ไม่ได้เข้ามาบอร์ดนี้นานมากครับ วันนี้แวะเข้ามาแล้วก็เลยเอาเทคนิคดีๆ ของการลงโฆษณา Facebook มาให้อ่านกันครับ1. เลือกรูปภาพให้โดนรูปภาพเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับ 1 ของการลงโฆษณาบน Facebook เพราะเป็นสิ่งแรกที่จะทำให้คนสะดุดหรือสนใจโฆษณา
ด้วยจิตวิทยาของคนส่วนใหญ่มักจะมองรูปภาพเป็นสิ่งแรกและแค่เสี้ยววินาทีจะทำให้คนคนนั้นสนใจหรือไม่สนใจรายละเอียดและเนื้อหาของโฆษณา ถ้ารูปภาพดึงดูดใจก็มีโอกาสสูงที่โฆษณาจะประสบความสำเร็จ และตรงกันข้ามถ้ารูปภาพนั้นไม่โดนก็ไม่ต้องพูดถึงว่าโฆษณาจะได้รับความสนใจหรือไม่


ยกตัวอย่างเรื่องการขายครีมหรือเครื่องสำอาง
รูปภาพจะต้องทำให้ลูกค้าเกิดจินตนาการว่าใช้สินค้าแล้วได้ผลลัพธ์เป็นอย่างไร ลูกค้าไม่ต้องการรู้หรอกว่าส่วนผสมเป็นอะไร แต่ต้องการรู้ในแว๊บแรกว่ามันช่วยอะไร? หน้าขาว หน้าใส ไร้สิว ลดริ้วรอย หน้ากระซับ ก็ว่ากันไป คุณต้องสื่อสารสิ่งเหล่านี้ออกมา
หลายคนหลงประเด็นไปโชว์แพคเกจสินค้า โชว์ความสวยงามของตัวสินค้าบวกกับข้อความสวยๆ ตกแต่งมาอย่างดี แต่ลืมไปว่าสิ่งที่นำเสนออยู่นั้นไม่ได้เป็นตัวที่ทำให้ลูกค้าสะดุดและสนใจสินค้าเลย แค่เห็นแล้วกด like ไม่ต้องการซื้อสินค้าหรือสนใจสอบถาม
ถ้าให้ผมเลือกที่จะโฆษณาสินค้าประเภทนี้ผมเลือกเอาคนทั่วไป มาทำเป็นรูปภาพโฆษณาดีกว่า
เพราะมันบ่งบอกว่าครีมหรือเครื่องสำอางนี้มีคนใช้จริงๆ และใช้แล้วเห็นผลจริง ไม่ใช่นางแบบสาวสวยที่เขาเห็นกันทั่วไปอยู่แล้ว
นางแบบไม่ได้ทำให้ลูกค้าดูใกล้ชิดกับสินค้าหรือรู้สึกว่าเป็นตัวเขา สิ่งสำคัญเลยคือโฆษณาที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นตัวเขามากที่สุด2. เลือกรูปแบบโฆษณาให้ถูกหลายคนจบตั้งแต่เริ่มลงโฆษณาบน Facebook เพราะว่าเลือกรูปแบบโฆษณาผิด มีใครบ้างที่แยกแยะได้ว่าโฆษณาของ Facebook นั้นแต่ละรูปแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร Facebook ให้อะไรมาก็ลองตามนั้นเลย
รูปแบบโฆษณาของ Facebook ทดแทนกันได้ ไม่ใช่ว่าคุณจะต้องเชื่อตาม Facebook ตลอด เช่น การลงโฆษณา Click to Website คนส่วนใหญ่จะลงโฆษณาแบบนี้เพื่อให้คนคลิกไปที่เว็บไซต์ เพราะชื่อมันก็บอกตรงๆ อยู่แล้วว่าคลิกไปที่เว็บไซต์ แต่ถ้าใครที่ลงประจำอยู่แล้วจะรู้เลยว่า โฆษณาแบบนี้มันแพง ไม่เก๋าจริง เจ๊งไปหลายแล้วครับ

ถามว่ามันได้ผลไหม ได้ครับ แต่เงินที่คุณใส่ลงไปก็ต้องเยอะพอสมควร มันถึงจะเห็นผล แต่ถ้าเงินที่คุณใส่แค่ 100-1000 บาท ต่อแคมเปญผมว่ามันเหมือนเป็นการเผาเงินทิ้งโดยได้ความเจ็บใจเป็นของฝาก
คุณลองดูว่าโฆษณาแบบไหนที่ได้ผลจริงๆ บน Facebook ผมให้เลยคือ Page Post Engagement ดังนั้นผมอยากให้คุณลองเปลี่ยนจาก Click to Website มาใช้โฆษณาแบบนี้ดูครับ เพราะการโพสบนแฟนเพจมันให้เราแชร์ลิงค์เว็บไซต์มาได้อยู่แล้ว และรูปที่ Facebook ให้มาก็ดูใหญ่และทีสำคัญคือแทบจะไม่ต่างกันเลยกับการลงโฆษณาแบบ Click to Website แต่ที่สำคัญเลย ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าคุณได้มากเลยทีเดียว
3. เลือกกลุ่มเป้าหมายให้แคบลงผมเคยเจอลูกศิษย์หลายท่านมาเล่าให้ฟังว่าลงโฆษณาแล้วไม่ได้ผล โฆษณาไม่วิ่ง ไม่ยอมตัดเงินสักที ถ้ามาในแนวๆ นี้ผมจะถามกลับไปเลยว่า เลือกกลุ่มเป้าหมายเยอะแค่ไหน ส่วนใหญ่จะตอบ 1 ล้านคนขึ้นไป
แม่เจ้า!!! จ่ายเงินแค่วันละ 300 จะให้คน 1 ล้านมาเห็นโฆษณา มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ ถ้าจะปรับแก้กันง่ายๆ ให้โฆษณาได้ผล วิ่งเร็ว และเฟซบุ๊คเข้ามาตัดเงิน ให้คุณลดจำนวนคนที่จะเห็นโฆษณาลง ถ้า 300 บาทต่อวันต่อแคมเปญลดให้เหลือสัก 50,000 ลองดูครับ หรือให้ดีเอาให้น้อยกว่านี้ครับ
หาาาาาา มึงบ้าแล้ว ผมเลือกลงกรุงเทพจะให้ทำยังไงให้ลดลงได้ขนาดนี้แล้วผมจะขายของได้หรอ..... คนแค่นิดเดียว ผมถามพี่จริงๆ พี่อยากขายของได้หรือจะละลายเงินทิ้งครับ
คนส่วนใหญ่เลยพลาดกันเรื่องการเลือกกลุ่มเป้าหมายให้แคบลงและการกำหนดเงินให้เหมาะสมต่อแคมเปญ ต่อ Ads Set หรือต่อ Ad ผมเจอลูกศิษย์ท่านหนึ่งจะลงโฆษณาด้วยเงิน 7 ล้านบาทโดยให้ Facebook รันโฆษณา 6 เดือน เฉลี่ยๆ แล้วต่อเดือนก็เยอะอยู่เหมือนกันครับ อันนี้ก็เยอะไปครับ ดังนั้นคุณไม่ต้องโชว์ป๋าให้ Facebook ประทับใจก็ได้ เพราะลงโฆษณาไป Facebook ก็ไม่รันให้คุณอยู่ดีเพราะมันเหมือนเป็นการลงโษฆณาที่ไม่มีหลักการอะไรหรือเอาจริงๆ คือมาแกล้งลงโฆษณานั่นเอง
4. ลงโฆษณาให้ดีไม่ควรเกิน 3 วันหลายคนเลยมักขี้เกียจลงโฆษณาทุกๆ วัน ส่วนใหญ่แล้วรันยาวเป็นเดือนแล้วค่อยมาสร้างแคมเปญใหม่ แล้วก็ทำเหมือนเดิมคือรันยาวๆ
ผมจะบอกให้นะครับโฆษณาที่รันดีสุดคือวันแรกที่ลงโฆษณา ถ้าวันแรกคุณลงแล้วไม่เปรี้ยงก็ให้ลบโฆษณาแล้วลงใหม่ซะ ไม่งั้นจะนั่งเกาฟันเล่นไปเปล่าๆ และโฆษณา Facebook จะรันดีสุดไม่เกิน 3 วัน ถ้าเกินจากนี้โฆษณาจะเริ่มทิ่มหัวลงและจะยังกินเงินโฆษณาคุณเท่าเดิม แต่ได้ลูกค้าน้อยลง
เว้นเสียแต่ว่าโฆษณาคุณนั้นได้รับความนิยมล้นหลามเกิดการกด like และแชร์ต่ออย่างมากมาย ซึ่งเป็นแบบนี้ให้รันยาวๆ ต่อไปได้เลยครับ แต่ถ้าเริ่มเงียบเมื่อไหร่กระแสลมเริ่มสงบก็เตรียมปิดได้เลย
ยิ่งถ้าคุณลงโฆษณาแบบ CPM คือจ่ายเงินเมื่อคนเห็นโฆษณาแล้วล่ะยิ่งต้องใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะถ้าความถี่โฆษณาเพิ่มขึ้นนั่นหมายความว่าคุณต้องจ่ายค่าโฆษณาแบบฟรีๆ ให้ Facebook สังเกตให้ดีตัวเลขนี้ไม่ควรเกิน 1.5 ดีสุดครับ
5. อย่าเน้นขายของอย่างเดียวลงโฆษณาอย่าเน้นแต่ขายของอย่างเดียวครับ ให้ความรู้ในตัวสินค้าไปด้วยหรือบทความที่มีประโยชน์กับลูกค้�
ที่สำคัญคือทำตัวเสมือนเพื่อนที่มอบแต่สิ่งดีๆ ให้ลูกค้าไม่ใช่แต่จะคอยหยิบเงินจากกระเป๋าลุกค้าตลอด
สิ่งเหล่านี้ให้สร้างเป็นประจำหรือแม้แต่โฆษณาก็ให้แทรกเกร็ดความรู้เข้าไปด้วยเสมอ การตลาดทุกวันนี้จะเน้นให้ความรู้ควบคู่ไปด้วยแนะนำสาระต่างๆ
สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าจดจำเราได้และมีโอกาสที่ลูกค้าจะบอกต่อและกลับมาซื้อสินค้าเราอีก
แนะนำติชมกันได้นะครับ ขอบคุณครับ