โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยความปล่อยวาง
สส เถียงกันในสภาฯเพราะความปล่อยวาง ต่างก็พยายามชี้แจงความถูกต้องของตน คนนึงพูดถึงในแง่กฏหมาย อีกคนพูดถึงแง่มนุษยธรรม
แม่ค้ายืนเถียงกันแย่งที่ขายผักด้วยความปล่อยวาง ต่างก็พยายามชี้แจงความถูกต้องของตน คนนึงมาก่อน อีกคนขายอยู่ตรงนี้ประจำ
คนเถียงกันเรื่องที่จอดรถด้วยความปล่อยวาง ต่างก็พยายามชี้แจงความถูกต้องของตน คนนึงมาก่อน อีกคนขอจอดหน่อย รีบเอาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล
คนยิงกันเพราะเรื่องชู้สาวด้วยความปล่อยวาง ต่างก็พยายามชี้แจงความถูกต้องของตน คนนึงบอกว่าตรูรู้จักมาตั้งแต่เด็ก อีกคนบอกว่า แต่ตรูจีบก่อน
แล้วก็มีคนพยายามโต้เถียงกระทู้ละ 10 บรรทัด เพื่อพยายามแสดงความถูกต้อง
กระทู้ล็อค ตั้งใหม่ กระทู้ไม่ตั้งใหม่ ก็ไปแจมกระทู้อื่น
ทุกคน ทุกกรณีต่างกับกระณีสุดท้ายตรงที่ กรณีสุดท้ายเถียงด้วยความปล่อยวาง
เพราะไม่ใช้อารมณ์ นี่เป็นธรรมะที่ได้ศึกษามา
เถียง//โต้ตอบโดยไม่ใช้อารมณ์ = ปล่อยวาง
ถ้างั้นผมอธิบายนะครับ คนหนึ่างพูดถึงเรื่องกฎหมายต้องถามว่ากฎหมายมาจากไหน ถ้ากฎหมายมาเองโดยที่ไม่มีใครสร้าง
แสดงว่ากฎหมายเป็นสัจธรรม ถ้ากฎหมายมาจากคนสร้างคือสิ่งสมมุติ ตามกฎแหงสัจจะธรรมทุกอย่างที่แปรเปลี่ยนไป
ได้ตามที่คนคิด ต้องนำหลักสัจธรรมมาเป็นตัวชี้วัด เพราะสัจธรรมไม่มีใครสร้าง มีแต่ใครรู้หรือไม่มากกว่า ถ้ากฎหมายถูกตาม
หลักสัจธรรมกฎหมายนั้นถูกต้อง
เรื่องมนุษย์ธรรมเป็นไปตามสัจธรรมไม่มีคำบรรยาย เป็นปรมัธสัจจะของสิ่งมีชีวิตหรือความจริงของสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจมีใครหนีได้
ใตรถูกแทงกายย่อมเจ็บจะปฏิเสะว่าเจ็บกายไม่ได้ แต่ใจนั้นเป็นสิ่งสมมุติจะเจ็บหรือไม่เจ็บตามก็ได้
แม้ค้าขายผักเถียงกันเหมือนผมเถียงหลาย ๆ คนคือว่าไปตามหลักสัจธรรม ซึ่งผมได้อธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีก หนึ่งในนั้นคือ
"กรรมเป็นเครื่องแสดงเจตนา" ไๆม่ขออธิบายอีกแล้ว ด้านบนก็มีเรื่องเสือกับคนให้อาหารเสือมาเล่าให้ฟังแล้ว
ต่อมาเรื่องเถียงเรื่องที่จอดรถ เรื่องเดียวกับปรมัธสัจจะของสิ่งมีชีวิต คนจอดรถประจำย่อมหลักเลี่ยงที่จอดรถได้
เพราะที่จอดรถเป็นสิ่งที่คนสร้างและสมมุติขึ้น ส่วนคนเจ็บมันเป็นกฎแห่งความจริงของสิ่งมีชีวิตหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปรมัธสัจจะเป็นสัจจะะรรมพึงถูกต้องเสมอ เรื่องชู้สาวเป็นสิ่งสมมุติขึ้นทั้งสิ้น เมื่อเป็นสิ่งสมมุติทั้งคู่ ทั้งการจีบ
และการรู้จักมาตั้งแต่เด็ก จึงต้องตีความเจตนาว่าในขณะที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กเขาจีบกันหรือเปล่า เอาเป็นว่า
ฝ่ายไหนจีบก่อนฝ่ายนั้นถูก
ทุกอย่างที่ปรากฎเมื่อจะปล่อยวางได้ ต้องแยกความถูกออกจากความผิดให้ออกจากกันให้ได้เสียก่อน
เมื่อแยกได้แล้วความปล่อยวางจะตามมาเอง สัจจะธรรมคืแสิ่งที่ถูกต้องเสมอไม่สามารถเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้
ผู้ไม่เข้าใจสัจธรรมจึงเป็นทุกข์ เพราะไม่เข้าใจกฎแห่งธรรมชาติ รั้นเอาแต่ความคิดของตนเป็นใหญ่ จึงเป็น
ทุกข์ไม่รู้จักจบสิ้น