ผมจะมาต่อความเดิมจากกระทู้นี้ครับ
โทนี่ เชย์ เจ้าพ่อ eCommerce สายเลือดเอเชีย (http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,307891.0.html
) พบเรื่องราวสุดยอดแบบเต็มๆกันเลย
Tony Hseih หรือ โทนี่ เชย์ เจ้าของเว็บ E-Commerce สายเลือดเอเชียแท้ๆ ที่ก้าวไปกระทบไหล่ติดอันดับต้นๆเว็บ E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลกคู่กับ eBay และ Amazon
วันนี้ผมเอา Time Line เก้าก้าวแห่งความสำเร็จมาเล่าให้ฟัง ใครทำ E-Commerce อยู่ ห้ามพลาด! โดยเฉพาะคนที่ทำเว็บ E-Commerce และกำลังประสบปัญหาท้อแท้ใจ เรื่องราวนี้จะทำให้คุณมีพลังใจอีกครั้งครับ
Time Line 1) สิงหาคม 1999 โทนี่ เชย์ ลงทุนเป็นจำนวนเงิน 15 ล้านบาท เปิดกิจการ E-Commerce ชื่อ Zappos เว็บขายรองเท้าออนไลน์ท่ามกลางความเสี่ยงสุดๆ เงินลงทุนของโทนี่ เชย์ มาจากเงินทุนจากกิจการเก่าๆที่เขาขายไปและการขอเพิ่มทุนจากวานิชธนกิจและกู้เงินจากธนาคารเพิ่มเติม
เมื่อ 14 ปีก่อน E-Commerce ยังไม่ฮิตเหมือนปัจจุบัน คนสมัยก่อนกลัวการซื้อของทางอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะรองเท้ายิ่งไม่มีใครทำเพราะความเคยชินของคนคือ ต้องไปลองสวมของจริงที่ร้าน โทนี่ เชย์ จึงนับว่าเสี่ยงสุดๆกับการลงทุนครั้งนี้ แถมยังเป็นการลงทุนด้วยเงินมหาศาลทีเดียว
Time Line 2) มกราคม 2000 กิจการไม่ทำกำไร นายทุนและธนาคารปฏิเสธการให้กู้ยืมและเพิ่มทุน
Zappos กำลังจะเจ๊ง หลายคนบอกให้ โทนี่ เชย์ ปิดกิจการ เขามองดูพนักงานที่กำลังหวาดกลัวและเขาได้ตัดสินใจที่จะไม่ทอดทิ้งกิจการและพนักงาน เขาขายทรัพย์สินส่วนตัว เช่น รถยนต์ คอนโด และกิจการเก่าๆที่เหลืออยู่แล้วเอาเงินเหล่านั้นมาทุ่มลงใน Zappos
Time Line 3) ตุลาคม 2000 เศรษฐกิจสหรัฐฯ พังครืน ธุรกิจดอทคอมถูกกวาดออกจากสารบบ ---
Zappos ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง --- โทนี่ เชย์ ต้องทำสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือ เลย์ออฟพนักงาน ส่วนตัวเขาเอง
ลดเงินเดือนในตำแหน่ง CEO ของตัวเอง เหลือเดือนละ 60 บาท!! โทนี่ เชย์ ทยอยขายทรัพย์สินส่วนตัวเพิ่มเติม จนกระทั่งมาถึงทรัพย์สินชิ้นสุดท้าย คือคอนโดส่วนตัวเพื่อนำมาอุ้มกิจการ Zappos หากคราวนี้ล้มเหลว โทนี่ เชย์ จะกลายเป็นคนตกยากนอนริมถนนทันที
Time Line 4) โทนี่ เชย์ รักษากิจการผ่านไปได้สองปี ณ สิ้นปี 2002 ยอดขาย Zappos แตะ 1000 ล้านบาท แต่ยังไม่มีกำไร
Time Line 5) ปี 2004 โทนี่ เชย์ ย้ายสำนักงานไปยัง Las Vegas และระดมทีมงานหัวกระทิ ทำระบบคลังสินค้า จัดส่ง และระบบ Customer Service แบบ renovate ใหม่หมด หลังจากย้ายไป Las Vegas ยอดขายเติบโตสู่ 5 พันล้านบาทในปี 2004 โทนี่ เชย์ เริ่มติดต่อนายทุนอีกครั้ง แต่นายทุนตั้งเงื่อนไขและข้อจำกัดมากเกินไปจนทำให้เขารู้สึกขาดอิสระในการทำงาน ข้อตกลงการเพิ่มทุนจึงถูกระงับไว้
Time Line 6) ปี 2005 ยอดขาย Zappos กระโดดไปแตะ 10,000 ล้านบาท
ทำให้ Jeff Bezos ผู้บริหารใหญ่แห่ง Amazon.com นั่งไม่ติดเก้าอี้ ยกคณะ Business Development ตีตั๋วเครื่องบินไปพบ โทนี่ เชย์ ถึง Las Vegas ขอซื้อกิจการ Zappos แต่ตอนนั้น โทนี่ เชย์ กับ Zappos ผูกจิตกันแล้ว เปรียบเสมือนเลือดเนื้อของกันและกัน โทนี่ เชย์ ปฏิเสธการขายกิจการให้ยักษ์อย่าง Amazon เขาบอกว่า ถ้า Zappos ไปอยู่กับคนอื่น แบรนด์ Zappos ก็จะล่มสลาย

(Jeff Bezos: CEO Amazon)
Time Line 7) ปี 2007 Zappos ทำยอดขาย 27,700 ล้านบาท เป็นครั้งแรกที่ธุรกิจมีกำไรเป็นกอบเป็นกำหลังจากเปิดกิจการมา 8 ปี!!
Time Line 8 ) Jeff Bezos แห่ง Amazon เห็นการเติบโตอย่างน่ากลัวของ Zappos บริษัทคนเอเซียที่กำลังจะเหยียบหัว eBay และ Amazon เขาจึงเชื่อแล้วว่าพลังการเติบโตมาจากวัฒนธรรมการบริหารของคนเอเซียที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกิจการในระดับจิตใจ เขาจึงเข้าพบ โทนี่ เชย์ อีกครั้งโดยขอซื้อกิจการและให้ โทนี่ เชย์ เป็นผู้บริหารสูงสุดที่มีอำนาจ 100% เต็มใน Zappos --- โทนี่ จึง ตกลง!
ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นได้เมื่อคุณสู้ด้วยสติปัญญาอย่างไม่ย่อท้อ ในที่สุด!
V
V
V
Time Line 9) ปี 2010 Amazon.com ชำระค่าซื้อกิจการแก่ โทนี่ เชย์ เป็นจำนวนเงิน 36,000 ล้านบาท และหลังจากข่าวแพร่ออกไป วานิชธนกิจและธนาคารที่เคยปฏิเสธการให้เพิ่มทุนแก่ Zappos ก็หันมาคุกเข่าขอเททุน ทำให้ Zappos ได้เงินทุนเพิ่มอีกต่างหากจำนวน 8 พันล้านบาท
จวบจนปัจจุบัน โทนี่ เชย์ เป็น CEO บริหาร Zappos และมียอดขายเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี มีสินค้า fashion& accessories ครบวงจร นี่คือคนเอเชียแท้ๆที่มีกิจการยิ่งใหญ่เทียบรัศมี eBay, Amazon, Google และ Facebook
เรื่องของ โทนี่ เชย์ เป็นหนึ่งใน Epic Success Story ของผม และผมมักหยิบยกเรื่องราวของผู้ชายคนนี้มาเล่าทุกครั้งที่มีโอกาส
เวลาคุณล้มเหลว คุณมักดูถูกตัวเอง แต่ผมอยากบอกว่า คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ล้มมามากกว่าที่คุณล้ม เหมือนที่ โทมัส เอดิสัน บอกกับทุกๆคน เวลาคนถามว่า เมื่อคุณล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน คุณไม่คิดจะเลิกทำสิ่งที่คุณทำบ้างหรือ... โทมัส เอดิสัน ตอบว่า
ผมไม่ได้ล้มเหลว แต่ผมกำลังค้นพบวิธีสู่ความสำเร็จต่างหาก “… I failed my way to success…” --- Thomas Edisonถ้าคุณชอบบทความ คุณสามารถ connect กับผม เชิญกด LIKE ที่ www.facebook.com/theceoblogger 
