ขออนุญาต นำบทความของตัวเอง ที่บอร์ดของคุณน๊อต seosamutprakarn.com มาเเชร์ เพื่อนๆที่ ไทยเสียวฯ นะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับจากในหลายๆ PM ที่ผมได้รับมาอยู่สม่ำเสมอ นอกจากเรื่องการเเก้ปัญหาทางด้านเทคนิค เว็ปไม่ขึ้น หน้านี้เสียหน้านั้นเสีย Run นู่นนี้ไม่ได้
อีกปัญหานึงที่สงสัยกับคือเรื่อง Keyword เเละ การทำ SEO เ้พื่อการทำอันดับ อยากหา Niche เเต่อะไรคือ Niche เเล้วไม่ Niche ทำได้มั้ย? บางคนทำได้ บางคนไม่ได้ เเต่ส่วนใหญ่มักตอบเเบบให้กำลังใจตัวเองว่าเค้ามี Network เค้ามี Tool เค้ามี BL เค้ามีระบบการจัดการที่ดี เราจัดการไม่ไหว เราไม่มี บลาๆ ฯลฯ
โพสนี้เรียนตามตรงว่า
ผมอยากมาระเบิดสมอง ระเบิดขีดจำกัดของมุมมองของ นักการตลาด Internet Marketing(IM) ไทย ว่า...
ก่อนจะมาถึงขั้นตอนการทำการตลาด IM นั้น ใน
Business Plan(แผนธุรกิจ) หรือ
Feasibility Study(ความเป็นไปได้ของโครงการ) ต่างๆ นั้น มันมีขั้นตอนกระบวนการต่างๆ เหล่านั้นก่อนหน้าที่เรากำลังทำกันอยู่นี้เยอะครับ
ที่เรากำลังทำๆ ทุกวี่ทุกวันกันอยู่นี่ คือ Action Action เเละ Action ผมเชื่อครับ พี่น้องทุกท่านในที่นี้ ที่ได้อ่านโพสนี้ ขยันเเน่ๆ ไม่งั้นคงไม่เข้ามาหาความรู้ อ่านกระทู้ตามข่าวสารกันเเน่นอน เเต่การ Action ที่ไม่เกิดผลสูงสุด มันเหมือนขี่ช้างจับตั๊กเเตน หรือไปเห้นคนนั้นเค้าทำเเบบนี้ เห้นคนนี้เค้าทำเเบบนั้น เเล้วเราบ้าง เเล้วมันได้เหมือนเค้ามั้ย? ประนึงเห้นช้างขี้ ขี้ตามช้าง(ขออภัย ที่บางท่านอาจจะหาว่าไม่สุภาพ) เเต่ในเมืื่อเราไม่ได้เป็นเเบบเค้า ความถนัดคนเราไม่เหมือนกัน ความชอบคนเราก็ไม่เหมือนกัน ความพึงพอใจที่จะได้ทำในสิ่งต่างๆ เราไม่เหมือนกัน โอกาสทางธุรกิจ เเต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุนเราไม่เหมือนกัน ไปลอกเอาอย่างเค้ามา ชอบเเบบนั้นได้ตังค์เยอะ อีกวันนึงไปเห็นเเบบนี้ ชอบเเบบนี้เปลี่ยนดีกว่า ไหลไปไหลมา ไม่ประสบความสำเร็จซักที
ลองไล่ตัวอย่างกันดู คุณโซวฯ(โซวบักท้ง) , คุณตราวุทธิ์ , คุณกานต์(BMG) , คุณพราน(ThaiSEM) ,คุณรุ่ง(ThaiSEM), คุณปุ๊ก , คุณปุ้ย , พี่ตาม(Haley) , คุณป้อบ , คุณน๊อต , พี่ต่อ(Thaiseo) , พี่สารวัตร , คุณ Dr.K ,พี่หมอ , คุณเเบ๊ตบอย , พี่นพพร(บอร์ด Idel) , น้องเท็น , คุณเกรียนพันธ์เเท้ เเละ อีกเยอะเเยะ มากมายที่ไม่ได้เอ่ยถึง ทุกคนประสบความสำเร็จในอาชีพ IM เเต่ดูให้ดีจะรู้ว่า ทุกคนประสบความสำเร้จในมุม ที่ตัวเองถนัด เค้ารู้ว่าอะไรคือ จุดเเข็ง จุดอ่อนของตัวเค้าเอง เค้ารู้ว่าอะไรคือโอกาส เเละอะไรคืออุปสรรค ของตัวเค้าเอง (กราบขออภัยที่ผมเอ่ยนามโดยไม่ได้ขออนุญาต นะครับ เพื่อเป็นประโยชน์ทางการศึกษาครับ)
ผมขออนุญาต ยกตัวอย่าง Idol สูงสุดของผมขึ้นมาคนเดียวนะครับ อย่างเช่นคุณโซวฯ
คุณโซวฯเคยบอกว่า เค้าไม่เป็นโปรเเกรมเมอร์ เค้าจบ วิดวะฯ พอเเก้อะไรก้อกๆเเก๊กๆ น่ะพอได้ Design นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่เป็นเลย
ขนาดคุณโซวฯเอง ก็ยังไม่ได้เก่งทุกอย่าง มีจุดเเข็ง จุดอ่อน มีโอกาส มีอุปสรรค เหมือนๆเรา เเต่เค้ามองภาพรวมออก เค้ารู้จักการวิเคาะห์ จุดเเข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค ของตัวเองมาใช้ คุณโซวฯเคยเล่าว่า โอกาสที่ดี ที่คุณโซวฯได้รับกลับมาจาก การเรียน โท ด้าน IM ที่ออสฯ นั้นคือ เพื่อนๆ มากมายในวงการ IM ทั้ง White เเละ Black ข่าวสารรวดเร็ว ไม่น้อยหน้าใครในโลกนี้ จนมาเป็น UNM ในเมืองไทย นี่ก็นับเป็นโอกาสทางธุรกิจ ที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้นะครับ เเต่ กว่าจะมาเป็นคุณโซวฯในปัจจุบันนี้ คุณโซวฯเองก็ผ่านการวิเคราะ จุดๆ นี้ที่ ศัพท์ทางการเค้าเรียกว่า SWOT Analysis กันนี่ล่ะครับ
SWOT Analysis เป็นเพียงเศษเสี้ยวส่วนเดียว ของการทำ Business Plan สำหรับการทำธุรกิจนะครับ (เรากำลังทำธุรกิจ เเข่งกับคนทั่วโลกกันอยู่ใช่มั้ยครับ? ไม่มีใครเข้าใจผิดเเตกต่างไปจากผมนะครับ )
การวิเคราะห์ SWOT Analysis คือวิเคราะห์ด้านทั้ง 4 ด้านนี้เข้าด้วยกัน คือ
S : Strengths หรือ จุดเเข็ง
W : Weaknesses หรือ จุดอ่อน
O : Opportunities หรือ โอกาส
T : Treats หรือ อุปสรรค
ภาพนี้เป็นตัวอย่างการวิเคราห์ SWOT Analysis
ที่เค้าจะเขียน จุดเเข็ง หรือ ข้อได้เปรียบเหนือคนอื่น จุดอ่อน หรือข้อที่เสียเปรียบ โอกาสทางธุรกิจของตัวเค้า เเละ อุปสรรค หรือภัยคุกคาม จากภายนอก สู่ตัวเค้าเอง ให้เห็น
ขั้นตอนการวิเคราะห์ SWOT คร่าวๆ นะครับ
1.เริ่มมอง จุดเเข็งจุดอ่อนของตัวเราเอง จากภายใน ไม่ต้องไปมองภายนอกเลย เราได้เปรียบคนอื่นยังไง ถนัดอะไร ผมรู้ทุกคนมีครับ2.มองโอกาสจากภายนอก อะไรเสริมเราเหนือคู่เเข่ง อะไร เป็นอุปสรรคจากภายนอก ที่ทำให้เราต่ำกว่าคู่เเข่ง ทุกคนย่อยมีเเตกต่างกันครับจากนั้นผมอยากจะเเนะนำเพื่อนๆ ว่า ก่อนจะลงมือ ทำเว็ป , ทำ SEO , หา BL , ปรับ LP , ทำ Network ทำบลาๆ เพื่อนๆ ลองดูสิครับว่า มันเข้ากับ SWOT ของตัวเราหรือไม่ บางคนอาจบอกว่าทำได้ ผมทำได้หมด เพราะใจผมสู้ ผมก็เชื่อครับว่า ถ้าใจสู้ ทำได้ ทุกอย่าง เเต่การไปสู้ในสิ่งที่มันไม่เหมาะกับตัวเอง เราจะเหนื่อยยากมากกว่าคนที่สู้ ในมุมที่ใช่ สำหรับตัวเค้านะครับ ดัง คติของ คุณโซวฯใน ชำเเหละ Google by โซวบักท้ง ที่ว่า
คนโง่ รอให้ความสำเร็มาหา อาจจต้องรอหลายชาิติกว่าจะพบสักครั้ง
คนฉลาด เดินไปหาความสำเร็จ จึงมีโอกาสพบบ้างเเม้เหนื่อยล้า
คนเจ้าปัญญา ปักหลักสร้างความสำเร็จ หากสร้างเป็นย่อมสำเร็จเเน่ เเละเหนื่อยน้อยกว่า
ผมก็อยากจะให้ เพื่อนๆ ประสบความสำเร้จ เเบบคนเจ้าปัญญา ปักหลักสร้างฐาน ให้สำเร็จ เเละเหนื่อยน้อยกว่า ครับ มีหลายคนถามผมว่า พี่สอนทำ IM หน่อย อยากมีรายได้อยากได้เงิน อยากเอาอย่างคนนั้น อยากเอาอย่างคนนี้ ดู Roadmap นั้น Roadmap นี้ ชอบๆ
ทุกครั้งผมต้องถามทุกๆคนก่อนเลยว่า เเล้วน้องชอบเเนวไหนล่ะครับ พี่จะได้สอนได้ถูกเเนว เว็ปขาวเขียนมือ ผมก็สอนได้ เว็ปปั่นหมวดเเข็ง ผมก็สอนได้ หาสินค้ามาขาย ผมก็สอนหาได้ เน้นทำอันดับผมก็สอนทำได้ เเต่ถ้าไม่ถูกเเนว ทำเเล้วมันเหนื่อยยาก ลองหาเเนวที่ใช่กับตัวเองดูนะครับ เเล้วมาถามใหม่ ว่าพี่ผมชอบเเนวนี้ รักเลยพี่ เวลาผมน้อย ผมต้องทำงานประจำ ผมต้องไปเรียน ผมหา BL ไม่เก่ง ผมทำนี่เก่ง ผมวิเคราะห์เเล้ว เเนวนี่เหมาะกับผมสุดๆ เมื่อได้เเบบนี้ละครับ ค่อยมาถามผมอีกที ว่า ตอนนี้ ผมควรจะทำยังไง ให้ได้เงิน ละครับ
ก่อนจะจบ อยากจะบอกว่า SWOT Analysis ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ที่จะวิเคราะห์ ว่าเราควรจะทำไปในเเนวทางไหนนะครับ
สำหรับโปรฯที่เเท้จริง มันพึ่งเริ่มต้น ของการทำ ธุรกิจ เท่านั้นเอง โปรดติดตามตอนต่อไป ใน 6 ภาค
1.
SWOT Analysis วิเคราะห์ จุดเเข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค
2.
STP หรือ การวางตัวเอง ลงในตำเเหน่งที่เหมาะสมในธุรกิจ หรือว่าในภาษาเราๆ ก็คือ เลือก Keyword ให้เหมาะกับ SWOT นั่นเองครับ
3.
Marketing Strategy การเลือกใช้กลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสมกับตัวเอง
4.
Marketing Objective การกำหนดวัตถุประสงค์ วางเป้าหมายในการทำการตลาด เช่น อับดับ หรือ ปริมาณ Traffic
5.
Marketing Plan แผนการทำการตลาดเพื่อที่จะตอบสนองวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้
6.
Marketing Action แผนการลงมือปฏิบัติ การเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือ โฮส,โดเมน,Tool รวมไปถึงระบบการจัดการต่างๆให้เหมาะสม
ตั้งเเต่ข้อ 1-6 จะต้องไล่ล้อเรียงกันเเบบลื่นไหล ไม่มีส่วนใดส่วนนึงขัดแย้งกัน ถ้าขัดกันเเสดงว่า เราทำเกินไปจากที่ตั้งเป้าไว้(เสียเเรงเปล่า) แต่ถ้าอยากได้เพิ่ม ต้องไปตั้งเป้ามาใหม่ วิเคราะห์ SWOT ใหม่ ส่วนตัวผมเอง ผมวิเคราะห์ SWOT ของตัวเองเอาไว้จนสมบูรณ์ ก่อนเเล้วจึงลงมือทำครับ ส่วนการเเก้ปัญหาเฉพาะหน้า มันย่อมต้องมีสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายอยู่เเล้ว ถึงตอนนั้นก็ร่วมด้วยช่วยเเก้ปัญหากันไป เเต่ถ้าหาทำ Business Plan มาดีเเล้ว ปัญหาเฉพาะหน้าที่จะเกิดย่อมน้อยลงไปได้มากๆครับ
อยากอ่าน SWOT เเบบละเอียดๆหน่อย ก็ของอาจารย์ท่านนี้ก็ไ้ด้ครับ
http://bsckru.blog.mthai.com/2007/07/06/public-1 จากนี้ไปคงไม่เเปลกใจเเล้วนะครับ ว่าทำไมบริษัทใหญ่ๆ ถึงต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Marketing เอาไว้คอยเป็นที่ปรึกษา
ขอให้ประสบความสำเร้จกันทุกท่านครับ
Giftrin
เรียนตามตรงผมไม่ค่อยกล้ามาโพสที่ไทยเสียวฯเท่าไหร่ ผมกลัวมาม่า