รูปภาพและวีดีโอถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดต่อการปรับปรุงเนื้อหา On-page และคุณจำเป็นที่ต้องศึกษาไว้ เพราะมันช่วยในการเพิ่มจำนวนทราฟฟิคให้กับเว็บไซต์ของคุณ เริ่มแรกคุณควรที่จะทำการศึกษาก่อน โดยดูข้อมูลทางสถิติจาก Google adwords.com และดูว่าคีย์เวิร์ดใดจำเป็นต้องมีภาพ ตัวอย่างเช่น คำว่า “ประตู” คุณจะเห็นทราฟฟิคของคำค้นหาในเบื้องต้น และค้นหาคำต่อไปนี้เพิ่มเติมเช่น
1. รูปประตู
2. รูปของประตู
3. รูปถ่ายประตู
4. อื่นๆ
นอกจากนั้นเราจะทำการเลือกTraffic-generating requests (ที่มีจำนวนเข้าชมเพจมากกว่า 10 ครั้งต่อเดือนขึ้นอยู่กับแต่ละหัวข้อ) เราจะมีคำค้นหาเพิ่มขึ้นในการหาภาพที่เหมาะสมกับเนื้อหาของคุณ
ถัดไป คุณต้องหาหรือสร้างรูปที่มีคุณภาพ ถ้าหากคุณไม่มีรูปถ่ายหรือไม่สามารถสร้างรูปได้ โปรแกรม Corel Draw/Photoshop สามารถช่วยคุณได้
google.com/imghp?hl=th&tab=wi
sxc.hu
flickr.com
คุณสามารถหาภาพที่มีคุณภาพดีได้จากเว็บไซต์นี้ มาทำการวิจัยสักเล็กน้อย ภาพไหนที่ติด 10 อันดับสูงสุดในการค้นหา เพื่อทำการค้นหาให้ใส่คำค้นหาใน Google เช่นคำว่า “รูปภาพประตูหน้า” และมาดูที่ผลลัพธ์ของการค้นหา โดยดูที่ปัจจัยต่างๆต่อไปนี้
1. ชื่อภาพ
2. คำบรรยายภาพ
3. โดเมนที่รูปภาพถูกวาง
เป็นจำนวนถึง 95% ที่พบว่ารูปภาพไม่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการค้นหา ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับเราที่จะทำให้รูปภาพของคุณติดอยู่ในอันดับต้นๆได้ (และไม่เพียงแต่ค้นหาโดยรูปภาพเท่านั้น)
สำคัญ : หากคุณติดอันดับสูงจากการค้นหาประเภทต่างๆ (คำค้นหาธรรมดา) และรูปภาพของคุณได้แสดงในหน้าผลการค้นหา ดังนั้นยิ่งมีค่า CTR ของรูปภาพสูงมากเท่าไหร่ก็จะทำให้คุณติดอันดับสูงได้นานมากขึ้นและเช่นเดียวกันใน vice versa หากรูปภาพไม่เป็นที่น่าสนใจและไม่ได้รับจำนวนคลิก ก็จะทำให้ตกอันดับหรือหายไปได้ ดังนั้นรูปภาพควรมีความสอดคล้องกันและถูกเพิ่มประสิทธิภาพ
ดังนั้น ให้คุณเลือกรูปภาพและทำการเพิ่มประสิทธิภาพให้รูปดังกล่าว
1. ทำให้ภาพโดดเด่นและสวยงาม ใช้โปรแกรม Photoshop หรือโปรแกรมกราฟฟิคอื่นๆในการจัดการภาพ (ตรวจดูให้ละเอียดทั้ง 3 องศาหรือทุกๆมุมมอง)
หลังจากนั้น ทำภาพให้สวยงามด้วย artifacts หรือจัดการด้วย filters คุณสามารถเปลี่ยน image resolution, ตัดภาพ หรือ ขยาย, ยืด เป็นต้น แล้วเราก็จะได้ภาพที่มีคุณภาพและโดดเด่น
ภาพด้านซ้ายคือภาพเดิม ภาพด้านขวาคือภาพหลังการตกแต่งและให้ทำการบันทึกภาพจาก Photoshop ในรูปแบบใดๆก็ได้โดยไม่ให้เสียคุณภาพของภาพดังกล่าว เช่น PNG และหลังจากนั้นให้ทำการปรับและบันทึกภาพเป็นไฟล์ JPG หรือไฟล์อื่นๆ
2. ชื่อของภาพต้องมีความหมาย ซึ่งควรตั้งให้เป็นคำคีย์เวิร์ด และมีผลต่อ Google ดังนั้นควรอ่านวิธีการตั้งชื่อรูปภาพ support.google.com/webmasters/bin/answer.py?hl=en&answer=114016
ควรตั้งชื่อไฟล์รูปภาพให้มีความหมายและเป็นทางการ ชื่อไฟล์จะควรจะเป็นคำใบ้ให้ Google รู้ว่าภาพนั้นอยู่ในเรื่องอะไร พยายามตั้งชื่อไฟล์ให้บรรยายถึงหัวข้อเรื่อง เช่น หมีน้อยสีดำ.jpg ถือว่าได้ข้อมูลมากกว่าการตั้งชื่อว่า IMG00023.JPG
ต่อมาเราจะใช้โปรแกรม XnView xnview.com/en/download.html เพื่อลบ meta tag ซึ่งอัดแน่นอยู่ในรูปที่ได้จาก Photoshop และเพิ่มประสิทธิภาพขนาดรูปภาพ, บันทึกรูปภาพเป็น *.jpg (คุณภาพรูป 85%) คุณสามารถใช้การประมวลผลของชุดไฟล์ก่อนหน้านี้ได้ อ่านเพิ่มเติม
http://blog.uptopromo.com/?p=992 