ต่อไป »

[idee]

ดังนั้นเมื่อมันเป็นระบบเอเจนต์ หากทำระบบนี้ขึ้นมา กลุ่มลูกค้าคือ
1 ทำไว้ใช้เอง เป็นเอเจนต์เองซะเลย
2 ทำแล้วขายให้บริษัท - คนที่อยากเป็นเอเจนต์
3 Software As Service รันที่เรา แล้วเก็บเงินค่าใช้บริการ

แนวทางผมอยากทำในแบบ ข้อ 3 Software As Service นะครับ

เพราะน่าจะเหมาะกับการตลาดในอนาคตอันใกล้มากกว่า
ส่วนที่พี่ตั้มว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้น
มันอยากไปนะครับ

หรือว่ามีให้ไปดูแปลนบ้านหลังนั้นแล้ว
เอามาสร้างบ้านเราเองในแบบที่เราชอบ
เอามันสุก 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนอน

โดยเอาพฤษติกรรม และองค์ความรู้ที่พี่มีอยู่แล้ว
มาปรับแปลงเปลี่ยน เลยอาจจะลดขั้นตอน หรือบางฟังก์ชั่นออกไป

ยิ่งรู้เยอะต้นทุนยิ่งลดลง
นั้นคือที่พี่บอกว่าไม่มากมาย
เพราะมีมีต้นทุนสูง
การลงทุนเลยต่ำ
ผมเข้าใจถูกเปล่าครับ

และแนวทางพี่ข้อ 3 เปล่า?

ตามติดต่อ.

[tumtac]

งงครับ ยังไม่เห็นวิธีหาเงินเลยแบบว่า เราเอาระบบไปขายโรงแรมหรอ หรือเราจะเป็น เอเยนต์จองโรงแรมเอง หรือเราจะเอาระบบไปขายเอเยนต์

ถ้าดูตามตัวอย่างก็เป็นระบบเอเจนต์นะ โดยเปิด / ให้บริการให้เจ้าของโรงแรมมาใส่ข้อมูลได้


โรงแรมในไทยตอนนี้ยังไม่ไฮเทคเหมือนต่างประเทศ

อย่างถ้าจะจองผ่านเวบ
ตอนนี้เอเจนต์ต้อง confirm การจองด้วย email / tel /fax เนื่องจากเอเจนต์ไม่รู้ว่าห้องว่างไหม เลยต้องโทรมาถาม หากว่าง ก็ไปยืนยันกับทางลูกค้าให้ลูกค้าจ่ายเงิน แล้ว กลับมา confirm อีกที ประมาณทำ contract ไว้เฉยๆ แต่เวลาจองต้องเชคอีกที

บางเจ้าก็ใช้วิธีให้สต๊อคห้องไว้ ว่าเอเจนต์เจ้านี้ได้ห้องแบบ A กี่ห้อง เรทเท่าไหร่ - เท่าไหร่ ช่วงเดือนไหนถึงเดือนไหน ส่วนใหญ่หากเอเจนต์ไหนทำยอดดี ก็มักจะได้เรทดี กับสต๊อคห้องหลายห้อง (ที่มาของเรทที่ต่างกันในแต่ละเอเจนต์) (แต่บางทีก็อาศัยความซี้ส่วนตัวก็มี)

บางเจ้าทันสมัยหน่อยก็เอาระบบของเอเจนต์มาลง ทำให้สามารถอัพเดตห้องพัก / confirm ห้องพักได้สดวกกว่าแบบอื่น เพราะพนักงานกรอกข้อมูล ตอบรับ หรือตั้งจำนวนห้องว่างได้ค่อนข้างจะ realtime ระบบทีทำแบบนี้ เมื่อลูกค้าจองก็จะได้ห้องทันที (เนื่องจากพนักงานโรงแรมเป็นคนอัพเดตข้อมูลไว้เอง) ไม่ต้องให้เอเจนต์คอยเชคกับทางโรงแรมก่อน การปิดการขายก็สดวกขึ้น เพราะขั้นตอนมันน้อยลง (แบบแรก หากเชคห้องแล้วพบว่าห้องไม่ว่าง เอเจนต์ก็จะติดต่อกลับไปหาลูกค้าเพื่อทำ cross sale / upsale หรือเสนอโรงแรมอื่นในบริเวณใกล้เคียง หรือห้องพักแบบอื่นไป ถ้าตกเคสนี้ก็อาจทำให้ conversion drop เอาได้) ดังนั้นหากแสดงห้องที่ว่างจริงๆ และทำการบุคได้เลย ได้ห้องเลย ก็จะไม่ตกในปัญหาของเคสตัวอย่างนี้

ดังนั้นเมื่อมันเป็นระบบเอเจนต์ หากทำระบบนี้ขึ้นมา กลุ่มลูกค้าคือ
1 ทำไว้ใช้เอง เป็นเอเจนต์เองซะเลย
2 ทำแล้วขายให้บริษัท - คนที่อยากเป็นเอเจนต์
3 Software As Service รันที่เรา แล้วเก็บเงินค่าใช้บริการ

เป็นความคิดที่ดีครับ เพราะสามารถทำได้จริงๆ ส่วนใหญ่แล้ว เอเย่นต์ใหญ่ๆ เช่น agoda.com  booking.com  พวกนี้จะได้สิทธิพิเศษจากโณงแรม คือมี อะล๊อตเม้นท์ คือห้องพักว่าง/วัน จากโรงแรมอยู่แล้วครับ

^ถ้าเป็นระบบจองโรงแรมแบบ realtime มันจะมีปัญหาตรงที่ว่า บางโรงแรมเขามีโปรแกรมของเขาอยู่แล้ว แล้วเรื่องอะไรเขาต้องให้พนักงานทำงานซ้ำซ้อน กรอกข้อมูลการเข้าพักถึง 2 ครั้ง ช่วยตีโจทย์ตรงนี้ให้หน่อยครับ

 โจทย์ตรงนี้ไม่ยากครับ เพราะ...................   เอาไว้ก่อนน๊ะ คุยกันได้เรื่อยๆ แต่ยังไม่อยากจะเจาะลึก เพราะคนที่รู้แล้ว เอาไปทำก่อนอาจจะไม่ใช่คุณครับ เอาไว้เดียวเปิดเวปเอาไว้คุยกันเฉพาะ และบอกให้เฉพาะคุณเท่านั้นที่รู้    อย่างที่บอก ผมไม่ได้ทำ แต่ผมก็ไม่ยากจะเก็ยไว้ อยากเห็นแจ็คล้มยักษ์ โดยเฉพาะในเมืองไทยก่อน คุณรู้หรือเปล่าว่า ทุกวันนี้โรงแรมจะพังเพราะระบบเอเย่นต์ใหญ่ๆมันข่มโรงแรมอยู่ โดยเฉพาะพวกต่างชาติ......  

[bookingglobe]

^ถ้าเป็นระบบจองโรงแรมแบบ realtime มันจะมีปัญหาตรงที่ว่า บางโรงแรมเขามีโปรแกรมของเขาอยู่แล้ว แล้วเรื่องอะไรเขาต้องให้พนักงานทำงานซ้ำซ้อน กรอกข้อมูลการเข้าพักถึง 2 ครั้ง ช่วยตีโจทย์ตรงนี้ให้หน่อยครับ


^
ใช่ครับ นั่นแหล่ะ ปัญหา


ถ้าดูแบบแรงจูงใจพื้นๆ
หากเราเป็นเจ้าของโรงแรม จะใช้ทรัพยากร (พนักงาน) ให้ทำอะไร ก็ต้องนึกถึง ความคุ้มค่า
ความคุ้มค่าในที่นี้ก็คือ "ขายได้"

ดังนั้น หากจะใช้ ก็ต้องเลือกเอเจนต์ที่มีระบบ และมีแนวโน้มที่จะขายให้เราได้

ปัญหานี้ เหมือนห้างค้าปลีกใหญ่ๆ ที่อยากเอาของจาก supplier มาเยอะๆ ห้างก็ต้องพยายามให้ยอดขายเยอะ (คนเข้าห้างเยอะ)
แล้วก็สมดุลกับการซื้อทีละเยอะๆจาก supplier ของจะได้ถูก (คนจะได้เข้าห้างเยอะๆ)

มันเป็นปัญหา ไก่กับไข่ Demand - Supply ว่าทำอะไรก่อนกัน แต่จริงๆมันก็ต้องสมดุลขยายกันให้ได้แหล่ะ
เพราะ supplier ก็อยากให้ขายได้เยอะก่อนถึงจะให้เรทถูก ส่วนคนขายก็อยากได้เรทถูก เพื่อขายง่ายๆ

ท้ายสุด อำนาจต่อรองก็มาจากใครที่มีลูกค้าในมือเยอะ อำนาจต่อรองก็จะสูง เอเจนต์ไหนส่งลูกค้าให้เยอะ โรงแรมก็ชอบ
เลยได้เรทดี เจ้าใหม่ๆเลยเข้ามาลำบาก ถ้าจะเข้าก็ต้องทุนหนา หรือมีจุดแข็งอะไรสักอย่าง (หรือหลายๆอย่าง)
และมันเป็นความจริงของตลาด ไม่ว่าตลาดไหนอยู่แล้ว

อันนี้คิดแค่แง่เดียว  
จริงๆการตอบมีได้อีกหลายแนวทาง จะตอบทางเทคนิคก็อาจใช้พวก "xml - webservice" มาวางระบบจัดการใหม่ หรือใช้เทคนิคโปรแกรมอื่นๆเชื่อมเอา ไม่ก็ แจกระบบให้ใช้ฟรี การทำระบบให้ดีกว่าของเดิม bundle และอื่นๆ อะไรก็ว่าไป

[tumtac]

แนวทางผมอยากทำในแบบ ข้อ 3 Software As Service นะครับ

เพราะน่าจะเหมาะกับการตลาดในอนาคตอันใกล้มากกว่า
ส่วนที่พี่ตั้มว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้น
มันอยากไปนะครับ

หรือว่ามีให้ไปดูแปลนบ้านหลังนั้นแล้ว
เอามาสร้างบ้านเราเองในแบบที่เราชอบ
เอามันสุก 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนอน

โดยเอาพฤษติกรรม และองค์ความรู้ที่พี่มีอยู่แล้ว
มาปรับแปลงเปลี่ยน เลยอาจจะลดขั้นตอน หรือบางฟังก์ชั่นออกไป

ยิ่งรู้เยอะต้นทุนยิ่งลดลง
นั้นคือที่พี่บอกว่าไม่มากมาย
เพราะมีมีต้นทุนสูง
การลงทุนเลยต่ำ
ผมเข้าใจถูกเปล่าครับ

และแนวทางพี่ข้อ 3 เปล่า?

ตามติดต่อ.

ถูกต้อง ทุกอย่างที่พูดมาคือถูกหมด เพราะอย่างที่บอกว่ามันทำได้จริงๆ

นายออกแบบบ้านเองนายสร้างบ้านเอง นายก็ต้องรู้ว่าตอนนี้ควรเอากี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ แล้วถ้ามีเงินเยอะ ก็ซื้อที่ ต่อเติม ขยายบ้านออกไป... มันทำได้ เพราะนายเป็นคนออกแบบบ้าน สร้างบ้านเอง แต่ถ้านายไป Clone เขาออกมา มันก็ตัน เพราะนายไม่รู้ว่าจะต่อเติมตรงไหนต่อ ยอมรับว่า บ้านที่สร้างเองหลังแรก มันอาจจะดูไม่สวยงาม แล้วนายมีความคิดที่จะไม่พยายามปรับปรุงเชียวเหรอ....  พอมีเงินเยอะขึ้น นายก็จะรู้เองแหล่ะว่า ถ้าต่อเติมไม่ได้แล้ว ก็สร้างใหม่อีกหลังเอาที่มันใหญ่ๆไปเลยก็ได้....


แน่นอนพี่ก็เลือกข้อ 3 เพราะ.........................  

^ถ้าเป็นระบบจองโรงแรมแบบ realtime มันจะมีปัญหาตรงที่ว่า บางโรงแรมเขามีโปรแกรมของเขาอยู่แล้ว แล้วเรื่องอะไรเขาต้องให้พนักงานทำงานซ้ำซ้อน กรอกข้อมูลการเข้าพักถึง 2 ครั้ง ช่วยตีโจทย์ตรงนี้ให้หน่อยครับ


^
ใช่ครับ นั่นแหล่ะ ปัญหา


ถ้าดูแบบแรงจูงใจพื้นๆ
หากเราเป็นเจ้าของโรงแรม จะใช้ทรัพยากร (พนักงาน) ให้ทำอะไร ก็ต้องนึกถึง ความคุ้มค่า
ความคุ้มค่าในที่นี้ก็คือ "ขายได้"

ดังนั้น หากจะใช้ ก็ต้องเลือกเอเจนต์ที่มีระบบ และมีแนวโน้มที่จะขายให้เราได้

ปัญหานี้ เหมือนห้างค้าปลีกใหญ่ๆ ที่อยากเอาของจาก supplier มาเยอะๆ ห้างก็ต้องพยายามให้ยอดขายเยอะ (คนเข้าห้างเยอะ)
แล้วก็สมดุลกับการซื้อทีละเยอะๆจาก supplier ของจะได้ถูก (คนจะได้เข้าห้างเยอะๆ)

มันเป็นปัญหา ไก่กับไข่ Demand - Supply ว่าทำอะไรก่อนกัน แต่จริงๆมันก็ต้องสมดุลขยายกันให้ได้แหล่ะ
เพราะ supplier ก็อยากให้ขายได้เยอะก่อนถึงจะให้เรทถูก ส่วนคนขายก็อยากได้เรทถูก เพื่อขายง่ายๆ

ท้ายสุด อำนาจต่อรองก็มาจากใครที่มีลูกค้าในมือเยอะ อำนาจต่อรองก็จะสูง เอเจนต์ไหนส่งลูกค้าให้เยอะ โรงแรมก็ชอบ
เลยได้เรทดี เจ้าใหม่ๆเลยเข้ามาลำบาก ถ้าจะเข้าก็ต้องทุนหนา หรือมีจุดแข็งอะไรสักอย่าง (หรือหลายๆอย่าง)
และมันเป็นความจริงของตลาด ไม่ว่าตลาดไหนอยู่แล้ว

อันนี้คิดแค่แง่เดียว 
จริงๆการตอบมีได้อีกหลายแนวทาง จะตอบทางเทคนิคก็อาจใช้พวก "xml - webservice" มาวางระบบจัดการใหม่ หรือใช้เทคนิคโปรแกรมอื่นๆเชื่อมเอา ไม่ก็ แจกระบบให้ใช้ฟรี การทำระบบให้ดีกว่าของเดิม bundle และอื่นๆ อะไรก็ว่าไป

ใช่ครับ...........  อย่างที่บอกว่าเกือบทุกๆโรงแรมใช้อินเตอร์เน็ตกันแล้วครับ  อย่างเมื่อบ่ายๆ ไป back up ให้โรงแรมหนึ่ง พนักงาน นั่งปลูกผักใน Hi5 facebook อยู่เลย..... 

ส่วนเรื่องที่จะใช้อะไรเขียน อยากให้ลองไปดูการใช้งานของเขาก่อนก็แล้วกันเพราะผมบอกแล้วว่า ได้แต่บอก แต่ยังไม่ได้เข้าไปดู รวมถึง สมัครทดลองใช้เลยครับ 

[bookingglobe]

เรื่องระบบว่าใช้อะไรเขียน เท่าที่ดูคลิปผ่านๆก็ไม่น่ามีอะไรพิสดารมาก php, asp ก็น่าจะได้แล้ว ส่วน xml นั่นผมคิดในแง่ การทำระบบเชื่อมกับระบบอื่นหน่ะครับ

เห็นด้วยกับท่าน kongpair ว่าหากฟีเจอร์ตามระบบนั้น หลักล้านแน่ๆ (ผมมองว่าเกินล้านอีก 55)
คือเคยมีส่วนรวมนิดหน่อยกับเวบจองห้อง คนทำ 10+ ทำเป็นปี ระบบยังไม่ดีเท่ากับอันที่ยกมาเลยครับ 



ส่วนถ้าจะทำ เห็นด้วยที่ว่า ความรู้เรื่องระบบ travel business ก็สำคัญ
เพราะคงต้องใช้ความรู้ในทาง business เพื่อตัดฟีเจอร์ทิ้ง -_-'  (ไม่งั้นงบบานแน่ๆ) เอาเฉพาะส่วนที่ใช้จริงๆ
กับปรับให้เข้ากับรูปแบบการทำงานแบบไทยๆ

ตัวอย่างนั่น customize ได้ค่อนข้างมาก และนั่นแหล่ะตัวทำให้โปรแกรมเขียนลำบากมากกกกก ยิ่งยืดหยุ่นยิ่งงานเยอะ
ถ้าตัดๆไปคงทำให้ทุ่นแรงได้พอควร

ยังไงก็ลองหาทางหาผู้ร่วมอุดมการณ์สุมหัวกันดูครับ
ขอให้ประสพความสำเร็จ  รอดูโปรเจคไทยก้าวไกลทั่วโลก อิอิ

[tumtac]

"ท้ายสุด อำนาจต่อรองก็มาจากใครที่มีลูกค้าในมือเยอะ อำนาจต่อรองก็จะสูง เอเจนต์ไหนส่งลูกค้าให้เยอะ โรงแรมก็ชอบ
เลยได้เรทดี เจ้าใหม่ๆเลยเข้ามาลำบาก ถ้าจะเข้าก็ต้องทุนหนา หรือมีจุดแข็งอะไรสักอย่าง (หรือหลายๆอย่าง)
และมันเป็นความจริงของตลาด ไม่ว่าตลาดไหนอยู่แล้ว"

สุดท้ายก่อน ไปทำอย่างอื่น ใช่ครับ เมื่อก่อนก็คิดอย่างนั้น 6 ปีก่อนที่ดังๆก็มี sawaddee.com  ratestay.com r24.org faraway.com ที่ทำเวปbooking ดังๆ ในเกาะสมุย แต่ปลากใหญ่ก็กินปลาเล็ก หลายๆเจ้าใหญ่ก็สลายตัวเองไปเป็น aff ของเจ้าใหญ่ๆ ตอนแรกๆก็กลัวครับ คิดอยากจะทำเวปจองโรงแรม ก็กลัวว่าจะไปไม่รอด แต่ตอนนี้ยิ่งระยะช่วงเวลาที่เข้ามาอยู่ในสมุยรอบ2 ซึ่งต่างจากครั้งแรก ที่เรามาช่วยงานโรงแรมเพียงโรงแรมเดียว    ตอนนี้อยากบอกว่า............ เอ่อ เอาเป็นว่าไม่พูดดีกว่าเดียวหาว่าโม้.... (และเชื่อเปล่าว่า แม้ร้านอาหารอิตาเลี่ยน2ร้าน 2ที่ ผมยังไปซ่อมคอมพิวเตอร์มาแล้วเลย     แต่มีอยู่ร้านหนึ่งที่ยังคาใจว่าเปิดร้านขายอาหาร แต่ดันมีตู้server 1U ตั้ง 4 ตัว มันเอาไว้ทำไมหว่า..........    ) เลยทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง มากยิ่งขึ้น ยิ่งกว่ากบอยู่ในกะลา ทำให้รู้ว่า การที่คิดจะทำเวปจองโรงแรมนั้น จริงๆไม่ยากอะไรเลย อาศัยหลักการง่ายๆ ง่ายจนไม่คิดสว่ามันจะทำได้จริงๆ  แต่ก็ลองดูแล้ว เอ่อว่ะ เข้าท่า เข้าท่า 

*** บางครั้งเรื่องอะไรบางอย่างที่มันเรื่องง่ายๆ แต่คนบางคนทำให้มันเป็นเรื่องยากเอง ******

[chanudom]

แปลกทำไมร้านอาหารต้องมี server ตั้ง 4ตัว

[vahar_aon]

เท่าที่ผมนั่งไล่อ่านดูผมก็คิดว่าเป็นโปรเจ็คที่น่าสนใจเลยครับ ผมก็เคยมีประสบการ์ด้านธุรกิจโรงแรมอยู่เหมือนกันครับแต่น้อยนิดมากก็พอมองตลาดออก ซึ่งเท่าที่ดูก็พอมองเห็นความเป็นไปได้
ความรู้เรื่องระบบ travel business ก็สำคัญมาก ๆ ครับ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
บางฟีเจอร์ที่เราเห็นอาจจะไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทยต้องต้องออกเพือลดต้นทุน
บางฟีเจอต้องเพิ่มครับ แน่นอนว่าถ้าเราทำเสร็จแล้วให้ User ใช้มันต้องมีเพิ่มมีลดแน่นอน อันนี้เป็นเรื่องอนาคตที่เราต้องคิดเผื่อครับ
โจทย์หลักคือ ทุนสำหรับพัฒนาครับ ต้องตีให้แตก

[vahar_aon]

แปลกทำไมร้านอาหารต้องมี server ตั้ง 4ตัว

เดี๋ยวนี้ร้านอาหารเขามีการนำระบบมาใช้มากมายครับ POS บ้าง ระบบ บราๆๆๆๆ เยอะแยะครับ

[kongpair]

รอดู Hotel AFF ของผมดีกว่าครับท่าน กำลังจะปล่อยออกสู่สายตาประชาชี....

[nu_eng]

มาเก็บความรู้ครับ ชอบกระทู้นี้จัง 

[thaiserveronline]

แวะมาลงชื่อ 

[ohmohm]

สงสัยต้องขอ incubator หรือ angel incubator มาช่วยลงทุนให้หน่อย

อ่านความเห็นของท่านทั้งหลาย เลยนึกถึงเอ็นทรีนี้ "Next E-Business Model 2.0 คุณจะเป็นเศรษฐีออนไลน์ได้อย่างไรในยุคนี้"
http://blog.macroart.net/2007/...ext-e-business-model-20-2.html

[tumtac]

วันนี้ดีใจ ตีโจทย์เรื่องการจองห้องพักโรงแรมออกแล้วเกือบ 90 % ตอนที่ขี่มอไซค์ไปรับสินค้าที่ไปรษณีย์ เอามาส่งที่โรงแรม 

ไม่น่าเชื่อ ว่าการใช้ if... และ else... จะสามารถตีโจทย์ได้ทะลุ ทะลวงขนาดนั้น 


จะพูดง่ายๆ น๊ะ.........

ตอนนี้ถ้าผมให้ วลีไป 3 ประโยค รับรองว่า ทำได้แน่นอนครับ

ถ้าคุณรู้จัก แก่นแท้ ( CORE ) ของแต่ล่ะธุรกิจที่คุณมีความสนใจและ ตั้งใจจะทำแล้ว ไม่มีคำว่า เจ๊ง ล้มเหลว....

หลักการ SWOT หรือ จุดแข็ง จุดอ่อน อุปสรรค และ โอกาส ในการทำแผนธุรกิจ รับรองไม่มีวันขาดทุน

เอาง่ายๆผมไม่มีเงินเดือน ผมทำงานซ่อมคอมพิวเตอร์ไปเรื่อยๆ ผมมีรายจ่ายเฉลี่ยวันละ 300 บาท ผมไม่ได้มีงานทำทุกวัน

 ทุกวันนี้ผมยังไม่เชื่อตัวผมเองเลยว่า ผมจะอยู่จนมาถึงทุกวันนี้ได้ด้วยซ้ำไป   เกือบ 1 ปีแล้ว เพราะอะไรล่ะ...?? 

เพราะผมจับจุดธุรกิจได้ ( CORE ) ของธุรกิจที่ผมทำได้อย่างไงล่ะครับ  ผมนอนตื่น 10โมงเช้า ลูกค้าก็รู้ใจ ก็จะโทรมาเวลาประมาณนี้ ผมทำงานไม่มีวันหยุด ผม.....

คือสามารถเอาจุดอ่อนทั้งหมด รวมถึงปัญหาที่เจ้าของคอมพิวเตอร์หลายๆเจ้า มาเป็นโอกาสให้เราได้งานทำ และได้ทำงาน

ดังนั้นต้องตีโจทย์ ให้แตกให้ได้ ไม่วันนี้ก็วันพรุ่งนี้ั ไม่วันพรุ่งนี้ก็วันต่อไป อย่าไปบีบคั้นตัวเอง ถ้าคุณยังอยู่ที่เดิม คุณก็จะมีความรู้เท่าๆเดิม

 แล้วจะไม่ลองออกไปหาประสบการณ์แปลกๆใหม่ๆบ้างล่ะ 



คุณเชื่อหรือเปล่าว่า เอเย่นต์ที่ขายห้องพักโรงแรม ระดับ 2 เจ้าใหญ่ ที่เปิดมานานกว่า 6 ปี ยังแพ้ เอเย่นต์เจ้าใหม่ที่เปิดตัวแค่ 3 ปี และมีทีมงานแค่ 5 คน โดยเป็นการแพ้อย่างราบคาบ...

คุณเชื่อหรือไม่ว่า ทำไมบริษัททัวร์จาอิสราเอล ที่ชื่อ อิสราทัวร์ จึงเป็นที่ชื่นชอบของเจ้าของทัวร์ต่างๆ

คุณเชื่อหรือไม่ว่าคนเยอรมันสร้างบ้านพักแม้ไม่ได้ติดชายทะเล ยังมีรายได้มากกว่าโรงแรมระดับ 2 ดาวที่ติดชายทะเลเสียอีก

วันนี้ผมให้ประโยคที่ว่า................  "ซื่อสัตย์ รวดเร็ว"



ส่วนเรื่องเวปที่ให้ไปดู เป็นอย่างไรบ้างครับ ข่วงนี้ วุ่นๆอยู่ ไม่ได้ว่างเข้าไปเฉียดกายเข้าไปดูเลย 

สงสัยต้องขอ incubator หรือ angel incubator มาช่วยลงทุนให้หน่อย

อ่านความเห็นของท่านทั้งหลาย เลยนึกถึงเอ็นทรีนี้ "Next E-Business Model 2.0 คุณจะเป็นเศรษฐีออนไลน์ได้อย่างไรในยุคนี้"
http://blog.macroart.net/2007/...ext-e-business-model-20-2.html

ผมรู้จักเจ้าของ Blog ที่คุณนำLINK มา ชื่อ อภิศิลป์ ตรุงกานนท์  เป็นคนที่เขียน script webboard ของ puntip.com (ชื่อนี้ใช้ก่อน pantip.com ในปัจจุบัน)

 และผมเคยไปขอ code webboard ที่ ออฟฟิศ pantip มากะเจ้าตัวมาแล้วครับ เป็น .pl  (Pearl) รันผ่าน cgi-bin อยู่เลย ยอมรับว่าผู้ชายคนนี้เก่งมากครับ

อ้อเรื่องเวปบอร์ดpantip.com โพสรูปได้ ไอเดียวก็มาจากผมนิแหล่ะครับ ฮ่า ฮ๋า ฮ๋า  //ส่วนรื่องที่คุณถามมาผมยังไม่ได้เข้าไปอ่านเลยครับ 

[zankumuro]

อ่านคร่าวๆแล้วเข้าไปดูตัวอย่าง ผมคนนึงล่ะที่ขอลองโคลนระบบนี้ดู แบบว่ามันน่าสนใจ และชอบโคลนเว็บอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นแค่การใช้งานเฉพาะด้านเท่านั้น ใหญ่สุดที่เคยทำก็ Clone Alibaba.com ขอลองใหญ่ๆแบบนี้ดูมั้ง เดี๋ยวต้องอัดวีดีโอในตัวอย่างไว้ก่อน เดี่ยวหมดอายุแล้วจะหลงทาง

ระบบความปลอดภัยอาจจะห่วยๆ แต่คิดว่าถ้าระบบหลักส่วนใหญ่เสร็จน่าจะมีคนมารับช่วงต่อ

ซุ่มทำตามระเบียบ เสร็จแล้วจะเอามาให้ยลกันนะครับ

[tumtac]

สงสัยต้องขอ incubator หรือ angel incubator มาช่วยลงทุนให้หน่อย

อ่านความเห็นของท่านทั้งหลาย เลยนึกถึงเอ็นทรีนี้ "Next E-Business Model 2.0 คุณจะเป็นเศรษฐีออนไลน์ได้อย่างไรในยุคนี้"
http://blog.macroart.net/2007/...ext-e-business-model-20-2.html

เอาล่ะผมไปอ่านมาแล้ว ขอเอาเรื่องใกล้ตัวมาก่อนก็แล้วกัน

"กรณีศึกษาของ Compaq และ Dell

เมื่อสิบปีที่แล้ว บริษัท Compaq เป็นบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลยักษ์ใหญ่ของโลก การขายคอมพิวเตอร์ของ Compaq ก็เป็นเช่นเดียวกับการขายไก่ของ CPF ก็คือตัวเองวางตัวเป็นเพียงผู้ผลิต ส่วนงานขายปลีกให้เป็นหน้าที่ของร้านค้าปลีก ซึ่งในกรณีนี้ก็คือร้าน Best Buy ที่เป็นห้างค้าปลีกด้านอิเล็คทรอนิคส์และคอมพิวเตอร์

เมื่อ Compaq ผลิตคอมพิวเตอร์ขึ้นมา ก็ส่งไปให้ Best Buy ขาย ลูกค้าก็ไม่ต้องเดินทางมาถึงโรงงานของ Compaq แต่เดินทางไปที่ Best Buy สาขาใกล้บ้าน ก็สามารถหาซื้อคอมพิวเตอร์ที่ต้องการได้แล้ว ดูเหมือนว่าชีวิตของลูกค้าก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลย

แต่แล้ววันหนึ่ง Dell ก็เข้ามาสู่อุตสาหกรรมนี้ บริษัทที่ก่อตั้งโดยชายหนุ่มที่ชื่อ Michael Dell เขาเริ่มธุรกิจของเขาตั้งแต่เป็นนักศึกษาปีหนึ่ง ด้วยการรับจ้างทำงานจิปาถะด้านฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ เช่น การ format ฮาร์ดดิสก์ การใส่แรมเพิ่ม เป็นต้น จุดเริ่มต้นของเขาอาจจะแตกต่างจากมหาเศรษฐีไอทีคนอื่นๆ คนอื่นอาจจะเริ่มธุรกิจจากโรงรถ แต่ Michael Dell เริ่มธุรกิจจากห้องน้ำในหอพัก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าพ่อแม่ของ Michael Dell อยากให้เขาตั้งใจเรียนหนังสือมากกว่า เวลาที่พ่อแม่มาเยี่ยมที่หอพัก Michael Dell ก็ต้องย้ายคอมพิวเตอร์ทั้งหลายไปฝากไว้ในห้องน้ำของห้องเพื่อน

ต่อมา Michael Dell ได้ขยายธุรกิจไปเป็นการประกอบคอมพิวเตอร์เพื่อขายให้กับบริษัทต่างๆ และเมื่ออินเทอร์เน็ตเริ่มบูม Dell จึงได้สร้างเว็บไซต์สำหรับขายคอมพิวเตอร์ตรงถึงมือลูกค้า ลูกค้าเพียงเข้าเว็บเพื่อเลือกสเป็กคอมพิวเตอร์ที่ต้องการ จากนั้น Dell จะจัดส่งคอมพิวเตอร์ให้ภายใน 1 – 3 วัน

ในกรณีนี้ Dell ได้ทำการตัดตัวกลางคือ Best Buy ออกไป สิ่งที่ลูกค้าได้อย่างแรกก็คือราคาคอมพิวเตอร์ที่ถูกลงอย่างมากเมื่อเทียบ กับ Compaq เพราะลูกค้าไม่ต้องจ่ายให้กับตัวกลาง อย่างที่สองคือลูกค้าจะได้รับคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดจริงๆ เพราะ Dell จะประกอบหลังจากที่ได้รับออเดอร์จากลูกค้าแล้วเท่านั้น ต่างจาก Compaq ที่ต้องคาดการณ์ก่อนว่าคอมพิวเตอร์แต่ละรุ่นจะมียอดขายมากน้อยแค่ไหน จากนั้นจึงผลิตตามที่คาดการณ์ไว้ แล้วจัดส่งไปให้ Best Buy แล้วลูกค้าถึงจะมาเลือกซื้อ จำนวนวันที่กว่าคอมพิวเตอร์จะไปถึงมือลูกค้าอาจจะสูงถึง 45 วัน ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นตกรุ่นได้แล้ว ขณะที่ Dell สามารถขายคอมพิวเตอร์ที่ใช้ CPU รุ่นใหม่ของ Intel ได้ในวันเดียวกับที่ Intel เปิดตัว CPU รุ่นใหม่

แต่สิ่งที่ Dell ได้รับนั้นมากกว่าที่ลูกค้าได้รับเสียอีก Dell เก็บเงินจากลูกค้าที่จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตก่อน แล้วจึงส่งของให้ลูกค้า ขณะที่ Compaq จะต้องให้ credit term แก่ Best Buy กว่าจะเก็บเงินได้ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ทำให้ Dell ได้เปรียบเรื่องต้นทุนเงินทุนมากกว่า Compaq สภาพคล่องจึงสูงกว่ามาก

ถ้าเราลองวาดสามเหลี่ยม Transaction ออกมา จะพบว่าราคาคอมพิวเตอร์ที่ Dell ขาย PD รวมกับ Transaction Cost T3 แล้ว ยังน้อยกว่าราคาคอมพิวเตอร์ของ Compaq PC รวมกับ Transaction Cost T1 และ T2 นี่จึงเป็นเหตุผลว่าโมเดลการตัดตัวกลางของ Dell สามารถเอาชนะโมเดลของ Compaq ได้

Business Model ของ Compaq, Dell และ Best Buy

แล้วถ้า Compaq จะขายตรงผ่านหน้าเว็บตัวเองบ้างล่ะ? คำตอบก็คือทำได้ยากและต้องใช้เวลามาก เพราะการทำแบบนั้นคือการทำลาย Best Buy ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Compaq อีกทั้ง Compaq ยังขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายอย่างผ่าน Best Buy การเปลี่ยนโมเดลมาขายตรงจะทำให้เกิด Channel Conflict ขึ้นทันที ต่างกับ Dell ที่ไม่เคยอาศัยตัวกลางมาก่อนอยู่แล้ว Dell ก็เลยกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมประกอบคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย ขณะที่ Compaq ก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายต้องควบรวมกิจการกับ HP
กรณีศึกษาของ PantipMarket.comถ้าคุณเป็นเจ้าของรถ ยนต์และอยากจะขายเพื่อไปซื้อรถคันใหม่ โดยที่คุณไม่มีเพื่อนคนไหนที่กำลังอยากซื้อรถมือสองเลย และคุณก็ไม่อยากขายให้เต๊นท์รถมือสองเพราะจะถูกกดราคา คุณจะทำอย่างไร?

หรือถ้าคุณเป็นคนที่อยากซื้อรถมือสอง โดยที่คุณไม่รู้จักเพื่อนคนไหนที่กำลังอยากขายรถ และคุณก็ไม่อยากซื้อจากเต๊นท์เพราะเต๊นท์ขายแพง คุณจะทำอย่างไร?

คำตอบก็คือการใช้บริการจาก Classifieds นั่นเอง ธุรกิจนิตยสาร Classifieds เกิดขึ้นได้ก็เพราะทั้งผู้ขายและผู้ซื้อต่างก็มี Search Costs ในการค้นหาซึ่งกันและกัน ผู้ขายจึงเลือกที่จะลงประกาศขายรถยนต์ใน Classifieds ซึ่งอาจจะลงฟรี หรือแบบเสียเงินเพื่อให้โฆษณาเด่นชัดมากขึ้น ส่วนผู้ซื้อก็ยินดีที่จะซื้อนิตยสาร Classifieds ในราคาถูกมานั่งเลือกรถยนต์มือสองรุ่นที่ตัวเองต้องการ (T2 + T3 < T1)

Business Model ของ Classifieds และ PantipMarket

แต่เมื่ออินเทอร์เน็ตเกิดขึ้น โมเดลนิตยสาร Classifieds ก็ถูกท้าทายจากคู่แข่งที่มาในรูปแบบดิจิตอลที่มีต้นทุนต่ำกว่า หนึ่งในคู่แข่งเหล่านั้นก็คือเว็บ PantipMarket.com

PantipMarket.com ใช้โมเดลแบบเดียวกับนิตยสาร Classifieds คือการเป็นตัวกลางเพื่อเชื่อมผู้ขายกับผู้ซื้อให้พบกัน แต่ PantipMarket.com โดดเด่นกว่าในแง่ของ Transaction Cost ที่ต่ำกว่า ทั้ง Transaction Cost ในฝั่งผู้ขาย (T4 < T2) และ Transaction Cost ในฝั่งผู้ซื้อ (T5 < T3)

ในฝั่งผู้ขายนั้น PantipMarket.com ช่วยให้ผู้ขายสามารถลงประกาศขายสินค้าได้ทันที ไม่ต้องรอ 15 วันเหมือนนิตยสาร ผู้ขายสามารถปรับแต่งแก้ไขประกาศของตัวเองได้ตลอดเวลา ถ้าลงเบอร์โทรศัพท์ผิดก็แก้ไขได้ทันที แต่ถ้านิตยสารลงเบอร์โทรผิดก็แก้อะไรไม่ได้เลย นอกจากนี้ถ้าผู้ขายสามารถขายสินค้าได้แล้ว จะลบประกาศของตัวเองออกเมื่อไหร่ก็ได้ ต่างกับนิตยสารที่ลบอะไรออกไม่ได้ ถึงจะขายสินค้าได้แล้วแต่ก็ยังต้องคอยรับโทรศัพท์อยู่เรื่อยๆ

ส่วนในฝั่งผู้ซื้อ จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าพฤติกรรมการค้นหาสินค้าที่ต้องการจะแตกต่างกัน สำหรับนิตยสาร ผู้ซื้อจะต้องคอยกวาดสายตาไปตามคอลัมน์ที่มีตัวหนังสือเล็กจิ๋ว เมื่อพบสินค้าที่สนใจแล้ว ก็อาจจะใช้ปากกาไฮไลท์วงเอาไว้ หรือไม่ก็ตัดโฆษณานั้นออกมาจากนิตยสารเลย ขณะที่ PantipMarket.com ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถค้นหาสินค้าที่ตัวเองต้องการได้ง่ายๆ ด้วยระบบ Search เมื่อผู้ซื้อค้นเจอแล้วก็ Bookmark ไว้ได้ทันที

นี่คือการทำให้ชีวิตของคนเราง่ายขึ้นแบบเห็นได้ชัด จนทำให้เกิดโมเดล Online Classifieds ขึ้นมาได้ ยอดขายของธุรกิจนี้จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะสวนทางกับยอดขายของนิตยสาร Classifieds ที่จะค่อยๆ ลดลงเนื่องจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค และยังประสบปัญหาต้นทุนกระดาษที่สูงขึ้นอีก"

ผมชอบการดำเนินการธรุกิจแบบ DELL และปัจจุบัน ผมก็ได้ใช้DELL เป็นแบบอย่างในการทำงาน คือผมจะเน้นการเซอร์วิส งานบริการมากกว่าที่จะหากินกับราคาสินค้า

เช่นลูกค้าจ้างคุณประกอบคอมพิวเตอร์หนึ่งชุด คุณจะเลือกรหว่าง....

MAINBOARD ASUS ASROCK หรือ ECS ให้ลูกค้าครับ

ผมไม่ชอบการโกงราคาของลูกค้าแต่ผมก็ไม่ได้รวยอะไร ผมก็จะเลือกใช้ ASROCK เพราะราคาถูกว่า ASUS ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ASROCK นั่นเอง แต่ไม่มีวันที่ผมจะเลือก ECS แน่นอนเพราะ ผมไม่อยากที่จะมาลำบากต่อไปในอนาคต ที่มีปัญหาไม่จบไม่สิ้น   (แต่เชื่อหรือเปล่าว่า MB ASROCKบางรุ่นใหม่กว่า ดีกว่า ASUS ที่ราคาแพงกว่าอีก )

เครื่องที่ประกอบไปไม่มีปัญหาลูกค้าชื่นชอบ ก็จะบอกต่อกันไปเอง ทุกๆวันนี้ผมก็มีลูกค้าจากตรงนี้แหล่ะครับ ตรงตาม วลีแรกที่ผมให้ไปเลยล่ะ  

IBM ยักษ์ใหญ่ ก็โดน แจ็คอย่าง DELL ล้มมาแล้ว ( ว่าแต่ว่าเมืองนอกมันมีกฎหมายห้ามประกอบเครื่องขายเองนิน่า      )


ในส่วนของ pantipmarket นั้นผมเถียงใจขาด เพราะเพียงครั้งแรกที่ซื้อของผมก็โดนโกงแล้ว ของค้นหาจากชื่อผม tumtac คุณจะได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ยอมรับว่า support ของที่นี่

จะช่วยเหลือผมอย่างเต็มที่ แต่ผมก็ยังไม่ได้รับเงินคืน ยังตามล่าตัวอีเวรนั่นอยู่   และรวมถึงการซื้อขายของผ่านทางเวปประมูล

 มีทั้งดี ไม่ดี เกือบโดนโกง เกือบได้ไปเหยียบคนโกง ถึงที่  

ซึ่งตอนนี้

ผมก็ตีโจทย์แตกหมดแล้วล่ะ เหลือแต่ลงมือทำเท่านั้นเอง แต่ยอมรับว่า ถ้าทำเกี่ยวกับการซื้อขายในแบบของผม มันต้องใช้บุคลากรมาก รวมถึงการจัดการที่เรียกว่าใครโกง ติดคุกเท่านั้นเองครับ ( โหดมั๊ยล่ะ )

สรุปผมรู้แค่ 2 เรื่องนี้ จึงขออธิบายในส่วนของผมรู้เท่านั้นครับ

อ่านคร่าวๆแล้วเข้าไปดูตัวอย่าง ผมคนนึงล่ะที่ขอลองโคลนระบบนี้ดู แบบว่ามันน่าสนใจ และชอบโคลนเว็บอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นแค่การใช้งานเฉพาะด้านเท่านั้น ใหญ่สุดที่เคยทำก็ Clone Alibaba.com ขอลองใหญ่ๆแบบนี้ดูมั้ง เดี๋ยวต้องอัดวีดีโอในตัวอย่างไว้ก่อน เดี่ยวหมดอายุแล้วจะหลงทาง

ระบบความปลอดภัยอาจจะห่วยๆ แต่คิดว่าถ้าระบบหลักส่วนใหญ่เสร็จน่าจะมีคนมารับช่วงต่อ

ซุ่มทำตามระเบียบ เสร็จแล้วจะเอามาให้ยลกันนะครับ

ยินดีครับ และถ้าคุณสามารถทำได้จริงๆ ผมก็จะแน่ะแนวทางให้ รวมถึงการหาตลาดให้ฟรีๆครับ 

[Steyr_Commando]

เข้ามาลงชื่อติดตามครับ ได้อะไรดีๆ จากคุณ tumtac มากมายเลย ผมเองชอบอ่านแนวนี้อยู่แล้วด้วย

ส่วนเรื่องธุรกิจโรงแรมนี่สมองผมแทบกลวงโบ๋จริงๆ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวเลยครับ ขอตามอ่านเรื่อยๆ ละกันครับอิอิ

[pburin22]

ติดตามด้วยคน

[tumtac]

สรุปไปถึงไหนกันแล้ว...... 

เอาเป็นว่าผมมาร่วมวง จองโรงแรมด้วยก็แล้วกันน๊ะ.....  โดยที่ไม่ต้องไป aff ใครเลยล่ะ....   

ตอนนี้ ที่อยู่ที่จัดส่ง contact โรงแรมต่างๆ โดยเฉพาะภาคใต้ ก็ได้ตรึมแล้ว ส่วนที่เหลือภาคอื่นๆ เอาไว้ก่อน 

เอาเป็นว่าจด  hoteltalk.in.th  เอาไว้แล้ว เดียวว่างๆจะไปทำเวป community ทิ้งเอาไว้ จะเอาไว้ให้ คนทำงานเกี่ยวกับโรงแรม ไม่ว่าพนักงาน เจ้าของ หรือ เอเย่นต์ได้คุยกัน

 รวมถึง Backlist เอเย่นต์ เหี๊ยกๆ ให้ เจ้าของโรงแรมได้แจ้งข่าวส่งถึงกัน 

มาถึง วลีที่สอง ที่ให้ สำหรับวันนี้

"เขาอยู่ได้ เราอยู่ได้" 

คาดว่าน่าจะให้อะไรหลายๆอย่าง.........

และสุดท้ายจะเอาไปเฉละในเวปที่กำลังจัดทำ .........

ดังนั้น programmer  ที่คิดว่าสามารถทำงานเกี่ยวกับทางนี้ได้ เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีล่ะ ไม่แน่ผมจะแจ้งให้ทราบเอง  หรือถ้าคิดว่าทำเองได้ ผมก็จะแน่ะนำเพิ่มให้

ของอย่างนี้ กินคนเดียวไม่หมดหรอก 

[pinkcele]

เข้ามาดู เสี่ย เค้าโม้ เฉยๆๆ