
เบื้องหลังร้านอาหารภายในตลาดนัดจตุจักร เต็มไปด้วยน้ำเจิ่งนองและของเสียรอวันเพาะเชื้อ ก่อเกิดโรคทางเดินอาหาร

เหนื่อยจากการชอปจนลืมระแวดระวังเรื่องความสะอาด

กะละมังล้างจาน ใช้น้ำเดียวทั้งวันไม่มีเททิ้ง

สภาพสก็อตไบร์ทที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน

ใช้มือล้างทุกอย่าง ไม่สนใจสก็อตไบร์ทที่วางใกล้แค่เอื้อม

มีถังแยกหลอดดูดใช้แล้วจากขยะประเภทอื่นอย่างชัดเจน

เก็บวัสดุใช้แล้วไว้อย่างดี อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอีกครั้ง

ผักสลัดเหลือใช้ถูกแยกไว้เพื่อใช้ทำอะไร?
ตลาดนัดจตุจักร ตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดที่สกปรกมากที่สุดแห่งหนึ่งเช่นกันโดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน หากลองหลิ่วตาดูพฤติกรรมของพนักงานภายในร้านอาหารกันดูสักนิด รับรองว่าเหล่านักชอปจะต้องร้อง “อี๋” ให้กับสิ่งที่เห็นแน่นอน
อย่าบอกนะว่าไม่รู้จัก “เจเจ” “ซันเดย์มาร์เก็ต” หรือชื่อเต็มๆ อย่างเป็นทางการที่เรียกว่า “ตลาดนัดจตุจักร”
บนพื้นที่ 68 ไร่ย่านหมอชิตแห่งนี้ มีลูกค้ากว่าแสนคนต่อวันเข้ามาเดินซื้อของ และอีกนับจำนวนไม่ถ้วนหาของประเคนลงท้องกันอย่างไม่เลือกที่ ทั้งหาบเร่ รถเข็น ร้านห้องแถวต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่หิวจนตาลาย จ้วงช้อนทานลูกเดียวโดยไม่สนใจว่า ที่มาของอาหารและเครื่องดื่มซึ่งอยู่ตรงหน้านั้นจะสะอาดแค่ไหน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบเสี่ยงกับการวิ่งเข้าห้องน้ำ วันนี้เรามีคำตอบมาให้
ยิ่งล้างยิ่งสกปรก
เพื่อสนองข้อสงสัยที่มีมานาน ทีมงาน M Lite จึงลงพื้นที่สำรวจตามร้านอาหารภายในตลาดนัดจตุจักรจนครบทั้ง 27 โครงการ เริ่มตั้งแต่ร้านอาหารที่ตั้งเป็นหลักเป็นแหล่งในโซนอาหารและเครื่องดื่ม เช่าพื้นที่โครงการเรียงรายกันไปตามริมทางเดิน (โครงการที่ 1, 18, 20-24 และ 26) ร้านอาหารที่อยู่ติดชิดริมรั้วตลาดนัด ตั้งอยู่บนพื้นที่เล็กๆ แคบๆ หลังโซนขายเสื้อผ้า (โครงการที่ 2, 3 และ 4) ร้านรถเข็นซึ่งตั้งอยู่ประปรายทั่วทุกโครงการ ไปจนถึงร้านริมทางรอบนอกตลาดนัด
ผลการสำรวจพบว่า การล้างทำความสะอาดภาชนะและอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารของแต่ละร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านรถเข็นหรือร้านเช่าที่ถาวรก็ใช้วิธีเดียวกันคือ ล้างในกะละมัง ซึ่งขั้นตอนก็ดูปกติธรรมดา แต่หากสังเกตให้ดีจะพบว่า ทั้งกะละมังน้ำแช่จานชาม กะละมังผสมน้ำยาล้างจาน และกะละมังล้างน้ำสะอาด พนักงานแทบไม่มีการเปลี่ยนน้ำเลย ไม่ว่าน้ำจะเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน สีคล้ำ หรือมีเศษอาหารลอยขึ้นมาทักทายขนาดไหน คือส่วนใหญ่ใช้น้ำเดียวกันทั้งวันตั้งแต่เปิดร้านจนตลาดวาย หมดวันจึงเทน้ำทิ้งและทำความสะอาดกะละมัง ส่วนสภาพของสก็อตไบร์ทเองก็ผ่านศึกหนักจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้ภาชนะที่ลูกค้าใช้ดื่มใช้กินสะอาดได้!
นี่ยังไม่รวมพฤติกรรมการล้างแบบแหวกแนวของชายร้านก๋วยเตี๋ยวรอบนอกตลาดนัด ที่กวาดล้างทุกอย่างด้วยฝ่ามืออรหันต์ผสมน้ำยา ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ขัดล้างใดๆ อย่างร้านทั่วไปเขาทำกัน หรือแม้แต่ร้านอาหารรสเด็ดเจ้าดังสไตล์อิตาเลียนละแวกโครงการแต่งบ้าน พนักงานก็ทำให้อึ้ง!มาแล้วโดยการเก็บแก้วน้ำส้ม น้ำเก๊กฮวย ฯลฯ จากโต๊ะลูกค้าเก่าเอาไปวักน้ำเปล่าหนึ่งทีก่อนนำกลับมาคว่ำไว้อย่างเดิม รอลูกค้ารายใหม่สั่งน้ำอีกเมื่อไหร่ แก้วที่ไม่ผ่านน้ำยาล้างฆ่าเชื้อโรคเหล่านี้ ก็พร้อมจะเสิร์ฟรอยน้ำลายเก่าที่คงเหลืออยู่ก้นแก้วสู่ปากคุณ!
ยุคประหยัด อาหารรียูส
หลายคนอาจไม่สะทกสะท้านกับการใช้แก้วน้ำต่อจากคนอื่น ถึงแม้จะพอรู้อยู่บ้างว่าทางร้านไม่ได้ทำความสะอาดกันอย่างเต็มสูตร เพราะอย่างน้อยก็ยังมีหลอดให้ใช้ ช่วยให้อุ่นใจไปได้เปลาะหนึ่งว่า ปากของเราจะไม่ต้องรับเอาน้ำลายของคนอื่นจากการสัมผัสปากแก้วร่วมกัน แต่คุณแน่ใจแล้วหรือว่า หลอดที่คุณดูดๆ กันอยู่นั้นมันสะอาดจริง?
ที่ร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนบนโครงการ 26 นอกจากทีมงาน M Lite จะเห็นการวักน้ำเปล่าทำความสะอาดแก้วมากับตาแล้ว ทางร้านยังจงใจตั้งถังเอาไว้แยกหลอดเป็นการเฉพาะด้วย โดยแยกหลอดออกจากขยะจำพวกเศษอาหาร ขวดน้ำและแก้วพลาสติกอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าหลอดเหล่านั้นต้องผ่านการใช้ซ้ำอีกกี่ที แต่แน่ใจได้ว่าหลอดที่ลูกค้ากำลังนั่งดูดกันอยู่นั้น ไม่ใช่หลอดมือหนึ่งแน่นอน
ร้านขายขนมหวานใส่น้ำแข็งไม่ไกลจากจตุจักรพลาซ่ารายหนึ่งก็ใช้วิธีเดียวกัน แต่ร้านนี้ใช้ซ้ำทั้งชุด คือทั้งถ้วยโฟมใส่ขนมหวาน ทั้งช้อนพลาสติกที่ลูกค้าเคยใช้ตักกิน เจ้าของร้านจะเก็บไปล้างน้ำเปล่า สะเด็ดน้ำแค่พอหมาดๆ จากนั้นก็เก็บไว้รวมกันในถุงพลาสติกใสอยู่ในสภาพพร้อมใช้อีกครั้ง ไม่ต่างจากร้านขายไอศกรีมกะทิหน้าโครงการ1 ช้อนพลาสติกที่คนขายหยิบยื่นให้ลูกค้าเต็มไปด้วยละอองน้ำ แสดงให้เห็นว่าเพิ่งผ่านการล้างได้ไม่นาน แต่คนซื้อก็รับมากินด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่สนใจว่า วัสดุที่อยู่ในมือเคยสัมผัสน้ำลายลูกค้าคนก่อนหน้ามาแล้วกี่ราย
เรื่องการใช้ถ้วยโฟมและช้อนพลาสติกซ้ำนั้น ถ้าล้างสะอาดคงพอให้อภัยได้ แต่สำหรับวัตถุดิบในการทำอาหาร ถ้านำมาใช้ซ้ำบ้าง จะมีผู้บริโภคหน้าไหนกล้าขย้ำและกลืนลงไปด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข และจากการได้นั่งทานร้านส้มตำย่านโครงการ 22 ร้านหนึ่งพบว่า นอกจากถุงแยกเศษอาหาร ถุงแยกขยะพลาสติกแล้ว ทางร้านยังแขวนถุงเล็กๆ เอาไว้ใต้โต๊ะเก็บอาหารด้วย โดยภายในบรรจุผักสลัดเป็นส่วนใหญ่ และมีเศษกระดาษทิชชูปนอยู่ประปราย ทำให้เกิดคำถามว่าผักเหล่านั้นถูกแยกไว้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ได้แต่หวังว่าจะไม่ใช่การแยกเพื่อนำมาใช้ใหม่ในจานถัดไปของลูกค้า อย่างที่เคยมีข่าวลือเกิดขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ตมาแล้ว
ไม่ว่าข่าวลือหรือเรื่องจริงก็ควรระวัง
เนื้อหาในฟอร์เวิร์ดเมลพูดถึงร้านอาหารหรูชื่อดัง ตั้งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าที่ 1 ตลาดนัดจตุจักรว่า ภายในร้านมีหน่วยแยกเศษอาหารจากจานเดิมที่ยังสภาพดี นำไปล้างและใช้เป็นวัตถุดิบในจานใหม่ให้แก่ลูกค้ารายใหม่ เช่น รังนกทอดที่ไม่ถูกกัดให้แหว่ง ผักสลัดรองจาน กล้วยไม้แต่งจาน เปลือกสับปะรดสำหรับเมนูข้าวผัดสับปะรด และลูกมะพร้าวเปล่าๆ สำหรับเมนูน้ำมะพร้าว ทุกอย่างถูกนำไปแกว่งน้ำแล้วนำมาใช้ใหม่ในสภาพเดิม ประเด็นนี้เคยถูกนำมาวิจารณ์อย่างกว้างขวางบนอินเทอร์เน็ตมาแล้วโดยเฉพาะในเว็บบอร์ดชื่อดังอย่างพันทิป จนกระทั่งกระแสสงบลงเมื่อผู้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของร้านเข้ามาตอบกระทู้ยอมรับบางข้อ และปฏิเสธอีกหลายข้อ ทั้งยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะปรับปรุงแก้ไขให้สะอาดได้มาตรฐาน
ส่วนคนที่เห็นกรรมวิธีการผลิตของร้านอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะมากับตาก็มีเหมือนกัน เสาวภาคย์ สุริยะวงศ์ไพศาล พนักงานบริษัทวัย 23 ปี เล่าให้เราฟังด้วยสีหน้าเหยเกขณะกำลังเดินดูเสื้อผ้าในเจเจว่า เมื่อกี๊เดินผ่านร้านๆ หนึ่งและเห็นคุณป้าขายลูกชิ้นคนหนึ่งเก็บเอาไม้เสียบลูกชิ้นที่ลูกค้าทานหมดแล้วเดินมาแกว่งน้ำในกะละมังร้านก๋วยเตี๋ยวซึ่งอยู่ติดกัน จึงหยุดยืนรอดูว่าป้าจะทำอะไรต่อไป ปรากฏว่าป้าเอาไม้ไปเสียบลูกชิ้น ปิ้งขายใหม่ทันที ไม่แม้กระทั่งจะรอให้ไม้แห้งหรือเช็ดก่อน แถมเธอยังตบท้ายอีกว่า “คงไม่กล้ากินลูกชิ้นไปอีกนาน”
อาหารไม่สะอาด ไม่ใช่แค่ท้องร่วง!
นภา ศศลักษณ์ ฟรีแลนซ์สาววัย 24 ปี เคยต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดด่วนเพราะทานอาหารไม่สะอาดมาแล้ว ด้วยความที่เป็นคนกินอยู่ง่าย จึงชอบทานร้านรถเข็นและร้านอาหารข้างทางเป็นประจำ จนกระทั่งเย็นวันหนึ่งมีอาการปวดท้องมาก เธอจึงทานยาแล้วนอนพักแต่อาการปวดก็ไม่ลดลงแถมมีไข้ขึ้นอีกต่างหาก อดทนอยู่กว่า 6 ชั่วโมงจึงยอมไปโรงพยาบาล และพบว่าต้องผ่าตัดด่วนเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด
“ตอนแรกคิดว่าทนไหวเลยกินยานอน สักพักรู้สึกไข้ขึ้น ปิดพัดลมปิดแอร์หมดแต่ก็ยังหนาว รูมเมตเห็นท่าไม่ดีเลยพาไปฉีดยาตอนห้าทุ่ม พอกลับมาที่ห้องไข้ก็ยังไม่ลด แถมอ้วกด้วย สุดท้ายเพื่อนต้องเรียกรถพยาบาลมารับอีกทีตอนตีสาม เพราะตอนนั้นลุกขึ้นยืนไม่ไหวแล้ว แรงยกแขนยังไม่มีเลย พอไปถึงเขาก็ส่งเข้าห้องฉุกเฉิน เอกซเรย์ ผ่าตัดกันให้วุ่นไปหมด ทั้งๆ ที่ตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็นอะไรร้ายแรงขนาดนั้น” นภา เหยื่ออาหารไม่สะอาดถ่ายทอดประสบการณ์ให้เราฟัง
รองศาสตราจารย์นายแพทย์สถาพร มานัสสถิตย์ แพทย์ประจำโรงพยาบาลศิริราช ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินอาหาร อธิบายว่าโรคที่ติดต่อจากการรับประทานอาหารส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยอาจมีสาเหตุมาจากการล้างภาชนะใส่อาหารไม่สะอาดพอ ตัวอาหารมีเชื้อโรคติดอยู่ แม้แต่การนำวัตถุดิบมาใช้ซ้ำและทำความสะอาดไม่ดี ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคได้สารพัด ตั้งแต่ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ติดโรคไวรัสตับอักเสบเอ ไปจนถึงติดเชื้อในร่างกายและกระแสเลือด รวมทั้งโรคอื่นๆ ที่ติดต่อทางน้ำลายด้วย จึงควรระมัดระวังให้มาก
“ถ้าร้านอาหารรักษาความสะอาดทุกอย่างก็ไม่เป็นไร อย่างพวกผักรองจานก็ไม่ควรเอามาใช้ซ้ำ หรือถ้าใช้ควรแช่น้ำยาหรือเอามาผ่านความร้อนก่อน เชื้อโรคที่ติดอยู่จะได้หมดไป ส่วนการใช้โฟม ใช้ช้อนพลาสติกซ้ำ ถ้าล้างให้สะอาด ใช้น้ำยาล้างจาน คงไม่ติดเชื้ออะไร แต่ทางที่ดีวัสดุที่ผลิตขึ้นเพื่อให้ใช้ครั้งเดียวก็ควรทำตามนั้น จะมาใช้ซ้ำๆ 2-3 ครั้งมันก็ไม่ดี” นพ.สถาพรกล่าว
ไม่ใช่แค่บ่น แต่ต้องร้องเรียน
หลายคนอาจคิดว่าถ้ามัวแต่เลือกมากคงไม่เหลือร้านไหนให้กิน แต่สำหรับสารี อ๋องสมหวัง กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค อยากให้ผู้บริโภคทุกคนท่องประโยคนี้บอกตัวเองไว้เสมอ “อย่าคิดว่าเราไม่มีทางเลือก” และหากพบว่าร้านอาหารที่เลือกใช้บริการสกปรกจริง ผู้บริโภคก็สามารถเดินออกจากร้านได้ ไม่จำเป็นต้องทนนั่งรับชะตากรรม หรือหากสงสัยแต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ ก็สามารถส่งเรื่องร้องเรียนไปยังกรมคุ้มครองผู้บริโภค ให้หน่วยงานราชการช่วยติดตามสืบหาความจริงได้ อย่าเอาแต่บ่นไปเรื่อยแล้วไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น
“บางคนเจอมากับตัวแต่ไม่แจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบ เอาแต่บ่นกับเพื่อน โพสต์บนอินเทอร์เน็ตแบบไม่มีหลักฐาน สุดท้ายก็ไม่เกิดผลอะไร จริงๆ แล้วถ้าอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ง่ายๆ เลยคือบอกร้านอาหารเขาไปตรงๆ อย่างพี่เคยไปทานร้านตามสั่งริมทาง เขาเอาเมนูมาให้ดูแล้วเมนูสกปรกมาก พี่ก็บอกเจ้าของร้านไปตรงๆ เลยว่ามันสกปรก ให้เอาผ้ามาเช็ด เขาก็ทำตาม ไม่ได้ผิดใจอะไร แต่ถ้าเกิดบอกเขาแล้วยังสกปรกเหมือนเดิม ต่อไปเราก็ไม่กินร้านนั้น พอคนไม่เข้าร้าน สุดท้ายเขาก็อยู่ไม่ได้เอง”
ส่วนเรื่องความสะอาด คุณสารีมองว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร้านริมทางไม่ค่อยได้มาตรฐานเป็นเพราะข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการจัดพื้นที่เก็บล้างให้ร้านประเภทนี้ได้ใช้เป็นสัดส่วนชัดเจน สุขภาพอนามัยของลูกค้าก็จะดีขึ้น “ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้ออกโครงการรณรงค์กินอาหารที่จตุจักรแล้วรับรองท้องไม่เสีย ถ้าทำได้ ปัญหาก็จะค่อยๆ คลี่คลายไปในที่สุด” กรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเสนอความคิด
ก่อนตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจตุจักรจะถูกขนานนามว่าเป็นตลาดนัดที่ทำให้คนท้องเสียมากที่สุดพ่วงอีกหนึ่งตำแหน่ง ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะหันมาใส่ใจเรื่องความสะอาดของอาหารกันอย่างจริงจังเสียที
รายงานข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์