ก่อนที่จะเจาะลึกถึงกระบวนการขั้นตอนและยกตัวอย่างวิธีการใช้ Referral String ของ Google เพื่อหาว่าทราฟฟิคของคุณมาจากไหน ผมขอกล่าวถึงปัญหาที่เรามีที่ AudienceWise ในปี 2011ผมและ แมทธิว บราวน์ ได้เริ่มทำบริษัทที่ช่วยผู้เผยแพร่ข่าวสารรายใหม่ด้วยเทคนิค SEO และการพัฒนาผู้เข้าชม ในงานอื่นๆของพวกเราโดยเฉพาะที่นิวยอร์กไทม์ เราต้องฟันฝ่าการยอมรับใน การขาดข้อมูลเกี่ยวกับ Universal Search referral แม้ว่าแพลตฟอร์มวิเคราะห์เว็บไซต์ของเราจะดูน่าเป็นห่วง, ผู้เข้าชมจากการค้นหาเว็บไซต์, ลิงค์ News OneBox และผลลัพธ์การค้นหารูปภาพที่ได้รับการปฏิบัติเหมือนกันทั้งหมด: ว่าเป็นทราฟฟิคการค้นหาแบบออร์แกนิค
มาต่อกันที่ Google Secure Search (การค้นหาข้อมูลใน Google อย่างปลอดภัย) และข้อมูลอ้างอิงเริ่มขุ่นมัวมากขึ้น นอกจากนี้การไม่รู้ถึงที่มาของการอ้างอิงแนวดิ่ง (Universal vertical the referral) ปัจจุบันมีเพียง 10% ของกรณีทั้งหมดที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าคีย์เวิร์ดใดที่อ้างอิงถึงทราฟฟิค มีคำถามเกิดขึ้นในความคิดของพวกเราคือ: เราจะช่วยลูกค้าด้วยกลยุทธ์เนื้อหาได้อย่างไรหากเราไม่รู้ว่า “ทำไม” พวกเขาจึงได้รับสิ่งที่เรียกว่า ทราฟฟิคการค้นหา? โชคไม่ดีนักที่การค้นหาข้อมูลอย่างปลอดภัยได้ขยายไปอย่างกว้างขวางและเป็นเปอร์เซนต์จำนวนมากของทราฟฟิคอ้างอิงทั้งหมดใน Google ในฐานะที่เป็นตัวอย่าง นี่คือเปอร์เซ็นต์ล่าสุดของคีย์เวิร์ด (ไม่สามารถให้ได้) สำหรับ SEOmoz:

ผมและ Matthew รู้เพียงวิธีการเรียกข้อมูล *บางอย่าง* ที่หายไปคืนเพื่อเริ่มดูในแหล่งข้อมูลอื่นๆ โชคดีที่แมทพูดภาษาสเปนได้และได้เข้าไปเจอบล็อคนี้ ผู้เขียนได้วางตัวแปร ‘ved’ ใน referral string ของ Google และเกิดผลลัพธ์การวิเคราะห์ในแนวดิ่งที่แปลกประหลาด หลังจากทำการค้นหาอย่างรวดเร็วและดูที่ค่า “href” ในผลการค้นหา ดูเหมือนว่าเขาได้เจอบางสิ่งบางอย่างเราเลยทำการตั้งโปรไฟล์ตัวกรอง Google Analytics ทันทีเพื่อดึงตัวแปรนี้จากลูกค้าที่ได้รับ search referral 300,000 อ้างอิงต่อวันจาก Google หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงเราได้ข้อมูลที่เพียงพอเพื่อเริ่มยืนยันถึงทฤษฎีของนักเขียนบางท่านและ คิดทฤษฎีของเราเองได้จำนวนหนึ่ง ผมจะทำโครงร่างสิ่งที่เราค้นพบ สอนการตั้งตัวกรอง Google Analytics ทีละขั้นตอนและยกตัวอย่างวิธีการใช้ข้อมูล
อันดับแรกขอเริ่มต้นเกี่ยวกับที่ที่คุณสามารถพบตัวแปรนี้

ง่ายๆ referral string ของ Google คือ ค่า “href” ที่ถูกกำหนดในแต่ละ URL ในกลุ่มของผลลัพธ์การค้นหา เมื่อมีผู้ใช้คลิกเข้าไป เขาก็จะถูกรีไดเร็กผ่าน URL ของ google เพื่อไปยังจุดหมาย เช่น กรณีของ Radiohead.com เป็นต้น Google ชอบทำแบบนี้เนื่องด้วยเหตุผลในการรวมข้อมูลภายใน – เราไม่ควรรู้ว่าทราฟฟิคของเรามากจากไหนแต่ Google ทำ – อาจเป็นเพราะการรวมข้อมูลเกี่ยวกับ SERPs
ที่นี่ผมจะโฟกัสแค่ 2 ตัวแปร: ‘cd’ และ ‘ved.’ ตัวแปร ‘cd’ ได้เขียนบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และบอกเราถึงตำแหน่งของผลการค้นหาในกลุ่ม เท่าที่ผมสามารถบอกได้คือ ตัวแปร ‘ved’ ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนและบ่งบอกได้ว่าผลลัพธ์อยู่ส่วนไหนของ Universal vertical ตำแหน่งในแนวดิ่ง (ตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง) และตำแหน่งในผลการค้นหา ในบทความนี้ผมจะโฟกัสเพียงด้านของ Universal และจากนั้นค่อยพูดถึง ตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง vs ตำแหน่งที่แน่นอน ตามมา

เรามาดูตัวอย่างกันเล็กน้อย
เมื่อ QFj และตัวแปร ‘ved’ ซึ่งจะมีผลลัพธ์มาตรฐานทั่วไป เช่น:

หนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุม Mozinar ได้ทำการสังเกตอันชาญฉลาดนี้เกี่ยวกับตัวแปรพิเศษสำหรับการค้นหาเว็บ ‘ved’:

เมื่อ QqQIw (อักษร “i” ตัวพิมพ?ใหญ่ ไม่ใช่ตัวพิมพ์เล็กของ“L”) นี่คือผลลัพธ์ Universal ซึ่งอยู่ใน Google News OneBox เมื่อ QpwI เป็นปัจจุบันนั่นหมายความว่าผลลัพธ์เป็นรูป thumbnail ใน ข่าว OneBox

คุณเริ่มเข้าใจแล้ว ต่อมานี่คือค่าอื่นๆของ ‘ved.’ ซึ่งผมสงสัยว่ายังมีค่ามากกว่านี้และอยากทราบเพื่อดูว่าชุมชนนี้สามารถค้นหาและแบ่งปันได้:
ตั้งค่าตัวกรอง Google Analyticsคุณควรมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับศักยภาพของข้อมูลนี้ ผมได้กล่าวหรือไม่ว่ามันยังสามารถใช้ได้ถึงแม้ว่าคีย์เวิร์ดจะ “(ไม่สามารถให้ได้)”? เราสามารถตีความคีย์เวิร์ดได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการเปรียบเทียบ ‘ved.’ มีใครต้องการเข้าร่วมความท้าทายนี้ไหม? ขณะที่ ‘ved’ ยังปรากฏในการค้นหาอย่างปลอดภัยเพียง 50% ของอ้างอิงการค้นหา (search referral) เท่านั้นในข้อมูลที่ GA ได้ให้มา หากใครสามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้ ผมมั่นใจว่าคนอื่นๆในชุมชนออนไลน์นี้จะยกนิ้วให้คุณ!
ขั้นตอนที่ 1: ตั้งค่าตัวกรองโปรไฟล์ Google Analytics
ไปที่หน้าเพจของผู้ดูแลบัญชีและเลือก “โปรไฟล์ใหม่” ผมขอไม่แนะนำให้ทำการตั้งค่ากับโปรไฟล์ที่มีอยู่แล้วเนื่องจากมันอาจเป็นการเขียนข้อมูลทับ ผมขอเรียกว่า ‘Universal Search.’
ต่อมาคุณจำเป็นต้องตั้งค่าตัวกรองขั้นสูง 2 ตัว ตัวแรกเพื่อดึง ‘ved’ และ ‘cd’ จาก referral string ของ Google และอีกตัวเพื่อแสดงข้อมูลใน Google Analytics
การดึง Universal 
นี่คือข้อความ regex ที่ผมใช้
ช่อง A (\?|&)(ved)=([^&]*)
ช่อง B (\?|&)(cd)=([^&]*)
การแสดง Universalคุณสามารถทำได้หลากหลายวิธี ผมตัดสินใจเขียนข้อมูลแคมเปญของเว็บเพราะผมอยากเช็ค organic search referral ของผม

ตัวกรองทำงานในขณะที่ข้อมูลกำลังโหลดและจะไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด คุณเพียงรอประมาณหนึ่งวันหรือเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับขนาดของเว็บไซต์เพื่อเริ่มเจาะซึ่งควรมีลักษณะดังนี้ :

อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://blog.uptopromo.com/?p=948 