ต่อไป »

[ad2002]

ควรออกแบบฐานข้อมูลยังไงครับ เพื่อเก็บส่วนผสมอาหารหรือสูตรผลิตครับ
เช่น
น้ำมะพร้าว  = เกิดจาก   มะพร้าวอ่อน + น้ำ + น้ำตาล
น้ำลำใย  =  เกิดจาก  ลำใย + น้ำ + น้ำตาล + สารแต่งกลิ่นอาหาร
น้ำส้ม =  เกิดจาก  ส้ม + น้ำ + น้ำตาล
*** จะเห็นว่า ส่วนผสมบางอย่างซ้ำๆกัน  และบางอย่าง ก็ไม่ซ้ำ ***


ควรจะออกแบบฐานข้อมูลยังไงดี  เพื่อเก็บข้อมูลส่วนผสม หรือสูตรการผลิต  เหล่านี้ครับ  กรณีมีสินค้าเป็น10,000และไม่ต้องมานั่งจำ แค่คลิกดู ก็รู้ เป็นต้น
ไม่รู้อธิบาย เข้าใจไหม?  ถ้า งง ก็ขออภัยครับ  ขอบคุณครับ
 

[seo18]

รอฟัง

[siriyot00]

ไม่แน่ใจแต่ก็น่าจะประมาณนี้

http://www.thaicreate.com/tutorial/sql-left-join.html

[ad2002]

ขอบคุณครับ    +1 ทุกท่าน

[polarisz13]

- Product
-- ProductID (PK)
-- ProductName (Varchar)
-- created_at (Timestamp)
-- updated_at (Timestamp)

- Material
-- MaterialID (PK)
-- MaterialName (Varchar)
-- created_at (Timestamp)
-- updated_at (Timestamp)

- Product_Material
-- ProductMaterialID (PK)
-- ProductID (FK)
-- MaterialID (FK)
-- ProductMaterialQty (Float)
-- created_at (Timestamp)
-- updated_at (Timestamp)

เป็นผมคงประมาณนี้ครับ อิสระดี มีตารางเก็บ Product แยกเลย , มีตารางเก็บประเภทวัตถุดิบแยกไปเลย
แล้วค่อยใช้ 1->M<-1 แบบนี้มารวมว่า Product ไหนใช้วัตถุดิบอะไร แบบ One to Many  
แล้วเราทำระบบดูได้ด้วยว่า วัตดุดิบอะไรใช้ใน Product ไหนบ้าง ด้วย One to Many เช่นเดียวกัน ย้อนไปย้อนมา

Query หากต้องการดูว่า ProductID ไหนใช้ Material ไหนบ้าง

$Materials = mysql_query("SELECT * FROM `Product_Material` WHERE 'ProductID' = 'ค่าProductID'");

ประมาณนี้ ผมไม่ได้เขียน Query แบบดั้งเดิมมานานละใช้แต่ Eloquent ORM

Query หากต้องดูว่า Material ไหนถูกใช้ใน Product ไหนบ้าง

$Products = mysql_query("SELECT * FROM `Product_Material` WHERE 'MaterialID' = 'ค่าMaterialID'");

มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมได้ครับ ^^

[ad2002]

- Product
-- ProductID (PK)
-- ProductName (Varchar)
-- created_at (Timestamp)
-- updated_at (Timestamp)

- Material
-- MaterialID (PK)
-- MaterialName (Varchar)
-- created_at (Timestamp)
-- updated_at (Timestamp)

- Product_Material
-- ProductMaterialID (PK)
-- ProductID (FK)
-- MaterialID (FK)
-- ProductMaterialQty (Float)
-- created_at (Timestamp)
-- updated_at (Timestamp)

เป็นผมคงประมาณนี้ครับ อิสระดี มีตารางเก็บ Product แยกเลย , มีตารางเก็บประเภทวัตถุดิบแยกไปเลย
แล้วค่อยใช้ 1->M<-1 แบบนี้มารวมว่า Product ไหนใช้วัตถุดิบอะไร แบบ One to Many  
แล้วเราทำระบบดูได้ด้วยว่า วัตดุดิบอะไรใช้ใน Product ไหนบ้าง ด้วย One to Many เช่นเดียวกัน ย้อนไปย้อนมา

Query หากต้องการดูว่า ProductID ไหนใช้ Material ไหนบ้าง

$Materials = mysql_query("SELECT * FROM `Product_Material` WHERE 'ProductID' = 'ค่าProductID'");

ประมาณนี้ ผมไม่ได้เขียน Query แบบดั้งเดิมมานานละใช้แต่ Eloquent ORM

Query หากต้องดูว่า Material ไหนถูกใช้ใน Product ไหนบ้าง

$Products = mysql_query("SELECT * FROM `Product_Material` WHERE 'MaterialID' = 'ค่าMaterialID'");

มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมได้ครับ ^^

ขอบคุณมากครับ     แจ่ม  ++

[gilbert]

อีกทางเลือก

table : material
-- matid (pk)
-- matname

table : material_detail
-- matid (pk)
-- parentid (pk) (reference table material)

ตัวอย่าง
table : material
matid matname
1       น้ำ
2       น้ำตาล
3       มะพร้าวอ่อน
4       น้ำมะพร้าว 

table : material_detail
matid    parentid
4           1
4           2
4           3

จากตัวอย่างน้ำมาพร้าวเกิดจาก mat 1 2 3 มารวมกัน

[sahawat]

มาเก็บเกี่ยวความรู้ครับ

[sys2528]

เยี่ยมเลยครับ ขอบคุณแทน จขกท. ด้วยนะครับ   

[Nokky@#]

ผมว่าแยก 3 ตารางตามเมนูอาหารเลยดีสุด

ตอนเรียกดูจะได้เรียกแค่ตารางเดียวพอ ผมจะพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ Left Join ไรพวกนี้ครับ เพราะ query มันจะช้า
ที่ผมเขียนผมเรียกและ update ที 6 - 7 ตารางเห็นจะได้ กะเลยต้องเซพทรัพยากรหน่อย
 

ป.ล. อย่าเพิ่งเชื่อผม ผมไม่ได้เรียน แค่เล่าตามประสบการณ์

[amazegu]

ผมว่าแยก 3 ตารางตามเมนูอาหารเลยดีสุด

ตอนเรียกดูจะได้เรียกแค่ตารางเดียวพอ ผมจะพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ Left Join ไรพวกนี้ครับ เพราะ query มันจะช้า
ที่ผมเขียนผมเรียกและ update ที 6 - 7 ตารางเห็นจะได้ กะเลยต้องเซพทรัพยากรหน่อย
 

ป.ล. อย่าเพิ่งเชื่อผม ผมไม่ได้เรียน แค่เล่าตามประสบการณ์

แล้วถ้ามีเพิ่มเมนูอาหารละครับ ต้องคอยไปเพิ่มตารางใหม่อีก ผมว่าไม่ยืดหยุ่น(ความคิดเห็นส่วนตัวครับ)
เป็นผมเอาตามเรปนี้ครับ เพราะผ่านการ normalize แล้ว

- Product
-- ProductID (PK)
-- ProductName (Varchar)
-- created_at (Timestamp)
-- updated_at (Timestamp)

- Material
-- MaterialID (PK)
-- MaterialName (Varchar)
-- created_at (Timestamp)
-- updated_at (Timestamp)

- Product_Material
-- ProductMaterialID (PK)
-- ProductID (FK)
-- MaterialID (FK)
-- ProductMaterialQty (Float)
-- created_at (Timestamp)
-- updated_at (Timestamp)

เป็นผมคงประมาณนี้ครับ อิสระดี มีตารางเก็บ Product แยกเลย , มีตารางเก็บประเภทวัตถุดิบแยกไปเลย
แล้วค่อยใช้ 1->M<-1 แบบนี้มารวมว่า Product ไหนใช้วัตถุดิบอะไร แบบ One to Many 
แล้วเราทำระบบดูได้ด้วยว่า วัตดุดิบอะไรใช้ใน Product ไหนบ้าง ด้วย One to Many เช่นเดียวกัน ย้อนไปย้อนมา

Query หากต้องการดูว่า ProductID ไหนใช้ Material ไหนบ้าง

$Materials = mysql_query("SELECT * FROM `Product_Material` WHERE 'ProductID' = 'ค่าProductID'");

ประมาณนี้ ผมไม่ได้เขียน Query แบบดั้งเดิมมานานละใช้แต่ Eloquent ORM

Query หากต้องดูว่า Material ไหนถูกใช้ใน Product ไหนบ้าง

$Products = mysql_query("SELECT * FROM `Product_Material` WHERE 'MaterialID' = 'ค่าMaterialID'");

มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมได้ครับ ^^

[litverpool]

ตามนี้ครับ
ิBOM = Bill of Material

TBL_PRODUCT
PRODUCTID PRODUCTNAME PRODUCTTYPE

TBL_BOM
BOM_ID PRODUCTID

TBL_BOM_DETAIL
BOM_DETAIL_ID BOM_ID PRODUCTID

เช่น
TBL_PRODUCT
1   ผงกาแฟ   RAwMAT
2   น้ำตาล   RAwMAT
3   น้ำ   RAwMAT
4   นมข้น   RAwMAT
5   น้ำเชื่อม   Product
6   กาแฟสด   Product


TBL_BOM
BOM_ID PRODUCTID
1   5   น้ำเชื่อม
2   6   กาแฟสด
TBL_BOM_DETAIL
BOM_DETAIL_ID BOM_ID PRODUCTID
1   1   2   
2   1   3
3   2   1
4   2   4
5   2   5

[aomaaaaa]

เข้ามาฟังครับ