ดีกว่าหรือแย่กว่าอยู่ที่คนใช้ว่าใช้เป็นแค่ไหน wordpress ดีกว่าตรงที่ปรับแต่งได้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ผู้ใช้ wix ปรับแต่งได้น้อยกว่า แต่ทำอันดับ ได้ไม่ต่างกันมากในปัจจัยที่เท่ากัน

มีวิธีทำให้ Blogger index ไหมครับ 

เว็บสวยงามครับ ข้อมูลเยอะแล้วด้วย

รอเลยอันดับจะล่วงหรือจะรุ่ง

ส่งต่อให้บริษัทผมได้นะ 555+  แล้วไปบวกค่าคอมเอาเอง บริษัทเอเจนซี่หลายๆ เจ้าก็ไม่มีโปรแกรมเมอร์เองครับ ได้เงินเยอะกว่าทีมโปรแกรมเมอร์อีก แต่ที่ยากกว่าคือหาทีมโปรแกรมเมอร์ดีๆ ที่มีความรับผิดชอบ ผมกว่าจะได้ทีมดีๆนี่จ่ายไปหลายล้านครับ คนละ 20,000 ถึง 50,000 ทำ 3 เดือน/ม่ผ่านโปร คิดดูว่าปีๆ นึงจ่ายไปเท่าไหร่

ส่ง inbox ไปแล้วนะครับ

ด้วยความเคารพ ผมเข้าใจว่าโกรธ แต่เอาชื่อ รายละเอียดคู่กรณีมาโพสต์ต้องระวัง พรบ คอม ด้วยนะครับ โทษก็แรงไม่แพ้กัน ขนาดบอร์ดเรายังต้องออกมาขอโทษบริษัท ตามประกาศสีแดง

ถนัดอะไรให้ทำอันนั้นครับ

ใช่ว่าทุกคนจะถนัดเขียนบทความ และใช่ว่าทุกคนที่เขียนบทความได้ จะเขียนได้น่าสนใจ เช่นเดียวกันใช่ว่าทุกคนจะเขียนโปรแกรมได้ ดั่งใจปรารถนา  ถ้าเราไปฝืนทำในสิ่งที่เราไม่ถนัด ก็คือเปลืองเวลาครับ

ทำบทความทำเงินหลักล้านมีเยอะแยะ ล่าสุดผมเพิ่งลงโฆษณาเว็บไซต์ สายบิวตี้ ค่าลงโฆษณา ต่ำสุด 50,000 บาท ต่อ 1 เนื้อหา จ้าง youtube ทำคลิปไป 20,000 บาท

เห็นไหมว่าถ้าเราถนัดที่จะทำ อะไรก็ทำเงินให้ได้ทั้งนั้นครับ

ผมเคยทำระบบให้ E-com มาระยะหนึ่ง และสุดท้ายต้องเปลี่ยนกระดานใหม่ ไม่รับทำหรือพัฒนาผ่าน wordpress หรือ CMS อีกเลย เหตุผลหลักๆ เลยก็คือ CMS เหล่านี้มีเวอร์ชั่นใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ และทำให้การพัฒนา plugin ต่าง ๆ ต้องพัฒนาตามด้วย ซึ่งบางงานกลายเป็นว่าเราไม่ต้องทำงานใหม่อะครับ อัพเดทแก้งานเก่าๆ กันอย่างเดียว กลายเป็นความรับผิดชอบระยะยาวไปซะอย่างนั้น

อีกส่วนเลยคือ บริษัทส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนมาดูแลอัพเดทตัวระบบ ทำให้สุดท้าย CMS เหล่านี้มักจะกลายเป็นที่อยู่ของพวก hack web เพื่อระดมยิงบทความหวังผลทางด้าน SEO

และเอาจริงๆ ค่าใช้จ่ายมันก็ไม่ได้ต่างกันแบบมีนัยะสำคัญ เพราะถ้าระบบใหญ่ๆ ที่เคยทำ ส่วนใหญ่ก็แทบไม่ได้ใช้ Core ของ Wordpress เลยด้วยซ้ำ ลองเอาไปคุยกับผู้บริหารดูครับ ข้อดีข้อเสีย หรือให้คุยกับทีมงานผมได้ครับ ฟรี จะได้ตัดสินใจได้ถูก

สนับสนุนว่าทำได้แหละ เมื่อก่อนจดโดเมนมาอัพบทความแป็บเดียวก็ได้แล้วครับ ประมาณ 35+ เนี่ย แต่เกิน 50+ นี่เริ่มยากขึ้นมาหน่อย

ถ้าไม่ได้ติดว่าต้องเป็นผู้ให้บริการในไทย ก็ Digital Ocean ครับ ผมยังไม่ค่อยเจอปัญหานะ กับ กำลังอยากลองใช้ Z.com ยังไม่เคยใช้ ราคาสูสีกัน

Host สำหรับเว็บไซต์หลัก วิธีเลือกคือ เลือก Host ที่สามารถโหลดได้ไว เร็ว ล่มน้อย และเข้าจากต่างประเทศได้เร็ว และมี ip อยู่ใกล้เคียงกับ กลุ่มเป้าหมาย เช่นกลุ่มคนใช้งานเว็บไซต์อยู่ในไทย ก็ควรใช้ Host ในไทย เป็นต้น


ส่วนวิธีการเลือก Host สำหรับ Network ก็เช่นเดียวกับการเลือกซื้อ Host และที่สำคัญคือ เลือก local เดียวกับ Host ได้ยิ่งดี

ปัจจุบันนี้ Network ต่าง Class A, B, C แทบไม่สำคัญแล้ว เพราะอะไรรู้ไหม เราหาซื้อ ip เหล่านี้ถูกกว่า Host ธรรมดาซะอีก และเรื่อง Class A, B, C นี่มันตั้งแต่สมัยก่อตั้งเว็บไซต์นี้ใหม่ๆ แล้ว สมัยก่อนที่เค้าให้ความสำคัญกับเรื่อง Class C เพราะว่า มันมีราคาแพง ไม่ใช่จะหาซื้อกันง่ายๆ ถ้าคนซื้อต้องใช้เงินเยอะ แต่ทุกวันนี้ลองหาซื้อสิ มีเยอะแยะเต็มไปหมด ราคาถูกอีกต่างหาก

และที่สำคัญล่มบ่อยทำให้ บอท ไม่ชอบ ผมเคยซื้อมาใช้งานอยู่พักนึง ล่มจนเว็บไซต์กลายเป็นโดนแบน 100ip เนื้อหาเขียนใหม่หมด ไม่ได้สปิน ไม่ได้จ้างเขียน เขียนเองทุกบทความ

แล้วลองคิดดูมีเว็บไซต์ภาษาไทยอยู่ทั่วทุกมุมโลก ที่คนไทยไม่ได้อ่าน เฮ้ย google ไม่ได้โง่นะ บาง ip เข้าจากไทย เป็นนาทีกว่าจะเข้าได้ ใครจะไปรอ

แล้วทฤษฏี Class C เนี่ย ฝรั่งเป็นคนเผยแพร่ ซึ่งคนใช้มันเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าเราทำเว็บภาษาอังกฤษ เลือกซื้อได้เลยไม่มีปัญหา เพราะไม่ได้เป็นที่เพ่งเล็งของ google หรอก เพระาภาษาอังกฤษใช้กันทั่วโลก แต่ถ้าทำ Network ไทย ใช้ ip ไทยเฮอะ Class D ก้ได้ ซื้อเยอะๆ ก็ไม่ได้ถูก

เวลาซื้อก็ไล่ความสำคัญอย่างนั้นเน้น ที่เป็น Name Server ของ Hosting ที่มีคนใช้งานเยอะๆ ก่อน หรือ Host ที่มีคนใช้งานเยอะๆ ไล่เก็บไปให้หมด Class อะไรก็ช่างมัน บางอันผมก็ซื้อ Host เดียวกันหลาย ip class d เลย

#### เชื่อว่าต้องมีคนแย้ง ว่า Class C , B, A ยังได้ผล เหตุผลคือก็เพราะยังไม่เคยมีใครทำ แบบที่ผมบอก จริงๆ จังๆ หรือมีคนทำก็ ไม่ได้ออกมาเผยแพร่ แต่ถ้าคนทำ Network จริงๆ จังๆ จะรู้ว่า อันดับมันมาช้าแล้ว ไม่เหมือนสมัยก่อน

คิดทำ SEO ต้องคิดให้เหมือน Google

### ยาวไปหน่อย เพราะนานๆ เข้ามาที 

แรมน้อยไปครับ Vasta CP อย่างเดียวก็กินไปซะ 700 แล้ว ถ้าเว็บไซต์เป็นเว็บไซต์เราเว็บเดียวไม่ได้มีเว็บอื่นด้วย ลองเปลี่ยนเป็นพวก docker ดู

มีผลไหม คงมีผลไม่มากก็น้อย เพราะยังไงการได้ backlink ก็ดีกว่าไม่ได้ แต่การได้ backlink ที่เหมาะสม เช่น ลิ้งจากเว็บที่มีเนื้อหาคล้ายครึงการ มีผลดีกว่าเว็บที่มีเนื้อหาแต่กต่างกันโดยสิ้นเชิง

ส่วนเว็บ 18+ ถ้าเนื้อหาเว็บไซต์เราไม่ได้เป็นแนวนี้เลี่ยงได้ก็เลี่ยง เพราะยุคหนึ่ง Google ก็เคยแบนเว็บไซต์ที่มีลิ้งจากเว็บไซต์ 18+

เรื่องคลิก จำนวนคลิก ไม่น่ามีผลกับการทำ SEO เพราะเอาเค้าจริง google ไม่มีทางรู้หรอกว่า มีคนเข้ามาจากเว็บต้นทางผ่านไปเว็บไซต์คุณเท่าไหร่ ยกเว้น คุณใช้ Short URL ของ Google แต่ก็ไม่รู้อีกว่า google เอาเก็บมาคิดไหม ส่วนใครบอกว่าก็ติด Google Analytic สิ ผมก็ยังยืนยันว่า Google ไม่น่าเอาค่าจาก Google analytics มาคิดการให้คะแนน จำนวนคลิกจะมีผลกับอันดับเมื่อ มีคนคลิกมาผ่าน Search ณ ปัจจุบันน่าจะอย่างเดียวนะ

สรุป ได้ลิ้งยังไงก็ดีกว่าไม่ได้ แต่ได้ลิ้งจากเว็บไซต์ที่ไม่เชื่อมโยงกันเท่าไหร่ก็ได้ผลน้อย

ออ!! ระวังอีกอย่าง สำหรับคนที่ซื้อ Link รูปแบบนี้หลายๆ เว็บพร้อมกัน ต้องระวังปริมาณลิ้งเข้าเว็บไซต์เราปริมาณมากๆ เพราะอาจนำไปสู่การแบนได้ เช่น เราซื้อเว็บที่มี index อยู่ 1 แสน เท่ากับว่าเราจะมีลิ้งเข้ามา 1 แสน ซื้อแบบนี้ซัก 5 ที่อาจโดนแบนได้ เพราะเคยโดนมาแล้ว ถ้าซื้อก็ปรับเทคนิคนิดหน่อย เช่น ซื้อ เว็บนี้ยิงเข้าหน้านี้ ซื้อเว็บนี้ยิ่งเข้าอีกหน้า เป็นต้น

แสดงว่าลูกค้ามาจากหน้าเว็บไซต์ใช่ไหมครับ ถ้างั้นก็ลงรายละเอียดไปได้ครับ ไม่มีปัญหา เห็นหลายๆเว็บก็บอกว่า หยุดวันที่ ไม่ส่งของวันที่ อะไรประมาณนี้

ส่วนถ้าตอบลูกค้าไม่ได้ อันนี้จะยากหล่อย เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ ถ้าไม่ตอบก็เท่ากับไม่ขาย ก็จะไปซื้อที่อื่นทันที ถ้าใช้ Line @ ก็ใช้ระบบ Auto ได้ครับ เพราะก็ต้องตัดใจว่าตอบไม่ได้ก็เท่ากับขายไม่ได้ ยกเว้นลูกค้าที่เค้าชื่อมั่นในร้านเราอยู่แล้ว

จริงๆ ก็ทุกอย่างอะครับ เร่ิมต้นก็เร่ิมจาก Title Description เนื้อหาในเว็บ เพราะถ้า title ไม่ยั่วคนคลิกไปอ่าน ก็ไม่มีใครอ่านก็ไม่เกิดคลิก

ต่อมาก็วิธีการที่ทำให้อันดับไปถึงที่ User จะเห็น ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะหมายถึง Link ซึ่งหลังคนไปพยายามสร้างปริมาณ แทนคุณภาพ แล้วก็มานั่งถามว่าทำไมอันดับไม่ขึ้น เขียนมา 1 บทความสปินไป 10 ปัจจุบัน Goole จับคำเหมือนคำต่างได้หมดแล้ว สังเกตุว่าเราไม่ค่อยเป็นบทความสปินอยู่หน้าแรกๆ เหมือนเมื่อก่อน เพราะแบบนี้

เว็บประกาศทั้งหลาย ใช่ว่าจะไม่ดี เพียงแต่ว่าเว็บประกาศโดยส่วนใหญ่ ที่เราค้นหาด้วย Googleแล้วไม่ค่อยเจอก็อย่าไปใช้เลย เพราะ Google ก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญเว็บแนวนี้เหมือนกัน เพราะเว็บประกาศส่วนใหญ่ Duplicate Content

ซึ่งแน่นอนเมื่อส่งเว็บไปหา user ได้แล้วอันดับต่อมาก็คือ พฤติกรรมผู้ใช้งาน เพราะหากเรามีการเข้าใช้งานเว็บไซต์นั้นบ่อยๆ ผ่าน Google Search หรือเคยแชร์ลิ้งไปยัง Google plus ทาง Google ก็จะมองว่าเรามีความชื่นชอบในเนื้อหาของเว็บนั้นๆ และเมื่อมีการค้นหาก็จะส่งเว็บไซต์นั้นๆ ขึ้นมาหาเราก่อน

ซึ่งสุดท้ายก็มาสรุปที่ Content is King นั่นแหละ

แล้วทำไม Lazada Pantip Sanook ถึงได้อันดับดี ก็ต้องเริ่มจาก Content ที่ดี ต่อมาก็มีลิ้งที่มาก นั่นหมายความถึงมีจำนวนบทความในเว็บไซต์ที่มาก ทำให้มีการเชื่อมโยงลิ้งภายในที่สูง และได้ลิ้งคุณภาพจากเว็บไซต์ต่างๆ เช่นเว็บข่าว หรือแม้แต่ Social Network ชื่อดังทั้งหลาย ทำให้เว็บไซต์เหล่านี้ แทบอาจจะไม่ต้องทำ SEO เลย อย่าง Lazada เองก็มี Affliate อีกด้วย ทำให้ได้ Backlink ฟรีๆ อีกจำนวนมากโดยไม่ต้องทำอะไร

อย่างลิ้งจากเว็บไซต์ข่าว ผมเคยได้ Backlink จากเว็บไซต์ข่าวทำให้ได้อันดับขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่ได้ทำ SEO เลย เป็นต้น

แสดงว่าใน acc ของ facebook มีอีก เพจ ที่มีชื่อนี้อยู่แล้วครับ ให้ย้ายบัญชีไหนก็ได้ออกไปให้อีกคนเป็นผู้ดูแลก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนชื่อ แล้วก็ย้ายมาเป็นผู้ดูแลคนเดียวกัน แล้วค่อยรวมครับ ถึงจะทำได้

ไม่จำเป็นต้องตอบแบบชวนหาเรื่องก็ได้ ไม่ได้มีใครอยากทะเลาะด้วย ครับ SEO หรือการตลาดรูปแบบอื่นๆ ไม่มีถูกหมดผิดหมดหรอกครับ ใช่ว่าทำแบบนี้ได้จะทำอีกแบบไม่ได้ เคยทำงานร่วมกับคนอื่นหรือเปล่า บางทีไปเจอแบบ เฮ้ย วิธีแบบนี้ทำไมยังเจือกทำได้อยู่วะ ทั้งที่ Google ห้ามนักห้ามหนา  แต่เว็บนี้ทำไมรอด ลองทำอีกเว็บดี อ้าวโดนซะงั้น อะไรประมาณนี้

ส่วนตัวเห็นด้วย คือ SEO ทำแบบเก่า คือแบบที่ได้มาตรฐานสากล แต่ที่ Google ออกอัพเดทโน่นนี่นั่น ก็เหมือนการออกกฏหมายที่ทำให้ทันสมัยของเหล่านักทำ SEO ที่คอยหาช่องโหว่ในการโกงอันดับ

ส่วนการ random อันดับ นั้นมีจริง แต่ไม่ใช่การ Random ซะทีเดียว แต่เป็นการทดสอบ ว่า ถ้าเว็บนี้ ขึ้นมาหน้าแรก ในคีย์นั้นๆ แล้ว มีคนคลิกไหม ถ้าคนคลิกเยอะก็เท่ากับเว็บนี้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ก็จะให้คะแนนส่วนนี้ดีขึ้น

จริงๆ ถ้าคนทำ SEO เป็นอาชีพ ทำการตลาดช่องทางอื่นบ้างเช่น Adword ก็เข้าใจวิธีคิด Google ได้ไม่ยากนะ ผมว่า

ถ้าแค่หลักพัน หลักหมื่นต้นๆ อย่าเพิ่งรีบรวมเลยครับ แต่ถ้ารวมแล้วขึ้นหลักแสนค่อยน่ารวม

ปกติโพสแต่ละวันให้ไม่เท่ากันครับ 10-15 แต่ถ้าบทความที่เอาไปโพส สปินมาหรือ ซ้ำ ก็แทบไม่มีประโยชน์