมงานแสงอุษา
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 95
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,004



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 23 กันยายน 2007, 09:55:02 »

ผมนึกว่าเป็นคำถามซะอีก  อยากจะตะโกนตอบดังๆ  ไม่จนแล้ว คร๊าบบบ  Grin
บันทึกการเข้า

tenzamak
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 800
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,990



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 23 กันยายน 2007, 09:56:21 »

อ้างถึง
ผมนึกว่าเป็นคำถามซะอีก  อยากจะตะโกนตอบดังๆ  ไม่จนแล้ว คร๊าบบบ

ส่วนผมก็จะตะโกนว่ายิ่งลงทุนยิ่งจนค๊าบๆ
บันทึกการเข้า

host ราคาเริ่มต้นที่ 500/ปี
host inter ราคาเริ่มต้นที่ 500/ปี
hosting singapore ราคาเริ่มต้นที่ 500/ปี
vps ราคาเริ่มต้นที่ 500/เดือน
smith
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 581



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 23 กันยายน 2007, 10:58:46 »

ตอบได้เลยครับ
ว่าจน จริงๆ ครับ
  :-\
บันทึกการเข้า

ฉันไม่มีตัวตน
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 65
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,817



ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 23 กันยายน 2007, 11:05:03 »

ของผมยังไม่ลงทุนก็จนแล้วครับ... Grin
บันทึกการเข้า
ColdMoney
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 200
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12,622



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 23 กันยายน 2007, 14:15:23 »

ยังจนอยู่เลย   Tongue  ถ้ารวยแล้วจะบอกนะ   Grin Grin
บันทึกการเข้า

คนจน
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 46
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 849



ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 23 กันยายน 2007, 14:20:19 »

ตอนนี้ผมเน้นเศรษฐกิจพอเพียง ผมพอมีพอกิน  Kiss
บันทึกการเข้า
alcoholik
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 265



ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 23 กันยายน 2007, 15:31:36 »

สรุปเกณฑ์วัดความจนอยู่ที่ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า 1 USD

เอ๊ะ นี่มันตูนี่หว่า ก็จนเด่ะ  Grin Grin Grin

ตอนท้ายเขาบอกว่าบุคคลเหล่านี้อยู่ในวัฎจักรความจน เพียงงดเหล้า หรือค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ชีวิตก็จะดีขึ้นนะจ้ะ
บันทึกการเข้า

คนเจ้าปัญญา : พอพบปัญหาอะไรก็วางก่อน พอเป็นอิสระมีอำนาจเหนือกว่าปัญหาแล้ว จึงจัดการกับปัญหานั้นอย่างเหนือชั้น
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์