จับตาบริษัทไอทีน้องใหม่กับธุรกิจ ทำ การตลาดผ่านเสิร์ชเอนจิ้น [30 ก.ย. 49 - 10:46]
ท่ามกลางเว็บไซต์จำนวนนับไม่ถ้วนบนโลกออนไลน์ Google ยาฮู เอ็มเอสเอ็น สนุก! สยามกูรู และเสิร์ชเอนจิ้นอื่นๆ ได้ก้าวมาเป็นทางเลือกหลักที่ผู้คนเลือกใช้เพื่อจะหาข้อมูลที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นข่าว ประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี หรือสารพัดเรื่องราวในกระแสของความอยากรู้ รวมไปถึงการจับจ่ายซื้อของในรูปแบบของคนยุคใหม่ผ่านธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ จึงนับได้ว่าเสิร์ชเอนจิ้นเป็นเวทีเปิดตัวสำคัญของบรรดาเว็บไซต์ที่ต้องการเป็นที่รู้จัก
จากความนิยมของนักท่องอินเทอร์เน็ตดังกล่าว ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “เสิร์ชเอนจิ้น มาร์เกตติ้ง” ธุรกิจใหม่ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของเจ้าของเว็บไซต์ หรือผู้ประกอบธุรกิจอี-คอมเมิร์ซต่างๆ ซึ่งหวังจะให้เว็บของตนติดอันดับการค้นหาและมีผู้เข้าชมเพิ่มขึ้น โดยใช้เสิร์ชเอนจิ้นธรรมดาเข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญ
แนวคิดและที่มาของการหยิบ “Google” มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่า การค้นหาข้อมูลจะเป็นอย่างไร ติดตามได้จากคลื่นลูกใหม่ในยุคไอทีอย่าง อรรคพล ยุตตะกรณ์ กรรมการผู้จัดการ และ ปภาดา อมรนุรัตน์กุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เรดแร็งค์ จำกัด ...
- - - - - - - - - - - - - - - - -
IT Exclusive: มีแนวคิดและความเป็นมาอย่างไรก่อนที่จะมาเป็นเรดแร็งค์ อรรคพล: ที่มาที่ไปและแนวคิดของเรดแร็งค์ก็คือ เป็นเปนบริษัทผู้ให้บริการทำการตลาด ผ่านระบบเครื่องมือค้นหาทางอินเทอร์เน็ต หรือเสิร์ชเอนจิ้นมาร์เก็ตติ้งอีกรายหนึ่งของประเทศไทย ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มาก ในส่วนของการให้บริการที่มีมาตรฐานมากขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น เช่น ในส่วนของการโฆษณาในรูปแบบพีพีซี หรือ เพย์เปอร์คลิก (PPC: Pay Per Click)
เรดแร็งค์ก็จะใช้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการรับรองจากกูเกิลเท่านั้นในการให้บริการกับลูกค้า และในส่วนของการให้บริการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ปรากฏในการค้นหาทางอินเทอร์เน็ต หรือ เอสอีโอ (SEO: Search Engine Optimization) ก็จะใช้กระบวนการที่ถูกวิธีและมีราคาที่เหมาะสม
ปภาดา: แนวโน้มความเป็นมาก่อนที่จะมาตั้งบริษัทเรดแร็งค์นั้น เรามองแล้วว่าตลาดในขณะนี้ มีเว็บไซต์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้การทำการตลาดจะต้องมีมากขึ้น ประกอบกับการค้นหาผ่านระบบค้นหาข้อมูลในประเทศไทยมีปริมาณการใช้งานมากถึง 95% ผ่านเสิร์ชเอนจิ้นอย่างกูเกิล (Google) ฉะนั้นเรามองแล้วว่าบริษัทเรดแร็งค์จะมาสนับสนุนการทำการตลาด ของผู้ประกอบการธุรกิจด้านอี-คอมเมิร์ซหรือเว็บไซต์ต่างๆ
IT Exclusive: ขณะนี้บริการของเรดแร็งค์มีอะไรบ้าง อรรคพล: หลักๆ แล้วมี 2 ตัว คือ เอสอีโอ และในส่วนของเพย์เปอร์คลิก เอสอีโอจะเป็นการทำอันดับเว็บไซต์ลูกค้า ให้มาปรากฏทางด้านซ้ายมือของการแสดงผล ผ่านทางเสิร์ชเอนจิ้นอย่างกูเกิล เมื่อมีผู้ทำการค้นหาสินค้าหรือบริการที่เว็บไซต์นั้นมี ส่วนทางฝั่งขวามือของกูเกิลเราก็จะมีบริการเพย์เปอร์คลิกแอดเวอร์ไทซิ่ง หรือพีพีซี ให้ โดยจะเป็นในรูปแบบของการลงโฆษณา ที่มีค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง คือ คลิกเท่าไรก็จ่ายเท่านั้น ทั้ง 2 ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าต้องการแบบไหน โดยเอสอีโออาจจะขึ้นอันดับช้า เพย์เปอร์คลิกขึ้นอันดับทันทีภายใน 15 นาที แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายต่อคลิกเหมือนกัน
IT Exclusive: แผนและเป้าหมายในช่วงปีแรกวางไว้อย่างไรบ้าง ปภาดา: ด้วยความที่บริษัทเรดแร็งค์เป็นบริษัทในเครือของเว็บไซต์ตลาดดอทคอม ก็จะมีโปรโมชันที่จัดเฉพาะลูกค้าตลาดคลิกเว็บ แล้วก็อาจจะมีการสัมมนาเพื่อให้ความรู้ เพราะในปัจจุบันผู้ประกอบการการค้าที่ทำเว็บไซต์ยังไม่ทราบว่า การทำตลาดผ่านเสิร์ชเอนจิ้นทำได้อย่างไร และมีประโยชน์อย่างไร เราก็จะมีการจัดสัมมนาให้ความรู้บุคคลทั่วไปภายในปีนี้ แต่ยังไม่ได้กำหนดวันว่าจะเป็นเมื่อไร
อรรคพล: ปีหน้าอาจจะมีการออกบริการตัวใหม่ ออกมาเพิ่มคืออี-คอมพานี เทรนนิ่ง คือการเทรนบุคลากรในบริษัทของลูกค้า 1 วันเต็มๆ เพื่อให้สามารถจัดการเว็บไซต์ของเขาได้ด้วยตนเอง
ปภาดา: สำหรับการประชาสัมพันธ์ธุรกิจก็มีทั้งการจัดสัมมนา การไปร่วมประชุมกับสมาคมอี-คอมเมิร์ซ มีการโปโมทในหลายๆ อย่างรวมถึงการทำหนังสือด้วย คือตอนนี้มีหนังสือออกมาแล้ว 2 เล่ม คือ “รวยด้วยคลิก กับ Google AdSense ขุมทรัพย์โลกออนไลน์” และ “Search Engine Optimization ปรับแต่งเว็บไซต์ให้ดังสุดๆ”
อรรคพล: Search Engine Optimization ก็จะเป็นเรื่องของการปรับแต่งเว็บไซต์หรือการแก้ไขเว็บไซต์เพื่อให้ได้รับการจัดอันดับการแสดงในผลการค้นหาให้สูงที่สุดภายใต้หลักการที่เรียกว่าเสิร์ชเอนจิ้น เฟรนด์ลี่ คือตรงตามการประมวลผลของเสิร์ชเอนจิ้น หลายๆ คนถามว่าทำธุรกิจด้านนี้แล้วเขียนหนังสือทำไม ส่วนนี้บอกเลยว่าพื้นฐานที่ทำให้กับลูกค้าอยู่ในหนังสือทั้งหมดเลย แต่แน่นอนว่าจะมีเทคนิคลึกๆ อีก ถ้าลูกค้าอยากเรียนรู้ด้วยตนเอง หนังสือก็จะช่วยได้ แต่ถ้าไม่ไหว ไม่อยากอ่านก็ให้มืออาชีพจัดการก็ได้
ปภาดา: อย่างที่บอกคือเราต้องกระจายความรู้ให้ทุกคนได้รับทราบในเบื้องต้นก่อน คือทุกคนน่าจะมีความรู้ว่าจริงๆ แล้วมีขั้นตอนอย่างไร เพราะถ้าเราบอกว่าทำเอสอีโอ คำถามแรกของลูกค้าก็คือ เอสอีโอคืออะไร ทำแล้วได้อะไร นอกจากนี้ก็จะมีหนังสือเกี่ยวกับ Google AdSense ที่เป็นผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งของกูเกิล เป็นวิธีการหารายได้บนอินเทอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์ของตนเอง จริงๆ คนที่มีเว็บไซต์ของตัวเองอยู่แล้ว อาจจะเป็นเว็บไซต์ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงนัก ไม่มีคนมาลงแบนเนอร์ แต่ก็สามารถหารายได้ได้ด้วยการใช้ Google AdSense มาติดที่เว็บไซต์ ถ้ามีคนคลิกโฆษณาผ่านเว็บไซต์เรา เราก็จะได้เงินจากตรงนี้
IT Exclusive: มองการแข่งขันในเรื่องหนังสือด้านเสิร์ชเอนจิ้นมาร์เก็ตติ้งอย่างไร เพราะทุกวันนี้มีหนังสือประเภทนี้มากพอสมควร อรรคพล: การที่มีหนังสือพวกนี้ออกมามากนั้น มองว่าไม่ใช่การปลุกกระแส แต่เป็นการตอบสนองความต้องการของตลาดมากกว่า เพราะแน่นอนว่าคนไทยเริ่มกระตือรือร้นในการใช้เสิร์ชเอนจิ้น และทุกคนอยากรู้ว่าเสิร์ชเอนจิ้นใช้อย่างไร ค้นอย่างไร แล้วมีประโยชน์อย่างไรกับเว็บไซต์เขาถ้าเขาจะทำการตลาดผ่านเสิร์ชเอนจิ้น เท่าที่ได้ยินตอนนี้ทราบมาว่า จะมีหนังสือเกี่ยวกับเสิร์ชเอนจิ้นออกมาอีกหลายเล่มเหมือนกัน ก็อาจมีเนื้อเรื่องชนกันบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะอธิบายได้ดีกว่ากัน
IT Exclusive: จุดแข็งของเรดแร็งค์อยู่ที่จุดใดบ้าง ปภาดา: จริงๆ จุดแข็งของเรดแร็งค์มีมากกว่าการไม่ติดอันดับไม่คิดเงิน เพราะในด้านการทำเอสอีโอและการทำพีพีซี อย่างที่บอกว่าถ้าเป็นการทำเพย์เปอร์คลิกนั้น เราจะใช้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการรับรองจากกูเกิลเท่านั้น ส่วนเอสอีโอจะเน้นการทำขึ้นอันดับของกูเกิล โดยจริงๆ แล้วเสิร์ชเอนจิ้นหลักในโลกมีประมาณ 3-5 เสิร์ชเอนจิ้นหลัก แต่คนค้นหามากที่สุดจะอยู่ที่Google เพราะฉะนั้นการทำให้ติดอันดับเอสอีโอ เราจะเน้นไปที่กูเกิลเป็นหลักเช่นกัน ทั้งนี้ หลายๆ เจ้าที่ทำอยู่ในปัจจุบันจะเน้นให้ขึ้นเสิร์ชเอนจิ้นตัวใดตัวหนึ่ง
อรรคพล: ก็คือกูเกิล ยาฮู เอ็มเอสเอ็น เป็น 3 เสิร์ชเอนจิ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบนโลกใบนี้ เรียงลำดับเลยก็คือ กูเกิลดอทคอม (
www.google.com 
) ถือส่วนแบ่งตลาดประมาณ 40% จากสถิติล่าสุดราวเดือน ก.ค. ปี 2549 รองลงมาเป็น ยาฮูดอทคอม (
www.yahoo.com 
) และเอ็มเอสเอ็นดอทคอม (
www.msn.com 
) ที่เหลือก็เป็นรายย่อยๆ ไป
IT Exclusive: ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มีเข้ามาขณะนี้ เป็นใครบ้าง ปภาดา: ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ประกอบการธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ทั่วๆ ไป โดยมักจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องเอสอีโอ ภาครัฐก็มีบ้างแต่อยู่ระหว่างการเจรจา
IT Exclusive: กระแสตอบรับในการให้บริการเป็นอย่างไร อรรคพล: ลูกค้าจะบอกว่าหลังจากที่ทำเอสอีโอแล้ว ทราฟฟิกจะวิ่งเข้ามาที่เว็บไซต์ดีขึ้นค่อนข้างมาก คืออัตราเข้าชมพุ่งขึ้นสูง แล้วก็คนสนใจในตัวสินค้าจริงๆ ก็เพิ่มขึ้นด้วย พูดง่ายๆ คือ เราเพิ่มโอกาสที่จะเปลี่ยนจากการเข้าชมธรรมดาทั่วๆ ไปให้กลายเป็นลูกค้าได้อีกด้วย ผู้ใช้บริการที่ทำเอสอีโอจึงค่อนข้างจะพอใจ เพราะยอดขายเพิ่มขึ้น ทราฟฟิกเพิ่มขึ้น
IT Exclusive: สภาพตลาดด้านการใช้เสิร์ชเอนจิ้น เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจของประเทศไทยเป็นอย่างไร ปภาดา: สภาพตลาดในประเทศไทยตอนนี้กำลังขยายตัวอย่างมาก ด้วยความที่เกิดสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือสมาคมอี-คอมเมิร์ซ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซ เมื่อทางรัฐเข้ามาสนับสนุนผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซ ผู้ประกอบการก็สามารถทำธุรกิจได้ แต่อาจจะยังไม่สามารถโฆษณาเว็บไซต์ของตนให้ชาวต่างชาติได้รู้จักได้
ตรงนี้ตลาดจึงค่อนข้างกว้าง และเราจึงเข้ามาทำตลาด นอกจากนี้ ในปัจจุบันกูเกิลก็มีเจ้าหน้าที่ประจำประเทศไทย ที่ต่างประเทศมองว่าจะมาให้การสนับสนุนกับประเทศไทยแล้ว คือ มองเห็นว่าตลาดของประเทศไทยกำลังเติบโต มีตัวแทนจากบริษัทใหญ่ๆ จากต่างประเทศเข้ามาไม่ว่าจะเป็นกูเกิลหรือ เพย์พัล (PayPal)
อรรคพล: อีกอย่างที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ คนไทยกระตือรือร้นที่จะค้นหาข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ข้อมูลก็กว้างทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการ หาข้อมูลทั่วๆ ไปไม่พอยังมีการเปรียบเทียบราคาด้วยว่าเจ้านี้ขายกี่บาท เจ้านั้นขายกี่บาท แรม (RAM) ที่นี่ขายกี่บาท ซื้อที่ไหน ด้านข้อมูลข่าวสาร ช่วงปฏิวัติคนไทยก็มีการค้นหาเสิร์ชเอนจิ้นเยอะมากๆ คือคนไทยกระตือรือร้นขึ้นมาก
อะไรก็ตามที่กำลังเป็นกระแส หรือสิ่งที่เขาสนใจ เขาก็จะใช้เสิร์ชเอนจิ้นในการค้นหาข้อมูล โดยหนึ่งในหลายล้านล้านครั้งที่เกิดขึ้นทุกๆ วันในประเทศไทย อาจจะเป็นสินค้าหรือบริการที่เว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งมี แต่ว่าไม่มีโอกาสมาติดอันดับต้นๆ ได้ จึงพลาดโอกาสในการเจอลูกค้าไป นิสัยคนไทยก็คือ ถ้าหากจะหาสินค้าหรือบริการก็จะดูแค่หน้าแรกของเสิร์ชเอนจิ้น แต่ถ้าจะหาข้อมูลจะทำรายงานเขาเปิด 10 หน้าเลย เพื่อที่จะหาข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด แต่คนเหล่านั้นก็จะไม่ใช่ลูกค้า
IT Exclusive: ในธุรกิจนี้มีคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน ปภาดา: ตอนนี้ตลาดกำลังโต และทุกคนก็มองเห็นเหมือนกัน แล้วก็มีบริษัทเปิดขึ้นเยอะพอสมควรทีเดียว ปีนี้เปิดขึ้นเยอะมาก ที่เห็นหลักๆ ก็ประมาณ 30 ราย
อรรคพล: 30 รายนี่คือเล็กๆ ย่อยๆ ที่มีบริการด้านนี้บวกเข้าไปในธุรกิจของเขา คือเขาเป็นซอฟต์แวร์เฮ้าส์ เป็นผู้พัฒนาเว็บก็จะดึงบริการพวกนี้เข้าไปแปะด้วย แต่ที่ทำเสิร์ชมาร์เก็ตติ้งจริงๆ ไม่น่าจะเกิน 5 ราย รวมเรดแร็งค์ด้วย และได้ข่าวว่าปีนี้เปิดใหม่อีก 2 ราย ที่ทำด้านนี้โดยตรง ทั้งนี้ เราคาดหวังว่าในระยะเวลา 3 ปีจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่แน่นอนว่าจะต้องใช้เวลาในการสร้างฐานข้อมูลลูกค้าเหมือนกัน เราก็ให้เวลาตัวเอง 3 ปี
IT Exclusive: อุปสรรคในการทำธุรกิจประเภทนี้อยู่ที่จุดไหน อรรคพล: ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการที่สนใจจะใช้บริการยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขาต้องการมีกระบวนการอะไรบ้าง และต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ทางเราจึงต้องขายงานคู่ไปกับการให้ความรู้ ส่วนเรื่องคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตน้อยหรือไม่นั้น ตอบว่าไม่ คนไทยใช้เยอะวันละถึง 3 ล้านครั้ง
ปภาดา: ในส่วนที่ผู้ใช้เสิร์ชเอนจิ้นอาจยังชำนาญในเรื่องการค้นหาผ่านอินเทอร์เน็ตมากพอ ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้บริษัทต้องเน้นการจัดสัมมนา และประสานกับชมรมเสิร์ชเอนจิ้นมาร์เก็ตติ้ง เพื่อกระจายความรู้กับผู้มีเว็บไซต์ทั่วไปว่าเขาจะต้องรู้อะไรบ้างในการค้นหา รู้ว่าจะค้นหาสินค้าที่เขาต้องการได้อย่างไร
IT Exclusive: ในฐานะที่เป็นธุรกิจที่เรียกได้ว่าเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ ผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ อย่างอี-คอมเมิร์ซ ให้ความสนใจหรือไม่ อย่างไร ปภาดา: ผู้ประกอบการหลายรายสนใจ เพราะว่ามีเว็บไซต์กันมาตั้งนาน แต่ทำไมขายสินค้าให้ชาวต่างชาติไม่ได้ ทุกคนรู้ว่าตลาดอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยนั้น ลูกค้าไม่ค่อยเชื่อถือบ้างอะไรบ้างเป็นเรื่องจิปาถะ ดังนั้นเขาจึงต้องการขายออกไปยังต่างประเทศ แต่ปรากฏว่าเขาไม่สามารถทำได้ เขาก็เลยหันมาสนใจว่าการทำตลาดบนเว็บไซต์ ทำอะไรได้บ้าง เมื่อมองในหลายๆ จุด ก็เห็นว่าการทำเสิร์ชเอนจิ้นมาร์เก็ตติ้ง การติดอันดับในกูเกิล นี่แน่นอน ได้ผลดีที่สุด ก็จะมีคนสนใจ
IT Exclusive: ฝากถึงผู้อ่านไทยรัฐ ออนไลน์ ปภาดา:
การทำเว็บไซต์ก็เหมือนกับการทำเข็มขึ้นมาเล่มหนึ่ง แล้วเข็มนี้ถูกทิ้งลงในมหาสมุทร ส่วนการทำเอสอีโอก็เหมือนการงมเข็มขึ้นมา คือทำอย่างไรก็ได้ให้คนเห็นเข็มอันนั้น ซึ่งไม่ได้ทำง่ายๆ เพราะมีความละเอียดอ่อนในการทำ
อรรคพล: การทำเอสอีโอยากมาก เพราะต้องเข้าไปแก้ไขมาก ลูกค้าก็จะตกใจว่าต้องแก้เยอะขนาดนี้เลยหรือ แต่ถ้าไม่แก้ก็ไม่ติดอันดับการค้นหา อันนี้ก็ถือเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของเรา ลูกค้าจะหวงเนื้อหากับโครงสร้างเว็บไซต์มาก ดีไซน์ก็ด้วย เขาไม่อยากให้เว็บไซต์เขาเสียโฉม แต่ก็ไม่อยากเสียเงินให้เพย์เปอร์คลิก ไม่ยากลงโฆษณา เขาอยากให้เว็บไซต์ติดอันดับทางซ้ายมือของการแสดงผลการค้นหามากกว่า เราก็ต้องตอบให้ได้ทุกโจทย์ตามที่เขาต้องการ
ปภาดา: ตรงนี้เป็นเพราะเทรนด์เปลี่ยนไปด้วย คือก่อนหน้านี้จะเน้นความสวยงามและใช้แฟลชเป็นหลัก คือ ขอให้สวยมีแฟลชเยอะๆ ลูกเล่นเยอะๆ ใส่เข้าไป ซึ่งจริงๆ แล้วมีผลกับเสิร์ชเอนจิ้น เฟรนด์ลี่มากๆ
อรรคพล: เพราะเสิร์ชเอนจิ้นไม่เข้าใจแฟลช มันอ่านข้อความในแฟลชไม่ได้ ดูรูปภาพไม่ได้ แต่เสิร์ชเอนจิ้นจะชอบที่สุดคือ การดูตัวอักษรกับลิงค์ การทำเอสอีโอก็คือการคุมตัวอักษรกับคุมปริมาณลิงค์ วางโครงสร้างเว็บไซต์ใหม่ ลูกค้าบางรายก็จะไม่เข้าใจเพราะเป็นแฟลชมาทั้งหมดเลย อันนี้ก็ต้องปรึกษากันอีกที บางครั้งอาจต้องแก้ใหม่ให้กลายเป็นตัวอักษร มาวางเป็นหน้าเอชทีเอ็มแอล (HTML) ถ้าได้ก็ผ่าน ถ้าไม่ได้ก็ไปอีกวิธีหนึ่ง
จริงๆ การติดเสิร์ชเอนจิ้น มีทั้งถูกวิธีและผิดวิธี บางส่วนยังมีการทำผิดวิธีอยู่ โดยจะส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ในระยะยาว อาจจะโดนแบนหรืออะไรก็ได้ ทั้งนี้ ถ้าโดนแบนคือการถูกถอดฐานข้อมูล URL ออกจากเสิร์ชเอนจิ้นหมดเลย อันนี้ก็ยังเป็นปัญหาอยู่มากในการทำเสิร์ชเอนจิ้นมาร์เก็ตติ้งของไทย