ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปEbay | PayPalการขายของในอีเบย์ กับ แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
หน้า: [1] 2 3   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: การขายของในอีเบย์ กับ แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง  (อ่าน 8416 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
porpeangseller
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 53
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 131



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 16:36:53 »

ขอแนะนำตัวก่อนครับ

ผมชื่อ กนล นภาพงศ์, ปัจจุบัน ภรรยา 1, ลูก 2 ชาย+หญิง, กิ๊ก 0

ปัจจุปันประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยทำร้านวิซีดีให้เช่า แต่รายได้เริ่มไม่ค่อยจะพอใช้ เลยต้องหาลู่ทางอื่นเสริมรายได้ครับ

ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ จะซื้อหนังสือบ่อยมาก ซื้อเดือนหนึ่งก็หลายๆเล่ม
โดยส่วนมาก หนังสือที่ซื้อจะเกี่ยวกับการหารายได้
ไม่ว่าจะเป็นหนังสือการลงทุนในหุ้น วิธีประสบความสำเร็จจากคนดังๆ และความรู้เกี่ยวกับการหาเงินทางอินเตอร์เน็ต

หลังจากที่ได้ลองผิดลองถูกมาหลายอย่าง ผมก็เริ่มคิดได้ว่า ผมควรที่จะเริ่มจริงจังแบบสุดลิ่มทิ่มประตูซักเรื่องนึง
เพราะที่ผ่านมา ผมสรุปได้ว่า ผมชอบที่จะทำอะไรแบบฉาบฉวย
แบบที่เรียกว่า เอาแค่พอรู้ หรือ พอได้ชื่อว่าเคยทำนี้ ซึ่งเป็นการเสียเวลาที่ไม่คุ้มค่าเอาซะเลย

ผมอยากมีรายได้จากทางอินเตอร์เน็ตครับ
เพราะความที่มีงานประจำอยู่แล้ว ผมคิดเอาเองว่า ถ้าหาเงินทางอินเตอร์เน็ตได้ก็คงจะดี
เหมือนมีรายได้สองทาง คือสามารถหาเงินจากอินเตอร์เน็ตได้พร้อมๆกับ ที่ยังทำงานประจำอยู่
ถ้าทำได้ดี ก็จะได้ตั้งใจทำให้เป็นรายได้หลักกันไปเลย

ผมก็เลยมานั่งวิเคราะห์ตัวเองก่อนว่า เราเชี่ยวชาญและมีความรู้เรื่องอะไรมากที่สุดกันแน่??
หลังจากที่ทดลองให้ภรรยาตั้งคำถามเกี่ยวกับการหาเงิน และให้ผมลองตอบดู
บวกกับยอมเสียเวลา นั่งเขียนความรู้เกี่ยวกับการหาเงินในอินเตอร์เน็ตที่สะสมไว้ในหัว เพื่อให้รู้ว่า เรารู้จริงเรื่องอะไรกันแน่?

ผมพบว่า ผมน่าจะมีความรู้เกี่ยวกับอีเบย์มากที่สุด
อาจจะเป็นเพราะผมมีหนังสือเกี่ยวกับอีเบย์เยอะที่สุดในบ้าน
หรืออาจจะเพราะผมได้เคยลองซื้อขายจริงมาแล้ว
แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเทียบกับการหาเงินทางเน็ตแบบอื่นนั้น ต้องเรียกว่าผมมีพื้นฐานของอีเบย์ดีพอสมควร
ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจ กลับมาลุยขายของผ่านอีเบย์อีกรอบ
โดยรอบนี้นั้น ตั้งใจว่าจะขายให้ได้จนกว่าจะประสบความสำเร็จ ไม่ท้อ ไม่เลิกกลางทางอย่างเด็ดขาด

ทีนี้ก็มาถึงคำถามล่ะครับ ว่าจะขายอะไรดี??
ผมคิดว่าเพื่อนๆเกือบทุกคนก็จะต้องคิดหนักกับคำถามนี้แน่นอน
เป็นเวลาเกือบเดือนที่ผมลองมองหาว่าสินค้าตัวไหนที่น่าจะขายได้
เรียกว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมดูจะกลายเป็นตัวประหลาดเลยทีเดียว
เพราะตลอดทั้งวัน ผมคิด แต่ว่า อะไรที่น่าจะขายได้ในอีเบย์?
ผมเกือบจะถามภรรยาผมทุก 5 นาทีว่า คิดว่าไอ้เจ้า........ นี้เนี่ย มันจะขายได้มั้ย?

หลังจากที่ผมได้คิดวางแผนการขายในครั้งนี้เสร็จสิ้น
ผมสรุปว่า ผมจะหาสินค้าที่อยู่ในตลาดกลุ่มเฉพาะ (Niche Market) , ผลิตได้ในไทย เพื่อให้สู้ราคาขายกับคู่แข่งในต่างประเทศได้
ตอนนี้สินค้าจากจีน กำลังมาแรงครับ ในอีเบย์ มีแต่ของราคาถูกจากจีนขายเต็มไปหมด
หากผมไม่สามารถหาของที่แข่งขันในเรื่องราคาได้ ผมว่าผมไปไม่รอดแน่ๆ

ผมไม่ชอบสินค้าแบรนเนม เพราะผมเป็นคนไม่ใช้ของแบรนเนม
ผมคิดว่าหากผมไม่เข้าใจสินค้าที่ผมจะขาย ผมก็ไม่ควรที่จะขาย

ซึ่งในระหว่างนั้น ผมก็พบกับปัญหาในการเลือกสินค้ามาขายมากมาย
เช่น สินค้าที่เล็งไว้ ราคาสูงเกินไปบ้าง,ค่าส่งไม่คุ้ม,ไม่รับส่ง,ผิดกฏการขาย,คู่แข่งเยอะ ฯลฯ

โดยช่วงที่กำลังกลุ้มๆ ไม่รู้จะเอาอะไรมาขายดี
บังเอิญผมได้มาจัดตู้หนังสือใหม่ และได้เจอหนังสือเล่มหนึ่งวางแอบๆอยู่ในตู้
ผมซื้อหนังสือเล่มนี้มานานแล้ว แต่อ่านไม่จบ
ซึ่งต้องเรียกว่า แทบจะเป็นหนังสือเล่มเดียวที่ผมซื้อมาแล้วอ่านไม่จบเลยทีเดียว

มันคือ หนังสือเกี่ยวกับเศษฐกิจพอเพียง นั่นเองครับ

หนังสือเล่มนี้ผมซื้อเก็บไว้นานมากแล้ว แต่ที่อ่านไม่จบ เพราะผมอ่านแล้วไม่เข้าใจเลยครับ
อ่านแล้วก็รู้สึกง่วงๆ ไม่ได้ซึมเข้าหัวเลยแม้แต่น้อย

ปกติแล้ว ผมมักชอบอ่านหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับ ทำอย่างไรถึงจะรวย เล่นหุ้นอย่างไรถึงจะดี
แต่หนังสือเศรษฐกิจพอเพียงนั้น แทบไม่ได้มีเขียนถึงวิธีทำให้ "รวย" เลยแม้แต่น้อย
 
ผมอยากรวยครับ
ผมมีนักเขียนสุดโปรดของผมหลายคน หนังสือของเขาเหล่านี้นั้น ผมอ่านเกือบ 10 รอบขึ้นไปทั้งนั้น
ขอผมยกตัวอย่างซักเล็กน้อยนะครับ
 
1. โรเบิร์ต ที คิโยซากิ - ผู้เขียนหนังสือ Rich Dad Poor Dad, หนังสือชุดนี้ คุณแม่เป็นผู้มอบให้ผมอ่านผมอ่าน
ผมถือว่าเป็นหนังสือที่เป็นจุดเริ่มต้นของผมเลยทีเดียว ผมอ่านได้ไม่เคยเบื่อ ว่างๆก็หยิบมาอ่านเล่นอยู่เสมอๆ

2. วอร์เรน บัฟเฟตต์ - สุดยอดนักลงทุน อันดับหนึ่งของโลก ด้วยแนวความคิดที่เรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง บวกกับอารมณ์ขันแบบฉลาดๆ
ก็สามารถทำให้ผมอ่านหนังสือของเขาได้หลายรอบเหมือนกัน

3. ปีเตอร์ ลินซ์ - สุดยอดนักลงทุน ที่ใครก็ต้องยกนิ้วให้ หนังสือของเขา สนุกสนาน โลดโผน เหมือนกับหนังจีนกำลังภายใน
ยิ่งอ่านก็ยิ่งมันส์ และด้วยแนวความคิดระดับอัจฉริยะของเขา ที่มักจะล้อเลียนความงี่เง่าของตนเองอยู่บ่อยๆ
ทำให้การอ่านหนังสือเรื่องลงทุนในหุ้นของเขานั้น กลายเป็นหนังสือตลกได้ได้อย่างง่ายดาย

4. ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร - นักลงทุนแบบ Value invester ที่ประยุกต์ใช้หลักการของ วอร์เรน บัฟเฟตต์+ปีเตอร์ ลินซ์ กับเมืองไทยได้อย่างยอดเยี่ยม บวกกับการล้อเลียนเรื่องราวแย่ๆในการลงทุนแบบไทยๆ ให้เป็นเรื่องตลกและเข้าใจง่าย ทำให้ผมต้องประกาศตัวเป็นแฟนคลับของเขาเลยทีเดียว

แล้วสำหรับ "เศรษฐกิจพอเพียง" ล่ะ??
ผมได้ยินผู้คนพูดถึงคำนี้มานานแล้ว แม้แต่ ดร.นิเวศน์ เอง ก็พูดถึงอยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้ศึกษาลึกซึ้งให้มากนัก
เพราะไม่มีใครพูดว่า "ใช้เศรษฐกิจพอเพียงแล้วรวย!!!" เลยซักคน

สิ่งที่ติดอยู่ในหัวของผมก็คือ โฆษณาชุดหนึ่ง
เป็นโฆษณาที่ดีมาก ผมคิดว่าหลายคนก็คงมีโอกาศได้เห็น
http://www.porpeanglife.com/me...View=date&id=39&page=7

สำหรับผม นิยามของคำว่า เศรษฐกิจพอเพียง ก็เหมือนกันกับโฆษณาเรื่องนี้แหล่ะครับ
แต่ล่ะคนช่วยๆกัน, คนรอบๆตัวมีรายได้ที่ดีขึ้น และ มีความสุข

กลับมาที่ปัญหาในการหาสินค้าเพื่อไปขายในอีเบย์ของผมต่อนะครับ
ผมคิดว่าสิ่งที่ผมต้องการในตอนนี้ ก็คือการเปลี่ยนบรรยากาศซะบ้าง
โดยพักจากการนั่งคิดว่าจะขายอะไร เท่าไร ยังไง, มาเป็นทำอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกันบ้าง
ถือเป็นการผ่อนคลาย และ เผื่อจะได้ไอเดียอะไรใหม่ๆบ้าง

ระหว่างที่อ่านๆไปได้ซักพัก ผมก็มาคิดว่า ในอีเบย์นี้ จะมีของเกี่ยวกับในหลวงขายบ้างมั้ยนะ?
ถ้าเราเกิดไปอยู่ในอเมริกา แล้วเกิดคิดถึงในหลวง เราจะไปหาซื้อสินค้าเกี่ยวกับในหลวงได้ยังไงกันนะ?

ผมรีบเก็บหนังสือ ทั้งๆที่ยังอ่านไปได้ไม่ถึงบท แล้วเปิดอีเบย์ หาสินค้าเกี่ยวกับในหลวง
ผมพบว่า มีสินค้าเกี่ยวกับในหลวงน้อยมาก ส่วนมากเป็นสแตมป์ซะด้วยซ้ำ

ผมเลยคิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาศที่ดี ที่จะหาสินค้าเกี่ยวกับในหลวงมาขาย
เพราะอะไรครับ?? เพราะสินค้าเกี่ยวกับในหลวงนั้น ตรงกับเงื่อนไขที่ผมวางได้หลายข้อ

หาได้ที่ประเทศไทยที่เดียว = อันนี้คงไม่ต้องอธิบาย

ผมเข้าใจสินค้า  =  ผมเข้าใจว่าคนไทยทุกคนก็คงเข้าใจ

เป็นสินค้าที่อยู่ในตลาดกลุ่มเฉพาะ (Niche Market) = เหมาะกับคนไทยในต่างประเทศไงครับ เป็นกลุ่มเฉพาะที่มีขนาดน่าสนใจทีเดียว
ผมคิดว่า น่าจะมีคนไทยที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ น่าจะมีเกิน 1 แสนคน
แล้วลองนึกดูซิครับว่า หากคุณอยู่ต่างประเทศแล้วอยากได้รูปในหลวงซักรูป จะไปหาที่ไหนได้ล่ะครับ?
(ผมลองใช้กูเกิ้ลหาข้อมูลดู โดยพิมพ์ "จำนวน คนไทย ในต่างประเทศ" ผลที่ได้คือ ใกล้เคียงกับที่ผมประมาณมาก)

ผลิตได้ในไทย = ผมไม่คิดว่าประเทศจีนจะมีโรงงานผลิตสินค้าเกี่ยวกับในหลวง
ดังนั้น ผมไม่ต้องปวดหัวว่า จะมีใครเอาของจากเมืองจีนมาขายแข่งด้วย

ให้สู้ราคาขายกับต่างชาติได้ = ถ้าฝรั่งมาซื้อเกี่ยวกับในหลวงในไทย เขาคงซื้อถูกกว่าผมไม่ได้แน่นอน

หลังจากที่ผมคิดว่าผมน่าจะขายสินค้าเกี่ยวกับในหลวง ผมก็ลองเขียนรายชื่อสินค้าที่เกี่ยวกับในหลวงมาจำนวนหนึ่ง
ซึ่งผมก็พอจะรู้อยู่บ้างว่า สินค้าเหล่านี้ขายอยู่แถวไหน... ดังนั้นผมไม่รอช้าเลยครับ รีบแต่งตัวอาบน้ำออกไปดูสินค้าจริงกันเลยดีกว่า

ภรรยาสุดสวยแสนดีของผมถามว่า จะอาบน้ำแต่งตัวออกไปไหน?? ผมก็บอกว่า จะหาสินค้าเกี่ยวกันในหลวงมาขายซักหน่อย
เจ้าหล่อนบอกให้รอเดี๋ยว แล้วก็เดินหายขึ้นไปข้างบนซักพักหนึ่ง และ กลับลงมาพร้อมกับโปสการ์ดปึกใหญ่

ปรากฏว่า โปสการ์ดปึกใหญ่นั้น มีโปสการ์ดรูปในหลวงสวยๆหลายแบบ และมียังมีลายอื่นที่ดูสวยอีกหลายแบบเลยทีเดียว
แฟนผมบอกว่า เธอซื้อมา กะว่าจะใช้แจกญาติ แจกลูกค้า, แต่แจกมาหลายปีแล้ว ยังไม่หมด
ผมมองดูแล้ว คิดว่า ถึงมันจะเป็นรูปในหลวงเหมือนกัน แต่ก็เป็นแค่โปสการ์ด ผมอยากได้สินค้าที่ดูดีกว่านี้
เมื่อผมบอกความคิดผมให้ภรรยาสุดที่รักฟัง เธอก็ตอบกลับมาว่า
"ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สิ้นปี,ราวปลายเดือนพฤศจิกายน น่าจะมีคนอยากซื้อโปสการ์ดเพื่อเอาไว้แจกคนรู้จักนะ
แถมยังไม่ต้องเปลืองเงินไปซื้อของที่ไม่รู้ว่าจะขายได้รึเปล่า สู้เราใช้ของๆเราให้หมดก่อนจะดีกว่า"

ในเวลานั้น ผมต้องเงียบไปซักพัก เพื่อให้ผมได้มีเวลาย่อยแนวคิดของภรรยาผม
และผมก็พบว่าสิ่งที่ผมคิดจะทำนั้น "พอเพียง" สู้ที่ภรรยาคิดจะทำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

1. ผมคิดจะเสียเงินซื้อสินค้า, ไม่ว่ามันจะถูกหรือแพง, มันก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องนำเงินบ้านมาใช้ ในขณะที่แนวคิดของภรรยาผม
มันคือของฟรี เพราะซื้อมาไว้นานแล้ว แถมใช้ปีล่ะครั้ง แล้วก็ถูกเก็บดองอยู่ในห้องเก็บของ หากเอามาขายให้หมด ก็น่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบ้าน
แม้จะได้ไม่กี่บาทก็ตาม
(ซึ่งภรรยาผมก็มีหลัการเหมือนกับกฎของวอเรน บัพเฟ็ต ที่ว่า ข้อ1. อย่าเสียเงิน ข้อ2. ให้กลับไปดูข้อ 1.)

2. เป็นสินค้าที่ตรงต่อความต้องการของตลาดในขณะนั้น
เป็นหลักธรรมชาติมากๆว่า เมื่อถึงฤดูฝน การทำนาก็ให้ผลดี, เมื่อถึงสิ้นปี คนก็ต้องใช้โปสการ์ดอวยพร เป็นธรรมดา
การที่ผมพยายามจะไปหาสินค้ากับในหลวง ซึ่งอาจจะเป็นรูปภาพ โปสเตอร์ โดยคิดว่า อาจจะมีคนซื้อเพื่อนำไปใช้เป็นของขวัญนั้น
เมื่อเทียบกับ คนที่คิดจะซื้อโปสการ์ดเพื่อนำไปแจกช่วงปีใหม่แล้ว อย่างหลังน่าจะมีคนซื้อเยอะกว่าแน่นอน

3. การขายโปสการ์ดที่เหลือในบ้านนั้น ย่อมสร้างรอยยิ้มและความสุขให้แก่ภรรยาผมแน่นอน เพราะไม่ต้องเปลืองเงินไปซื้อของ
ไม่ต้องทะเลาะกันเพราะขัดใจ (ที่ไม่ยอมขายของที่ฉันหามาให้) และหากขายได้ ภรรยาผมย่อมดีใจ เพราะเป็นไอเดียของเธอด้วย
ผมคิดว่า ความสุขของคนข้างๆ สำคัญกว่าความภูมิใจไร้สาระส่วนตัวของผม
ผมจึงตกลงที่จะเริ่มขายโปสการ์ดในหลวง และ โปสการ์ดสวยๆแบบอื่นๆที่ภรรยาผมนำมาให้

หลังจากที่ทำโฆษณา และ แปะไว้ในอีเบย์ ตอนช่วงค่ำ
ผมต้องประหลาดใจอย่างมากที่ เช้าวันรุ่งขึ้น มีคนเข้ามาประมูล(Bid) ทันที
และก็ต้องประหลาดใจอย่างที่สุด เมื่อ สามวันให้หลัง โปสการ์ดที่วางขายไว้นั้น ถูกประมูลถึง 7 ใน 10 แบบ

แม้จะได้กำไรจากการขายน้อยมาก แต่นั้นก็คือกำลังใจ และ ความตื่นเต้น
คิดดูซิครับว่า มีกี่คนที่วางสินค้าขายตอนแรกแล้ว ขายไม่ได้
คิดดูซิครับว่า มีคนอื่น ต้องเสียเงินค่าวางสินค้าไปเท่าไร กว่าจะขายของชิ้นแรกได้
นี้ทำให้ผมนึกถึงความรู้สึกของปีเตอร์ ลินส์ ที่เขาซื้อหุ้น(ฟลายอิ้งไทเกอร์)เป็นตัวแรกในชีวิต
แล้วต่อมา หุ้นตัวนี้ขึ้นราคาไปถึงเป็นสิบเท่า (สิบเด้งในภาษาของลินซ์)
เขากล่าวว่า หากประสบการณ์ครั้งแรกในการซื้อขายหุ้นของคุณเป็น หุ้นสิบเด้ง, หลังจากนั้น คุณก็คงจะไม่สนใจคำพูดที่ไม่ดีเกี่ยวกับหุ้นอีกเลยล่ะ

ในรายการขายนั้น มีลูกค้าผู้หญิง เป็นคนไทยที่อยู่อเมริกา ต้องการซื้อโปสการ์ดในหลวงรวมกันมากกว่า 10 ใบ
เธอบอกว่า จะเอาไปให้ญาติผู้ใหญ่ของเธอ เธอดีใจมากที่ได้โปสการ์ดรูปในหลวงไปกราบญาติผู้ใหญ่ของเธอ
มีคนอิตาลี ซื้อโปสการ์ดลายในหลวง (ไปทำไมก็ไม่รู้) 1 ใบ
และมีคนอเมริกาอีก หลายคน ที่ซื้อแบบสวยๆ ซึ่งจะเป็นรูป ลายไทย + ลายภาพสีน้ำ อีกคนล่ะ หลายๆใบ ซึ่งผมมาคิดได้ในภายหลังว่า
นี่น่าจะเรียกว่าเป็นการ Cross selling เพื่อเพิ่มโอกาศขาย โดยได้มาจากสามัญสำนึกของภรรยาผมมากกว่า
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับลูกค้าหญิงคนแรกนั้น เธอประทับใจ และ พอใจในสินค้าเป็นอย่างมาก
ซึ่งต่อมาเธอได้ให้คำแนะนำดีๆเกี่ยวกับการขายของในอีเบย์กับผมหลายอย่าง

สรุปการซื้อขายครั้งนี้นั้น น่าจะได้กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่น่าจะเกิน 200 บาท
แต่ถ้าลองสังเกตให้ดี คุณจะเห็นได้ว่า แค่การขายโปสการ์ดถูกๆ ก็สามารถสร้างรอยยิ้ม และ ความรู้สึกที่ดีให้กับคนได้หลายคน
ทั้งภรรยาผม, ลูกค้าหญิงคนแรก, ลูกค้าจากอิตาลี ซึ่งเมล์มาขอบคุณและพูดคุยเป็นอย่างดี, และมีลูกค้าอีกหลายคนที่ถูกใจในโปสการ์ดที่ได้ไป

ผมพบว่า ผมได้พบอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก
สิ่งที่ผมได้ทำลงไปทั้งหมดนั้น มีความใกล้เคียงกับโฆษณาชุมชนเป็นสุขที่ผมเคยดู
แม้เนื้อเรื่องจะไม่เหมือนกัน แต่เนื้อหาใจความและผลที่ผมได้รับนั้น มีความใกล้เคียงกันมาก

นี้ทำให้ผมรู้สึกอยากเรียนรู้เกี่ยวกับแนวความคิดเศรษฐกิจพอเพียงให้มากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ผมอยากรู้ ผมน่าจะหาได้จากหนังสือเศรษฐกิจพอเพียงที่ผมยังอ่านไม่จบ

ในตอนนั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเศรษฐกิจพอเพียง จริงๆแล้วคืออะไร
แต่ที่แน่ๆ ผมได้ทำให้เกิดความสุขแก่คนรอบตัวผม สร้างความพอใจให้กับลูกค้า
สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่รอบตัวได้อย่างคุ้มค่า
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ น่าจะพอเรียกได้ว่าเป็นก้าวแรกของเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับคนรู้ไม่จริงอย่างผม

ผมจึงตัดสินใจว่า ต้องรีบอ่านหนังสือเศรษฐกิจพอเพียงให้จบซักหลายๆรอบ
เผื่อจะได้แนวคิดดีๆนำมาปรับใช้กับการขายของในอีเบย์ต่อไป

ตอนต่อไป

"เมื่อผมต้องตกตะลึงกับเศรษฐกิจพอเพียงที่หลังบ้านผม"

___________________________
ใครนั่งขายของว่างๆ เหงาๆ ไม่มีอะไรทำ
ก็มานั่งคุยกับผมได้นะครับ มีปัญหาจะได้ปรึกษาหารือกันด้วย
ขายของคนเดียว ผมว่ามันจะท้อแท้ง่ายครับ
p o r p e a n g s e l l e r @hotmail.com (พิมพ์เอง ไม่ต้องเว้นวรรคนะครับ)
http://www.porpeangseller.com
บันทึกการเข้า

workshop
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 68
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,131



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 16:49:59 »

ขอบคุณมากๆ ครับ
แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงปรับใช้กับอะไรก็ได้จริงๆ
ขึ้นอยู่กับเราจะนำแนวคิดไปใช้อย่างถูกวิธีไหม
บันทึกการเข้า

torrentlive.net/signup.php?refer=workshop Refer เวปบิท (ยังเปิดรับอยู่)
deepsnows
Verified Seller
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 108
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 887



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 16:52:08 »

ขอบคุณครับ มารออ่านต่อ Smiley
บันทึกการเข้า

navico
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 108
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,315



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 17:02:19 »

อยากอ่านเหมือนกันครับ
บันทึกการเข้า
oil1984
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 362



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 17:15:08 »

เยี่ยมๆจริงๆ :Smiley
บันทึกการเข้า
catz001
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 607



ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 19:16:21 »

น่าเสียดายแทนคนบางกลุ่มในสังคมที่มองไม่เห็นคุณค่าของเศรษฐกิจพอเพียง
บันทึกการเข้า
BB
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 184
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,323



ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 20:12:36 »

เป็นบทความที่ดีมากเลยครับ ผมรู้สึกโชคดีมากเลยครับ
ที่ได้เกิดมาในประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ ห่วงใยประชาชน
ทรงสอนอะไรหลายๆอย่างที่เราสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์
และที่สำคัญเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย ดีใจจัง  Smiley
บันทึกการเข้า

charts
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 30



ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 21:08:29 »

เป็นบทความที่ดีมากเ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
Step9
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 122
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,518



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 21:11:12 »

 Kiss ดีครับดีครับ
บันทึกการเข้า

siamman
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 21:14:40 »

โพสต์คุณภาพมากครับ +1
บันทึกการเข้า
moneyjr
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 46
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,275



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 21:18:36 »

สุึดยอดครับ +1 ไปเลย Smiley
บันทึกการเข้า

dot
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 25
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 758



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 21:38:36 »

เรียริตี้ นี้  หวังว่าจะมีตอนจบนะครับ ติดตามๆ .. เห็นหลาย เรียริตี้ ไม่มีตอนจบ  Grin
บันทึกการเข้า

bestpositionno.1
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 22
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 316



ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 21:49:54 »

อ่านง่ายดีครับ Cheesy
บันทึกการเข้า
iesuck
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 208



ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 22:05:06 »

ขอบคุณสำหรับบทความครับ  Smiley
บันทึกการเข้า
PositiveThinking
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 107
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,605



ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 22:49:21 »

ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า

การทำงานทุกอย่างต้องมีอุปสรรคทุกคนจึงกลัวอุปสรรค แต่อุปสรรคกลัว...คนทำจริง
ohmohm
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 170
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,098



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 22:50:02 »

ขอบคุณด้วยคนครับ
ขายแสตมป์ด้วยซิครับ
บันทึกการเข้า
mininoz
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 14
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 100



ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2009, 23:09:28 »

ขอบคุณครับ
   มันมากครับ รอตอนต่อไปครับ มาเร็วๆ นะครับ ^^
บันทึกการเข้า

Thank  ของคุณๆ มีค่านับหมื่นแสน
สมถะมหาทรัพย์
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 40
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,204



ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2009, 18:23:45 »

ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะขายอะไรดี  อืมมมม....ขอขายบ้างจะน่าเกลียดไหมครับเนี่ย.... Embarrassed     Embarrassed      Embarrassed
บันทึกการเข้า

pguroo
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 484



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2009, 14:48:04 »

เป็นแรงบันดาลใจที่ดีมากครับ
บันทึกการเข้า

mom
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7



ดูรายละเอียด
« ตอบ #19 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2009, 15:48:44 »

 Kiss  เป็นบทความที่ดีมากๆๆ ทำให้ได้ข้อคิด...ชอบๆ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3   ขึ้นบน
พิมพ์