ต่อไป »

[Dr.Get]

ผมเจออยู่หลายเว็บที่ขายสินค้าผิดกฏหมายเช่น นาฬิกา กระเป๋าแบรนด์เนม ซึ่งหลายเว็บเป็นเว็บใหญ่  ผมจึงสงสัยว่า ทำไมเค้าถึงไม่ถูกจับครับ?

เค้ามีกระบวนการอย่างไรจึงไม่ถูกจับ ใครทราบช่วยชี้แนะหน่อยนะครับ 

ซึ่งจริงๆแล้วผมทราบว่าหลายประเทศหากเราส่งสินค้าผิดกฎหมายไปก็โดนยึดสินค้าแล้วใช่ไหมครับ  (ส่วนใหญ่เว็บเหล่านี้มาจากจีน)

[Uzumaki Naruto]

น่าจะกรณีเดียวกับกระเป๋า gucci ใบละ 199 บาท ใน MBK ที่ไม่ถูกจับ
 

[นายเอ(นามสมมติ)]

ไม่ต้องมองลึกครับ ร้านขาย mp3 แวมไพร์ ข้างทางก็อปๆตำรวจยังเห็นเลย แต่ทำไรได้มั่งล่ะ เว้นแต่มีกระแสถึงทำ สักพักก็เงียบๆ

[Dr.Get]

ผมอยากรู้ของต่างประเทศด้วยครับ  เพราะผมคิดว่าบ้านเราอาจจะเกิดจากกฎหมายหย่อนยานแต่ต่างประเทศนี่เขาเข้มงวดเรื่องลิขสิทธิ์  แล้วพวกเก๋าๆทำได้ไงกัน 

[ไข่ลิง]

เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องแจ้งความเองครับ

[giffary]

หน้ารามคำแหง แทบจะขายหน้า ส.น. เลยครับ ยังไม่เห้นมีอะไร

[adsene5438]

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจของ กม.ลิขสิทธิ์ ก่อนนะครับ กม.แบ่งออกเป็นสองอย่างนะครับ คือ ความผิดต่อแผ่นดิน กับความผิดต่อส่วนตัว ครับ ซึ่งจะแตกต่างกัน ซึ่งความผิดต่อแผ่นดินนั้น ไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหาย หรือ มีผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องหรือมีหน้าที่สามารถเป็นผู้กล่าวหาหรือกล่าวโทษได้ครับ ส่วนความผิดต่อส่วนตัว นั้นคือ ความผิดที่เป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่ง กม.จะบัญญัติไว้ครับ ว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัว เช่น พ.ร.บ.เช็ค ,พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฯ พวกนี้  ซึ่งหากผู้ถูกกระทำหรือถูกละเมิดไม่เอาเรื่องก็ไม่สามารถที่จะดำเนินคดีได้ ครับ ดังนั้นเรื่องลิขสิทธิ์ เมื่อมีความผิดเกิดขึ้นจึงเป็นความผิดส่วนตัว หากเจ้าของลิขสิทธิ์ เขาไม่ต้องการจะำดำเนินคดีก็ไม่ผิดกฎหมายครับ ดังที่เราจะเห็นว่าทำไม่มีการขายของละเมิดลิขสิทธิ์ แล้วตำรวจทำไมไม่จับ เหตุผลก็เพราะว่า เจ้าของลิขสิทธิ์เขาไม่ได้ให้ดำเนินคดีครับ เจ้าหน้าที่ำตำรวจจึงไม่สามารถจับได้ ซึ่งตรงนี้ทำให้หลายคนรวยไม่รู้เรื่องมาแล้ว แต่เราต้องดูด้วยบางทีอาจผิดตัวเครื่องหมายการค้า หรือว่า กม.อื่นด้วย ที่เป็นความผิดต่อรัฐครับ ซึ่ง ไม่ผิดลิขสิทธิ์แต่อาจผิดอย่างอื่นได้ อย่างเช่น น้ำหอม เป็นต้น ไม่ผิดลิขสิทธิ์แต่ผิดอย่างอื่น ไม่บอกว่าผิดอะไร แต่มีบางอย่าง เช่น แผ่นหนัง ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์เขาไ่ม่เอาเรื่อง เมื่อก่อนนั้น ใช้แผ่นปั้ม ผิด กม.เทปวัสดุโทรทัศน์ แต่ตอนนี้ยกเลิกไปแล้ว มันก็ไม่ผิดด้วย อิอิอิ ช่องว่างโคตรแยะ  

ที่บอกนี้ กม.ไทยนะครับ

[Dr.Get]

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจของ กม.ลิขสิทธิ์ ก่อนนะครับ กม.แบ่งออกเป็นสองอย่างนะครับ คือ ความผิดต่อแผ่นดิน กับความผิดต่อส่วนตัว ครับ ซึ่งจะแตกต่างกัน ซึ่งความผิดต่อแผ่นดินนั้น ไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหาย หรือ มีผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องหรือมีหน้าที่สามารถเป็นผู้กล่าวหาหรือกล่าวโทษได้ครับ ส่วนความผิดต่อส่วนตัว นั้นคือ ความผิดที่เป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่ง กม.จะบัญญัติไว้ครับ ว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัว เช่น พ.ร.บ.เช็ค ,พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฯ พวกนี้  ซึ่งหากผู้ถูกกระทำหรือถูกละเมิดไม่เอาเรื่องก็ไม่สามารถที่จะดำเนินคดีได้ ครับ ดังนั้นเรื่องลิขสิทธิ์ เมื่อมีความผิดเกิดขึ้นจึงเป็นความผิดส่วนตัว หากเจ้าของลิขสิทธิ์ เขาไม่ต้องการจะำดำเนินคดีก็ไม่ผิดกฎหมายครับ ดังที่เราจะเห็นว่าทำไม่มีการขายของละเมิดลิขสิทธิ์ แล้วตำรวจทำไมไม่จับ เหตุผลก็เพราะว่า เจ้าของลิขสิทธิ์เขาไม่ได้ให้ดำเนินคดีครับ เจ้าหน้าที่ำตำรวจจึงไม่สามารถจับได้ ซึ่งตรงนี้ทำให้หลายคนรวยไม่รู้เรื่องมาแล้ว แต่เราต้องดูด้วยบางทีอาจผิดตัวเครื่องหมายการค้า หรือว่า กม.อื่นด้วย ที่เป็นความผิดต่อรัฐครับ ซึ่ง ไม่ผิดลิขสิทธิ์แต่อาจผิดอย่างอื่นได้ อย่างเช่น น้ำหอม เป็นต้น ไม่ผิดลิขสิทธิ์แต่ผิดอย่างอื่น ไม่บอกว่าผิดอะไร แต่มีบางอย่าง เช่น แผ่นหนัง ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์เขาไ่ม่เอาเรื่อง เมื่อก่อนนั้น ใช้แผ่นปั้ม ผิด กม.เทปวัสดุโทรทัศน์ แต่ตอนนี้ยกเลิกไปแล้ว มันก็ไม่ผิดด้วย อิอิอิ ช่องว่างโคตรแยะ  

ที่บอกนี้ กม.ไทยนะครับ

ขอบคุณพี่สารวัตรมากครับ เริ่มกระจ่างในเมืองไทยครับ 
แล้วต่างประเทศมีใครทราบบ้างไหมครับ 

[adsene5438]

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจของ กม.ลิขสิทธิ์ ก่อนนะครับ กม.แบ่งออกเป็นสองอย่างนะครับ คือ ความผิดต่อแผ่นดิน กับความผิดต่อส่วนตัว ครับ ซึ่งจะแตกต่างกัน ซึ่งความผิดต่อแผ่นดินนั้น ไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหาย หรือ มีผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องหรือมีหน้าที่สามารถเป็นผู้กล่าวหาหรือกล่าวโทษได้ครับ ส่วนความผิดต่อส่วนตัว นั้นคือ ความผิดที่เป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่ง กม.จะบัญญัติไว้ครับ ว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัว เช่น พ.ร.บ.เช็ค ,พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฯ พวกนี้  ซึ่งหากผู้ถูกกระทำหรือถูกละเมิดไม่เอาเรื่องก็ไม่สามารถที่จะดำเนินคดีได้ ครับ ดังนั้นเรื่องลิขสิทธิ์ เมื่อมีความผิดเกิดขึ้นจึงเป็นความผิดส่วนตัว หากเจ้าของลิขสิทธิ์ เขาไม่ต้องการจะำดำเนินคดีก็ไม่ผิดกฎหมายครับ ดังที่เราจะเห็นว่าทำไม่มีการขายของละเมิดลิขสิทธิ์ แล้วตำรวจทำไมไม่จับ เหตุผลก็เพราะว่า เจ้าของลิขสิทธิ์เขาไม่ได้ให้ดำเนินคดีครับ เจ้าหน้าที่ำตำรวจจึงไม่สามารถจับได้ ซึ่งตรงนี้ทำให้หลายคนรวยไม่รู้เรื่องมาแล้ว แต่เราต้องดูด้วยบางทีอาจผิดตัวเครื่องหมายการค้า หรือว่า กม.อื่นด้วย ที่เป็นความผิดต่อรัฐครับ ซึ่ง ไม่ผิดลิขสิทธิ์แต่อาจผิดอย่างอื่นได้ อย่างเช่น น้ำหอม เป็นต้น ไม่ผิดลิขสิทธิ์แต่ผิดอย่างอื่น ไม่บอกว่าผิดอะไร แต่มีบางอย่าง เช่น แผ่นหนัง ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์เขาไ่ม่เอาเรื่อง เมื่อก่อนนั้น ใช้แผ่นปั้ม ผิด กม.เทปวัสดุโทรทัศน์ แต่ตอนนี้ยกเลิกไปแล้ว มันก็ไม่ผิดด้วย อิอิอิ ช่องว่างโคตรแยะ  

ที่บอกนี้ กม.ไทยนะครับ

ขอบคุณพี่สารวัตรมากครับ เริ่มกระจ่างในเมืองไทยครับ 
แล้วต่างประเทศมีใครทราบบ้างไหมครับ 

ตัวอย่างทำแล้วรวยเรื่องลิขสิทธิ์ถ้าเราเข้าใจครับ ยกตัวอย่างนะครับ ตอนนี้ผมสามารถเข้าถึงบริษัท โฮมวีดีโอ ได้ลิขสิทธิ์มา ในราคาเดือนละแสนบาท โดยให้เป็นจังหวัด เกี่ยวกับแผ่นหนัง ผม เลยซื้อ และขอจังหวัดพิษณุโลก โดยเป็นผู้จำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว และผมก็สามารถมาปั้มแผ่นขายได้ ในราคาแผ่นละไม่ถึงสิบบาท ต่อหนังหนึ่งเรื่อง ซึ่งเป็นดีวีดี นะครับ และจ้างลูกน้องไปขายในราคาแผ่นละ ร้อยยี่สิบบาท กำไล แผ่นละ ร้อยบาท ซึ่งตัวอย่างหนัง เรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ วันหนึ่งขายได้หมื่นกว่าแผ่น ต่ำสุด สูงสุดหมื่นหกพันแผ่น(ขายได้เจ็ดแปดวันเลย) แค่หนังเรื่องเดียว ผมได้เงินจากการขายได้เงินไปล้านบาทต่อวัน นะครับ แค่หนังเรื่องนี้เดือนเดียว ได้กำไลไปหลายล้านเลยครับ ยังไม่ร่วมเรื่องอื่ีนๆๆ อีกครับ  แต่พวกไม่มีลูกน้อง ก็ขายสิทธิฺ์ต่อครับ ในราคาเดือนละสี่หมื่นครับ แต่ต้องรับแผ่นจากผมเลย ซึ่งเดี๋ยวนี้แผ่นปั้มก็ไม่ผิดกฎหมายแล้วครับ ยิ่งเรื่อง อวตาร นี้รวยไปเลย ครับ 
ผมยกตัวอย่างให้ฟังนะครับ ไม่ได้ทำ คนทำเพือนผมเอง รวยไปแหละ

[nutapol_air]

เป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้าไม่เจ้าของไม่แจ้งจับก็จับไม่ได้สินะ 

[Dr.Get]

เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วครับ 

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจของ กม.ลิขสิทธิ์ ก่อนนะครับ กม.แบ่งออกเป็นสองอย่างนะครับ คือ ความผิดต่อแผ่นดิน กับความผิดต่อส่วนตัว ครับ ซึ่งจะแตกต่างกัน ซึ่งความผิดต่อแผ่นดินนั้น ไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหาย หรือ มีผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องหรือมีหน้าที่สามารถเป็นผู้กล่าวหาหรือกล่าวโทษได้ครับ ส่วนความผิดต่อส่วนตัว นั้นคือ ความผิดที่เป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่ง กม.จะบัญญัติไว้ครับ ว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัว เช่น พ.ร.บ.เช็ค ,พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฯ พวกนี้  ซึ่งหากผู้ถูกกระทำหรือถูกละเมิดไม่เอาเรื่องก็ไม่สามารถที่จะดำเนินคดีได้ ครับ ดังนั้นเรื่องลิขสิทธิ์ เมื่อมีความผิดเกิดขึ้นจึงเป็นความผิดส่วนตัว หากเจ้าของลิขสิทธิ์ เขาไม่ต้องการจะำดำเนินคดีก็ไม่ผิดกฎหมายครับ ดังที่เราจะเห็นว่าทำไม่มีการขายของละเมิดลิขสิทธิ์ แล้วตำรวจทำไมไม่จับ เหตุผลก็เพราะว่า เจ้าของลิขสิทธิ์เขาไม่ได้ให้ดำเนินคดีครับ เจ้าหน้าที่ำตำรวจจึงไม่สามารถจับได้ ซึ่งตรงนี้ทำให้หลายคนรวยไม่รู้เรื่องมาแล้ว แต่เราต้องดูด้วยบางทีอาจผิดตัวเครื่องหมายการค้า หรือว่า กม.อื่นด้วย ที่เป็นความผิดต่อรัฐครับ ซึ่ง ไม่ผิดลิขสิทธิ์แต่อาจผิดอย่างอื่นได้ อย่างเช่น น้ำหอม เป็นต้น ไม่ผิดลิขสิทธิ์แต่ผิดอย่างอื่น ไม่บอกว่าผิดอะไร แต่มีบางอย่าง เช่น แผ่นหนัง ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์เขาไ่ม่เอาเรื่อง เมื่อก่อนนั้น ใช้แผ่นปั้ม ผิด กม.เทปวัสดุโทรทัศน์ แต่ตอนนี้ยกเลิกไปแล้ว มันก็ไม่ผิดด้วย อิอิอิ ช่องว่างโคตรแยะ  

ที่บอกนี้ กม.ไทยนะครับ

ขอบคุณพี่สารวัตรมากครับ เริ่มกระจ่างในเมืองไทยครับ 
แล้วต่างประเทศมีใครทราบบ้างไหมครับ 

ตัวอย่างทำแล้วรวยเรื่องลิขสิทธิ์ถ้าเราเข้าใจครับ ยกตัวอย่างนะครับ ตอนนี้ผมสามารถเข้าถึงบริษัท โฮมวีดีโอ ได้ลิขสิทธิ์มา ในราคาเดือนละแสนบาท โดยให้เป็นจังหวัด เกี่ยวกับแผ่นหนัง ผม เลยซื้อ และขอจังหวัดพิษณุโลก โดยเป็นผู้จำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว และผมก็สามารถมาปั้มแผ่นขายได้ ในราคาแผ่นละไม่ถึงสิบบาท ต่อหนังหนึ่งเรื่อง ซึ่งเป็นดีวีดี นะครับ และจ้างลูกน้องไปขายในราคาแผ่นละ ร้อยยี่สิบบาท กำไล แผ่นละ ร้อยบาท ซึ่งตัวอย่างหนัง เรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ วันหนึ่งขายได้หมื่นกว่าแผ่น ต่ำสุด สูงสุดหมื่นหกพันแผ่น(ขายได้เจ็ดแปดวันเลย) แค่หนังเรื่องเดียว ผมได้เงินจากการขายได้เงินไปล้านบาทต่อวัน นะครับ แค่หนังเรื่องนี้เดือนเดียว ได้กำไลไปหลายล้านเลยครับ ยังไม่ร่วมเรื่องอื่ีนๆๆ อีกครับ  แต่พวกไม่มีลูกน้อง ก็ขายสิทธิฺ์ต่อครับ ในราคาเดือนละสี่หมื่นครับ แต่ต้องรับแผ่นจากผมเลย ซึ่งเดี๋ยวนี้แผ่นปั้มก็ไม่ผิดกฎหมายแล้วครับ ยิ่งเรื่อง อวตาร นี้รวยไปเลย ครับ 
ผมยกตัวอย่างให้ฟังนะครับ ไม่ได้ทำ คนทำเพือนผมเอง รวยไปแหละ

[ThaNaButS]

ตัวอย่างทำแล้วรวยเรื่องลิขสิทธิ์ถ้าเราเข้าใจครับ ยกตัวอย่างนะครับ ตอนนี้ผมสามารถเข้าถึงบริษัท โฮมวีดีโอ ได้ลิขสิทธิ์มา ในราคาเดือนละแสนบาท โดยให้เป็นจังหวัด เกี่ยวกับแผ่นหนัง ผม เลยซื้อ และขอจังหวัดพิษณุโลก โดยเป็นผู้จำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว และผมก็สามารถมาปั้มแผ่นขายได้ ในราคาแผ่นละไม่ถึงสิบบาท ต่อหนังหนึ่งเรื่อง ซึ่งเป็นดีวีดี นะครับ และจ้างลูกน้องไปขายในราคาแผ่นละ ร้อยยี่สิบบาท กำไล แผ่นละ ร้อยบาท ซึ่งตัวอย่างหนัง เรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ วันหนึ่งขายได้หมื่นกว่าแผ่น ต่ำสุด สูงสุดหมื่นหกพันแผ่น(ขายได้เจ็ดแปดวันเลย) แค่หนังเรื่องเดียว ผมได้เงินจากการขายได้เงินไปล้านบาทต่อวัน นะครับ แค่หนังเรื่องนี้เดือนเดียว ได้กำไลไปหลายล้านเลยครับ ยังไม่ร่วมเรื่องอื่ีนๆๆ อีกครับ  แต่พวกไม่มีลูกน้อง ก็ขายสิทธิฺ์ต่อครับ ในราคาเดือนละสี่หมื่นครับ แต่ต้องรับแผ่นจากผมเลย ซึ่งเดี๋ยวนี้แผ่นปั้มก็ไม่ผิดกฎหมายแล้วครับ ยิ่งเรื่อง อวตาร นี้รวยไปเลย ครับ 
ผมยกตัวอย่างให้ฟังนะครับ ไม่ได้ทำ คนทำเพือนผมเอง รวยไปแหละ

แหล่มเลยย

แต่ผมไม่มีเส้นสายอะดิ ถ้าทำได้นี่น่ารวย 


*.*

[adsene5438]

เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วครับ 

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจของ กม.ลิขสิทธิ์ ก่อนนะครับ กม.แบ่งออกเป็นสองอย่างนะครับ คือ ความผิดต่อแผ่นดิน กับความผิดต่อส่วนตัว ครับ ซึ่งจะแตกต่างกัน ซึ่งความผิดต่อแผ่นดินนั้น ไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหาย หรือ มีผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องหรือมีหน้าที่สามารถเป็นผู้กล่าวหาหรือกล่าวโทษได้ครับ ส่วนความผิดต่อส่วนตัว นั้นคือ ความผิดที่เป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่ง กม.จะบัญญัติไว้ครับ ว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัว เช่น พ.ร.บ.เช็ค ,พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฯ พวกนี้  ซึ่งหากผู้ถูกกระทำหรือถูกละเมิดไม่เอาเรื่องก็ไม่สามารถที่จะดำเนินคดีได้ ครับ ดังนั้นเรื่องลิขสิทธิ์ เมื่อมีความผิดเกิดขึ้นจึงเป็นความผิดส่วนตัว หากเจ้าของลิขสิทธิ์ เขาไม่ต้องการจะำดำเนินคดีก็ไม่ผิดกฎหมายครับ ดังที่เราจะเห็นว่าทำไม่มีการขายของละเมิดลิขสิทธิ์ แล้วตำรวจทำไมไม่จับ เหตุผลก็เพราะว่า เจ้าของลิขสิทธิ์เขาไม่ได้ให้ดำเนินคดีครับ เจ้าหน้าที่ำตำรวจจึงไม่สามารถจับได้ ซึ่งตรงนี้ทำให้หลายคนรวยไม่รู้เรื่องมาแล้ว แต่เราต้องดูด้วยบางทีอาจผิดตัวเครื่องหมายการค้า หรือว่า กม.อื่นด้วย ที่เป็นความผิดต่อรัฐครับ ซึ่ง ไม่ผิดลิขสิทธิ์แต่อาจผิดอย่างอื่นได้ อย่างเช่น น้ำหอม เป็นต้น ไม่ผิดลิขสิทธิ์แต่ผิดอย่างอื่น ไม่บอกว่าผิดอะไร แต่มีบางอย่าง เช่น แผ่นหนัง ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์เขาไ่ม่เอาเรื่อง เมื่อก่อนนั้น ใช้แผ่นปั้ม ผิด กม.เทปวัสดุโทรทัศน์ แต่ตอนนี้ยกเลิกไปแล้ว มันก็ไม่ผิดด้วย อิอิอิ ช่องว่างโคตรแยะ  

ที่บอกนี้ กม.ไทยนะครับ

ขอบคุณพี่สารวัตรมากครับ เริ่มกระจ่างในเมืองไทยครับ 
แล้วต่างประเทศมีใครทราบบ้างไหมครับ 

ตัวอย่างทำแล้วรวยเรื่องลิขสิทธิ์ถ้าเราเข้าใจครับ ยกตัวอย่างนะครับ ตอนนี้ผมสามารถเข้าถึงบริษัท โฮมวีดีโอ ได้ลิขสิทธิ์มา ในราคาเดือนละแสนบาท โดยให้เป็นจังหวัด เกี่ยวกับแผ่นหนัง ผม เลยซื้อ และขอจังหวัดพิษณุโลก โดยเป็นผู้จำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว และผมก็สามารถมาปั้มแผ่นขายได้ ในราคาแผ่นละไม่ถึงสิบบาท ต่อหนังหนึ่งเรื่อง ซึ่งเป็นดีวีดี นะครับ และจ้างลูกน้องไปขายในราคาแผ่นละ ร้อยยี่สิบบาท กำไล แผ่นละ ร้อยบาท ซึ่งตัวอย่างหนัง เรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ วันหนึ่งขายได้หมื่นกว่าแผ่น ต่ำสุด สูงสุดหมื่นหกพันแผ่น(ขายได้เจ็ดแปดวันเลย) แค่หนังเรื่องเดียว ผมได้เงินจากการขายได้เงินไปล้านบาทต่อวัน นะครับ แค่หนังเรื่องนี้เดือนเดียว ได้กำไลไปหลายล้านเลยครับ ยังไม่ร่วมเรื่องอื่ีนๆๆ อีกครับ  แต่พวกไม่มีลูกน้อง ก็ขายสิทธิฺ์ต่อครับ ในราคาเดือนละสี่หมื่นครับ แต่ต้องรับแผ่นจากผมเลย ซึ่งเดี๋ยวนี้แผ่นปั้มก็ไม่ผิดกฎหมายแล้วครับ ยิ่งเรื่อง อวตาร นี้รวยไปเลย ครับ 
ผมยกตัวอย่างให้ฟังนะครับ ไม่ได้ทำ คนทำเพือนผมเอง รวยไปแหละ

จังหวัดอื่นๆที่น่าสน ขอนแก่น , อุดร ,อุบล ,เชียงใหม่ , จังหวัดใหญ่ๆ ถ้ามีเด็กเดิน ขายหรือตั้งแผงขายซักร้อยกว่าคน รวยเละเลย อะ น่าสนใจนะ ผมกำลังตัดสินใจอยู่เหมือนกันว่าจะทำ ขอรวยซักหน่อย

[myspace69]

มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ เพราะเรื่องแบบนี้ต้องข้ามนักการเมือง หรือนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่นั่นก่อน
นักเลงต่างถิ่น อย่าคิดว่าจะไปหากินได้ง่ายๆ (เว้นแต่เข้าไปผูกมิตรกับนักการเมืองในพื้นที่นั้นๆ)