ThaiSEOBoard.com

 ???อยากเรียน Programmer จะเรียนที่ใหนแล้วควรเรียนอะไรก่อนเรียนจบแล้วสามารถทำอะไรได้บ้าง  ???ใช้เวลานานแค่ใหนครับ

ขอบคุณมากครับ :-[

มาปูเสื่อรอฟังด้วยคนครับ

สนใจเหมือนกันครับ :)

ปูเสื่ออีกคน :D   เหงพี่ผมบอกให้เข้าลาดกระบังให้ได้เหอๆๆ

ถ้าแค่พวก php ก็หาหนังสืออ่านก็ได้ครับ

แต่ถ้าเรียนก็จะได้เปรียบหน่อยตรงแนวคิด


ผมก็เป็นคนนึงที่จบทางด้านโปรแกรมมา
แต่ว่าความรู้ส่วนใหญ่มาจากนอกห้องเรียนครับ

อื้ม+1เลยครับ
ผมว่าไปเรียนสาขาง่ายๆจบง่ายๆแล้วเอาเวลาว่างมาศึกษาเอาเอง
น่าจะดีนะครับถ้าเราสนใจจริงผมว่าน่าจะดีกว่าไปเรียนนนะครับไม่ต้องห่วงว่า
เรียนแล้วจะรอดมั้ยจะจบหรือปล่าว 8)

เรียนแพทย์แล้วมากรีดยางให้คนอิจฉาเล่นดีกว่าเนอะ ;D

ต้นกล้าอาชีพคับ
มีหลักสูตรนี้ให้เรียน ฟรี

ผมสมัครเรียนแระ รุ่น 1 พรุ่งนี้ ปฐมนิเทศ

เพราะไม่เคยเรียน php มาก่อน ลองไปเรียนดูหน่อย
ไหนๆก้เป็น ฟรีแลนซ์ อยู่แล้ว เผื่อได้แน่นขึ้น

web app php mysql

เรียนฟรี ได้เบียเลี้ยง เอาความรู้มาพัฒนาเพื่อตัวอง เพื่อคนไทยต่อไป

 ;)

ถ้าตามสถาบันก็คงจะมีสอนกันทุกสถาบันแล้วล่ะครับ แต่ถ้าอยากเรียนเพิ่มเติม ก็มีโรงเรียนสอนเป็นคอร์ส ๆ ไป แต่ถ้าคิดจะเอาจริงเอาจัง กางหนังสืออยู่ที่บ้าน เลยครับ แรก ๆ อาจจะติด ๆ ไปมั้ง หนังสือช่วยได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ในเนทหรือถ้ามันมึนตืบจริง ๆ ก็หาโปรแกรมเมอร์ไว้เป็นเพื่อนสักคน

"ควรเรียนอะไรก่อนเรียนจบแล้วสามารถทำอะไรได้บ้าง  ใช้เวลานานแค่ใหน"
ก่อนอื่นควรจะถามตัวเองก่อนว่าจะทำเป็นอาชีพหรือเป็นความรู้เสริม ถ้าเป็นความรู้เสริม ก็ควรไปเรียนสาขาที่ตัวเองถนัดแล้วศึกษาด้านการเขียนโปรแกรมเพิ่มเติม มันจะช่วยได้เยอะ เช่น ผมมีเพื่อนเป็นเภสัช จบมาก็ไปทำงานโรงพยาบาล แต่บังเอิญแกก็ศึกษาเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม ทางโรงพยาบาลเลยให้เขียนโปรแกรมทะเบียนยา เขียนไปเขียนมาก็แพร่กระจายไปโรงพยาบาลอื่น ๆ แกเลยเห็นช่องทางทำมาหากินตั้งบริษัทขายโปรแกรมโรงพยาบาลเสียเลย
อีกคนจบนิติ ไปทำงานฝ่ายบุคคล ก็ความรู้เรื่องโปรแกรมงู ๆ ปลา ๆ แต่แกไม่ชอบงานเอกสาร ก็เลยเขียนโปรแกรมง่าย ๆ มาจัดการงานแกเกี่ยวกับงานบุคคล เขียนไปเขียนมามันเข้าทาง เลยออกมาทำโปรแกรม HRM ตั้งบริษัทมันเสียเลย
กรณีแบบนี้การศึกษาด้านโปรแกรมมิ่งก็จะเป็นเรื่องของความตั้งใจ หรืออาจจะเป็นเพราะความชอบส่วนตัวมากกว่า
มีเคยพูดไว้ "คนเก่งเรียนอะไรก็เรียนได้ ยังไงก็จบ แต่จะนำความรู้ไปพัฒนาหรือไม่มันอีกเรื่องหนึ่ง" เหมือนคนเรียนตามเพื่อน... ก็เรียนจบเหมือนกัน ทำงานตามสาขาที่ตัวเองเรียนมาเหมือนกัน แต่จะนำความรู้ไปพัฒนาหรือไม่ ก็อยู่ที่ว่าคน ๆ นั้นจะตั้งใจ สนใจที่จะศึกษาเพิ่มเติมหรือไม่ มันต่างจากคนที่ตั้งใจ สนใจที่จะเรียนรู้อยู่แล้ว แม้รู้ว่าจะไม่มีอะไรเป็นหลักรับประกัน ก็จะยังพัฒนาเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

แต่ถ้าจะเรียนสายตรงก็สายไอที เลือกเรียกได้ตั้งแต่ จบ.ม3 หรือไปต่อตอนจบ ม.6
ความแตกต่างระหว่างโปรแกรมเมอร์ก็จะแตกแขนงออกไปตามภาษาที่ใช้เขียน แบบมีคอมไพล์เลอร์  เช่น วิชวลเบสิก,วิชวลซี,วิชวลฟอกโปร,เดลไฟร์ อีกกลุ่มก็จะเป็น เว็บโปรแกรมมิ่ง ส่วนใหญ่เป็นภาษาสคิปต์ ทีใช้เขียนก็มี  ASP,PHP,JSP ในสถาบันจะเน้นไปทางเรื่องหลักการเขียน วิธีการคิด ส่วนด้านเทคนิค ไปเรียนรู้เอง หลักการคิดและเขียนจะคล้ายกันทุกภาษา เน้นความคิดที่เป็นระเบียบ มีขั้นตอน โปรแกรมเมอร์แต่ละคนก็จะมีลักษณะการเขียนที่เป็นเฉพาะเจาะจงของแต่ละคน บ้างครั้งจะเห็นคำพูดของโปรแกรมเมอร์บ่อย ๆ เขียนใหม่ดีกว่าเอาคนอื่นมาแก้ไข จบในระบบออกมาทำไรได้บ้าง อย่างน้อย ๆ ก็เขียนโปรแกรมส่งจรวดไปดาวอังคารได้ก็ OK

ส่วนระยะเวลา.... คนที่เรียนสายตรงก็ 4-6 ปี แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะทำอะไรได้หรือไม่ได้ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนมาโดยตรงถ้าตั้งใจในระยะเวลาเท่ากัน ก็อาจจะเก่งกว่าคนที่เรียนมาสายตรงเพียงแต่ไม่มีใบรับรอง ส่วนคนที่เรียนมาสายตรงมีใบรับรอง ดีด ๆ จิ้ม ๆ ก็เรียกว่าตัวเองว่าโปรแกรมเมอร์ได้แล้ว ดังนั้น....ถ้าจะหาโปรแกรมเมอร์ไว้ใช้สักคน ก็ควรที่จะมองความเป็นมืออาชีพ ในสนามของโปรแกรมเมอร์ "ไม่มีที่ว่างสำหรับมือสมัครเล่น" ทำเล่น ๆ ตั้งราคาเล่น ๆ เดี๋ยวก็หาอย่างอื่นทำไปเอง

อีกอย่างถ้าจะหันมาเอาดีทางนี้ เป็นโปรแกรมเมอร์มืออาชีพ ก็ลองถามตัวเองก่อนว่า...
 1. ชอบจัดระเบียบความคิดตัวเองหรือไม่ มองเห็นความวุ่นวายมันเป็นเรื่องสนุกสนาน
 2. เป็นคนมีสมาธิสูง สูงที่ว่าอาจจะใจจดใจจ่อกับมันเป็นวัน ๆ
 3. เป็นคนที่ลงมือทำแล้ว ถ้าไม่สำเร็จจะไม่ยอมหยุด
 4. ชอบลองผิดลองถูก แสวงหาความแปลกใหม่ รูปแบบความคิดใหม่ ๆ
 5. ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ มีจิตนาการความคิดสร้างสรรค์
 6. อดทนต่อสภาพความกดดันของงาน ส่วนใหญ่สร้างมาเพื่อให้คนอื่นใช้
 7. กล้าที่จะเปลี่ยน บ้างทีงานที่ทำ ๆ อยู่มันอาจจะดีอยู่แล้ว พอเจอมุกใหม่ความรู้ใหม่ ๆ ต้องกล้าที่จะรื้อแล้วพัฒนามันใหม่ เพื่อให้ดีกว่าเดิม
 8. ต้องไล่ตามเทคโนโลยีให้ทัน เพียงแค่หยุดนิ่งก็เท่ากับเดินถอยหลัง
 9. คนอื่นยอมรับ เช่น อยู่กับคนอื่น บ้างทีต้องทำงานดึก อีกคนหลับอีกคนพิมพ์ต๊อก ๆ แต๊ก ๆ ถ้ามันไม่ด่า ก็แล้วไป
 10. อดทน บ้างทีงานที่ทำอาจจะต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผล ยิ่งเป็นงานที่เพื่อจำหน่าย ปรับแล้วปรับอีก แก้แล้วแก้อีก กว่าจะได้ขาย แล้วให้ผู้ซื้ออยู่ในระดับที่พอใจ
 11. ประสบการณ์โปรแกรมเมอร์ส่วนใหญ่อยู่ที่เวลา เวลาสิ่งที่มีค่าที่สุด ที่เสียแล้วเงินเป็นหมื่นล้านก็เอาคืนมาไม่ได้ สักเสี่ยววินาที ยิ่งคนที่ใช้เวลาน้อย งานออกมาคุณภาพ แสดงว่าเค้าเสียเวลาเพื่อสะสมประสบการณ์ตรงนี้ไปเยอะ บ้างครั้งก็เจอ.... งานใหญ่มา ทำสองวันเสร็จ โห...มันง่ายขนาดนั้น เอ็งเอาไปสามพัน ปัดโท๊ะ นี่ถ้าผมไม่กินข้าวผมจะทำให้ฟรี ๆ เลย สมน้ำสมเนื้อกับค่ากาแฟหน่อยก็ยังดี
 12. ต้องขยัน 70% ความรู้ 20% แสวงหา 10%

ถ้าคุณกำลังเริ่มคุยกับตัวเองบ่อย ๆ "อะไรว่ะ ทำไมว่ะ ถูกแล้วนี่หว่า ทำไมไม่ออก เฮ้ย... มันหายไปไหน" หรือ เอาสคิปต์หรือไปโค้ด เอาไปแก้ในฝันแล้วสะดุดตื่น มานั่งทำโจทย์ในฝันแล้วมันผ่าน.... นั้นแหล่ะ แววจะได้เป็นเทพ

ก็อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น "ไม่มีที่ว่างสำหรับมือสมัครเล่น" ลองถามคนที่เป็นเว็บโปรแกรมมิ่งในบอร์ดนี้ดู..... ตั้งแต่เริ่มต้นทำเว็บมา คุณได้ Refresh หน้าเว็บแก้บักไปแล้วกี่ครั้ง....

ผมก็สมัครแต่ ไม่ได้รับเลือก  :'(

มีให้สมัครทุกเดือนคับ รอต่อไป

เทคนิคการสมัคร

เลือกรุ่นที่เปิดทุกรุ่นในสาขาที่ต้องการ

เช่น สมัครตัวเลือกสาขาได้ 5 สาขา

เดือนเมษาเปิด ทีละสองรุ่น แล้วแต่หลักสูตร บางหลักสูตรมีหลายรุ่นต่อเดือน

1 หลักสูตร a รุ่นหนึ่ง
2 หลักสูตร a รุ่นสอง
3 หลักสูตร b รุ่นหนึ่ง
4 หลักสูตร b รุ่นสอง
5 หลักสูตร c

ผมสมัครวันที่ 22 อิอิ

ไม่ต้องไปหาที่ไหนหรอกครับ แต่มี คอม กับ internet แล้วไปถามพี่กู ดูสิ อยากรู้ไร เช่น
c# , web servie ลองไปถามดู

NetDesign