มาหล่ะครับ วันนี้ได้ฤกษ์ซ่ะที ตามที่สัญญากับเพื่อนๆเอาไว้ เรื่องสัมมนาที่ยกเลิกไป แต่จะเอามาเขียนเป็นบทความลงที่บอร์ดแทน .....
บทความจะถูกแบ่งเป็นตอนๆน่ะครับ ผมจะพยายามเขียนให้ได้สัปดาห์ล่ะหนึ่งครั้ง คาดว่าสิ้นปีนี้คงจะจบพอดี ! งานนี้ไม่รู้ว่าคนเขียน กับ คนอ่าน คนไหนจะมีความอดทนมากกว่ากัน :-)
ก่อนจะเริ่มสัมมนา ว่ากันตามแบบฉบับสัมมนาทั่วไป เค้าก็จะมีการแน่ะนำตัววิทยากรกันก่อน แต่ผมคิดว่าเพื่อนๆในบอร์ดส่วนใหญ่คงจะรู้จักผมกันอยู่แล้วอ่ะครับ ดังนั้นคงไม่ต้องแน่ะนำตัวอะไรกันมาก แต่ถ้าเพื่อนคนไหนที่ยังไม่รู้จักผม และ อยากจะรู้จักผมมากกว่านี้ ก็ไปอ่านประวัติที่ Blog ของผมได้เลยครับ ที่นี่
http://www.thainetmarketing.com/?page_id=2 
แต่ก่อนที่จะเข้าเนื้อหาของสัมมนาอย่างจริงจังๆ ผมอยากจะขอบ่นเกี่ยวกับเรื่องทั่วๆไปก่อนน่ะครับ เหมือนกับตอนที่พูดที่โรงแรมมารวยนั่นแหล่ะ บ่นแบบน้ำๆก่อนเกือบชั่วโมง กว่าจะพูดเข้าเนื้อหาจริงๆ เพื่อนๆหลับไปแล้วครึ่งห้อง เอิ๊ก ๆ
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ อย่างแรกที่ผมจะอยากจะพูดก็คือ ........
" โซวบักท้ง ไม่ใช่เทพ ไม่ใช่เซียน ไม่ได้ล่วงรู้ไปซ่ะทุกอย่าง " ผมก็คนสามัญธรรมดานี่หล่ะครับ เพียงแต่ว่าอาจจะมีความรู้เกี่ยวกับ Internet Maketing มากกว่าชาวบ้านทั่วไปหน่อย เพราะว่า ศึกษามาก่อนคนอื่นเค้า นับไปนับมา ก็เกือบจะสิบปีแล้วหล่ะครับที่ผมผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการนี้มา แต่นั่นก็ไม่ได้ความว่าผมจะเก่ง แล้ว ก็รู้ไปซ่ะทุกเรื่องน่ะครับ บางทีเจอเพื่อนๆยิงคำถามยากๆมา ใบ้รับประทานเหมือนกัน บางทีถามผมเรื่อง การเขียนโปรแกรม ไอ๊หยา ! บอกตั้งกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ ว่าผมไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ บางทีก็ถามเรื่อง การใช้ software ที่ผมเองไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อมาก่อน ! ประมาณว่าจะทำแบบนั้นแบบนี้ต้องทำยังไง ..... โอ้แม่เจ้า ยังไม่เคยเห็นหน้าตา software เลย แล้วจะให้ตอบได้ยังไง ?
เอาเป็นว่า อย่าคาดหวังอะไรจากผมมากนัก อะไรที่ผมทราบ ผมรู้ ผมยินดีให้จะให้คำตอบ แต่นั่นก็อีกหล่ะ คำตอบจากผม ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นคำตอบสุดท้ายเสมอไป .......
โซวบักท้งก็ผิดเป็นเหมือนกันน่ะครับ !
ตามมาด้วยข้อที่สอง ........
“ การหาเงินบนเน็ท ต้องใช้ความพยายาม และ ความอดทน เฉกเช่น ธุรกิจทั่วไป " โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมมองการหาเงินบนเน็ท เป็น การทำธุรกิจอย่างหนึ่งครับ ซึ่งผมเองอยากจะบอกเพื่อนๆว่า ขึ้นชื่อว่า ทำธุรกิจ มันไม่หมูทั้งนั้นหล่ะครับ ธุรกิจมันต้องอาศัยการเอาใจใส่ การดูแล ค้นคว้า และ พัฒนาตลอดเวลา แล่ะ แน่นอนที่สุด มันต้องอาศัยการลงทุนบ้าง ....... อย่าไปคาดหวังอะไรที่ได้มาง่ายๆ หรือ ฟรีๆ ครับ ไอ้ประเภท Easy Money ..... ไม่ต้องทำอะไร จ่ายเงินให้เค้าไป แล้วนั่งรอ นับตังค์ นับกำไร นี่ ให้ระวังเอาไว้ให้ดีครับ ! คนโดยส่วนใหญ่มักจะติดกับความโลภ และ ความอยาก หวังจะรวยแบบง่ายๆ โดยไม่ได้คิดที่จะ ลงทุน ลงแรง ลงเวลา ลงเงิน ลงความรู้ ที่จะใช้ในการพัฒนาธุรกิจแบบจริงๆ ซึ่งถ้าคิดแบบนี้ ก็อย่าไปหวังที่จะรวยแบบง่ายๆเลยครับ หวังให้ จนแบบง่ายๆ น่าจะมีลุ้นกว่า !!
อยากให้ธุรกิจเติบโต อยากหาเงินให้ได้เยอะๆ ไม่ต้องไปค้นหาสูตรสำเร็จ หรือ หาผู้วิเศษที่ไหนมาช่วยหรอกครับ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับ หนึ่งสมอง และ สองมือ ของเพื่อนๆเอง ทั้งนั้นแหล่ะ!
ข้อที่สาม
ไม่มี “ โอกาสธุรกิจ “ ไหนที่ยอดเยี่ยมและวิเศษไปกว่าโอกาสธุรกิจบนอินเทอร์เน็ทอีกแล้วถ้ามีโจทย์ให้ผมคิด ให้บอกว่ามีช่องทางไหน หรือ มีโอกาสธุรกิจอันไหน ที่ยอดเยี่ยม และ เจ๋งกว่า โอกาสธุรกิจบนอินเทอร์เน็ท ?? ให้บอกตามตรง คิดไม่ออกจริงๆครับ จะมีธุรกิจอันไหนอีก ที่ลงทุนต่ำมากๆ ( บางคนบอกว่า ไม่ต้องลงทุนเลย ) แต่สามารถที่จะสามารถเข้าถึงตลาดได้รอบโลก แบบไม่มีวันหยุดราชการ !
ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีเศรษฐีเกิดใหม่ในวงการ Internet มากมายจนนับจำนวนไม่ไหว เราคงไม่ต้องมายกตัวอย่าง แบบเจ้าของ Amazon , Ebay หรือ Google กันอีก ยกกันมาจนเบื่อ ......... อยากจะยกตัวอย่างเว็บของเพื่อนฝรั่งของผมคนนึง เสียดายจำชื่อเว็บไม่ได้ เดี๋ยวถ้านึกออกจะมาบอกทีหลังน่ะครับ เป็นเว็บเกี่ยวกับเรื่องโจ๊ก รวบรวมเรื่องตลกจากทั่วโลก โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกได้ submit เรื่องตลกเข้ามา ....... ฟังดูเหมือนจะเป็นเว็บพื้นๆ ไม่มีอะไรน่ะครับ แต่ไอ้เว็บตัวนี้ มันมีบริการ Newsletter “ Joke of The Day “ คือมันจะส่งเรื่องตลกให้สมาชิกทาง e-mail วันล่ะฉบับ คัดแต่มุขเด็ดๆ ส่งไปให้ ให้ได้ยิ้มกันทุกวันเลย โดยเก็บค่าบริการอยู่ที่เดือนล่ะ $1 !! ถูกเหมือนกับเศษเงินของฝรั่งเค้า
แค่สำหรับเพื่อนผมคนนี้ มันต้องบอกว่าไม่ใช่เศษเงินแน่นอน เพราะว่า มันมีสมาชิกที่ยอมจ่ายเงินเดือนล่ะ $1 อยู่นี้ อยู่เกือบ 50,000 คน ........ ใช่ครับ ฟันเดือนล่ะ $50,000 เหนาะๆ คิดเป็นเงินไทยเท่าไหร่ไม่รู้ ต้องไปกดเครื่องคิดเลขกันเอง ........ แถมนี่เป็นรายได้เมื่อหลายปีที่แล้วด้วยครับ ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันรับสมาชิกทะลุแสนคนไปรึยัง ?
อันนี้ถือเป็นตัวอย่างเล็กๆมาเล่าให้ฟังครับ ที่จริงยังมีตัวอย่างอีกเยอะมากๆ แต่ถ้าให้มานั่งพิมพ์กันแบบนี้คงจะไม่ไหว ไว้มีโอกาสได้นั่งคุยกัน แล้วค่อยทยอยเล่าให้ฟังน่าจะดีกว่าครับ
แต่ยืนยันได้ ....... ไม่มี “ โอกาสธุรกิจ “ ไหนที่ยอดเยี่ยมและวิเศษไปกว่าโอกาสธุรกิจบนอินเทอร์เน็ทอีกแล้ว ฟังธง !!
ข้อที่สี่
บนอินเทอร์เน็ท ใครคือคนที่คุณกำลังฟัง หรือ กำลังอ่านอยู่ ?? อย่าเชื่อใครง่ายๆ ( รวมทั้งผมด้วย )เนื่องจากว่า มันเป็นสื่ออินเทอร์เน็ท มันจึงเป็นเรื่องง่ายเหลือเกิน ที่จะปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตัว หลอกลวง ปั้นเรื่องหลอกชาวบ้านเค้า ...... ดังนั้น บนอินเทอร์เน็ทเนี่ย อย่าเพิ่งไปเชื่ออะไรง่ายๆครับ รับรู้อะไรมา ก็ลองมานั่งคิด นั่งวิเคราะห์ดูก่อน ว่ามันมีเหตุมีผลพอที่จะเชื่อถือได้มั้ย ??
อย่าไปหลงกับภาพลวง ชื่อเสียงจอมปลอม ที่มีคนอ้างตัวเป็นกูรู หยิบเอาเช็ค เอา stat ต่างๆมาโชว์ ว่าตนทำรายได้เท่านั้นเท่านี้ เจตนาก็เพื่อ สร้างแรงจูงใจ ผสมความโลภ ให้กับคนที่เข้าดูเข้ามาอ่าน จะได้ขาย e-book ขาย software ฯลฯ บอกวิธี ที่จะทำให้รวยแบบเค้า ! จะว่าไปแล้ว ดูไม่ต่างจากคนที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์ นั่งขายซองหวย อยู่แถวป้ายรถเมล์ซ่ะเท่าไหร่ ไม่รู้สมัยนี้ยังมีมั้ย สมัยที่ผมยังโหนรถเมล์ไปเรียน ผมเคยไปยืนดูอาจารย์ แกคำนวณให้ดูอยู่พักใหญ่ หยิบไอ้นั้น บวกไอ้นี่ ลบไอ้นั่น ได้เลขนี้พอดี แม่นอย่างก่ะตาเห็น แต่ทำมั้ย ทำไม อาจารย์แกไม่ไปซื้อซ่ะเอง ไม่ต้องมานั่งร้อน ขายซองหวยอยู่ตรงนี้ ?
แต่ผมไม่ได้หมายความว่า ทุกคนที่ขาย e-book ขาย software จะเป็นพวกหลอกลวงซ่ะหมดน่ะครับ แน่นอนครับจะต้องมีพวกของจริง เป็นเพชรในโคลนตม อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ว่า ก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ ตัดสินใจจะรับเอาข้อมูล มาปฏิบัติในธุรกิจจริงของเรา อยากจะให้พินิจพิเคราะห์ด้วยสติปัญญาเสียก่อน ไม่ใช่ ด้วยความโลภ ความอยาก หรือ อารมณ์ !!

วันนี้เอาเท่านี้ก่อนครับ ....... หมดแรงพิมพ์แล้ว สัปดาห์หน้าค่อยว่ากันใหม่ครับ
โชคดีทุกคนครับ .........