เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นกิจวัตร

สมัยผมเรียนวิชาอิเลคโทรนิคส์ ตอนนั้นผมเป็นคนที่เกรดห่วยมาก แต่วิชานี้ไม่กลัวใคร เพราะชอบมาแต่เด็ก
ช่วงนึงก่อนสอบประมาณชั่วโมงเค้ามานั่งอ่านหนังสือกันหน้าห้องสอบ ผมก็มาด้วย(มาตีปิงปอง

)
พอดีมีโจทย์สองข้อ พวกเต้บมันทำไม่ได้ เลยมีคนนึงที่รู้ว่าผมได้วิชานี้มาถาม ผมอ่านแล้วเลยลองทำให้ดู วิธีการแปลกแต่ผลตรงเฉลยเด๊ะ
เค้าลยเอาไปให้เพื่อนดูต่อ เพื่อนดูแล้วชมเค้ากันใหญ่ว่าโอ้ว ทำได้ไง สุดยอดว่างั้น แล้วคะยันคะยอให้สอน
แต่ด้วยความว่าหมอนั่นไม่ใช่คนชอบเอาหน้า เลยบอกว่าผมเป็นคนเฉลยให้ พวกนั้นเลยทำหน้าเซงๆ แล้วพูดว่า "เหรอ" (ไม่ไว้ใจว่างั้น) แล้วก็วางกระดาษแผ่นนั้นไปเลย

สงสัยคิดว่าผมมั่วมั้ง
แต่หลังจากที่ผลสอบออกมาคะแนนผมเกือบเต็ม สอบทีต่อไปวิงหน้าสลอนมาถามเลย โดยเฉพาะไอ้คนที่พูดว่า "เหรอ"
ข้อเสียของพวกเด็กเรียนนะ ชอบทำตัวเป็นเส้นตรงมากไป ไม่เคยคิดวิเคราะห์ เพื่อทำความเข้าใจกับโจทย์ เพื่อไห้มันดูง่ายกกว่าเดิม ผมคิดว่า พวกเด็กเรียนเนี่ย เกิดมาเพื่อเป็นข้าราชการอย่างแท้จริง ชอบทำอะไรเป็นเส้นตรง ข้ามขั้นตอนไม่ได้
เหมือนมีความคิดในหัวว่า ถ้าไม่เรียนเก่ง ก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จ
แต่เท่าที่ผมเจอมานะ คนที่เรียนๆ เล่นๆ และทำหลายๆ อย่าง พวกนี้ต่างหาก ที่ประสบความสำเร็จ และพวกที่เรียนเก่งๆ ก็จะมาทำงานเป็นพนักงานประจำไห้พวกที่เรียนๆ เล่นๆ พวกนี้อีกที
การศึกษามันก็แค่เครื่องชี้นำหรือเข็มทิศ เพื่อที่จะไห้เราได้เรียนรู้ว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร ชอบและจะทำอะไรแค่นั้น เพราะปกติ ถ้าคนเรารู้ว่าชอบอะไร ก็มักจะทุ่มเทไปกับสิ่งๆ นั้น โดยไม่สนใจว่าจะยากแค่ใหนอยู่แล้ว
บิลเกตุก็เรียนไม่จบ สตีฟจ๊อปก็เรียนไม่จบ และทั้ง 2 คนเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนมากมาย แต่ทั้ง 2 คนก็ทุ่มเทไห้กับสิ่งที่ชอบมากกว่า
บิลเกตุเค้าเคยบอกว่า ที่เค้าลาออกจากมหาลัย เพราะเค้าทนรอไม่ใหว นั่นแสดงว่า บิลเกตุเค้าได้ค้นพบสิ่งที่เค้าต้องการและเค้ามองเ็ห็นโอกาศนั้นๆสิ่งมันสำคัญ มากกว่าใบปริญญา 1 ใบ
เรียนเก่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป ประสบการณ์ชีวิตและการค้นพบสิ่ที่ชอบต่างหาก ที่จะทำไห้เรา เมพขิงๆ
