ผมขอพูดฐานะนายจ้างนะ (ถึงจะไม่ได้คุมทั้งหมดก็เถอะ)
เหตุที่นายจ้างคุณถึงไล่คุณออกจริงๆ ก็เหมือนที่หลายคนพูด คือ เราทำนอกเหนือคำสั่ง
สมมุติให้มามองฐานะเป็นนายจ้างนะครับ สมมุติว่าสั่งลูกน้องทำอย่างหนึ่ง แล้วลูกน้องทำอีกอย่าง
แม้จะเกิดผลประโยชน์ให้ก็เถอะ แต่
มันจะเกิดความคิดแบบนี้ในหัวคนเป็นนายจ้าง- ไม่สามารถคุมลูกน้องได้ถ้านายจ้างไม่สามารถชี้ไม้ แล้วสั่งให้ลูกน้องเรียกว่านกได้
แล้วจะคุมคนได้ไหมครับ เกิดมีคนแข็งข้อมากๆ ขึ้น
"อำนาจ" จะยังอยู่กับคนเป็นนายจ้างไหมครับ
เรื่องนี้เกิดบ่อยมาก เพราะมันทำให้ลูกจ้างจะพยายาม
"สำคัญตัวมากเกินปกติ"เรื่องนี้มันลึกกว่ามาก ถ้าภายในกลุ่มลูกจ้าง มีการตั้งกลุ่มก้อนขึ้นมา มันคงไม่สวยแน่ๆ
ถ้ามีการรวมก๊วนขอขึ้นค่าแรง หรือสไตรค์ยกทีม (เหตุ - คนอื่นทำตาม เพราะคิดว่าคนๆ นั้น น่าเชื่อถือว่านายจ้าง)
- เราโง่กว่าลูกจ้าง เราทำผิดพลาด (เสียหมาแล้วเรา)นี้ก็เรื่องจริง เพราะมันจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า "เสียหน้า"
พอเกิดสิ่งนี้ปุ๊ป ในหัวนายจ้างจะร่างสิ่งที่เรียกว่า "อคติ" ขึ้นมา
ลูกจ้างคนไหนที่อยู่ในอคติของนายจ้าง ต่อให้ท่านทำให้เขาได้ร้อยล้าน แต่เขาไม่สบายใจ
เขาก็ไม่คิดจะเอาไว้หรอก
จริงๆ ยังมีอีกหลายอย่าง ที่แตกย่อยไปอีกตามปัจจัยขององค์การ และสภาพแวดล้อมต่างๆ
แต่แค่สองข้อนี้ ก็สามารถเกิดได้กับทุกที่แล้ว (ยกเว้นกับกรณีองค์การขนาดใหญ่ที่ใช้การบริหารแบบสายงาน)
ข้างต้นผมพยายามพูดกลางๆ แล้วนะ

ขอแนะนำตัวหน่อยนึงแล้วกันครับ ผม อายุประมาณ 30 แล้วครับ ประสบการณ์การทำงานมีมาหลายที่อยู่ ที่ย้ายงานเรื่อยๆก็เพราะต้องการประสบการณ์และเงินเดือนเพิ่ม ดังนั้นจึงเจออะไรมาเยอะและเข้าใจสัจจะธรรมในการเป็นลูกน้องบ้าง
จากประเด็นนี้ เป็นเรื่องจริงที่ว่า ผมชอบทำอะไรนอกเหนือหน้าที่ ผมชอบช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานด้วยกัน ผมรู้ตลอดว่าต้องโดนข้อหา "ทำงานนอกเหนือคำสั่ง" แล้วในเมื่อผมรู้อย่างนี้แล้วทำไมยังทำอะไรไม่คิดอีก
อย่างแรกคือ บุคลากรไม่ครบครัน ยกตัวอย่างเช่น ช่วงที่ผมเข้าไปใหม่ๆ ช่างซ่อมคอมก็ไม่มี พอตอนมีช่าง ไวรัสธรรมดาก็กำจัดไม่ได้ ไวรัสที่หมักหมมอยู่บน Server ของบริษัทก็ไม่ได้รับการกำจัดหรือแก้ไขสักที แค่แผนกผม ตัวผมเองก็ให้คำแนะนำป้องกันได้ แต่แผนกอื่นที่ติดไวรัสละ ก็เอาไวรัสไปลง Server อีก มันก็วนเวียนเป็นวัฐจักรที่ไม่จบไม่สิ้น ใช่ว่าผมเก่งนะ แต่ผมแค่รู้วิธีจัดการและป้องกัน แฟลชไดร์ที่บริษัทติดไวรัสทุกคน ยกเว้นแผนกผม บางคนถึงกับเข้าทำงานในเครื่องไม่ได้ เช่น แผนกบัญชี พอพนักงานเข้าใช้งานไม่ได้ทำไงละ เรียกช่างเลยดีมัย เสียตัง เสียเวลา ลูกค้าด่าตามหลัง ถ้าเจ้านายได้คิดแบบนี้บ้างคงจะเข้าใจ ผมอยากรู้ว่า ถ้าวันไหนนายจ้างใช้ผมไปส่งของ แล้วผมไม่ไป ผมบอกผมเป็นโปรแกรมเมอร์ คนที่เป็นนายจ้างจะคิดอย่างไร
อย่างที่สอง ถ้าเจ้านายเป็นผู้ว่าจ้างที่ดี มองคนในแง่ดี เค้าต้องถามเหตุผลหรือมองออก ว่าผมทำเพื่ออะไร ถ้าทำเพื่ออู้งาน งานผมไม่เดิน ไม่มีผลงาน ผมผิดผมไม่เถียงผมจะยอมรับสภาพการโดนไล่ออก แต่ถ้าทำเพราะบริษัท เพื่อบริษัท งานไม่เสีย มีผลงาน เค้าน่าจะชมเชย หรือผู้ว่าจ้างท่านใดไม่ได้มองในแง่นี้บ้างครับ พอเราดีกับเพื่อนร่วมงานด้วยกัน หรือทำเพื่อบริษัท แค่นั้นก็ผิดเหรอ ถ้าผิด แล้วในหน้ารับสมัครงานจะมีประโยคที่ว่า " เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี " อย่าบอกว่าดีกับแค่ในแผนกเราเท่านั้น นอกนั้นไม่ต้องไปสนใจนะครับ
คนเราทุกคนไม่ว่านายจ้าง ลูกจ้าง ก็น่าจะมองกันที่เหตุผลก่อน ผมคนนึงละเป็นคนที่มองเหตุผลก่อน ไม่ควรมองกันแวปเดียวแล้วตัดสิน ผมไม่ได้เข้าข้างเฉพาะลูกจ้างด้วยกัน มีอยู่กระทู้นึง เรื่องรับพนักงาน ในกระทู้นั้นผู้ว่าจ้างให้เงินเดือนไม่เป็นที่พอใจต่อใครหลายๆท่านและก็ว่ากล่าวกันไปต่างๆนานา แต่ผมก็เข้าใจถึงสภาพการเป็นนายจ้าง เพราะผมก็เอาใจเค้ามาใส่ใจเราเสมอ
แล้วเหตุการณ์ที่พนักงานเกิดการสไตร์ พนักงานรวมกลุ่ม ถ้านายจ้างคนไหนเคยเป็นลูกจ้างมาก่อน ผมถามหน่อยว่า ถ้าไม่โดนกดขี่ข่มเหงมากๆ เค้าจะทำกันมัย ไม่มีใครที่อยากทำพฤติกรรมแบบนี้กับนายจ้างที่ดีหรอกครับ แค่ประโยคเดียวแบบนี้ " เป็นไงทำงานวันนี้เหนื่อยมัย อย่าเครียดมากนะ " แค่นี้ก็พอสำหรับพนักงานแล้วครับ
แล้วเวลาที่เจ้านายมักคิดว่า เค้าฉลาดน้อยกว่าลูกน้อง มันเป็นความคิดที่เค้าใช้ประเมินตัวเอง ในความเป็นจริงแล้ว ลูกน้องไม่ค่อยได้คิดอะไรมากซะด้วยซ้ำ เค้าแค่คิดว่า เจ้านายไม่เข้าใจเค้า ฟังผม/ดิฉันบ้างสิ ผม/ดิฉันก็หวังดีกับบริษัทนะ บริษัทอยู่ได้ ลูกน้องก็อยู่ได้ บริษัทรวย ลูกน้องก็ได้รายได้เพิ่มขึ้น แค่นั้นเอง
ผมยอมรับว่าผมผิดที่ผมปิดหูปิดตา ทำเป็นตามน้ำไม่ได้ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นข้อผิดพลาดของผู้บริหาร หรือความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมงานไม่ได้
ปกติเนี่ยผมมองว่างานบางอย่างก็ต้องการความคิดสร้างสรรค์ บางอย่างก็ไม่ใช่
งานบางอย่างก็ต้องการความคิดเห็น บางอย่างก็ไม่ต้องการความคิดเห็น
ถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องก็ต้องดูให้ดีๆ ว่าเมื่อไหร่ที่เค้าต้องการความคิดเห็นเมื่อไหร่ไม่ต้องการ
เว็บไซต์ก็เหมือนกัน บางทีเค้าอาจจะมองแล้วถึงความไม่จำเป็น
ตัวอย่างนี้คือเว็บไซต์กอล์ฟ ถ้ามันเป็นสนามกอล์ฟ ความจำเป็นเรื่อง SEO มันก็น้อยลง เพราะกลุ่มลูกค้าเป็นคนมีเงิน
ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างอื่นจะเห็นผลเร็วกว่า บางทีตลาดนี้อาจจะแค่แจกนามบัตรก็ได้แล้ว
แต่ถ้าหากกลุ่มลูกค้าของเรากว้างขวางมากๆ ประมาณว่าอยู่กันคนละฝั่งของประเทศ แบบนี้ SEO คงสำคัญมากกว่าความอลังการและภาพลักษณ์
เรื่องนี้มันคล้ายๆกับว่า คุณไปสั่งข้าวกิน คุณสั่งกะเพรา แต่แม่ค้าจะทำพริกเผาเพราะบอกว่ามันอร่อยกว่า ไม่ยอมทำกะเพราให้คุณ
แล้วคุณจะรู้สึกยังไง
ไม่ได้ซ้ำเติมนะครับ แค่พูดคนละมุมมองกับความสงสารเท่านั้นเอง เพราะบางทีเราทำเกินคำสั่ง แต่ผลมันออกมาดีกว่าคำสั่ง อันนี้ก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้ามันเกินคำสั่ง แต่เป้าหมายหลักๆไม่ประสบผลสำเร็จ อันนี้ถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ
เพราะฉะนั้นถ้าทำเว็บแล้วสวยได้ตามต้องการ แถมได้ SEO ด้วยอันนี้คงไม่มีใครว่า แต่ถ้าจะลดความสวยงามลงเพื่อ SEO แล้วหละก็ หึหึ แสดงว่างานไม่สมบูรณ์ครับ
เรื่องนี้น่าเห็นใจทั้งเจ้านายและลูกน้อง ดดูสิเค้าไล่คุณออกทั้งทีม แล้วเค้าจะหมดตังเท่าไหร่ ในการชดเชยเงินเดือน ให้คุณแบบฟรีๆ แล้วต้องเสียเงินในการหาพนักงานใหม่อีก แค่นี้ก็เรียกได้ว่าหมดเยอะแล้วครับ คุณยังดีที่มีความสามารถ ออกมาแล้วก็เข้าไปทำในที่ๆเหมาะกับความามารถของคุณได้ง่ายๆ
ส่วนเรื่องเว็ปกอล์ฟ หรือ ดีไซน์ต่างๆ หรือ หลักการ SEO ผมจับมาโยงกันหมดครับ ผมเน้นหมดทุกด้านเต็มสูบ เว็ปสวย SEO แรง ทราฟฟิคต้องดี เว็ปไม่หนัก โหลดไว ผมว่าเว็ปไหนๆ ถ้าคิดจะทำแล้วก็สามารถทำ SEO ได้ครับ เว็ปกอล์ฟ อย่างที่บอกไป ผมได้ research แล้ว และหาแนวทางการทำเงินแล้ว รูปแบบ และเงื่อนไขของผู้ใช้บริการเว็ปก็คิดขึ้นมา อย่างที่คุณก้ามปูพิมมา มันเป็นแนวคิดของบอสเลยครับ แต่ผมแค่อยากเติมเต็มให้กับบริษัทมากขึ้นโดยแนวทางหรือ Tool ต่างๆที่อยู่ในเว็ปเพื่อช่วยให้บริษัทมีผลประกอบการเพิ่มมากขึ้น
ถึงบอสจะชอบกินผัดกระเพรา แต่กินทุกวันก็คงไม่ดีต่อสุขภาพแน่ๆครับ
เอาละครับ วันนี้ผมก็มีเรื่องมาเล่าต่อ วันนี้ผมได้เข้าไปคุยกับบอสอีกครั้ง
ลูกจ้าง : ทำไมถึงไล่ผมออก ด้วยเหตุผลใด เหตุผลที่ผมทำงานบกพร่อง หรือ ผมไม่ทำรายได้เข้าบริษัท
บอส : คุณไม่มีผลงาน
ลูกจ้าง : งั้น เว็ปที่ออนไลน์อยู่ละครับ นั่นไม่ใช่ผลงานเหรอครับ บอสสามารถตรวจสอบงานที่ผม และ ทีมงานของผมได้นะครับ ว่ามีกี่ร้อยไฟล์ ไม่รวมกับ Tempalte หรือไฟล์โปรแกรม ที่เปลี่ยนมาแล้วหลายแบบนะครับ
บอส : ก็ผู้บริหารคนอื่น(ผู้ถือหุ้นใหญ่) เค้าดูแล้วนี่ว่าเว็ปคุณมันไม่ผ่าน มันไม่มีผลประโยชน์ให้กับบริษัท เค้าเลยมีมติให้ยุบแผนก เธอจะให้ฉันทำไงละ ที่จริงเค้ามีมติให้ยุบไปตั้งแต่เดือนที่แล้วแล้ว แต่ฉันควักตังค์ฉันจ่ายให้เธอเองนะ
ลูกจ้าง : บอสครับ ตั้งแต่เว็ปกอล์ฟมาแล้ว บอสไม่เคยให้ผมได้จัดการอะไรกันเอง แล้วถ้าบอสมีนโยบายแบบนี้ ทำไมบอสไม่ปล่อยให้ผมทำกันเองละครับ ให้ผมได้จัดการอะไรกันเอง พอเข้าประชุม ผมก็ขอความเห็นจากบอสบ้าง แต่บอสไม่ปล่อยพวกผมเลย และบอสก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องการตลาดด้วยซ้ำ
บอส : ก็เธอจะให้ฉันทำไงละ ทางนั้นเค้ามีคำสั้งให้ฉันยกเลิกโครงการ เพราะไม่มีงบส่ง ฉันไม่อยากเสียหุ้นเพิ่มนะ เค้าขอฉันเพิ่มหุ้นนะ ถ้ายังไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้าฉันยอมแผนกก็อยู่ต่อ แต่ฉันต้องเสียหุ้นเพิ่ม ฉันก็ยอมไม่ได้
ลูกจ้าง : อ้าว แล้วทำไมบอสต้องมากล่าวหาว่าผมทำงานบกพร่องด้วยละครับ บอสสามารถบอกพวกผมตรงๆได้นี่ครับว่า งบประมาณหมด สรุปว่าจะโยนความผิดให้ผมจริงๆเหรอครับ
คุยไปคุยมาแกก็วนไปเรื่อย ผมไม่ผ่านโปรบ้าง ทำงานผิดตำแหน่งบ้าง สรุปผมเลยบอกไปว่า
ลูกจ้าง : งั้นผมขอความกรุณาบอสด้วยครับ ผมเข้าใจแล้วว่าผมไม่ได้ทำงานอยู่ที่นี่อีกต่อไปแน่ ผมอยากให้บอสลงความเห็นว่า ผมไม่บกพร่องในหน้าที่ แล้วขอเงินเดือนอีกสักเดือน เพื่อให้ผมได้มีเวลาหางานต่อ
บอส : นี่เธอยังจะกล้ามาขอฉันอีกหรอ ฉันให้เวลาเธอมากี่เดือนแล้ว เอางี้แล้วกัน มีอะไรไปคุยกับทนายฉัน เฮ้ย..เอก จัดการให้ด้วยนะ
ผมขอจบแค่นี้พอแล้วครับ จริงผมปล่อยไปหลายชุด แบบที่เรียกว่าไม่เกรงใจแล้วในแบบสุภาพ สรุปว่าจะไล่ผมออกเพราะผลประโยชน์ตัวเอง แต่โยนขี้แถมมาให้พวกผมแทน นายจ้างคนไหนคิดว่าเค้าทำถูกบ้างครับ ผมเป็นคนแบบนี้แหละครับ มีแต่ผู้บริหารเกลียด เพื่อนร่วมงานชอบ ผมไม่ดีกับคนที่ร้ายกับผมแน่นอนครับ
แล้วมีอีกท่านนึงที่ผมยังไม่ได้ตอบกลับ Za .. อะไรเนี่ยแหละ เดี๋ยวกลางคืนจะมาใหม่ครับ
และขอบคุณสำหรับกำลังใจของทุกท่านอีกครั้งครับ
เหอๆ อ่านตอนแรกๆ ก็กะจะตอบแนวผิดทั้ง 2 ฝ่ายแต่พอมาอ่านตรงนี้แล้ว...
ผมว่าออกมาอาจจะเป็นโอกาสที่ดีก็ได้นะครับ เพราะอยู่กับคนที่มีวิสัยทัศน์....ขนาดนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ
เรื่องนี้ผมตอบในฐานะเป็นเจ้าของบริษัทคนหนึ่ง สิ่งไหนสมควรจ่าย จงจ่ายซะ และเจ้านายไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เพอร์เฟค
และผมก็ยอมรับว่าลูกน้อง(จริงๆ ผมอยากใช้คำว่าเพื่อนร่วมงานมากกว่า) เก่งกว่าผมในหลายๆเรื่องอีก
ดูจากฝีมือแล้ว จริงๆผมอยากจะรับคุณ kenn เข้าทำงานร่วมกับผมด้วยนะ แต่จากแผนงานที่ผมวางไว้ตอนนี้
หรือถ้าเป็นสัญญาช่วงสั้นๆ ก็พอได้ ก็คือระหว่างที่ทำงานด้วยกันก็หาบริษัทอื่นสมัครงานไปด้วย (สำหรับ programmer ของผมไม่ต้องมาบริษัท)
ถ้างานเฉพาะด้านสร้างเว็ปไซต์ตอนนี้มีอยู่ 3 งาน จริงๆก็ติดต่อกับเพื่อนๆสมาชิกในบอร์ดอยู่ แต่ถ้าทางนี้มีปัญหาเดือดร้อนอยู่ และคุณภาพงานที่ทำออกมาไม่ต่างกัน จะมารับทำของผมก่อนก็ได้นะ สำหรับเพื่อนๆที่ผมคุยไว้ ถ้าได้อ่านก็คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะมีปัญหาอุปสรรคอะไรก็ช่วยๆกัน