ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

หน้า: [1] 2 3   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: Codeigniter หาบ้านใหม่  (อ่าน 17907 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
vii
Verified Seller
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 132
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 986



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 13:44:30 »

http://ellislab.com/blog/entry...king-new-owner-for-codeigniter

จริงๆอันนี้เป็นข่าวเก่าแล้ว ตั้งแต่ 9 กรกฎาคม 2556 แต่ผมเพิ่งจะไปเห็น  wanwan001

Ellislab เจ้าของ Codeigniter ที่เคยโด่งดัง เป็นเครื่องมือชั้นยอดของโปรแกรมเมอร์ทั้งหลาย ประกาศหาเจ้าของใหม่ และประกาศ"ลาก่อน"กับ product สุดรักของเขา
นอกจากลาก่อนแล้ว เขายังประกาศหาบ้านใหม่ให้มันด้วย โดยเขาบอกว่าต้องการคนที่มีวิสัยทัศน์และมีทรัพยากรที่ดีในการนำไปทำต่อ

งานนี้ ป๋าๆทั้งหลายใน thaiseoboard ท่านใดสนใจ ก็ลองติดต่อ [email protected] ดูนะครับ

สำหรับความเห็นของผม คิดว่า CI เป็นเครื่องมือชั้นยอดที่ทำงานได้รวดเร็วและปลอดภัยอย่างมาก ถ้ามีเจ้าของใหม่ที่กำหนดทิศทางได้ดี แล้วพัฒนาต่อ งานนี้เหมือนกับชุบชีวิตอัศวินม้าขาวในตำนานเลยครับ.  wanwan008
บันทึกการเข้า

ossytong
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 138
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,151



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 13:58:45 »

CI เป็นเครื่องมือชั้นยอดที่ทำงานได้รวดเร็วและปลอดภัยอย่างมาก

อย่างหลังผมรับได้

แต่บอกว่าชั้ยอดที่ทำงานได้รวดเร็ว อันนี้ไม่เห็นด้วยเลยครับ .... ตั้งแต่เจอ Laravel ...

 wanwan004 wanwan004
บันทึกการเข้า
AbuseMan
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 104
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 14:16:37 »

ประสิทธิภาพ CI ดีกว่า Laravel ครับ ไปหาอ่านดู

แต่ laravel มีของเล่นที่ช่วยให้การเขียนมันง่ายครับ..
บันทึกการเข้า

ฟังเพลงออนไลน์ : เว็บเพลงออนไลน์ที่คุณขอฟังเพลงได้ด้วยตัวคุณเอง
ห้องแชท : บริการฟรีห้องแชทสำหรับติดเว็บ
เพลงใหม่ : เพลงใหม่ เพลงฮิต
บ้านคุ้มค่า : ลงประกาศขายบ้าน ที่ดิน พร้อมอัพเดทโครงการบ้านและคอนโดใหม่ที่น่าสนใจ
tekub
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 24
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 324



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 14:27:50 »

ผมลองใช้งานมาหลาย Framework แล้ว

ผมว่า codeigniter นี่เหละเหมาะกับงานระดับโปรเจคที่สุดแล้ว
บันทึกการเข้า

adidog
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 238
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,859



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 14:29:36 »

ยังไงก็ยังรัก CI อยู่น่ะครับ พอดีไม่ได้ทำงานเป็นทีม แถมโปรเจคที่ทำก็งานเล็กๆ ขึ้นเร็วจบเร็ว
ถึงมันจะไม่มี tool เจนโค้ดแบบชาวบ้าน แต่ไม่ได้ซีเรียสอะไร

สำหรับผม CI คือ framework ตัวหนึ่งที่สอนให้ผมรู้จัก mvc เลย  wanwan013 wanwan013 wanwan013
บันทึกการเข้า

Certain Dri Certain Dri
คุณแม่มือใหม่ คุณแม่มือใหม่
vii
Verified Seller
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 132
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 986



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 14:37:35 »

CI จะว่าไปก็เหมือนเมียหลวง ที่บางคนเคยใช้ก็ชื่นชมนักหนา
พอเวลาผ่านไป มี Larv มา ก็หลงเสน่หาชื่นชมความงดงาม
พอมีเมียน้อยแล้ว เมียหลวงที่เคยชื่นชมนักหนา ก็กลายเป็นไม่ดีไปหมด อ้วน ขี้บ่น นู่น นั่น นี่ สามารถหาเรื่องมาด่ายัดขี้ให้ได้ทุกอย่าง น่าเศร้าแทนเมียหลวง  wanwan004

อย่างว่า ของมันเก่า พอไม่มีการออกอะไรใหม่ๆมา มันก็แค่ด้อยค่าไปตามเวลา มันไม่มีทางสู้ของใหม่ๆที่พัฒนาอยู่ต่อเนื่องได้อยู่แล้ว (แต่พวกของใหม่ๆออกถี่ๆก็ไม่ไหวเช่นกัน)
สิ่งเหล่านี้เป็นสัจธรรมของโลก

พูดถึงการทำงานเร็วแล้ว โดยตัวมันเอง ไม่มี db ไม่มีอะไร แค่ default controller load view
CI ก็เร็วกว่าอยู่แล้ว ยิ่งถ้ามีการทำงานกับ db ต้องบอกว่า ความเร็วของ class db ประเภท ORM ไม่สามารถเอามาเทียบกับ query builder/active record ได้อยู่แล้ว เพราะอย่างหลังมันทำงานเร็วกว่ามาก และมันคนละชนิดกัน

อ้างอิง http://phpixie.com/blog/php-framework-benchmark/
อ้างถึง
    In all the benchmarks I ran i used the shipped ORM or whichever datatase abstraction was present.

Well this is the problem. Kohana and Laravel all have Query Builders obviously ORM’s while CodeIgniter only has a Query Builder. You cannot run a benchmark that is ORM’s v Query Builders or you’re obviously going to get different results.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 กันยายน 2013, 14:41:15 โดย vii » บันทึกการเข้า

caremine
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 33
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 457



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 14:41:16 »

ผมชอบ CI นะใช้ง่ายดี(เพราะชินแล้วด้วยแหละ)


แต่ตอนนี้ใช้ laravel อยู่
บันทึกการเข้า

MapTwoZa
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 75
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 366



ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 15:24:08 »

เรื่อง performance มันเรื่องธรรมชาติครับ

ยิ่ง take design pattern เข้าไปในระบบมากแค่ไหน performance ก็ยิ่งต่ำลงครับ
เขียนแบบธรรมดา ยังไงก็เร็วกว่าเขียนแบบ mvc เรื่องปรกติ
หรือ query ธรรมดา ยังไงก็เร็วกว่า orm

แต่สิ่งที่ได้คืนมาคือ การพัฒนาอย่างเป็นระบบ การเพิ่มเติมส่วนต่างๆเข้าไปได้ง่าย แก้ไขส่วนต่างๆได้ง่าย
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญกว่าอยู่แล้วครับ

แล้วก็เรื่อง performance เรื่องเล็กครับ 50-100ms นี่ user แทบไม่เห็นความแตกต่าง
ไปโฟกัส ปัจจัยอื่นๆ ที่ impact performance มากกว่า php framework ดีกว่า
เช่นพวก content ใน html ที่ต้องโหลดหนักๆ เช่นพวกภาพ (ทำ lazy load ยัง ทำ interlace บนภาพยัง เป็นต้น)
หรือพวก ajax เอามาทำ lazy load centent ก็ช่วยเพิ่ม performance ได้เหมือนกัน


อีกอย่าง PHP มันไม่ใช่ภาษาที่เหมาะสำหรับเว็บที่เป็นระบบใหญ่ๆ หรือเว็บที่คนเข้าเยอะๆอยู่แล้วครับ
ยิ่ง request per seconds เยอะ ยิ่งกิน resource เยอะมาก

เคยอ่านเจอใน stackoverflow เค้าบอก server เค้าใช้ dell r410 ระบบพัฒนาด้วย JAVA รับ request 30,000 request/second ได้สบายๆ
1 วิมีคนกด refresh 3 หมื่นครั้ง ยัง handle ได้สบายๆ นี่ถ้าเพิ่ม spec server ไปแรงๆกว่านี้ เช่น supermicro 256GB of ram จะขนาดไหน
ซึ่ง java รองรับ load เยอะๆ ได้ดีกว่าอยู่แล้ว

อยากได้ performance เยอะๆ ระบบนิ่งๆ ไปพัฒนาบน java เถอะ อันนั้นเค้า enterprise class
ดีกว่ามานั่งเลือก php framework เสียเวลา 555+

ถ้าผมเลือก Lava ผมก็จะเลือกเพราะจะเน้นพัฒนาส่วน view มากกว่าส่วนอื่น
หรือถ้าผมเลือก Zend ผมก็จะเน้นพัฒนาส่วน controller มากกว่าส่วนอื่น

framework มันก็มีจุดเด่นของมัน อย่าไปคิดว่า เห้ยอันนี้ดีสุด อันนี้ performance ดีกว่า มันไม่ใช่ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 กันยายน 2013, 15:29:02 โดย MapTwoZa » บันทึกการเข้า

Good code quality Developer Cheesy
ossytong
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 138
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,151



ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 16:03:17 »

นี่ละชีวิตโปรแกรมเมอร์ มันต้องเปลี่ยนแปลงเสมอแล้วต้องยอมรับมันและปรับตัวให้ได้

Laravel กับ CI Performance ต่างกัน มันก้ไมไ่ด้มากขนาดนั้น แต่ Laravel มันทำให้คุณลดสมองในการคิดต่างๆลง และเพียงใส่ Logic เข้าไป
การเขียนโปรแกรมในสมัยนี้ ผมมองในระดับ Product เลยอะนะ มันต้องไปตัดกันที่ ไอเดีย ของบิซิเนสแล้ว

จะเอาเวลามาใช้ Model ของ CI ให้ลำบากไปทำไมมันช้า วันนึงมี ORM ที่มาพร้อมกับ Framework ดีๆมา ก็ปรับตัวกันไป ลดวามล้าลง ได้ Tools มาใช้มันทำให้เราประหยัดทรัพยากรลง

เราจะใช้เวลาน้อยกว่ามากยิ่งเทียบกับ CI นั่นทำให้ต้นทุนการ Dev เราต่ำลง

ส่วนเรื่อง PHP จะรับงาน Scale ไม่ได้ แล้วเราจะบอกว่าจะไม่ใช้มัน ไปใช้อันอื่นเลย อันนี้ผมมีทั้งเห็นด้วย และบางส่วนไม่เห็นด้วย อย่างที่บอก PHP มันต้นทุนถูกกว่า การเริ่มต้นการแข่งขันปัจจุบัน เราจะดูแต่เรื่อง ประสิทธิภาพของการเขียนโปรแกรมอย่างเดียวไม่ได้แล้ว มันต้องแข่งขันกันใน โลกบิซิเนสด้วย ยิ่งต้นทุนถูกเราก็ยิ่งแข่งขันได้มาก (เราคงไม่ใช้เฟอรารี่เป็นรถสำหรับจ่ายตลาด อามรณ์ประมาณนั้น)

PHP มันเหมาะมากสำหรับการเริ่มต้นในงาน Web Application ต่างๆ วันนึเราโตขึ้นใหญ่ขึ้น จะขยับไป ช่องทางอิ่นๆก็ไม่เสียหาย อย่างทุกวันนี้ ผมเห็นว่า Ruby On Rails จะน่าสนใจกว่า Java เพราะมันยุ่งยากน้อยกว่า มันจะได้คำตอบด้วยกับ เลือก laravel โดยทิ้ง CI นั่นแล่ะ เราต้องเขียนโปรแกรมที่อยู่บนโลกการค้าด้วย... บางอย่างเราต้องยอมลดอะไรบางอย่างเพียงนิดหน่อย เพื่อไปเพิ่มอะไรบางอย่างที่คุ้มค่ากว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 กันยายน 2013, 16:05:12 โดย ossytong » บันทึกการเข้า
MapTwoZa
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 75
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 366



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 16:19:18 »

แทบไม่มีใครใช้ JAVA ทำเว็บทั่วไปหรอกครับ (ผมยกมาแขวะเรื่อง performance เฉยๆ อยากได้แรงๆ ก็ไป java นู่น 555+)

ทำเว็บขนาดเล็ก PHP มันมาเป็นเบอร์ 1 อยู่แล้วครับ ต้นทุนเริ่มแรก ที่ถูกกว่าโคตรๆ หา host ได้ง่ายกว่าโคตรๆ ค่าใช้จ่ายรายเดือน/รายปี ถูกกว่าโคตรๆ หาคนทำแล้วได้ราคาถูกกว่าโคตรๆ หาคนมาทำหรือแก้ได้ง่ายกว่าโคตรๆ
อันนี้มันจุดเด่น php ตรงๆเลยครับ

ส่วนเรื่อง ruby มันเอาไปใช้คนละระดับกับ JAVA อยู่แล้วครับ
หรือพวก python หรือพวก node.js ก็เช่นกัน
พวกนี้ ผมมองว่าเหมาะกับพวกเว็บขนาดกลางครับ

แต่ JAVA เหมาะเอาไปทำพวก enterprise class มากกว่า
บันทึกการเข้า

Good code quality Developer Cheesy
ossytong
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 138
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,151



ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 16:24:01 »

แทบไม่มีใครใช้ JAVA ทำเว็บทั่วไปหรอกครับ (ผมยกมาแขวะเรื่อง performance เฉยๆ อยากได้แรงๆ ก็ไป java นู่น 555+)

ทำเว็บขนาดเล็ก PHP มันมาเป็นเบอร์ 1 อยู่แล้วครับ ต้นทุนเริ่มแรก ที่ถูกกว่าโคตรๆ หา host ได้ง่ายกว่าโคตรๆ ค่าใช้จ่ายรายเดือน/รายปี ถูกกว่าโคตรๆ หาคนทำแล้วได้ราคาถูกกว่าโคตรๆ หาคนมาทำหรือแก้ได้ง่ายกว่าโคตรๆ
อันนี้มันจุดเด่น php ตรงๆเลยครับ

ส่วนเรื่อง ruby มันเอาไปใช้คนละระดับกับ JAVA อยู่แล้วครับ
หรือพวก python หรือพวก node.js ก็เช่นกัน
พวกนี้ ผมมองว่าเหมาะกับพวกเว็บขนาดกลางครับ

แต่ JAVA เหมาะเอาไปทำพวก enterprise class มากกว่า

ผมขออนุญาติถามเป็นความรู้ครับ

คือ ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับ พี่คนนึงที่เคย เป็น TeamLead อยู่ ทอมสัน รอยเตอร์ ยุคแรกเลย เค้าให้ความเห้นว่า ในงาน Scale เองหลายๆที่ในโลก
ที่เค้าเป็น Code Review ให้อยู่ เค้าก็ใช้ ruby on rails เป็น enterprise เหมือนกัน

ผมเลยสงสัยว่า enterprise class ใน Java อันนี้ระดับไหนครับ ที่ ruby on rails จะไม่สามารถใช้งานได้

ส่วน node.js ผมมองว่า มันไม่สามารถบอกได้ว่า อยู่ในขนาดไหนได้ มันอยู่ได้ในทุกๆขนาดเลยนะครับ ถ้า node.js อยู่ในงานขนาดใหญ่จะมีปัญหาอะไรต้องระวังมั้ยครับ
เพราะผมแอบเห็น TrueMoney หรือ TrueLife นี่ละ มีการเทรนเรื่องนี้จะเอามาใช้อยู่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 กันยายน 2013, 16:26:20 โดย ossytong » บันทึกการเข้า
aprompt22
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 305



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 16:44:58 »

มาเก็บความรู้ ถึงงง....ง ก็เถอะ

เทพคุยกันมันเป็นจั๋งซี้น้ออออ...  wanwan014

 wanwan017

บันทึกการเข้า

รู้ไว้ดอทคอม เกร็ดความรู้ สาระสุขภาพความงาม
MapTwoZa
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 75
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 366



ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 16:54:15 »

1. หลักใหญ่เลยคือเรื่อง โครงสร้างภาษา ครับ โครงสร้างภาษา ของ Java มันแข็งแรงสุด แถมตรงตามที่เราออกแบบแทบจะเป๊ะๆ เพราะ java มันเป็น pure oo การ implement design pattern ต่างๆลงไป มันจะเป๊ะๆตาม design pattern นั้นๆเลย ตรงนี้มันทำให้เรา control structure project เราได้ดีครับ

2. primative data type ของ Java เป็น Immutable และทุกตัวแปลใน java จะเป็นลักษณะ pointer ครับ ในเบื้องต้นถ้ามีการใช้น้อยๆ มันจะเปลือง resource เยอะกว่าภาษาอื่นครับ แต่ถ้ามีการใช้เยอะๆเมื่อไหร่ มันจะประหยัดกว่าภาษาอื่น (ต้องลองไปหาอ่านเกี่ยวกับ primative data type ของ java ดูครับ ผมอธิบายไม่เก่ง) ( ตรงนี้แหละที่ผมคิดว่ามันเป็นเหตุผลที่ทำให้ java รับ request/second ได้เยอะกว่าอันอื่น )

3. java พัฒนาระบบ ได้ช้าสุดครับถ้าเอาไปเทียบกับภาษาอื่น ซึ่งเพราะโครงสร้างมัน strong นั่นเอง 55+

4. java performance ดีกว่า ruby เยอะ


ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็ลองหาอ่านได้ครับ google เอาเลย java vs ruby


ซึ่งประเด็นในการเลือกอะไร มาพัฒนาในระดับ enterprise class มันไม่ได้มีแค่นี้ครับ เช่น ระบบต้องการ dev ประมาณ 100 คน (แล้วมันหา java dev 100 คนยากน้อยแค่ไหนล่ะ ? เรื่องเงินเดือนอีกล่ะ เป็นต้น)
ซึ่งถามว่าในเชิงทฤษฎี ถ้าเราหา dev ได้ control เรื่อง slary ได้ control เรื่อง dev time ได้ java มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอยู่แล้ว


ทั้งๆที่ java แมร่งเหมาะพัฒนาระบบ enterprise class มากสุด แต่กับได้ market share น้อย เพราะมันหาคนทำยากสุดไงครับ ยิ่งต้องการเยอะๆด้วยแล้ว เงินเดือนก็แพง ทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย หนีไปใช้อันอื่นดีกว่า ประหยัดกว่าเยอะ 55+

facebook ยังเลือกเอา php มาใช้เลย โดยไปพัฒนา flipflop มาเป็น compiler เร่งประสิทธิภาพเอา

ผมว่าที่เค้าเลือก ruby มาใช้ มันต้องมีเหตุผลอื่นๆประกอบครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 กันยายน 2013, 16:57:19 โดย MapTwoZa » บันทึกการเข้า

Good code quality Developer Cheesy
ossytong
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 138
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,151



ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 20 กันยายน 2013, 16:56:38 »

1. หลักใหญ่เลยคือเรื่อง โครงสร้างภาษา ครับ โครงสร้างภาษา ของ Java มันแข็งแรงสุด แถมตรงตามที่เราออกแบบแทบจะเป๊ะๆ เพราะ java มันเป็น pure oo การ implement design pattern ต่างๆลงไป มันจะเป๊ะๆตาม design pattern นั้นๆเลย ตรงนี้มันทำให้เรา control structure project เราได้ดีครับ

2. primative data type ของ Java เป็น Immutable และทุกตัวแปลใน java จะเป็นลักษณะ pointer ครับ ในเบื้องต้นถ้ามีการใช้น้อยๆ มันจะเปลือง resource เยอะกว่าภาษาอื่นครับ แต่ถ้ามีการใช้เยอะๆเมื่อไหร่ มันจะประหยัดกว่าภาษาอื่น (ต้องลองไปหาอ่านเกี่ยวกับ primative data type ของ java ดูครับ ผมอธิบายไม่เก่ง) ( ตรงนี้แหละที่ผมคิดว่ามันเป็นเหตุผลที่ทำให้ java รับ request/second ได้เยอะกว่าอันอื่น )

3. java พัฒนาระบบ ได้ช้าสุดครับถ้าเอาไปเทียบกับภาษาอื่น ซึ่งเพราะโครงสร้างมัน strong นั่นเอง 55+

4. java performance ดีกว่า ruby เยอะ


ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็ลองหาอ่านได้ครับ google เอาเลย java vs ruby


ซึ่งประเด็นในการเลือกอะไร มาพัฒนาในระดับ enterprise class มันไม่ได้มีแค่นี้ครับ เช่น ระบบต้องการ dev ประมาณ 100 คน (แล้วมันหา java dev 100 คนยากน้อยแค่ไหนล่ะ ? เรื่องเงินเดือนอีกล่ะ เป็นต้น)
ซึ่งถามว่าในเชิงทฤษฎี ถ้าเราหา dev ได้ control เรื่อง slary ได้ control เรื่อง dev time ได้ java มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอยู่แล้ว


ทั้งๆที่ java แมร่งเหมาะพัฒนาระบบ enterprise class มากสุด แต่กับได้ market share น้อย

facebook ยังเลือกเอา php มาใช้เลย โดยไปพัฒนา flipflop มาเป็น compiler เร่งประสิทธิภาพเอา

ผมว่าที่เค้าเลือก ruby มาใช้ มันต้องมีเหตุผลอื่นๆประกอบครับ

 wanwan017 wanwan017

ผมว่าเพราะ ยากไปครับ ฮ่าาา
บันทึกการเข้า
lnwUthai
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5



ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 21 กันยายน 2013, 15:16:56 »

โอวมีแต่คนสุดยอด ผมเขียนเป็นแต่ php ci  wanwan012
บันทึกการเข้า

CakePHP
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 59



ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 21 กันยายน 2013, 16:07:22 »

1. หลักใหญ่เลยคือเรื่อง โครงสร้างภาษา ครับ โครงสร้างภาษา ของ Java มันแข็งแรงสุด แถมตรงตามที่เราออกแบบแทบจะเป๊ะๆ เพราะ java มันเป็น pure oo การ implement design pattern ต่างๆลงไป มันจะเป๊ะๆตาม design pattern นั้นๆเลย ตรงนี้มันทำให้เรา control structure project เราได้ดีครับ

2. primative data type ของ Java เป็น Immutable และทุกตัวแปลใน java จะเป็นลักษณะ pointer ครับ ในเบื้องต้นถ้ามีการใช้น้อยๆ มันจะเปลือง resource เยอะกว่าภาษาอื่นครับ แต่ถ้ามีการใช้เยอะๆเมื่อไหร่ มันจะประหยัดกว่าภาษาอื่น (ต้องลองไปหาอ่านเกี่ยวกับ primative data type ของ java ดูครับ ผมอธิบายไม่เก่ง) ( ตรงนี้แหละที่ผมคิดว่ามันเป็นเหตุผลที่ทำให้ java รับ request/second ได้เยอะกว่าอันอื่น )

3. java พัฒนาระบบ ได้ช้าสุดครับถ้าเอาไปเทียบกับภาษาอื่น ซึ่งเพราะโครงสร้างมัน strong นั่นเอง 55+

4. java performance ดีกว่า ruby เยอะ


ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็ลองหาอ่านได้ครับ google เอาเลย java vs ruby


ซึ่งประเด็นในการเลือกอะไร มาพัฒนาในระดับ enterprise class มันไม่ได้มีแค่นี้ครับ เช่น ระบบต้องการ dev ประมาณ 100 คน (แล้วมันหา java dev 100 คนยากน้อยแค่ไหนล่ะ ? เรื่องเงินเดือนอีกล่ะ เป็นต้น)
ซึ่งถามว่าในเชิงทฤษฎี ถ้าเราหา dev ได้ control เรื่อง slary ได้ control เรื่อง dev time ได้ java มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอยู่แล้ว


ทั้งๆที่ java แมร่งเหมาะพัฒนาระบบ enterprise class มากสุด แต่กับได้ market share น้อย เพราะมันหาคนทำยากสุดไงครับ ยิ่งต้องการเยอะๆด้วยแล้ว เงินเดือนก็แพง ทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย หนีไปใช้อันอื่นดีกว่า ประหยัดกว่าเยอะ 55+

facebook ยังเลือกเอา php มาใช้เลย โดยไปพัฒนา flipflop มาเป็น compiler เร่งประสิทธิภาพเอา

ผมว่าที่เค้าเลือก ruby มาใช้ มันต้องมีเหตุผลอื่นๆประกอบครับ

Java นี่ กากสุดๆ แล้ว Update ไม่ทันมีหวังโดนถล่ม พรุนแน่ๆ
ปิดรอยรั่วกันครั้งละ 40 จุดเลยทีเดียว
https://krebsonsecurity.com/20...ugs-40-security-holes-in-java/
ต่อไป Java จะเป็นเหมือน COBOL
บันทึกการเข้า
iLhay
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 411
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,368



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 21 กันยายน 2013, 16:16:39 »

1. หลักใหญ่เลยคือเรื่อง โครงสร้างภาษา ครับ โครงสร้างภาษา ของ Java มันแข็งแรงสุด แถมตรงตามที่เราออกแบบแทบจะเป๊ะๆ เพราะ java มันเป็น pure oo การ implement design pattern ต่างๆลงไป มันจะเป๊ะๆตาม design pattern นั้นๆเลย ตรงนี้มันทำให้เรา control structure project เราได้ดีครับ

2. primative data type ของ Java เป็น Immutable และทุกตัวแปลใน java จะเป็นลักษณะ pointer ครับ ในเบื้องต้นถ้ามีการใช้น้อยๆ มันจะเปลือง resource เยอะกว่าภาษาอื่นครับ แต่ถ้ามีการใช้เยอะๆเมื่อไหร่ มันจะประหยัดกว่าภาษาอื่น (ต้องลองไปหาอ่านเกี่ยวกับ primative data type ของ java ดูครับ ผมอธิบายไม่เก่ง) ( ตรงนี้แหละที่ผมคิดว่ามันเป็นเหตุผลที่ทำให้ java รับ request/second ได้เยอะกว่าอันอื่น )

3. java พัฒนาระบบ ได้ช้าสุดครับถ้าเอาไปเทียบกับภาษาอื่น ซึ่งเพราะโครงสร้างมัน strong นั่นเอง 55+

4. java performance ดีกว่า ruby เยอะ


ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็ลองหาอ่านได้ครับ google เอาเลย java vs ruby


ซึ่งประเด็นในการเลือกอะไร มาพัฒนาในระดับ enterprise class มันไม่ได้มีแค่นี้ครับ เช่น ระบบต้องการ dev ประมาณ 100 คน (แล้วมันหา java dev 100 คนยากน้อยแค่ไหนล่ะ ? เรื่องเงินเดือนอีกล่ะ เป็นต้น)
ซึ่งถามว่าในเชิงทฤษฎี ถ้าเราหา dev ได้ control เรื่อง slary ได้ control เรื่อง dev time ได้ java มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอยู่แล้ว


ทั้งๆที่ java แมร่งเหมาะพัฒนาระบบ enterprise class มากสุด แต่กับได้ market share น้อย เพราะมันหาคนทำยากสุดไงครับ ยิ่งต้องการเยอะๆด้วยแล้ว เงินเดือนก็แพง ทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย หนีไปใช้อันอื่นดีกว่า ประหยัดกว่าเยอะ 55+

facebook ยังเลือกเอา php มาใช้เลย โดยไปพัฒนา flipflop มาเป็น compiler เร่งประสิทธิภาพเอา

ผมว่าที่เค้าเลือก ruby มาใช้ มันต้องมีเหตุผลอื่นๆประกอบครับ

Java นี่ กากสุดๆ แล้ว Update ไม่ทันมีหวังโดนถล่ม พรุนแน่ๆ
ปิดรอยรั่วกันครั้งละ 40 จุดเลยทีเดียว
https://krebsonsecurity.com/20...ugs-40-security-holes-in-java/
ต่อไป Java จะเป็นเหมือน COBOL

ความกาก นี่วัดกันที่ไหนครับ

ผมมองว่ากระทู้พูดถึง "Performance" ของ framework แต่ละตัว หรือว่าภาษาต่างๆ

มากกว่าจะมาพูดเรื่อง Vulnerabilities (ซึ่งมีมันทุกภาษา ขึ้นอยุ่กับว่าจะปล่อย bug fix มาเร็วขนาดไหน)
บันทึกการเข้า

Wordpress Hosting


Wordpress Hosting เริ่มต้นปีละ 790 บาท NVMe SSD เร็ว 9000MB/s เร็วกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
Cloud Server เริ่มต้นเพียงเดือนละ 159 บาท พร้อมใช้ภายใน 1 นาที ผ่านระบบอัตโนมัติมีทั้ง Linux / Windows / DirectAdmin
สอบถามข้อมูลและแจ้งปัญหา 02-105-4417 ตลอด 24 ชั่วโมง
InwAekza
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 39
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 383



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 21 กันยายน 2013, 17:26:30 »

ใช้ CI อยู่ว่าจะลองตัวอื่นอยู่เหมือนกัน
บันทึกการเข้า

MapTwoZa
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 75
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 366



ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: 21 กันยายน 2013, 18:00:42 »

Java นี่ กากสุดๆ แล้ว Update ไม่ทันมีหวังโดนถล่ม พรุนแน่ๆ
ปิดรอยรั่วกันครั้งละ 40 จุดเลยทีเดียว
https://krebsonsecurity.com/20...ugs-40-security-holes-in-java/
ต่อไป Java จะเป็นเหมือน COBOL


ขอถามย้อนกลับนิดนึงนะครับ ไอรอยรั่ว 40 จุดเนี่ย เกิดจุดไหนมั่ง
หรือว่าเค้าบอก 40 จุดก็คิดว่ามันกาก หรือสรุปไปเลยอย่างั้นหรอครับ

อ่านแล้วฮาครับ

java เนี่ยนะจะโดนถล่มพรุน
ธนาคารแทบทุกธนาคาร ใช้ Java ในระบบของเค้าหมดแหละครับ
แทบทุกธนาคาร มี Java Programmer ครับ จะบอกว่าระบบธนาคารเนี่ยนะรั่ว ?

amazon ก็ใช้ java เป็นหลัก ไม่เห็นเค้าจะโดนถล่มพรุนเลยครับ

ไอที่รั่ว มันรั่วส่วน applet context ซึ่งมันมีการใช้งานน้อยครับ เช่นพวก browser plugins


บอกตรงๆ PHP รั่วกว่าเยอะครับ
developer ไม่เก่งก็รั่วบานครับ


ปัญหาเดียวของ Java คือ หา dev ยาก แถมต้องใช้ dev เก่งๆอีก แถมค่าตัวแพงอีก
ตัวอย่าง บริษัทนี้ จ่ายหนักเพื่อ java ee programmer start ได้เกิน 1แสนบาท เลยครับ
http://th.jobsdb.com/TH/TH/Sea...ail?jobsIdList=300003000627974
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 กันยายน 2013, 18:07:45 โดย MapTwoZa » บันทึกการเข้า

Good code quality Developer Cheesy
CakePHP
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 59



ดูรายละเอียด
« ตอบ #19 เมื่อ: 21 กันยายน 2013, 19:20:11 »

Java นี่ กากสุดๆ แล้ว Update ไม่ทันมีหวังโดนถล่ม พรุนแน่ๆ
ปิดรอยรั่วกันครั้งละ 40 จุดเลยทีเดียว
https://krebsonsecurity.com/20...ugs-40-security-holes-in-java/
ต่อไป Java จะเป็นเหมือน COBOL


ขอถามย้อนกลับนิดนึงนะครับ ไอรอยรั่ว 40 จุดเนี่ย เกิดจุดไหนมั่ง
หรือว่าเค้าบอก 40 จุดก็คิดว่ามันกาก หรือสรุปไปเลยอย่างั้นหรอครับ

อ่านแล้วฮาครับ

java เนี่ยนะจะโดนถล่มพรุน
ธนาคารแทบทุกธนาคาร ใช้ Java ในระบบของเค้าหมดแหละครับ
แทบทุกธนาคาร มี Java Programmer ครับ จะบอกว่าระบบธนาคารเนี่ยนะรั่ว ?

amazon ก็ใช้ java เป็นหลัก ไม่เห็นเค้าจะโดนถล่มพรุนเลยครับ

ไอที่รั่ว มันรั่วส่วน applet context ซึ่งมันมีการใช้งานน้อยครับ เช่นพวก browser plugins


บอกตรงๆ PHP รั่วกว่าเยอะครับ
developer ไม่เก่งก็รั่วบานครับ


ปัญหาเดียวของ Java คือ หา dev ยาก แถมต้องใช้ dev เก่งๆอีก แถมค่าตัวแพงอีก
ตัวอย่าง บริษัทนี้ จ่ายหนักเพื่อ java ee programmer start ได้เกิน 1แสนบาท เลยครับ
http://th.jobsdb.com/TH/TH/Sea...ail?jobsIdList=300003000627974

1. ถ้า Java มันดีจริง Sun Microsystems คงไม่สูญพันธ์
2. ตั้งแต่เปิดตัว Java 5 ปี 2004 มา จาวายังไม่มีฟีเจอร์เด่นๆ เลย
กำลังรอ Java 8 เค้าว่าปีหน้าจะเปิดตัว ถ้ายังไม่มีฟีเจอร์ดีๆ อีก ขอให้มันสูญพันธ์
3. Java อยู่ได้เพราะ IBM กะ Oracle มันหนุนหลัง ไว้สู้กะ Microsoft
ราคาของซอฟแวร์พวกนี้แพงระยับ เปลืองทรัพยากรมากมาย เช่น Websphere สินค้าตั้งต้นของ IBM
เหมาะสำหรับองค์กรที่ค่อนข้างรวยเท่านัน
4. ภาษา RGP, ABAP, COBOL พวกนี้ก็เงินเดือนแพงเหมือนกัน ถ้ามีประสบการณ์ตรงในสายงานนั้นๆ

แค่นี้ก่อนว่างๆ จะมาเขียนใหม่
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3   ขึ้นบน
พิมพ์