ThaiSEOBoard.com

http://ellislab.com/blog/entry/ellislab-seeking-new-owner-for-codeigniter

จริงๆอันนี้เป็นข่าวเก่าแล้ว ตั้งแต่ 9 กรกฎาคม 2556 แต่ผมเพิ่งจะไปเห็น  :wanwan001:

Ellislab เจ้าของ Codeigniter ที่เคยโด่งดัง เป็นเครื่องมือชั้นยอดของโปรแกรมเมอร์ทั้งหลาย ประกาศหาเจ้าของใหม่ และประกาศ"ลาก่อน"กับ product สุดรักของเขา
นอกจากลาก่อนแล้ว เขายังประกาศหาบ้านใหม่ให้มันด้วย โดยเขาบอกว่าต้องการคนที่มีวิสัยทัศน์และมีทรัพยากรที่ดีในการนำไปทำต่อ

งานนี้ ป๋าๆทั้งหลายใน thaiseoboard ท่านใดสนใจ ก็ลองติดต่อ [email protected] ดูนะครับ

สำหรับความเห็นของผม คิดว่า CI เป็นเครื่องมือชั้นยอดที่ทำงานได้รวดเร็วและปลอดภัยอย่างมาก ถ้ามีเจ้าของใหม่ที่กำหนดทิศทางได้ดี แล้วพัฒนาต่อ งานนี้เหมือนกับชุบชีวิตอัศวินม้าขาวในตำนานเลยครับ.  :wanwan008:

CI เป็นเครื่องมือชั้นยอดที่ทำงานได้รวดเร็วและปลอดภัยอย่างมาก

อย่างหลังผมรับได้

แต่บอกว่าชั้ยอดที่ทำงานได้รวดเร็ว อันนี้ไม่เห็นด้วยเลยครับ .... ตั้งแต่เจอ Laravel ...

 :wanwan004: :wanwan004:

ประสิทธิภาพ CI ดีกว่า Laravel ครับ ไปหาอ่านดู

แต่ laravel มีของเล่นที่ช่วยให้การเขียนมันง่ายครับ..

ผมลองใช้งานมาหลาย Framework แล้ว

ผมว่า codeigniter นี่เหละเหมาะกับงานระดับโปรเจคที่สุดแล้ว

ยังไงก็ยังรัก CI อยู่น่ะครับ พอดีไม่ได้ทำงานเป็นทีม แถมโปรเจคที่ทำก็งานเล็กๆ ขึ้นเร็วจบเร็ว
ถึงมันจะไม่มี tool เจนโค้ดแบบชาวบ้าน แต่ไม่ได้ซีเรียสอะไร

สำหรับผม CI คือ framework ตัวหนึ่งที่สอนให้ผมรู้จัก mvc เลย  :wanwan013: :wanwan013: :wanwan013:

CI จะว่าไปก็เหมือนเมียหลวง ที่บางคนเคยใช้ก็ชื่นชมนักหนา
พอเวลาผ่านไป มี Larv มา ก็หลงเสน่หาชื่นชมความงดงาม
พอมีเมียน้อยแล้ว เมียหลวงที่เคยชื่นชมนักหนา ก็กลายเป็นไม่ดีไปหมด อ้วน ขี้บ่น นู่น นั่น นี่ สามารถหาเรื่องมาด่ายัดขี้ให้ได้ทุกอย่าง น่าเศร้าแทนเมียหลวง  :wanwan004:

อย่างว่า ของมันเก่า พอไม่มีการออกอะไรใหม่ๆมา มันก็แค่ด้อยค่าไปตามเวลา มันไม่มีทางสู้ของใหม่ๆที่พัฒนาอยู่ต่อเนื่องได้อยู่แล้ว (แต่พวกของใหม่ๆออกถี่ๆก็ไม่ไหวเช่นกัน)
สิ่งเหล่านี้เป็นสัจธรรมของโลก

พูดถึงการทำงานเร็วแล้ว โดยตัวมันเอง ไม่มี db ไม่มีอะไร แค่ default controller load view
CI ก็เร็วกว่าอยู่แล้ว ยิ่งถ้ามีการทำงานกับ db ต้องบอกว่า ความเร็วของ class db ประเภท ORM ไม่สามารถเอามาเทียบกับ query builder/active record ได้อยู่แล้ว เพราะอย่างหลังมันทำงานเร็วกว่ามาก และมันคนละชนิดกัน

อ้างอิง http://phpixie.com/blog/php-framework-benchmark/

ผมชอบ CI นะใช้ง่ายดี(เพราะชินแล้วด้วยแหละ)


แต่ตอนนี้ใช้ laravel อยู่

เรื่อง performance มันเรื่องธรรมชาติครับ

ยิ่ง take design pattern เข้าไปในระบบมากแค่ไหน performance ก็ยิ่งต่ำลงครับ
เขียนแบบธรรมดา ยังไงก็เร็วกว่าเขียนแบบ mvc เรื่องปรกติ
หรือ query ธรรมดา ยังไงก็เร็วกว่า orm

แต่สิ่งที่ได้คืนมาคือ การพัฒนาอย่างเป็นระบบ การเพิ่มเติมส่วนต่างๆเข้าไปได้ง่าย แก้ไขส่วนต่างๆได้ง่าย
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญกว่าอยู่แล้วครับ

แล้วก็เรื่อง performance เรื่องเล็กครับ 50-100ms นี่ user แทบไม่เห็นความแตกต่าง
ไปโฟกัส ปัจจัยอื่นๆ ที่ impact performance มากกว่า php framework ดีกว่า
เช่นพวก content ใน html ที่ต้องโหลดหนักๆ เช่นพวกภาพ (ทำ lazy load ยัง ทำ interlace บนภาพยัง เป็นต้น)
หรือพวก ajax เอามาทำ lazy load centent ก็ช่วยเพิ่ม performance ได้เหมือนกัน


อีกอย่าง PHP มันไม่ใช่ภาษาที่เหมาะสำหรับเว็บที่เป็นระบบใหญ่ๆ หรือเว็บที่คนเข้าเยอะๆอยู่แล้วครับ
ยิ่ง request per seconds เยอะ ยิ่งกิน resource เยอะมาก

เคยอ่านเจอใน stackoverflow เค้าบอก server เค้าใช้ dell r410 ระบบพัฒนาด้วย JAVA รับ request 30,000 request/second ได้สบายๆ
1 วิมีคนกด refresh 3 หมื่นครั้ง ยัง handle ได้สบายๆ นี่ถ้าเพิ่ม spec server ไปแรงๆกว่านี้ เช่น supermicro 256GB of ram จะขนาดไหน
ซึ่ง java รองรับ load เยอะๆ ได้ดีกว่าอยู่แล้ว

อยากได้ performance เยอะๆ ระบบนิ่งๆ ไปพัฒนาบน java เถอะ อันนั้นเค้า enterprise class
ดีกว่ามานั่งเลือก php framework เสียเวลา 555+

ถ้าผมเลือก Lava ผมก็จะเลือกเพราะจะเน้นพัฒนาส่วน view มากกว่าส่วนอื่น
หรือถ้าผมเลือก Zend ผมก็จะเน้นพัฒนาส่วน controller มากกว่าส่วนอื่น

framework มันก็มีจุดเด่นของมัน อย่าไปคิดว่า เห้ยอันนี้ดีสุด อันนี้ performance ดีกว่า มันไม่ใช่ครับ

นี่ละชีวิตโปรแกรมเมอร์ มันต้องเปลี่ยนแปลงเสมอแล้วต้องยอมรับมันและปรับตัวให้ได้

Laravel กับ CI Performance ต่างกัน มันก้ไมไ่ด้มากขนาดนั้น แต่ Laravel มันทำให้คุณลดสมองในการคิดต่างๆลง และเพียงใส่ Logic เข้าไป
การเขียนโปรแกรมในสมัยนี้ ผมมองในระดับ Product เลยอะนะ มันต้องไปตัดกันที่ ไอเดีย ของบิซิเนสแล้ว

จะเอาเวลามาใช้ Model ของ CI ให้ลำบากไปทำไมมันช้า วันนึงมี ORM ที่มาพร้อมกับ Framework ดีๆมา ก็ปรับตัวกันไป ลดวามล้าลง ได้ Tools มาใช้มันทำให้เราประหยัดทรัพยากรลง

เราจะใช้เวลาน้อยกว่ามากยิ่งเทียบกับ CI นั่นทำให้ต้นทุนการ Dev เราต่ำลง

ส่วนเรื่อง PHP จะรับงาน Scale ไม่ได้ แล้วเราจะบอกว่าจะไม่ใช้มัน ไปใช้อันอื่นเลย อันนี้ผมมีทั้งเห็นด้วย และบางส่วนไม่เห็นด้วย อย่างที่บอก PHP มันต้นทุนถูกกว่า การเริ่มต้นการแข่งขันปัจจุบัน เราจะดูแต่เรื่อง ประสิทธิภาพของการเขียนโปรแกรมอย่างเดียวไม่ได้แล้ว มันต้องแข่งขันกันใน โลกบิซิเนสด้วย ยิ่งต้นทุนถูกเราก็ยิ่งแข่งขันได้มาก (เราคงไม่ใช้เฟอรารี่เป็นรถสำหรับจ่ายตลาด อามรณ์ประมาณนั้น)

PHP มันเหมาะมากสำหรับการเริ่มต้นในงาน Web Application ต่างๆ วันนึเราโตขึ้นใหญ่ขึ้น จะขยับไป ช่องทางอิ่นๆก็ไม่เสียหาย อย่างทุกวันนี้ ผมเห็นว่า Ruby On Rails จะน่าสนใจกว่า Java เพราะมันยุ่งยากน้อยกว่า มันจะได้คำตอบด้วยกับ เลือก laravel โดยทิ้ง CI นั่นแล่ะ เราต้องเขียนโปรแกรมที่อยู่บนโลกการค้าด้วย... บางอย่างเราต้องยอมลดอะไรบางอย่างเพียงนิดหน่อย เพื่อไปเพิ่มอะไรบางอย่างที่คุ้มค่ากว่า

แทบไม่มีใครใช้ JAVA ทำเว็บทั่วไปหรอกครับ (ผมยกมาแขวะเรื่อง performance เฉยๆ อยากได้แรงๆ ก็ไป java นู่น 555+)

ทำเว็บขนาดเล็ก PHP มันมาเป็นเบอร์ 1 อยู่แล้วครับ ต้นทุนเริ่มแรก ที่ถูกกว่าโคตรๆ หา host ได้ง่ายกว่าโคตรๆ ค่าใช้จ่ายรายเดือน/รายปี ถูกกว่าโคตรๆ หาคนทำแล้วได้ราคาถูกกว่าโคตรๆ หาคนมาทำหรือแก้ได้ง่ายกว่าโคตรๆ
อันนี้มันจุดเด่น php ตรงๆเลยครับ

ส่วนเรื่อง ruby มันเอาไปใช้คนละระดับกับ JAVA อยู่แล้วครับ
หรือพวก python หรือพวก node.js ก็เช่นกัน
พวกนี้ ผมมองว่าเหมาะกับพวกเว็บขนาดกลางครับ

แต่ JAVA เหมาะเอาไปทำพวก enterprise class มากกว่า

ผมขออนุญาติถามเป็นความรู้ครับ

คือ ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับ พี่คนนึงที่เคย เป็น TeamLead อยู่ ทอมสัน รอยเตอร์ ยุคแรกเลย เค้าให้ความเห้นว่า ในงาน Scale เองหลายๆที่ในโลก
ที่เค้าเป็น Code Review ให้อยู่ เค้าก็ใช้ ruby on rails เป็น enterprise เหมือนกัน

ผมเลยสงสัยว่า enterprise class ใน Java อันนี้ระดับไหนครับ ที่ ruby on rails จะไม่สามารถใช้งานได้

ส่วน node.js ผมมองว่า มันไม่สามารถบอกได้ว่า อยู่ในขนาดไหนได้ มันอยู่ได้ในทุกๆขนาดเลยนะครับ ถ้า node.js อยู่ในงานขนาดใหญ่จะมีปัญหาอะไรต้องระวังมั้ยครับ
เพราะผมแอบเห็น TrueMoney หรือ TrueLife นี่ละ มีการเทรนเรื่องนี้จะเอามาใช้อยู่

มาเก็บความรู้ ถึงงง....ง ก็เถอะ

เทพคุยกันมันเป็นจั๋งซี้น้ออออ...  :wanwan014:

 :wanwan017:

1. หลักใหญ่เลยคือเรื่อง โครงสร้างภาษา ครับ โครงสร้างภาษา ของ Java มันแข็งแรงสุด แถมตรงตามที่เราออกแบบแทบจะเป๊ะๆ เพราะ java มันเป็น pure oo การ implement design pattern ต่างๆลงไป มันจะเป๊ะๆตาม design pattern นั้นๆเลย ตรงนี้มันทำให้เรา control structure project เราได้ดีครับ

2. primative data type ของ Java เป็น Immutable และทุกตัวแปลใน java จะเป็นลักษณะ pointer ครับ ในเบื้องต้นถ้ามีการใช้น้อยๆ มันจะเปลือง resource เยอะกว่าภาษาอื่นครับ แต่ถ้ามีการใช้เยอะๆเมื่อไหร่ มันจะประหยัดกว่าภาษาอื่น (ต้องลองไปหาอ่านเกี่ยวกับ primative data type ของ java ดูครับ ผมอธิบายไม่เก่ง) ( ตรงนี้แหละที่ผมคิดว่ามันเป็นเหตุผลที่ทำให้ java รับ request/second ได้เยอะกว่าอันอื่น )

3. java พัฒนาระบบ ได้ช้าสุดครับถ้าเอาไปเทียบกับภาษาอื่น ซึ่งเพราะโครงสร้างมัน strong นั่นเอง 55+

4. java performance ดีกว่า ruby เยอะ


ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็ลองหาอ่านได้ครับ google เอาเลย java vs ruby


ซึ่งประเด็นในการเลือกอะไร มาพัฒนาในระดับ enterprise class มันไม่ได้มีแค่นี้ครับ เช่น ระบบต้องการ dev ประมาณ 100 คน (แล้วมันหา java dev 100 คนยากน้อยแค่ไหนล่ะ ? เรื่องเงินเดือนอีกล่ะ เป็นต้น)
ซึ่งถามว่าในเชิงทฤษฎี ถ้าเราหา dev ได้ control เรื่อง slary ได้ control เรื่อง dev time ได้ java มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอยู่แล้ว


ทั้งๆที่ java แมร่งเหมาะพัฒนาระบบ enterprise class มากสุด แต่กับได้ market share น้อย เพราะมันหาคนทำยากสุดไงครับ ยิ่งต้องการเยอะๆด้วยแล้ว เงินเดือนก็แพง ทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย หนีไปใช้อันอื่นดีกว่า ประหยัดกว่าเยอะ 55+

facebook ยังเลือกเอา php มาใช้เลย โดยไปพัฒนา flipflop มาเป็น compiler เร่งประสิทธิภาพเอา

ผมว่าที่เค้าเลือก ruby มาใช้ มันต้องมีเหตุผลอื่นๆประกอบครับ

 :wanwan017: :wanwan017:

ผมว่าเพราะ ยากไปครับ ฮ่าาา

โอวมีแต่คนสุดยอด ผมเขียนเป็นแต่ php ci  :wanwan012:

Java นี่ กากสุดๆ แล้ว Update ไม่ทันมีหวังโดนถล่ม พรุนแน่ๆ
ปิดรอยรั่วกันครั้งละ 40 จุดเลยทีเดียว
https://krebsonsecurity.com/2013/06/critical-update-plugs-40-security-holes-in-java/
ต่อไป Java จะเป็นเหมือน COBOL

ความกาก นี่วัดกันที่ไหนครับ

ผมมองว่ากระทู้พูดถึง "Performance" ของ framework แต่ละตัว หรือว่าภาษาต่างๆ

มากกว่าจะมาพูดเรื่อง Vulnerabilities (ซึ่งมีมันทุกภาษา ขึ้นอยุ่กับว่าจะปล่อย bug fix มาเร็วขนาดไหน)

ใช้ CI อยู่ว่าจะลองตัวอื่นอยู่เหมือนกัน

ขอถามย้อนกลับนิดนึงนะครับ ไอรอยรั่ว 40 จุดเนี่ย เกิดจุดไหนมั่ง
หรือว่าเค้าบอก 40 จุดก็คิดว่ามันกาก หรือสรุปไปเลยอย่างั้นหรอครับ

อ่านแล้วฮาครับ

java เนี่ยนะจะโดนถล่มพรุน
ธนาคารแทบทุกธนาคาร ใช้ Java ในระบบของเค้าหมดแหละครับ
แทบทุกธนาคาร มี Java Programmer ครับ จะบอกว่าระบบธนาคารเนี่ยนะรั่ว ?

amazon ก็ใช้ java เป็นหลัก ไม่เห็นเค้าจะโดนถล่มพรุนเลยครับ

ไอที่รั่ว มันรั่วส่วน applet context ซึ่งมันมีการใช้งานน้อยครับ เช่นพวก browser plugins


บอกตรงๆ PHP รั่วกว่าเยอะครับ
developer ไม่เก่งก็รั่วบานครับ


ปัญหาเดียวของ Java คือ หา dev ยาก แถมต้องใช้ dev เก่งๆอีก แถมค่าตัวแพงอีก
ตัวอย่าง บริษัทนี้ จ่ายหนักเพื่อ java ee programmer start ได้เกิน 1แสนบาท เลยครับ
http://th.jobsdb.com/TH/TH/Search/JobAdSingleDetail?jobsIdList=300003000627974

1. ถ้า Java มันดีจริง Sun Microsystems คงไม่สูญพันธ์
2. ตั้งแต่เปิดตัว Java 5 ปี 2004 มา จาวายังไม่มีฟีเจอร์เด่นๆ เลย
กำลังรอ Java 8 เค้าว่าปีหน้าจะเปิดตัว ถ้ายังไม่มีฟีเจอร์ดีๆ อีก ขอให้มันสูญพันธ์
3. Java อยู่ได้เพราะ IBM กะ Oracle มันหนุนหลัง ไว้สู้กะ Microsoft
ราคาของซอฟแวร์พวกนี้แพงระยับ เปลืองทรัพยากรมากมาย เช่น Websphere สินค้าตั้งต้นของ IBM
เหมาะสำหรับองค์กรที่ค่อนข้างรวยเท่านัน
4. ภาษา RGP, ABAP, COBOL พวกนี้ก็เงินเดือนแพงเหมือนกัน ถ้ามีประสบการณ์ตรงในสายงานนั้นๆ

แค่นี้ก่อนว่างๆ จะมาเขียนใหม่

เอา java ไปเทียบกับ cobol โครงสร้างภาษา ทั้ง syntax ทั้งการทำงาน มันคนละอย่างเลยครับ


feature ต้องการอะไรจาก java ครับ
ตัวภาษามันก็ไวมาก ไม่จำเป็นต้องปล่อย native lib ออกมาแล้วล่ะครับ
เอาเวลาไปพัฒนา jre ดีกว่าครับ java8 ออกมา คงไวกว่านี้เยอะมาก


ทั้ง lib ทั้ง framework มันมีครบเครื่องอยู่แล้วครับ
ภาษาอื่น มี framework ไหนที่ครบเครื่องพอจะเอามาเทียบกับ spring framework ได้มั่ง ?


เรื่อง ราคา websphere มันแพง ก็แล้วไงครับ ตลาด java มันสำหรับ enterprise อยู่แล้ว
แล้วอีกอย่าง ไม่อยากใช้ websphere มันก็มีตัวอื่นทดแทนครับ jboss glassfish tomee


เรื่องหนุนหลัง IBM เค้าหนุนหลัง java เพราะเค้าเห็นว่า java ดีครับ
ใน IBM ระบบเค้าแทบจะใช้ Java ทุกอย่าง

แล้วประเด็นที่ sun เจ๊ง มันสัมพันธ์กับการที่ java ดี ไม่ดียังไงหรอครับ ?? ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกัน
sun เจ๊งเพราะเอา java ไปทำเงินไม่ได้
แถม IBM พยายามจะซื้อ Sun ด้วยซ้ำ แต่เงินหนาไม่สู้ Oracle เลยชวดไป


ถ้า java จะสูญพันธ์ ขอถามหน่อยว่า ภาษาไหนจะมาแทน java ครับ ??


ที่ท่านพูดมา ผมไม่เห็นว่ามันคือเหตุผลที่จะทำให้ java สูญพันธ์ได้เลยครับ
จะบอกว่า java จะสูญพันธ์ ขอเหตุผลที่มันฟังได้หน่อยครับ ผมอยากฟัง  :wanwan016:

เขียนเว็บ สร้างเว็บ พัฒนาเว็บ

อะไรดีสุด ระหว่าง php กับ java
(ถ้าจะเอาภาษาใดภาษาหนึ่งไปเลยในการเขียนเว็บพัฒนาเว็บ ไม่เอาแบบรวมกัน ไม่นับต้นทุน ไม่นับความยากง่าย)

ภาษา C# ครับที่จะมาแทน Java ลองดูนี้
http://en.wikipedia.org/wiki/Comparison_of_C_Sharp_and_Java

ภาษาที่ผมเขียนเป็นจริงๆจังเลย
มี Asp.net C#, PHP, Java

ผมบอกเลยว่ายังแทนไม่ได้ครับ
ด้วยอะไรหลายๆอย่าง

อีก 2 ปี ถ้า Asp.net ปล่อยของดีๆมาก่อน ค่อยว่ากัน ณ ตอนนี้ ไม่เห็นแววครับ
ซึ่งถ้า c# จะกลบ java ได้ มันต้องกินขาดจริงๆครับ ซึ่ง ณ ตอนนี้ ยังไม่ใช่ครับ

( แต่ market share .net ยังมากกว่า Java ครับ ซึ่งปัจจัยไม่ใช่ว่า .net ดีกว่าครับ
ถ้าให้เปรียบ 2 ตัวนี้เหมือนนักเลงคนละถิ่นครับ ต่างคนต่างมีดีครับ จะเลือกใช้ตัวไหน อยู่ที่ปัจจัยต่างๆครับ )

ต้องถามว่า อยากจะทำงานแบบไหนครับ

ถ้าอยากทำงาน บริษัทกลางเมือง อยากจับระบบใหญ่ๆ ให้ไป Java ครับ

ส่วนถ้าอยากทำเว็บหรือระบบทั่วๆไป เผื่อทำเว็บของตัวเอง ก็ php ครับ

ความคิดเห็นส่วนตัวผมว่าเน้นไปที่ java + design pattern ดีกว่าครับ
จะได้เรื่อง oo concept + design pattern ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเป็น programmer ที่ดีครับ
สำคัญสุดก็ mvc ครับ ศึกษา concept กับ frameowrk ซัก 1 ตัวก็ง่ายแล้วครับ

ถ้าเรื่องพื้นฐานพวกนี้เก่งแล้ว move ไปภาษาไหนก็ง่ายครับ

ไม่ได้อะไรก็ google เอา

ตอนผมไปทำ asp.net c# นั่งหัดจริงๆ ก็พวกการใช้งาน Visual Studio + LinQ orm
ข้างใน ที่เหลือมันแทบจะเหมือนกันหมดเลย

ระบบใหญ่ไม่จำเป้นต้องเป็น Java หรอครับ แล้ว PHP ก็กลางเมืองเยอะแยะมากครับ แล้วงาน Enterprise ก็ใช้ได้ครับ

งานส่วนใหญ่เราไม่ได้ต้องใช้ทราฟฟิคอะไรสูงขนาดนั้น ถ้าจะพูดว่า Java รับ Request เยอะๆได้

แล้ว PHP ก็เป็น Standard ไปแล้ว ถึงแม้การเชื่อมกับ HardWare ส่วนใหญ่ก็ Provide PHP มาให้แล้วทั้งนั้น
อย่างผมเคยทำระบบ Call Center ตัว PBX เอง หรือแม้แต่อุปกรณ์ต่างๆ ของผมทำกับของ Siemens ก็ Provide PHP ในการเชื่อมต่อครับ

PHP มันไม่ได้ StandAlone อยู่แล้ว โลกของ PHP มันเติบโตด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่มีพลังมาก

แล้วปัจจุบัน PHP ก็เข้าใกล้คำว่า OOP เต็มใบไปมากแล้ว PHP Pattern ก็รองรับไม่มีปัญหา หลักๆพวก Factory, Singleton, Facade หรือตอนนี้มี Trasit มาแล้ว ส่วนทั่วๆไปก็มีทั้งหมด จะขาดก็แค่ Overloading เท่านั้นแล่ะ แค่นี้ ก็เหลือๆแล้วครับ

PHP ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นครับ ผมทำในระบบ Enterprise ที่มูลค่ามากหลักล้านก็ทำมาแล้วครับ PHP มันไม่ใช่งานทั่วๆไปเท่านั้นแน่นอนครับ ถึงแม้ Performance Max ของมันเองจะรอง Java แต่จุดเด่นอื่นๆของมัน ก็ชดเชยได้ครับ

อย่างที่บอก PHP มันไม่ได้ StandAlone ด้วยตัวของมันเองอยู้แล้ว มันมี หลายๆอย่างควบคู่กับมันจนจุดอ่อนของมัน โดนชดเชยไปได้....

ที่ผ่านมาจุดอ่อนของ PHP ผมไม่เคยห่วงเรื่อง Performance เลย เพราะมันมีเครื่องมือหลายๆอย่างที่ชดเชยมันได้ แต่ที่ผ่านมาที่มันไม่เวิคเพราะมัน UnitTest ยาก แล้วทำ Automated Test ยาก แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่แล้ว
วิวัฒนาการของ PHP มันมุ่งหา Framework การทำ UnitTest และ Automated Test ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยากอีกต่อไป...

ขอบคุณครับ ผมขอเริ่มจาก java ก่อนละกันค่อยไป php

ปล ที่คุณพูดกันมาผมไม่เข้าใจเลย เข้าใจแต่ว่า java รองรับคนได้มากจากที่คุณ maptwoza เล่ามา

และ java ก็ทำเว็บสวยๆเหมือน airasia ได้ (ผมได้ยินมาว่าของเขาjavaทั้งระบบ)

แต่เอา thank ไปคนละจึกละกันครับ :wanwan017:

จริงๆ นิยามว่า PHP รองรับคนเยอะๆไม่ได้อันนี้ผมกลัวหลายๆคนจะเข้าใจผิดๆไป มันต้องมหศาลมากๆจริงๆละมั้งครับ อย่าง igetweb, welove, หรือเว็บต่างๆ ที่คนเข้ามหาศาลอย่าง pantip ผมก็ไม่เห็นว่า PHP จะมีปัญหาเรื่องทราฟฟิคแต่อย่างไร

อย่างที่บอกข้างต้น ผมยังไม่เคยเจอปัญหา PHP ทำงานหนักจนล่มเลยครับ

เจอแต่มันมีปัญหา Database แล้วล่มทั้งนั้น....

ข้อเสียของ php  จุดใหญ่ คือมันไม่มี server context ครับ
เลยไม่เหมาะกับการทำระบบใหญ่ๆ ที่มันไม่ใช่แค่ request เดียวจบ ครับ เช่น request มาแล้วอาจจะต้อง handle ต่อไปอีกซักระยะ เช่น 5-30 นาที

หรือลองในแต่ละ request มีการใช้ singleton object ซัก 20 อันดูครับ
(ซึ่ง php มันไม่ใช่ singleton จริงๆ มันเลยไม่สามารถ reuse object นั้นๆได้ ซึ่งถ้ามีคนใช้งานเยอะๆ มันจะ waste resource ขนาดไหน)

ซึ่งถ้าไม่ติดจุดนี้ ก็ไม่มีปัญหาครับ ใช้ php จัดการได้

ส่วนเรื่อง performance มันก็มีวิธีแก้ครับ
เช่น การ compile code ให้เป็น bytecode ไว้รอเลย เช่นพวก Apc หรือ Opcode(ตัวนี้  built in มาใน php 5.5)


เว็บ pantip เค้าก็มีวิธีการจัดการครับ
(อันนี้ต้องไปถามคนที่เค้าออกแบบว่า เค้ามีวิธีการจัดการกับ request เยอะๆ ยังไง)


ส่วนประเด็นเรื่อง database ร่วงนั้น เพราะไม่ได้ทำ result cache ครับ hdd เลยเต็ม
ซึ่งถ้าไม่ทำ result cache ส่วนใหญ่ก็จะใช้ ssd อัดไปใน database ครับ

ซึ่งไม่ใช่แค่ pantip นะครับ
ในเว็บต่างประเทศที่ใช้ php จัดการระบบใหญ่ๆก็เช่น Digg, Flickr หรือ Facebook ก็ใช้ php ครับ
(โดยส่วนตัว ผมไม่คิดว่า pantip คือ enterprise class นะ)

คำตอบก็คือ คุณรู้จุดอ่อน php และ วิธีแก้ให้เข้ากับระบบที่จะทำหรือยัง  แค่นั้นเองครับ 55+

ชัดเจนมาก  :wanwan017: :wanwan017:

ลองดูครับ ตอนนี้มีออกมาเยอะแยะไปหมดหลายตัวเลย
ที่น่าสนใจ ใช้ง่าย และคนรู้เยอะช่วยแก้ปัญหาได้เยอะก็มี Laravel, Cake PHP
ตัวอื่นๆนอกจากนี้ก็มี Zend, Symfony, Yii, Fuel PHP
พวกมาใหม่ๆรายอื่นๆก็มีเหมือนกัน อย่าง phpixie

ตัวที่ทำงานเร็วสุดเห็นจะเป็น Phalcon PHP http://phalconphp.com/en/
แต่ปัญหาดูเหมือนจะติดตรงที่ว่ามันเป็น extension ของ php ที่ต้องติดตั้งที่ฝั่ง server ซึ่งคนไม่มี server ที่จัดการเองได้คงหมดสิทธิ์ และหา host ที่มีรองรับยากมาก

อันนี้ เป็นหนึ่งในสิ่งที่มันฟ้องในตัวเลยว่า php มันช้า 555+ ( อาจจะไม่เห็นภาพ ผมประมาณให้เลยว่า ช้ากว่า java 100 เท่า แถมถ้า implement design pattern ลงไปเยอะๆ ยิ่งกิน resource เยอะเข้าไปอีก )

ซึ่งมันช้าจริงๆนะ ช้ามากๆด้วย นั่นคือเหตุผลว่า ทำไม php ถึงมี native function เยอะมากกกกกกกก

การ implement design pattern ลงไปใน php project มันทำให้ performance down เยอะ
เช่น Zend, Symphony

ซึ่งมันก็จริงที่ php programmer มีเยอะมาก แถมค่าตัวถูกมาก
มันก็ต้องมีบ้างแหละ ที่จะเอา php มาทำเว็บขนาดกลาง


แล้วมันก็มีคนทนไม่ไหว ทำ native framework ออกมาจนได้

ซึ่งบอกเลยว่า ผมก็เพิ่งรู้ว่าม้นมี native framework ออกมา
บอกเลยว่า ผมจะใช้แน่ๆ แต่ขอเข้าไปดูโครงสร้างข้างในมันก่อนว่าเด็ดแค่ไหน

อ่านกระทู้นี้แล้วมันมาก

bookmark ไว้ก่อน

ได้ความรู้เพียบเลย

มันส์ ชอบกระทู้แบบนี้ครับ  :wanwan020: :wanwan020: :wanwan020:

เรื่องช้ากว่า 100 เท่าตัวเลขจากอะไรครับ 0.00001ms กับ 0.0001ms หรือเปล่า ดูรุนแรงไปครับ php เอง มันมันก็มี apc  เก็บ เป็น opcode cache มันก็ช่วยได้ไม่น้อยแล้ว
และการ implement design pattern เข้าไป มันก็ไม่ได้กิน resource ขนาดนั้นแน่นอนครับ อย่างที่บอกครับ ตัวเลขคืออะไร
ถ้าแตกต่างกันคือ 0.00001ms กับ 0.0001ms มันก็ไม่มีประเด็นอะไร

อย่างที่น้นครับ บางอย่างมันช้ากว่า แต่มันไม่มีประเด็นอะไรขนาดนั้น มันถูกชดเชยด้วยต้นทุนการ Dev ที่ต่ำลง การ Lern ที่ใช้ต้นทุนน้อยลง Community ที่ใหญ่ Tools ที่เยอะ มันชดเชยได้ในระดับที่คุ้มค่าเลย...

ส่วนเรื่องค่าตัว ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้จริงๆ เอาเป็นว่า php ที่เป็น framework เริ่มต้น ไม่น้อยหน้า java แน่นอนครับ
ยิ่งวัดจากคำว่ารายได้ด้วยแล้ว php จะมีรายได้มากกว่าแน่นอน... ง่ายๆ demand มันเยอะกว่า java เยอะมาก ช่องทางในการหาเงินมันก็เยอะตามตัว
เรื่องนี้มันพูดกันยาก มันมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเยอะ จะเอาเรื่องนี้มาวัดไม่ได้หรอกครับ แต่ต้องยอมรับ ถ้าบอกแค่ว่า php programmer จะเงินเดือนเริ่มต้นเฉลี่ยต่ำ ก็แน่นอน คนมันเป็นเยอะ ก็เป็นระดับ hardcode ซะเยอะ ก็ไม่มีทางอยู่แล้วที่จะได้เยอะ

ถ้ากรองเอาเฉพาะสาย Framework มาพูด อันนี้ ค่าเฉลี่ยจะไม่เป็นรอง Java แน่นอน สาย PHP ผมมองว่า จุดแตกต่างจะไปตัดกันที่ ความสามารถร่วมคือ JavaScript ตัวนี้จะเป้นตัวชี้อีกตัวว่าจะได้ Value เท่าาไหร่...


สุดท้ายเวลาเราทำ Web Application ระดับ องกรค์ มันก็จะมี มาตรฐานของมันอยู่ เช่น การโหลด 1 หน้า มันไม่ควรเกินเท่าไหร่ๆ ก็ว่าไป
สุดท้าย ถ้าเส้นกำหนด คือ 1 java ทำได้ .6 php ทำได้ .8 ผลสุดท้ายมันก็ผ่านมาตรฐานเหมือนกัน ยกเว้นซะว่า เค้ากำหนดว่า ต้องห้ามเกิน .6 แลัว php มันทำที่ .6 ไม่ได้จริงๆ แบบนี้ก็จบ php แต่งานหลายๆงานที่ผมเคยรู้ เคยเจอมา เส้นมาตรฐานเหล่านี้ในไทย php ก็ยังสามารถรับมาตรฐานตรงนี้ได้...

ความแตกต่างกันที่ .2 แต่แลกมาด้วย Resource ในการ Dev ที่ต่างกันมหาศาล และ Time ที่ใช้ มันคุ้มค่ามาก เลยเป็นเทรนในปัจจุบัน ว่าทำไม Java เทรนถึงน้อยลง ก็เพราะ PHP มันก็สามารถทำงานได้...

facebook ใช้ php ครับ แต่มีการแปลงโค้ดเป็นc++ เวลา facebookเคยปรับปรุง Zend Engine แต่ไม่ค่อยได้ผลครับ ก็เลยเขียนโปรแกรมขึ้นมาเองเป็นPHP Extension ที่เขียนด้วยภาษา C++ ได้เป็น HipHop for PHP และตอนนี้เป็นHipHop Virtual Machine ครับ แถมเปิดโค้ดด้วย ใครสนใจเข้าไปที่ https://github.com/facebook/hiphop-php/ ครับ  :wanwan017:

ลองไปใช้ symphony ดูครับ แล้วไปเทียบกับ spring ใน java ดูครับ

100 เท่านี่ จะว่าเวอร์ มันก็เวอร์ครับ
จริงๆมันแปลผันตาม code ที่ implement ครับ

php มันไม่เหมาะกับการ code แบบ oop เท่าไรนัก
ยิ่ง class เยอะ ยิ่งใช้ class เยอะ มันยิ่งช้า

ซึ่งอาจจะเป็นได้ตั้งแต่ 10 เท่า 20 เท่า หรือยัน 100 เท่าหรือมากกว่าอีกครับ ยิ่งมีการ process เยอะยิ่งคอขวดไปเรื่อยๆ

ลองดูง่ายๆอย่าง wordpress อ่ะ ตัวอย่างง่ายๆเลย
ช้าเป็นเต่า ถ้าไม่ลง super cache นี่ผมไม่เข้าเว็บนั้นชัวร์ 55+


มันขึ้นอยู่กับว่า ในแต่ละ request มีการ implement code ลงไปแค่ไหน
ถ้าแค่ query เดียวมาแสดง มันก็ไม่ถึงร้อยเท่าหรอกครับ xD


อันนี้ผมพูดถึง case ไม่ได้ compile นะครับ
ถ้า compile php มัน boost performance ได้ประมาณ 4-10 เท่า


ส่วน benchmark java vs php หาดูได้ใน google ครับ


PHP performance มันก็เพิ่มเรื่อยๆ มาตั้งแต่ 5.2 > 5.3 > 5.4 > 5.5
ซึ่ง 5.5 แมร่งแรงกว่า 5.3 ประมาณ 2 เท่าตัว
ผมก็ PHP Lover นะครับ ใช้มันอยู่ทุกวัน
ที่เอามาพูดๆเนี่ย แมร่งความจริงของ PHP ครับ
ไม่งั้น facebook ไม่ทำ flipflop ไม่งั้น php ไม่มีการทำ bytecode cache & compile ไม่งั้น nativำ function มันคงไม่เยอะ ไม่งั้นคงไม่มีคนทำ native mvc framework ขึ้นมา

ซึ่งมันก็หนีไม่พ้น ยังไงก็ต้องใช้ เพียงแต่ว่าต้องยอมรับความจริงครับ แล้วก็เรียนรู้ว่าที่มันช้า มันช้าเพราะอะไร โครงสร้างภาษามันเป็นแบบนี้ ยังไงมันก็ต้องช้ากว่าเยอะอยู่แล้ว
ถ้าจะใช้ ก็ต้องหาวิธี boost performance มันซักทาง

แล้วก็ต้องวางแผนว่าถ้าระบบแบบนี้ php มันไปไม่ไหว ก็ไป dev บนตัวอื่นแทน
ซึ่งเขียนเว็บ ก็ควรจะเขียนป็นทั้ง php .net java อยู่แล้ว เลือกใช้ให้มันถูก จะได้ไม่ปวดหัวทีหลัง แค่นั้นเองครับ

 :-[

ผมเห็นด้วยมากๆเลยครับเห็นด้วยทุกอันที่ท่านพิมพ์ด้วยครับผชอบอ่านมากมันสะท้อนประสบการณ์สูงออกมาในทุกตัวอกษรเลย ผมนั่งอ่านทั้งวันก็ไม่เบื่อเลยครับ
แต่ จากที่อ่านผมอ่านแล้วมันดูรุนแรงเกินไป - -" คือในมิติ ของ 0.001ms กับ 0.0001ms  ถ้าวัดเป็น % มันก็ชี้ว่ามหาศาลดูแรงมาก แต่ในการปฏบัติใช้งานจริง มันไม่สัมผัสถึงความต่างเลย
ผมกลัวคนอ่านแล้ว ท้อใจ กับ php ไม่มาเป็น Programmer PHP กัน หลายๆบริษัทขาดคนรุนแรง บริษัทที่ผมอยู่ก็ขาดคนอยู่มากครับ เงินตั้งต้นก็ไม่น้อยเลยครับ จริงๆ แต่ต้องเป็น  Framework นะ ไม่น้อยจริงๆ... ^^

ส่วนเรื่อง OOP กับ PHP ผมเองเห็นด้วยบางส่วน คือ OOP มันอาจจะไม่เป็นธรรมชาติของ PHP โดยกำเนิด แต่ถ้าพูดกันในกรณีทั่วๆไป แล้ว มันไม่มีปัญหาเลยจริงๆ

แต่ในปัจจุบันมีเทรนการเขียน PHP  แบบ repository เหมือนการพยายามก้าวข้ามคำว่า  MVC ขึ้นไปอีกระดับ ซึ่งผมยังมีความรู้สึกว่ามันเยอะเกินไปตัวภาษาเองมันยังไม่ได้เอื้อขนาดนั้น น่าจะรอซักที่ใหม่กว่า 5.5 แต่ 5.5 ยังได้อยู่

คือบางอย่างอย่างมันเยอะมันก็อาจจะไม่ส่งผลดีก็ได้ แต่ยังไงพื้นฐานทั่วไป ไม่มีปัญหาแน่นอนสำหรับ OOP กับ   PHP

+1 เห็นด้วยครับ  :wanwan017:

จริงๆแล้ว php ก็็เหลือๆแล้วหล่ะครับ ถ้าคนที่เขียนมีความชำนาญพอ java ก็เฉดเช่นเดียวกัน

ส่วนตัวผมเองจับมาทั้ง php และ java และมาหยุดที่ python  :-[ ในใจก็อยากหยุดกับ python ให้นานที่สุดเท่าที่ โอกาสจะเอื้อ

ซึ่งอนาคตมันก็ไม่แน่ว่า ภาษาไหนจะบูม หรือภาษาไหนจะดับ ซึ่งเราเป็นโปรแกรมเมอร์ ก็คงไม่เกี่ยงที่จะไปเขียนภาษาอื่นบ้าง

สุดท้าย ยิ่งวันเวลาผ่านไป ภาษาก็พัฒนาความสามารถไปเรื่อยๆ แต่โปรแกรมเมอร์เองที่จะหมดไฟไปเสียก่อน

มาดูเทพคุยกับ ส่วนตัวงงครับ :-[

ถ้าท่านใดที่ใช้ PHP ก็ควรจะไปใช้พวก Laravel, Phalcon ได้แล้วครับ เพราะการเขียนโปรแกรมจะดีขึ้นมากเลย เขียนแบบ Dependency Injection แล้วโค้ดเราจะสวยมาก แก้ไขได้ง่าย ยืดหยุ่น ทำ TDD ได้ด้วย

ส่วนเรื่อง Performance ก็คงต้องยกให้ Phalcon เค้าล่ะ เพราะเขียนด้วย C และโหลดเข้า RAM ตอนที่ start webserver

​Laravel ถ้าใช้กับเว็บไซด์ขนาดใหญ่ คงไม่ได้ครับ เรื่อง performance แย่มาก แต่ถ้าเว็บเล็กๆ พอได้ เคยทำ test performance วัดกัน เป็นไปตามกราฟที่แสดงใน Phalconphp.com เลยครับ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ แต่พอทำการทดสอบ performance เอง ก็โอเค

ส่วน โฮสติ้งที่รองรับ Phalcon ผู้ให้บริการโฮสติ้งน่าจะต้องติดตั้งกันนะครับ เพราะจะเป็น Framework ที่มาแรง เจ้าที่รองรับ Phalcon Framework ไปแล้วก็เช่น
http://www.phalconhost.com

 :wanwan003:

มีเวลาล่ะ มาต่ออีกซะหน่อย เห็นแต่ละท่าน ใส่รายละเอียดกันอย่างเต็มที่
หัวข้อคือ Codeigniter หาบ้านใหม่ แต่แตกประเด็นออกไปได้เยอะเลย ก็อ่านสนุกดีครับ

ผมขอเสริมในมุมมองของคนทำ PHP และวิเคราะห์ Codeigniter ทำไมถึงหยุดพัฒนานะครับ  :wanwan016:

เรื่องความง่ายในการเขียนโปรแกรม
ใครที่เขียน php, c#.net, java, ruby, python, node.js หรือภาษาไหน ในการทำเว็บไซด์ คงไม่มีใครปฏิเสธว่า PHP มันง่ายจริงๆ คือเรียนรู้ง่าย ศึกษาง่าย เขียนนิดหน่อยๆ ก็ทำงานได้แล้ว ไม่ต้องมีอะไรมากเลย ไม่ต้องติดตั้งอะไรในวุ่นวาย นี้คือ จุดเด่นของ PHP เลยเมื่อเทียบกับภาษาอื่น  อย่างน้อยก็เทียบกับตัวผมเอง เพราะเท่าที่เขียนโปรแกรมมา PHP เค้าเอาใจง่ายสุด  :wanwan013:

เรื่องความเร็ว performance
ในหัวข้อนี้ตอบยากนะครับ เพราะจะบอกว่า PHP ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการ performance สูงๆ แต่ก็มีเว็บไซด์ใหญ่ๆ ที่ใช้ PHP และใช้เทคนิคอื่น ในการช่วยให้ code PHP ทำงานได้เร็วมากขึ้นเช่น HHVM ของ Facebook เพื่อมาคอมไฟล์โค็ดของ php เก็บไว้ ไม่ต้อง interpret ทุกๆรอบ ทำให้มันเร็วมากๆ แต่ไม่ค่อยเห็นใครพูดถึงเรื่อง performance กันในทางปฏิบัติมากนะครับ ส่วนตัวผมก็ทำเว็บไซด์ที่มีหลายสิบล้าน Pageview ต่อวัน ทีมเราก็ใช้ PHP ครับก็รับโหลดกันได้สบายๆ ที่รับโหลดได้ไม่ใช่เอา PHP รันกันตรงๆทุก request นะ เบื้องหลังคือ caching นะครับ  :-[ และใช้หลายภาษาร่วมกัน ไม่ใช่แค่ php อย่างเดียว python ก็ใช้ ruby ก็ใข้ node ก็ใช้ แล้วแต่ลักษระงานนั้นๆ เพราะต้องแยกแต่ละส่วนออกจากกัน เพื่อทำหน้าที่คนละอย่าง ตามความเหมาะสมของ framework และภาษานั้นๆ

การทำงานเป็นทีม
ถ้าพูดถึงภาษา php แต่ละคนคงทำงานกันคนเดียวซะส่วนมาก หรือถ้าทำงานเป็นทีมก็แยกกันทำเป็น feature แล้วเอามาประกอบกัน การเขียนโปรแกรมก็แล้วแต่ใครจะเขียนแบบไหน ดังนั้นไม่ต้องหาความสวยงาม ความเป็นมาตรฐาน หรือบางคนบอกว่าเขียนเป็น design pattern สุดท้ายแล้วก็ยิ่งจะยุ่งกว่าเดิมเพราะเพื่อนๆในทีมเขียนไม่เป็นด้วย สิ่งที่สำคัญในการเขียนโปรแกรมเป็นทีมต้องกล้าแก้ไข กล้ารื้อทิ้งได้ตลอดเวลา แต่ใครล่ะจะกล้าเขียนใหม่ถ้ามันทำงานได้ดีอยู่แล้ว สิ่งที่ขาดคือ Testing และการทำ Test นี่เองที่ทำให้ PHP framework แต่ละตัวโดนตัดออกไปจากตัวเลือกทีละตัวสองตัว

แม้กระทั้ง CodeIgniter ตัวที่เรากำลังพูดถึงนี้ เพราะ CodeIgniter ไม่ได้ออกแบบมาในการทำ Test
แล้วจะดูได้ยังไงว่า PHP Framework รองรับการทำ Test ล่ะ ก็ดูว่ามี IOC/DI หรือ Dependency Injection หรือเปล่า ถ้ามี โอเค ถือว่า Framework เข้ารอบ แต่ถ้าไม่มี Dependency Injection ล่ะก็ ทีมไหนที่ยังเลือก Framework แบบไม่มี DI ก็คงจะไม่ทำ Test กันหรือเปล่า  :wanwan009:

ถ้าเอา Codeigniter มาเทียบกับ Laravel, Phalcon แล้วเทียบกันไม่ได้เลย เพราะ Framework ออกแบบมาคนละอย่าง
Codeigniter เค้าเป็นคนรุ่นเก่า ส่วน Laravel, Phalcon เค้าคนรุ่นใหม่ ติดปีกแล้ว โดยเฉพาะ Phalcon Framework ถ้าใครใช้ CodeIgniter อยู่ก็ใช้ไป แต่ถ้าขึ้นโปรเจ็กใหม่ก็ไปใช้ Phalcon เถอะครับ
แล้วจะไม่หันไปใช้ PHP Framework ตัวอื่นอีก  :-[

แต่ถ้าจะทำเว็บไซด์เหมือนๆกับ Joomla, Wordpress, Forum ก็ไม่ต้องคิดอะไรกันมาก PHP นั้นเหล่ะดีแล้ว

ไม่เขียนต่อเยอะ เดียวจะยาวไปครับ ให้สมาชิกคนอื่นมาต่อ

 :wanwan017: โอวเทพทั้งนั้น ขอบคุณเทคนิคดีๆค่ะ  :'(

ย้ายไป node.js แล้วครับ

ได้ความรู้มาเยอะเลย ขอบคุณครับ :wanwan017: