ThaiSEOBoard.com

อื่นๆ => Cafe => ข้อความที่เริ่มโดย: angelniwa ที่ 09 มีนาคม 2009, 18:09:58



หัวข้อ: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: angelniwa ที่ 09 มีนาคม 2009, 18:09:58
ผมยังทำไม่ได้สักข้อเลย

ก๊อบเขามาให้ทำอ่า   :-*  :-*  :-*  :-*




1.เป็นโจทย์ปัญหาของ อัลเบิร์ท ไอสไตน์
นักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของโลกเรา...และว่ากันว่ามนุษย์ทั้งโลก
98% ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้

แหม...แบบนี้มันท้าทายว่าเราจะเป็น 2 เปอร์เซนต์ที่ตอบได้หรือเปล่า...มาลองทำดีกว่า

เรื่องมีอยู่ว่ามีบ้านอยู่ 5 หลัง ในแต่ละหลังมีสีต่างกัน
แต่ละบ้านมีคนอยู่ 1 คน ต่างกัน 5 ชนชาติ
ทุกคนจะดื่มน้ำที่แตกต่างกัน สูบบุหรี่ยี่ห้อแตกต่างกัน
และเลี้ยงสัตว์ต่างชนิดกัน ดังนี้


1. คนที่เป็นชาวอังกฤษอยู่บ้านสีแดง

2. คนที่เป็นชาวสวีเดนเลี้ยงหมา

3. คนที่เป็นชาวเดนมาร์กดื่มชา

4. บ้านสีเขียวอยู่ทางซ้ายของบ้านสีขาว


5. เจ้าของบ้านสีเขียวดื่มกาแฟ

6. คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Camel เป็นคนเลี้ยงนก


7. เจ้าของบ้านสีเหลืองสูบบุหรี่ยี่ห้อ
Dunhill

8. คนที่อยู่บ้านหลังกลางดื่มนม

9. คนที่เป็นชาวนอร์เวย์อยู่บ้านหลังแรก


10. คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Marlboro อยู่ติดกับคนเลี้ยงแมว


11. คนที่เลี้ยงหนูแฮมเตอร์อยู่ติดกับของที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ
Dunhill

12. คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Kent ดื่มเบียร์


13. คนที่เป็นชาวเยอรมัน สูบบุหรี่ยี่ห้อ
Vogue

14. คนที่เป็นชาวนอร์เวย์อยู่ติดกับบ้านสีฟ้า


15. คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Marlboro เป็นเพื่อนบ้าน(บ้านติดกัน)กับคนดื่มน้ำส้ม
***แก้ไข***


คำถาม....... ใครเป็นคนเลี้ยงปลา?


***********************************************************

2.มีห้องสี่เหลี่ยมมุมฉาก(มันบี้ไม่ได้นะ
ไม่ต้องพยายามบี้ห้อง) เช่นห้องนอน (กว้าว
* ยาว*สูง) อยู่ห้อง หนึ่ง และในห้องนี้มีมดอยู่ตัวหนึ่ง
ซึ่งอยู่มุมซ้ายบน จงหาเส้นทางที่มดจะเคลี่อนที่ได้สั้นที่สุด
ที่จะไปถึงมุมขวาล่าง ที่อยู่ทะแยงกันและคนละด้านกันนะครับ

อธิบายเพิ่มเติมโจทย์-สมมุติว่าคุณไปยืนกลางห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่งและหันหน้าเข้ากำแพงด้านใดด้านหนึ่ง
แล้วมองไปข้างหน้าที่ซ้ายมือบนมีมดอยู่ตัวหนึ่งกำลังจะเดินไปที่มุม
(มองไปข้างหลังขวามือ) ขวาล่าง

-มดบินไม่ได้

-ห้องสี่เหลี่ยมแบบไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็น
สีเหลี่ยมจตุรัส


ให้แนวคิดดี และแม่นในหลักการไม่หลงติดกับภาพลวง

**********************************************************

3. มีถุงทองอยู่ทั้งหมด 12 ถุงซึ่งแต่ละถุงจะมีทอง
อยู่ และใน 12 ถุงนี้มีถุง นึงที่เป็นทองปลอมทั้งถุง
(เหรียญทองจริงหนัก = 10 g ,เหรียญทองปลอมหนัก
= 9 g )

จะต้องชั่งน้ำหนักอย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง
ถึงจะรู้ว่า ถุงไหนเป็นของปลอม

-จำนวนเหรียญทองในแต่ละถุงไม่เท่ากัน

-ชั่งด้วยเครื่องชั่งแบบไหนก็ได้

-การชั่งไปแล้วค่อยๆนำเหรียญออกหรือเพิ่มถือว่า
เป็นการชั่งครั้งใหม่

ยากที่สุดที่ผมเคยคิดมาครับและคิดไม่ออกด้วย

***********************************************************

4. เคยเล่นเกมส์ 24 หรือเปล่าครับ คล้าย ๆ
กับ เกมส์ 180 ไอคิว คือ มีตัวเลขโดดมา 4 ตัว

ในที่นี้ คือ 1/4/5/6 ใช้ได้เฉพาะ บวก,ลบ,คูณ,หาร
ทำยังไงให้ได้ 24

เช่น 2/7/7/1 ทำให้ได้ 24 คือ 7*7 = 49 เอาไป ลบ 1
ได้ 48 แล้ว หาร 2 ได้ 24 ครับ

-คิดได้ 2 วิธี

-การทำให้ค่าของเลขเพิ่มขึ้นไม่จำเป็นต้องบวกหรือคูณเสมอไปนะครับ
ถ้าคิดว่าต้องแล้วข้อนี้คิดยังไงก็ไม่ออก
**ข้อนี้ดีมากครับ***

-ยกกำลัง ถอดราก ใช้ไม่ได้ครับ

เล่นได้ตั้งแต่เด็ก ป.5 ป.6 ไปจนถึง ระดับ
ด็อกเตอร์ เพราะว่ามี บวก ลบ คูณ หาร แต่ยิ่งเรียนสูงยิ่งคิดไม่ออก
เป็นโจทย์ของเกมส์การแข่งขัน ของม. ต้นมั้งครับ
ระดับประเทศ ใช้เวลาคิดไม่ถึง 10 หรือ 5 วินาทีครับ
แต่ผมคิดเป็น วัน

**********************************************************

5. มีเพื่อนอยู่ 3 คนไปกินข้าว พอกินเสร็จ
ก็เรียกพนักงานมาเก็บเงิน ทั้งหมด 25 บาท
เพื่อน 3 คน ก็เลยควัก แบงค์ 10 คนละใบ รวมกันได้
30 บาท ที่นี้ พอจะหารมันหารไม่ลงตัว กัน
พนักงานก็เลยเสนอว่า "เอางี้นะครับ เงินทอน
5 บาท พี่เอาคืนกันไปคนละ 1 บาท แล้ว อีก
2 บาท ทิปให้ผม"

ขณะที่กำลังเดินทางกลับ มีเพื่อนคนนึงคิดขึ้นมาว่า
เฮ้ย เราออกกันไป 9 บาท สามคน ก็ 27 บวกกับ
เงินทิป2 บาท มันก็ได้ 29 แล้ว หายไปไหน บาทนึงว่ะ!!


ถามว่า เงินหายไปไหน 1 บาท


-ข้อนี้ง่ายสุด (หลังจากเจอข้อยาก ๆ มาผ่อนคลายกันดีกว่า)
แต่อาจทำให้คนงง หรือ เออจริงแหะ ได้ว่ามันไปไหน


เวลาไปกินข้าว อย่าเพิ่งไปทะเลาะกัน เพราะมันอาจเกิดขึ้นได้จริง

***********************************************************

6. ข้ามแม่น้ำ คำถามนี้เจอบ่อยที่สุดแล้วมั้ง
หลายคนอาจจะคุ้น แต่คิดอีกทีอาจจะไม่ออก

มี พ่อ แม่ ลูกชาย 2 คน ลูกสาว 2 คน นายพราน
เสือ รวมทั้งหมด 8 ชีวิต


และมีเรือพาย 1 ลำ นั่งได้สูงสุด 2 ชีวิต
คนที่สามารถพายเรือได้ มีอยู่ 3 คน พ่อ แม่
นายพราน


ข้ามแม่น้ำผมมีลิ้งค์ให้เล่นผ่านเน็ต
จะได้ไม่ต้องมานั่งลบ แต่อยากให้คิดมากกว่าจะนั่งกดไปเรื่อย
ๆ นะ

หมายเหตุ-เปลี่ยนจากนายพรานเป็น ตำรวจ
เปลี่ยนเสือ -เป็นโจร

**ถ้ามีใครอยู่กับโจรต้องมีตำรวจอยู่ ไม่งั้นโจรจะทำร้าย
ประชาชน

จะทำยังไงให้ข้ามไปได้ทั้งหมด

โดยมีเงื่อนไขที่ว่า

1.พ่อถ้าอยู่กับลูกสาวต้องมีแม่อยู่ไม่งั้น
พ่อจะตีลูกสาว

2.แม่ถ้าอยู่กับลูกชายต้องมีพ่ออยู่ไม่งั้น
แม่จะตีลูกชาย

3.ถ้ามีใครอยู่กับเสือต้องมีนายพรานอยู่ด้วยไม่งั้น
คนจะกินเสือ เอ้ย ! ไม่ใช่ เสือจะกินคน

-ข้อนี้คล้ายข้อแรกครับ คิดหน่อยเดี๋ยวก็ออกทางไปไม่กี่ทาง

-มีจุดหลอกล่ออยู่จุด - สองจุด

-ใช้กระดาษมาตัดหรือสิ่งของจะง่ายกว่าครับ

ข้อนี้เป็นการฝึกให้คิดอย่างมีเหตุผลว่าอันไหนจริง
หรือทำได้กรณีเดียว ต้องมั่นใจว่าไม่ผิด
แล้วคำตอบจะอยู่ไม่ไกล

**********************************************************

7. มีพ่อ-แม่ชาวนา คู่หนึ่ง มี ลูกสาวหน้าตาดี
และมีชายเศรษฐี ทีเป็นเจ้าหนี้ของชาวนาคู่นั้น

ซึ่งเศรษฐี ก็ใฝ่ฝันต้องการได้ลูกสาวมาเป็นเมีย
จึงไปบอกชาวนาคู่นั้นว่า ถ้าเจ้าไม่มีใช้หนี้
ก็จะยึดที่นา

แต่ถ้าไม่อยากให้ยึดก็ต้องยกลูกสาวเป็นข้อแลกเปลี่ยน
ซึ่งพอลูกสาวรู้เข้าก็ไม่ยอม บอกว่าเป็นการเอาเปรียบและกลั่นแกล้งคนที่ไม่มีทางสู้
จึงเสนอข้อแลกเปลี่ยนว่า "ให้ท่านหยิบหินที่ชายหาด
(ดำกับขาว) มาใส่ถุงทึบเอาไว้และถ้าตนหยิบได้สีขาวก็ถือว่า
ยกหนี้ให้พร้อมทั้งไม่ต้องไปเป็นเมีย
แต่ถ้าได้สีดำก็ถือว่าพรหมลิขิต(โอกาส
50-50 ) และเต็มใจ แบบนี้ดีไหม ท่านคงไม่อยากได้ชื่อว่ารังแกคนไม่มีทางสู้"

ทางเศรษฐี ก็ตอบตกลง และได้แอบหยิบ หินสีดำมาทั้ง
2 ก้อน ทั้ง ๆ ที่จะต้องเป็นสีดำก้อน ขาวก้อน
ซึ่งทางลูกสาวก็ได้เห็น และคิดในใจว่า
ถ้าอย่างนี้ตนก็ต้องไปเป็นเมีย นะสิและถ้าเปิดเผยว่าเศรษฐีโกง
มันก็จะต้องโกรธและไม่ตกลง คงจะยึดที่ดินของพ่อ-แม่ไปแน่เลย
หญิงสาวผู้นี้จะทำยังไงดี

ถามว่าถ้าท่านเป็นหญิงสาวผู้นี้ ท่านจะแก้ไขสถานการณ์นี้ยังไงให้รอดออกมาได้และดีด้วย

-การที่จะได้คำตอบไม่จำเป็นต้อง แก้ตรงๆ
เสมอไป

-มันประยุกต์มาจากการพนันก็ได้ ที่มี ถ้วย
3 ใบแล้วมีของอยู่ในนั้น หรือไพ่ 3 ใบ แล้วให้ทายให้ถูก
ทริคของพวกต้มตุ๋น

ข้อนี้ ให้ข้อคิดดีมาก ๆ เลยครับ*** พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส***


ผมว่าข้อนี้ในบรรดา 12 ข้อให้มีโอกาสให้ประโยชน์เกี่ยวกับ
ชีวิตจริงมากที่สุดแล้วละครับ

ข้อคิดคือ จากที่ รอด-ไม่รอด 50-50 และ ไม่รอดแน่ๆ
100 % เป็น รอด 100% เลยครับ

**********************************************************

ข้อ 8 มีคนอยู่ 5 คน ซึ่ง แต่ละคนใช้เวลาในการเดินข้ามสะพาน
ตอนกลางคืนไม่เท่ากัน

คนแรกใช้ เวลา 12 นาที คนที่สอง 9 นาที คนที่สาม
6 นาที คนที่สี่ 3 นาที คนสุดท้าย 1 นาที

-สะพานรับน้ำหนักได้มากสุด 2 คน

-ตะเกียงอยู่ได้ นาน 30 นาที

-มีคนเอาตะเกียงไป ต้องเอากลับมาด้วย และเสียเวลาเดินย้อนมาเท่ากับที่ระบุไว้ข้างต้น

-จะแบกขึ้นหลังไป ก็ถือนับเอาเวลา ที่มากที่สุด
เช่น 1 ไปกับ 12 ก็นับว่า 12 นาที เพราะฉะนั้นไม่ต้องบอกว่าแบกขึ้นหลัง
เดินไปธรรมดาก็ใช้เวลาเท่ากัน ไม่หนักด้วย

ถือตะเกียงข้ามสะพาน credit : deadman ขอบคุณที่นำลิ้งค์มาให้ครับ

ถามว่า จะข้ามสะพานยังไงให้ 5 คนข้ามไปได้หมด
โดยที่สะพานไม่หัก และตะเกียงไม่ดับเสียก่อน

-ใจเย็นค่อยๆ คิด ถ้าทำมาได้ทุกข้อ ข้อนี้ก็ไม่น่าจะยากอะไรแล้วครับ

คล้ายๆกับข้อข้ามแม่น้ำ แต่ก็ไม่คล้ายซะทีเดียว
มันคล้าย แค่ ข้ามได้ทีละ 2 แล้วจะบอกทำไมว่ะเนี่ย
ตู

**********************************************************

9.มีแก้วอยู่ 3 ใบ แต่ละใบมีความจุต่างกันคือ
19 13 7 หน่วยตามลำดับ ถ้ามีน้ำอยู่ในใบ

ที่ 2 และ 3 เต็ม ทำอย่างไรให้ได้น้ำ 10 หน่วย
credit: kokoSanG

แก้ว 3 ใบ credit : deadman ขอบคุณที่นำลิ้งค์มาให้ครับ
ทำได้แล้วลองทำซ้ำดูนะครับ แล้วมันจะไม่ออก
อิอิ

-เวลาคิดทำอย่างไรก็ได้ แต่อย่าทำวน

-ผลต่างของความจุแต่ละถัง เป็นตัวทำให้ได้
10 หน่วย

-มีคำตอบก่อนจะได้ 10 มากกว่า 1 วิธี

-มันมีอยู่ 3 ถัง ถ้าเราหยิบมา 1ถัง มันก็จะใส่ได้แค่อีก
2 ถัง ซึ่งพอทำไป มันจะบังคับให้เราใส่ได้แค่ถังเดียวไม่งั้นจะวนมาที่เดิม(ที่ว่ามันบังคับ
เพราะว่าเราเอาถัง 1 ไปใส่ 2 แล้วจะเอา 2
ไปใส่ 1 ก็เหมือนเดิม) เราก็ควรใส่อีกถังแค่นั้นครับ
แต่อดทนหน่อย ถ้าเข้าใจข้อนี้ที่ผมใบ้ก็คงอีกไม่นานก็ออกแล้วอ่ะครับ.

เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ว่า ท้าทายนะ ไม่ง่าย
แต่ก็ไม่ยากเกินกำลัง เอาคำใบ้ผมเป็นที่ตั้ง
ทำอย่างไรก็ได้อย่าซ้ำเดิมแล้วมันจะออก
แต่ต้องอดทนและเชื่อมั่นว่า เราก้าวหน้าไม่ใช่ทำแล้ว
ย้ำอยู่กับที่ คือต้องได้ตัวเลข ในถังใหม่

**********************************************************
10. มีเหรียญอยู่ 12 เหรียญ แต่มีอยู่เหรียญ
1 ใน 12 นั้นน้ำหนักต่างกว่าเหรียญอื่น อยากจะทราบจะชั่งด้วยวิธีชั่งแบบไหน
ภายใน 3 ครั้ง สามารถบอกได้ว่าเหรียญไหนแปลกกว่าเหรียญอื่น

-เครื่องชั่งแบบ 2 แขน

-เหรียญที่แปลกกว่าเหรียญอื่นไม่รู้ว่าหนักหรือเบากว่า

-ถ้าคิดวิธีใดได้ วิธีที่เหลือก็ต้องได้จากหลักการเดียวกันไม่งั้นแสดงว่า
แค่คิดได้แต่ไม่เข้าใจหลักการและไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง
ว่าต้องตั้งเงื่อนไขยังไงในการจะไขคำตอบครับ
(แต่รับรองว่าคุ้มกับการคิดให้ได้ถ่องแท้ข้อนี้)

-มีวิธี มากมาย จากวิธีที่คุณ praewproud คิดได้นะครับ

-อยากจะบอกว่าข้อนี้ ความโหดพอ ๆ หรือมากกว่ากับข้อ
3 เลย แต่เพียงว่าข้อ 3 มันมีในการ์ตูน

-โดยส่วนตัว ชอบข้อนี้มากครับ พอๆ กับข้อ
3,4

-และถ้าความคิดส่วนตัวผม ข้อนี้น่าจะบอกได้ว่า
สุด ๆ (ผมคิดไม่ออกทั้งข้อ 3 และ 10)

**********************************************************

ข้อ 11 มีนักโทษอยู่ 4 คน และมีผู้คุม อยู่
ได้คิดคำถามขึ้นมาข้อหนึ่ง

***เดิมพันด้วยชีวิตนักโทษทั้งหมด -ตอบถูกคนเดียวรอดหมดและถ้าตอบผิดคนเดียวตายหมด****

มีหมวกอยู่ 4 ใบ ขาว 2 ใบ ดำ 2 ใบ

ให้นักโทษ ยืนเรียงเป็นแถวตอน โดยระหว่างคนที่
1 กับ 2 มีกำแพงอยู่

1 lllllll 2 3 4

ซึ่งคนแรก ใส่หมวกสีขาว คนที่ 2 ใส่สีดำ
คนที่3 ใส่สีขาว คนที่ 4 ใส่สีดำ (สลับกัน)

คำถามของผู้คุม ถามว่า ถ้าใคร(นักโทษคนไหน)ตอบได้ว่า
หมวกของตัวเองสีอะไร เพราะอะไรด้วย ถ้าถูกแล้วจะรอดทั้งหมด

-นักโทษไม่รู้ว่าลำดับหมวกเป็นยังไง แต่รู้ว่ามี
สีดำ 2 ใบ สีขาว 2 ใบ

-นักโทษมองไปข้างหน้าได้อย่างเดียว หันหลังไม่ได้
คือเห็นสีหมวกของคนที่อยู่ข้างหน้าทั้งหมด

-เวลาตอบห้ามเดา ต้องถูก 100 % พร้อมทั้งเหตุผล

-คำตอบต้องตอบเป็นนักโทษ คนที่ 1 2 3 หรือ
4 เท่านั้น

ถ้าเทียบกับข้ออื่นที่ผ่านมาไม่น่าจะยากแต่จิตวิทยานิดนึง

***********************************************************

ข้อ 12 มีห้องอยู่ห้อง 1 เป็นห้องทึบ(จากข้างนอกไม่สามารถมองเห็นข้างในได้)และในนั้นมี
หลอดไฟอยู่ 3 หลอด

ข้างนอก จะมีสวิตท์ไฟของหลอด 3 หลอด อยู่
3 อัน

คำถามว่า - จะทำยังไง ให้รู้ว่า สวิตท์ของอันไหนเป็นของอันไหน

-เดินเข้าห้องได้แค่ครั้งเดียว และออกมา
สามารถบอกได้

-ซึ่งส่วนใหญ่เราจะกดเปิด-ปิดและก็มองว่ากดเปิดอันไหนและไฟติด
ก็จะรู้ แต่ถ้าเป็นโจทย์แบบนี้ไม่สามารถยืนมองหรือเข้าออกบ่อยๆได้จะรู้ได้ยังไง


ไม่น่าจะยากถ้าเทียบกับข้อที่ผ่านมา แต่สามารถทำให้คน
งง และ เอ๋อได้

อะอะใครคิดข้อไหน ได้ เฉลย เลยอะ


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: prame ที่ 09 มีนาคม 2009, 18:34:41



2.มีห้องสี่เหลี่ยมมุมฉาก(มันบี้ไม่ได้นะ
ไม่ต้องพยายามบี้ห้อง) เช่นห้องนอน (กว้าว
* ยาว*สูง) อยู่ห้อง หนึ่ง และในห้องนี้มีมดอยู่ตัวหนึ่ง
ซึ่งอยู่มุมซ้ายบน จงหาเส้นทางที่มดจะเคลี่อนที่ได้สั้นที่สุด
ที่จะไปถึงมุมขวาล่าง ที่อยู่ทะแยงกันและคนละด้านกันนะครับ

อธิบายเพิ่มเติมโจทย์-สมมุติว่าคุณไปยืนกลางห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่งและหันหน้าเข้ากำแพงด้านใดด้านหนึ่ง
แล้วมองไปข้างหน้าที่ซ้ายมือบนมีมดอยู่ตัวหนึ่งกำลังจะเดินไปที่มุม
(มองไปข้างหลังขวามือ) ขวาล่าง

-มดบินไม่ได้

-ห้องสี่เหลี่ยมแบบไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็น
สีเหลี่ยมจตุรัส


ให้แนวคิดดี และแม่นในหลักการไม่หลงติดกับภาพลวง

**********************************************************
 


ห้องเป็นสี่เหลี่ยมด้านใดๆ ทำให้มด เดินจาก ซ้ายบน มา ขวาล่าง ได้สั้นสุด

(http://i235.photobucket.com/albums/ee116/p3rcussi0n/Prame/MISC/Images/1.jpg)

ตรงเลข 1 และ 2 ลดขนาดลงเรื่อยๆ ภาพที่แนบมาให้ มันเห็นชัดๆจะได้ไม่งง :-*

ว่าแต่ เปรมคิดถูกมั้ยอะ   8)

edit ใส่ภาพ


อ้างถึง
ข้อ6

คล้ายๆเกมส์นี้ ลองเล่นดู เคยเล่นเกมส์ตามคำถามนะ แต่หาไม่เจอละ เอานี่ไปก่อน ละกัน
http://www.siamcomic.com/games/playgames.php?FlashGameID=g0000003315


อ้างถึง
ข้อ12

กด switch ไฟ โดยกดทีละอัน 1-2-3 โดยทิ้งช่วงเวลา ที่เราคิดว่าไฟในห้องจะเปิดติด ตามช่วงเวลาที่เรากด
กด 1-2-3 แล้วเข้าไป
ไฟดวงแรกที่ติด คือปุ่มที่เรากดอันแรก
ดวงที่สอง = ปุ่มที่ 2
ดวงที่สาม = ปุ่มที่ 3

ถ้า starter จุดไฟไม่สม่ำเสมอ หรือช้า ก็ แป่ว!  :P
ผมว่ามีความเป็นไปได้นะ
หรือมีวิธีอื่น?  ???


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: numau109 ที่ 09 มีนาคม 2009, 19:22:57
ลองตอบดู
1. เคยมีคนตอบ ไม่ตอบแหล่ะ ยาว  >:(
2. ==> มดเดินมาตามขอบลงล่างสุด แล้วเดินทะแยงมุมอีกที
3. ==> ชั่งครั้งเดียว เอาถุงที่ 1 มา 1 เหรียญ + ถุงที่ 2 ก็ 2 เหรียญ ... ถุงที่ 12 ก็ 12 เหรียญ  หายไปกี่กรัม ก็ถุงนั้นแหล่ะครับ
4. คิดไม่ออก




หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กฝึกงาน ที่ 09 มีนาคม 2009, 19:25:42
บุหรี่  :P


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กฝึกงาน ที่ 09 มีนาคม 2009, 19:26:58
เหล้า  ???


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Point_Break ที่ 09 มีนาคม 2009, 19:31:35
มึน คับ :-X


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: angelniwa ที่ 09 มีนาคม 2009, 19:52:16
 ข้อ 1
เหลือง / ฟ้า / แดง / เขียว / ขาว
นอร์เวย์ / เดนมาก / อังกฤษ / เยอรมัน / สวีเดน
แมว / หนูแฮมเตอร์ / นก / ปลา / หมา
น้ำส้ม / ชา / นม / กาแฟ / เบียร์
Dunhill / Marlboro / Camel / Vouge / Kent

(http://img406.imageshack.us/img406/1156/puzzleic4.jpg)
ช่องที่หายไปก้คือปลานั่นเอง


ข้อ 3
ชั่งครั้งเดียว โดยหยิบ 1 ชิ้นจากถุงที่ 1 , 2 ชิ้นจากถุงที่ 2 , 3 ชิ้นจากถุงที่ 3 ไปเรื่อยๆ จนครบ 12 ถุง
แล้วดูว่าตอนชั่งน้ำหนักหายไปเท่าไหร่ ก็จะรู้ว่าถุงไหนของปลอม

ข้อ 5 สามคนรวมกันได้ 27 บาท จ่ายค่าอาหาร 25 บาท เหลือสองบาทไว้ทิปถูกแล้วครับ คนส่วนใหญ่ไปติดตรง 30 บาท กับ 25 ซึ่งคนละเรื่องกัน

ข้อ 7 ลูกสาวจับหินได้แล้ว ให้เปิดดูก้อนหินในถุงแทนก้อนในมือ ซึ่งต้องเป็นสีดำ แปลว่าในมือควรจะเป็นสีขาว(ทั้งๆที่ถือสีดำอีกก้อน)


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: prame ที่ 11 มีนาคม 2009, 00:28:21
UPDATE ข้อ 9 นิดนึง

มีถัง 3 ใบ มีความจุ 19 13 และ 7 ตามลำดับ
โดยถังใบที่ 2 และ 3 มีน้ำอยู่เต็ม

อยากได้น้ำ 10 หน่วย?

EDIT:
เอ้ย เอารูปออกก่อน ผิดพลาดอย่างแรง!

EDIT:
คราวนี้ไม่น่าพลาดละ :P
(http://i235.photobucket.com/albums/ee116/p3rcussi0n/Prame/MISC/Images/19137EDIT.jpg)

ปล. หมด A4 ไปสองหน้า  :P ลองมาเรียงๆ ใน Excel ทำได้ประมาณนี้ครับ ใครได้สั้นกว่านี้ัมั้ยอะ?


EDIT:
เอาเกมส์ ข้อ 6 มาเพิ่มเติมให้ครับ

http://www.siamcomic.com/games/playgames.php?FlashGameID=g0000000385


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Synchronize ที่ 11 มีนาคม 2009, 00:49:58
ข้อ 1 ... ขอตอบว่า ข้อมูลไม่เพียงพอครับ ... เพราะ ไม่ได้มีข้อมูลว่า 1 ใน 5  นั้น เลี้ยงปลา ซักหน่อยเลย ... คนที่เหลืออยู่ มันอาจจะเลี้ยงหมู ก็ได้

 ;D


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: untilate ที่ 11 มีนาคม 2009, 00:50:33
ลองตอบดู
1. เคยมีคนตอบ ไม่ตอบแหล่ะ ยาว  >:(
2. ==> มดเดินมาตามขอบลงล่างสุด แล้วเดินทะแยงมุมอีกที
3. ==> ชั่งครั้งเดียว เอาถุงที่ 1 มา 1 เหรียญ + ถุงที่ 2 ก็ 2 เหรียญ ... ถุงที่ 12 ก็ 12 เหรียญ  หายไปกี่กรัม ก็ถุงนั้นแหล่ะครับ
4. คิดไม่ออก




ข้อ 3 ตอบเล่นหรือจิงอะครับ

ถ้าตอบจริง แล้วจะรู้ได้ไงว่าถุงไหน


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Synchronize ที่ 11 มีนาคม 2009, 00:55:05
ข้อ 3 ตอบเล่นหรือจิงอะครับ

ถ้าตอบจริง แล้วจะรู้ได้ไงว่าถุงไหน

เอาน้ำหนักมารวมกัน แล้ว มันจะแหว่ง น่ะครับ เช่น ถ้าทองปลอมอยู่ ถูกที่ 3 มันจะได้

(1 * 10) + (2 * 10) + (3 * 9) + (4 * 10) ....... + (12 * 10) = 777 (อ่าว ได้เลขสวยพอดี)

ซึ่ง ถ้าเป็น ทองทั้ง 12 ถูก มันต้องได้  780  เอา  777 - 780 = 3  .... ทองปลอมก็เลย อยู่ถุงที่ 3 น่ะครับ



ปล.  มาอธิบายแทน ฮี่ฮี่   :D


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: EThaiZone ที่ 11 มีนาคม 2009, 01:08:27
ข้อ 3 เข้าบอกว่า

-จำนวนเหรียญทองในแต่ละถุงไม่เท่ากัน

ไม่ใช่เหรอ  :P


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: untilate ที่ 11 มีนาคม 2009, 01:10:12
ข้อ 3 ตอบเล่นหรือจิงอะครับ

ถ้าตอบจริง แล้วจะรู้ได้ไงว่าถุงไหน

เอาน้ำหนักมารวมกัน แล้ว มันจะแหว่ง น่ะครับ เช่น ถ้าทองปลอมอยู่ ถูกที่ 3 มันจะได้

(1 * 10) + (2 * 10) + (3 * 9) + (4 * 10) ....... + (12 * 10) = 777 (อ่าว ได้เลขสวยพอดี)

ซึ่ง ถ้าเป็น ทองทั้ง 12 ถูก มันต้องได้  780  เอา  777 - 780 = 3  .... ทองปลอมก็เลย อยู่ถุงที่ 3 น่ะครับ



ปล.  มาอธิบายแทน ฮี่ฮี่   :D

เอ่อ ลืมอ่านว่า ปลอม ทั้งถุง ครับ โทด ทีเลย งง

และ ทองก็ไม่ เท่า กันนิครับ




ข้อ 3 ผมว่าตอบ 11 ครั้งครับ ถูกที่สุดแล้ว


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Synchronize ที่ 11 มีนาคม 2009, 01:14:17
ข้อ 3 เข้าบอกว่า

-จำนวนเหรียญทองในแต่ละถุงไม่เท่ากัน

ไม่ใช่เหรอ  :P

อ่าวหน้าแตกสิครับ ...  :-[

ผมก็ไม่ได้อ่านโจทย์ซะด้วย อ่านข้อแรกข้อเดียว แล้วยาวเกิน  ;D ... เห็นคำตอบ ก็เลยเดาๆ ว่า น่าจะเป็นคำถาม ที่เห็นถามกันบ่อยๆ


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: prame ที่ 11 มีนาคม 2009, 01:17:52
กระทู้เริ่ม HOT แล้ว ;D

ดันตอนกลางวัน ไม่ขึ้น

ตอนกลางคืน มากันพรึบ! :-\


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: untilate ที่ 11 มีนาคม 2009, 01:20:00
เห้ย

1 4 5 6

คิดออกแล้วครับ

6/[(5/4)-1]



วันที่ 22 จะไปสอบเตรียมแล้ว
อยากให้มีโจทย์แบบ นี้ ชอบๆๆ


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: barbies55 ที่ 11 มีนาคม 2009, 01:23:56
ข้อสี่  1/4/5/6 ใช้ได้เฉพาะ บวก,ลบ,คูณ,หาร  ทำยังไงให้ได้ 24


6/[(5/4)-1] = 6/[(5/4)-(4/4)] = 6/(1/4) = 6x4 = 24


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Synchronize ที่ 11 มีนาคม 2009, 01:26:53
เอ๊ะ ... งงครับ ข้อสาม ชั่งครั้งเดียว ก็น่าจะถูกแล้วนิครับ

ผมไปอ่านโจทย์ใหม่แล้ว ...

เงื่อนไข ... ไม่ได้ห้าม เปิดถุงทอง แล้วหยิบเหรียญออกมาชั่งรวมกันครั้งเดียวนิ

จำนวนเหรียญในถุง เท่ากันหรือไม่ ก็ไม่จำเป็น เพราะ สิ่งที่เอามาชั่ง เป็นแค่เหรียญที่ดึงออกมา


ปล. คำถามนี้ ผมจำได้จากการ์ตูนเรื่อง คินดะอิจิ น่ะ   ;D


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: untilate ที่ 11 มีนาคม 2009, 01:31:04
เอ๊ะ ... งงครับ ข้อสาม ชั่งครั้งเดียว ก็น่าจะถูกแล้วนิครับ

ผมไปอ่านโจทย์ใหม่แล้ว ...

เงื่อนไข ... ไม่ได้ห้าม เปิดถุงทอง แล้วหยิบเหรียญออกมาชั่งรวมกันครั้งเดียวนิ

จำนวนเหรียญในถุง เท่ากันหรือไม่ ก็ไม่จำเป็น เพราะ สิ่งที่เอามาชั่ง เป็นแค่เหรียญที่ดึงออกมา


ปล. คำถามนี้ ผมจำได้จากการ์ตูนเรื่อง คินดะอิจิ น่ะ   ;D

ถูก

ผมก็ลืมไป

เห้ย แต่เข้าก็ไม่ได้บอกว่าเปิดได้นิครับ  ;D ;D


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: EThaiZone ที่ 11 มีนาคม 2009, 01:43:55
ข้อ 8
รอบแรก คนสุดท้าย กับ คนที่สี่ไป ใช้เวลา 3 นาที
คนสี่กลับมาใช้เวลา 1 นาที
รอบสอง คนสุดท้าย กับ คนที่สามไป ใช้เวลา 6 นาที
คนสี่กลับมา ใช้เวลา 3 นาที
รอบสาม คนแรกกับคนสองไป ใช้เวลา 12 นาที
คนสุดท้ายกลับมา ใช้เวลา 1 นาที
รอบสี่ คนที่สี่กับคนสุดท้ายไป ใช้เวลา 3 นาที

รวมเวลาก็ 29 นาที

ข้อ 9 ผมทำได้สั้นกว่าอะ

(http://upic.me/i/5w/zming.gif)

 :P


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: gapblog4 ที่ 11 มีนาคม 2009, 02:37:31
เจอแล้วมึนครับพี่น้อง


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: angelniwa ที่ 11 มีนาคม 2009, 02:48:34
ช่วยกัน

งงๆ มึนๆ หน่อยครับ

พี่่น้องครับ


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: raanshum ที่ 11 มีนาคม 2009, 04:18:38
ข้อ 10 คิดแบบนี้จะถูกไหมคะ  ???

โจทย์บอกว่าเหรียญที่แปลกไม่รู้ว่าหนักหรือเบากว่า ซึ่งหมายความว่าเหรียญนั้นน้ำหนักต่างกว่าเหรียญอื่น เวลาชั่งเราก็สามารถอนุมานได้ว่ามันอยู่ในกองที่น้ำหนักเบา/หนัก กว่าอีกข้าง

วิธีการ
1. แบ่งเหรียญออกเป็น 2 กอง กองละ 6 เหรียญเท่ากัน แล้วชั่ง กองที่มีเหรียญแปลกจะมีน้ำหนักเบา/หนักกว่า
2. เอากองที่เบากว่ามาแบ่งชั่งเป็นข้างละ 3 เหรียญ กองที่มีเหรียญแปลกจะเบา/หนักกว่าอีกกอง
3. เลือกเอา 2 ใน 3 เหรียญของกองที่เบากว่าจากข้อ 2 มาชั่งเทียบกันเอง ถ้าน้ำหนักเท่ากันแสดงว่าเหรียญที่ไม่ได้ชั่งคือเหรียญแปลก ถ้าอันไหนเบา/หนักกว่าอีกข้าง อันนั้นแหละค่า คือเหรียญแปลก

ชั่งแค่ 3 ครั้งพอดี  ::)

เอิ๊กกกก อย่าเพิ่งเชื่อวิธีคิดอันนี้นะเคอะ หนูทำผิดดดด ลืมไปว่าเค้าไม่ได้บอกว่ามันหนักรึเบา งานเข้าตั้งแต่ชั่งทีแรกละ ติดกับดักเฮียไอน์สไตน์เข้าเต็มๆ  :-X

คิดๆๆๆ

มาคิดใหม่อีกที มันต้องมีน้ำหนักปกติไว้อ้างอิงเพื่อเทียบว่ากองไหนผิดปกติ
คราวนี้หนูขอแบ่งเป็น 3 กอง กองละ 4 เหรียญ นะฮ้า ซึ่งมันคิดออกมาได้ 2 กรณีคะ

วิธีการ
- เอากองที่ 1 ชั่งเทียบกะ กอง 2 ถ้าน้ำหนักเท่ากัน ก็เข้ากรณีที่ 1 คือ กองที่3 มีเหรียญแปลก แต่ถ้านน.ไม่เท่ากันจะเข้ากรณีที่ 2

กรณีที่ 1
1. เอาเหรียญจากกองปกติมา 3 เหรียญ และเหรียญจากกองไม่ปกติมา 3 เหรียญ ชั่งเทียบกัน ถ้านน.เท่ากัน แสดงว่าอีกเหรียญที่ไม่ได้ชั่งในกองที่ 3 แหละแปลก ลองเอามาชั่งกะเหรียญปกติ ก็จะรู้ได้ว่ามันหนักกว่ารึเบากว่า * กรณีนี้ต้องโชคดีมากเพราะชั่งแค่ 2 ครั้งเองก็รู้แล้ว

2. ถ้าชั่งจากข้อ 1 แล้วได้นน.ไม่เท่ากัน คือ หนัก/เบากว่า (สมมติว่าหนักนะคะ) แสดงว่าเหรียญแปลกอยู่ใน 3 อันที่ชั่งอยู่ ก็เอา 3 เหรียญนี้ มาชั่งเทียบกัน 2 เหรียญ ถ้าอันไหนหนักกว่า(ตามสมมติ) อันนั้นแหละค่าเหรียญแปลก หรือ ถ้าน้ำหนักเท่ากัน แสดงว่าเหรียญที่ไม่ได้ชั่งแหละค่า เหรียญแปลก *กรณีนี้ชั่ง 3 ครั้งพอดี


กรณีที่ 2 (แอบยาก งงเต๊ก)
อันนี้พอชั่งครั้งแรกเราจะยังไม่รู้ว่ากองที่ 1 กะ 2 อันไหนมีเหรียญแปลก แต่ที่แน่ๆ คือกอง 3 เป็นเหรียญปกติ ปัญหาคือ มันชั่งได้อีกแค่ 2 ครั้ง กะเหรียญ 2 กอง 8 อันที่ไม่รู้ว่าไอ้ที่แปลกมันหนักรึเบาแล้วอยู่กองไหน??

*ให้จำด้วยนะคะตอนที่ชั่ง 1 กะ 2 คานกระดกด้านไหน สมมติว่าคานกระดกซ้าย ก็อนุมานได้ว่าถ้าเหรียญแปลกมันอยู่กองที่ 1 แสดงว่าเหรียญมันหนัก ถ้าเหรียญแปลกมันอยู่กองที่ 2 แสดงว่าเหรียญมันเบา (หรือถ้าคานกระดกขวาก็แค่สลับ 1 เป็นเบา สองเป็นหนัก)

-- ถ้าแบ่งออกมาเป็นภาพก็จะเป็น 1111(หนัก) 2222(เบา) 3333(ปกติ)

1.ให้แบ่งเหรียญชั่งเป็นสองกองกองละ 4 เหรียญ โดยผสมเหรียญทั้งสามกองเข้าด้วยกันเป็น 1123 กับ 1233 ทำนองนี้ค่ะ คราวนี้จะได้ออกมา 3 กรณีค่า

กรณีที่ 1
1.1.ชั่งดูถ้าคานกระดกซ้ายเหมือนเดิม แสดงว่ามีเหรียญแปลกอยู่ในกองใดกองหนึ่ง ก็เอา 11 จากกองหนัก และ 2 จากกองเบา ออกมาชั่งเทียบเลยค่า

1.2.เอา 1 กะ 1 มาชั่งเทียบกัน ถ้าเท่ากัน แสดงว่าเหรียญแปลกคือ 2 และมีน้ำหนักเบากว่าเพื่อน

กรณีที่ 2 ถ้าคานกระดกอีกด้าน
--  ให้เอา 2 จากกองหนัก กับ 1 จากกองเบา มารวมเป็นหนึ่งกอง(12) ชั่งเทียบกับ เหรียญสองอันที่มีน้ำหนักปกติ(33) ถ้ากอง 12 หนักกว่า 33 แสดงว่า เหรียญแปลกคือ 1 ที่หนักกว่าเพื่อน หรือ ถ้า 12 เบากว่า 33 แสดงว่าเหรียญแปลก คือ 2 ที่เบากว่าเพื่อน

กรณีที่ 3 ถ้าน้ำหนักออกมาเท่ากัน
-- ให้พึ่งเหรียญที่ยังไม่ได้เอามาชั่ง ซึ่งก็คือ 1 กับ 22 โดยให้เอา 2 กะ 2 นี่ล่ะมาเทียบกันเอง ถ้าคานกระดกก็ให้ดูว่าเหรียญข้างไหนเบากว่า อันนั้นคือเหรียญแปลก ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าเพื่อน แต่ถ้าทั้งสองเหรียญหนักเท่ากัน แสดงว่าเหรียญแปลกคือ 1 ที่หนักกว่าเพื่อน

ชั่งไม่เกิน 3 ครั้งค่า หนูพออธิบายรู้เรื่องไหมก๊ะเนี่ย :P

*เหอๆ ยากมากมายหลายตลบ ใครมีวิธีอื่นที่ง่ายกว่านี้ไหมคะ  :'(
 


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ก้ามปู ที่ 11 มีนาคม 2009, 04:47:32
2. ==> มดเดินแทยงมุมด้านที่แคบที่สุด แล้วเดินตามขอบในด้านยาว


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Rapture ที่ 11 มีนาคม 2009, 05:41:23
ตอบข้อ 2. โจทย์ข้อนี้ไม่ต้องการให้ทำอะไรกับห้อง แต่ให้หาเส้นทางที่มดจะเคลี่อนที่ได้สั้นที่สุด
ถ้ามดมันเดินเส้นทางที่สั้นที่สุด ก็คือเดินผ่านตามแนวเส้นทะแยงมุมห้อง
แต่ ในที่นี้มีจุดอ้างอิงคือ  ตัวเราเอง เนื่องจากว่า
ถ้าไปยืนกลางห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่งและหันหน้าเข้ากำแพงด้านใดด้านหนึ่ง
แล้วมองไปข้างหน้าที่ซ้ายมือบนมีมดอยู่ตัวหนึ่งกำลังจะเดินไปที่มุม
ถ้างั้น เราก็หมุนตัวเองกลับหลังหัน ก็จะทำให้สิ่งที่เราสังเกตเห็นเปลี่ยนไป
นั่นคือ เดิมทีมดอยู่ที่บนซ้าย จะกลายเป็นว่ามดอยู่มุมล่างด้านขวาแทน โดยที่มดไม่จำเป็นต้องเดิน

ตอบข้อ 6.
ตอนแรกให้พ่อพาลูกชายข้ามฝั่งก่อนแล้วให้พ่อพายเรือกลับ
จากนั้นให้พ่อพาแม่ข้ามฝั่งแล้วให้แม่พายเรือกลับ
ให้นายพรานพาเสือข้ามฝั่งแล้วให้พ่อพายเรือกลับ
ให้พ่อกับแม่ข้ามฝั่งแล้วให้แม่พายเรือกลับไปรับลูกสาว


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Rapture ที่ 11 มีนาคม 2009, 07:14:02
ตอบข้อ 10.
ในโจทย์บอกว่าชั่งได้ 3 ครั้ง
โจทย์ไม่ได้บอกว่าหยิบเหรียญใส่ตราชั่งทีละเหรียญไม่ได้ในการชั่ง 1 ครั้งนี่
ดังนั้นชั่งครั้งที่ 1
ชั่งข้างละ 6 เหรียญ แต่ค่อยๆหยิบใส่ทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 เหรียญ
ก็จะทำให้รู้ว่าเหรียญคู่ไหนน้ำหนักไม่เท่ากัน

หยิบเหรียญปกติที่ไม่ใช่คู่ที่น้ำหนักไม่เท่ากันมา 1เหรียญ มาชั่งเปรียบเทียบ คู่เหรียญที่น้ำหนักไม่เท่ากัน
โดย แยกคู่เหรียญที่น้ำหนักไม่เท่ากันออกมาชั่งเปรียบเทียบทีละ 1 เหรียญกับ 1 เหรียญปกติ
ถ้าเหรียญไหนน้ำหนักเท่าเหรียญปกติแสดงว่าเป็นเหรียญปกติ
ถ้าเหรียญไหนน้ำหนักไม่เท่าเหรียญปกติแสดงว่าเป็นเหรียญไม่ปกติ
โดยจำนวนการชั่งเท่ากับ 3 ครั้งพอดี

ตอบข้อ 11. ตอบนักโทษคนที่ 3
ตอนแรก ให้ทุกคนหันหน้าไปทางนักโทษคนที่ 2 ก่อน
จะทำให้คนที่ 3 รู้ว่าคนที่ 2 ใส่หมวกสีดำ และคนที่ 4 รู้ว่า คนที่ 2 ใส่สีดำและคนที่ 3 ใส่สีขาว
จากนั้นให้ทุกคนกลับหลังหัน
จะทำให้ คนที่ 3 รู้ว่าคนที่ 4 ใส่หมวกสีดำ และคนที่ 2 รู้ว่า คนที่ 4 ใส่สีดำและคนที่ 3 ใส่สีขาว
จากที่ทุกคนรู้ว่า มีหมวกสีขาว 2 ใบ หมวกสีดำ 2 ใบ
ตอนนี้คนที่ 3 รู้ว่าคนที่ 2 และ 4 ใส่สีดำ ดังนั้นตัวเองจึงใส่สีขาว
เพื่อความชัวร์ โจทย์ไม่ได้ห้ามให้ถามนี่ คนที่ 3 ก็ถามคนที่ 4 หรือคนที่ 2 ว่าตัวเองใส่หมวกสีอะไร
ถ้างั้นแต่แรกก็แค่ ให้คนที่ 2 ถามคนที่ 3 หรือ คนที่ 3 ถามคนที่ 4 ว่าเห็นหมวกสีอะไร ก็ได้มั้ง



หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: kittiwong ที่ 11 มีนาคม 2009, 11:17:16
วิธีของคุณruptureขัดกับข้อกำหนดครับ....ใส่เหรียญทีละ2เหรียญ สองข้างแล้วดูว่าหนักเท่ากันไหม ก็ถือเป็นการชั่งหนึ่งครั้งแล้วครับ....ทำจนครบข้างละ 6 เหรียญมันก็ครบสามครั้งไปแล้วครับ


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 11 มีนาคม 2009, 12:24:15
โจทย์ข้อแรกเท่านั้นแหละครับ ที่เป็นของไอน์สไตน์
ข้ออื่นไม่ใช่นะครับ และรู้สึกจะแปลโจทย์มาเพี้ยนซะด้วยครับ

Einstein said that 98% of people in the world cannot solve the following puzzle. And Einstein was usually right (that's why he's Einstein.) Here is the Einstein Quiz:

Facts:

   1. There are 5 houses in 5 different colors.
   2. In each house lives a person with a different nationality.
   3. These 5 owners drink a certain beverage, smoke a certain brand of cigar and keep a certain pet.
   4. No owners have the same pet, smoke the same brand of cigar or drink the same drink.
   5. Hints:
         1. The Brit lives in a red house.
         2. The Swede keeps dogs as pets.
         3. The Dane drinks tea.
         4. The green house is on the left of the white house.
         5. The green house owner drinks coffee.
         6. The person who smokes Pall Mall rears birds.
         7. The owner of the yellow house smokes Dunhill.
         8. The man living in the house right in the centre drinks milk.
         9. The Norwegian lives in the first house.
        10. The man who smokes Blend lives next to the one who keeps cats.
        11. The man who keeps horses lives next to the man who smokes Dunhill.
        12. The owner who smokes Blue Master drinks beer.
        13. The German smokes Prince.
        14. The Norwegian lives next to the blue house.
        15. The man who smokes Blend has a neighbor who drinks water.

Question:

Can you determine WHO KEEPS FISH?


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: hunterx555 ที่ 11 มีนาคม 2009, 12:35:42
นี่เราคือคนใน 98 % หรือนี่ :P


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เดี๋ยวจะบอกว่าชื่ออะไร ที่ 11 มีนาคม 2009, 13:09:28
เอ๊ะ ... งงครับ ข้อสาม ชั่งครั้งเดียว ก็น่าจะถูกแล้วนิครับ

ผมไปอ่านโจทย์ใหม่แล้ว ...

เงื่อนไข ... ไม่ได้ห้าม เปิดถุงทอง แล้วหยิบเหรียญออกมาชั่งรวมกันครั้งเดียวนิ

จำนวนเหรียญในถุง เท่ากันหรือไม่ ก็ไม่จำเป็น เพราะ สิ่งที่เอามาชั่ง เป็นแค่เหรียญที่ดึงออกมา


ปล. คำถามนี้ ผมจำได้จากการ์ตูนเรื่อง คินดะอิจิ น่ะ   ;D


ใช่เหรอครับ

ผมว่า โจทย์น่าจะทำเป็นแบบนี้มากกว่า

10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 9

ตัวเลขแทนจำนวนถุงทอง แล้วให้แยก ใบที่เป็นเหรียญปลอมออกจากกลุ่ม

น่าจะแบบนี้มากกว่ามั้ง เหมือนเคยเจอตอนวัดไอคิว

มีโอกาสใช้สองหนมั้ง ถ้าคำแถวในแบบที่ผมคิดอะนะ

ใช้ตาชั่งที่มีสองขา วัดของ ที่มีน้ำหนัก เท่ากัน แล้วจะอยู่กึ่งกลาง

วาง5ถุงไว้ข้างซ้าย  วาง5ถุงไว้ข้างขวา เหลือ ไม่ได้ชั่ง 2 ถุง

ถ้าโชคดี  เหรียญปลอมอยู่ใน สองถุงที่เหลือก็จะใช้การชั่งสองครั้ง โดยการนำสองถุงที่เหลือไปชั่ง

แต่ถ้าอยู่ในกลุ่ม 5 ถุง เอาไปชั่งใหม่

ข้างละ 2 ถุง ก็จะเหลือ 1 ถุง ถ้าโชคดี สองข้างเท่ากัน ก็จะเหลือเศษเป็นเหรียญปลอม

ถ้าสองข้างไม่เท่ากัน เอาไปชั่งครั้งที่ 3

ก็จะได้คำตอบว่าถุงไหนปลอม

จริง ๆ ผมว่าน่าจะมีวิธีคิดให้น้อยกว่านี้ เหมือนเคยอ่านเจอที่ไหนมาสักที่ แต่จำไม่ได้



ตอบข้อมด

เส้นสีแดงคือเส้นทางที่มดเดิน น่าจะเป็นวิธีที่เดินสั้นที่สุด

(http://www.madoosi.com/up_images/200903/202cb962ac59075b964b07152d234b70.JPG) (http://www.madoosi.com)



คำตอบข้อน้ำ
19   13    9
----------------
 0   13    7
 7   13     0
19   1     0
12   1    7
12   8    0
 5    8    7
 5   13   2
18   0    2
18   2    0
11   2    7
11   9    0
 4    9    7
 4   13   3
17   0    3
17   3    0
10   3    7


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เดี๋ยวจะบอกว่าชื่ออะไร ที่ 11 มีนาคม 2009, 14:03:45
ข้อ 12 มีห้องอยู่ห้อง 1 เป็นห้องทึบ(จากข้างนอกไม่สามารถมองเห็นข้างในได้)และในนั้นมี
หลอดไฟอยู่ 3 หลอด

ข้างนอก จะมีสวิตท์ไฟของหลอด 3 หลอด อยู่
3 อัน

คำถามว่า - จะทำยังไง ให้รู้ว่า สวิตท์ของอันไหนเป็นของอันไหน

-เดินเข้าห้องได้แค่ครั้งเดียว และออกมา
สามารถบอกได้

-ซึ่งส่วนใหญ่เราจะกดเปิด-ปิดและก็มองว่ากดเปิดอันไหนและไฟติด
ก็จะรู้ แต่ถ้าเป็นโจทย์แบบนี้ไม่สามารถยืนมองหรือเข้าออกบ่อยๆได้จะรู้ได้ยังไง


ไม่น่าจะยากถ้าเทียบกับข้อที่ผ่านมา แต่สามารถทำให้คน
งง และ เอ๋อได้

ข้อนี้ไม่กำหนดเหรอครับ ว่าต้องเปิดไฟได้กี่ครั้ง ปิดได้กี่ครั้ง

ไม่งั้นก็ค่อย ๆ เปิดทีละดวง ก็น่าจะรู้มั้งครับ ว่าสวิตไหนดวงไหน

- -



หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: LUCiFERMAN ที่ 11 มีนาคม 2009, 14:05:27
คำถามแรก ไปค่ายที่ไหน ก็ได้ทำตลอดเลย
(แน่นอน ตอบไม่ได้ตลอด) ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เดี๋ยวจะบอกว่าชื่ออะไร ที่ 11 มีนาคม 2009, 14:21:03
ข้ามสะพาน

1กับ3 ข้าม ไป

1 เอาไฟกลับมา

ให้8กับ12ข้ามไป

ให้3 วิ่งเอาไฟกลับมา

ให้1ไปกับ6

ให้1วิ่งเอาไฟกลับมา

ให้1ไปกับ3

3+1+12+3+6+1+3=29นาที

7. มีพ่อ-แม่ชาวนา คู่หนึ่ง มี ลูกสาวหน้าตาดี
และมีชายเศรษฐี ทีเป็นเจ้าหนี้ของชาวนาคู่นั้น

ซึ่งเศรษฐี ก็ใฝ่ฝันต้องการได้ลูกสาวมาเป็นเมีย
จึงไปบอกชาวนาคู่นั้นว่า ถ้าเจ้าไม่มีใช้หนี้
ก็จะยึดที่นา

แต่ถ้าไม่อยากให้ยึดก็ต้องยกลูกสาวเป็นข้อแลกเปลี่ยน
ซึ่งพอลูกสาวรู้เข้าก็ไม่ยอม บอกว่าเป็นการเอาเปรียบและกลั่นแกล้งคนที่ไม่มีทางสู้
จึงเสนอข้อแลกเปลี่ยนว่า "ให้ท่านหยิบหินที่ชายหาด
(ดำกับขาว) มาใส่ถุงทึบเอาไว้และถ้าตนหยิบได้สีขาวก็ถือว่า
ยกหนี้ให้พร้อมทั้งไม่ต้องไปเป็นเมีย
แต่ถ้าได้สีดำก็ถือว่าพรหมลิขิต(โอกาส
50-50 ) และเต็มใจ แบบนี้ดีไหม ท่านคงไม่อยากได้ชื่อว่ารังแกคนไม่มีทางสู้"

ทางเศรษฐี ก็ตอบตกลง และได้แอบหยิบ หินสีดำมาทั้ง
2 ก้อน ทั้ง ๆ ที่จะต้องเป็นสีดำก้อน ขาวก้อน
ซึ่งทางลูกสาวก็ได้เห็น และคิดในใจว่า
ถ้าอย่างนี้ตนก็ต้องไปเป็นเมีย นะสิและถ้าเปิดเผยว่าเศรษฐีโกง
มันก็จะต้องโกรธและไม่ตกลง คงจะยึดที่ดินของพ่อ-แม่ไปแน่เลย
หญิงสาวผู้นี้จะทำยังไงดี

ถามว่าถ้าท่านเป็นหญิงสาวผู้นี้ ท่านจะแก้ไขสถานการณ์นี้ยังไงให้รอดออกมาได้และดีด้วย

-การที่จะได้คำตอบไม่จำเป็นต้อง แก้ตรงๆ
เสมอไป

-มันประยุกต์มาจากการพนันก็ได้ ที่มี ถ้วย
3 ใบแล้วมีของอยู่ในนั้น หรือไพ่ 3 ใบ แล้วให้ทายให้ถูก
ทริคของพวกต้มตุ๋น

ข้อนี้ ให้ข้อคิดดีมาก ๆ เลยครับ*** พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส***


ผมว่าข้อนี้ในบรรดา 12 ข้อให้มีโอกาสให้ประโยชน์เกี่ยวกับ
ชีวิตจริงมากที่สุดแล้วละครับ

ข้อคิดคือ จากที่ รอด-ไม่รอด 50-50 และ ไม่รอดแน่ๆ
100 % เป็น รอด 100% เลยครับ

มีสองถุง A กับ B

เลือก ถุง A แต่ให้เปิด ถุง B ดู ก็จะเห็นถุงBเป็นสีดำ แสดงว่าถุง A เป็นขาว

ไม่โกง ไม่หักหน้า เศรษฐีด้วย


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 11 มีนาคม 2009, 14:49:02
(http://www.thaiothello.com/Zen/einstein-solve.jpg)

อ้างอิงจากโจทย์ อังกฤษ และไทย ข้อ 1 ครับ
เยอรมันครับ เลี้ยงปลา

วิธีคิดขอไม่บอกละกันครับ เดี๋ยวหมดสนุกกัน

แต่ใบ้ให้นิดหน่อย มัน มี 5 factor สีบ้าน เชื้อชาติ เครื่องดื่ม ยี่ห้อบุหรี่ สัตว์เลี้ยง
การที่เราจะรู้แน่ว่าอันไหนเป็นอันไหน ต้องรู้แน่ๆ 4 อย่างถึงทายได้ครับ
เช่น บ้านหลังที่ 1 ไม่ทานเครื่องดื่ม 4 แบบ เราก็รู้แน่ล่ะว่า อีก 1 แบบที่เหลือเป็นของบ้านหลังที่ 1 (ตัวอย่างเฉยๆ)


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 11 มีนาคม 2009, 14:51:50
หลังจากทำข้อ 1 ยากสุดได้แล้ว

ขอทำข้อ 5 ง่ายสุดบ้าง

ต้องเขียนแบบนี้จะเข้าใจง่าย
25+3+2 บาท
อาหาร 25 บาท บ๋อยทอน 3 บาท 2 บาท คือ ทิป

เงินไม่ได้หายไปไหน 1 บาท โจทย์หลอกเท่านั้นเอง


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: O u IvI ที่ 11 มีนาคม 2009, 15:36:36
เป็นกระทู้ที่ผมใช้เวลาเปิดดูนานที่สุดในชีวิต  :P :P


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: kittiwong ที่ 11 มีนาคม 2009, 17:41:24
เฉลยข้อ10ครับ
แบ่งกลุ่มเหรียญเป็นสามกลุ่ม กลุ่มละ 4 เหรียญ เลือก 2 กลุ่มมาชั่งเทียบกันก่อน
หลักคิดคือ มีเหรียญ 3 เหรียญ เราชั่ง 1 ครั้งถึงจะแยกได้ ถ้ามี 4 เหรียญต้องชั่ง 2 ครั้งถึงจะแยกได้
กรณีแรก สองกลุ่มที่ชั่งเท่ากัน เหลืออีก 4 เหรียญมาแยก เลือกมาชั่งทีละ 2 ลูก ในครั้งที่สอง

(http://kwong.exteen.com/images/photo/003.JPG)

ลูกกลมสีดำเป็นลูกน้ำหนักปกติ เรารู้จากการชั่งครั้งแรกว่า แปดลูกนั้นหนักปกติ
1.1+2 หนักเท่ากับ 3+ลูกปกติ -----------เอาลูกที่4 ไปชั่งกับลูกปกติ 1 ลูก ก็รู้แล้วว่าหนัก หรือเบา
2.1+2 หนักกว่า 3+ลูกปกติ----แสดงว่า ลูก 1 หรือลูก2 หนักลูกหนึ่ง หรือ ลูก 3 เบา
  เอาไปชั่งครั้งที่สาม โดยนำลูก1ชั่งเทียบกับอีกข้างที่เป็นลูก 2

(http://kwong.exteen.com/images/photo/004.JPG)
    ได้กรณีดังต่อไปนี้
     2.1 ลูก1กับ 2 หนักเท่ากัน----------ลูก3 เบา
     2.2  ลูก 1 หนักกว่าลูก 2-----------ลูก1 หนัก
     2.3  ลูก2 หนักกว่าลูก 1-----------ลูก 2 หนัก

3.1+2 เบากว่า ลูก3กับลูกปกติ --------ลูก 1 หรือลูก 2 เบาลูกหนึ่ง หรือ ลูก3หนัก---เอาไปชั่งครั้งที่3 เหมือนกับรูปข้างต้น ได้อีก 3 กรณี
  3.1 ลูก1 หนักเท่าลูก2--------ลูก 3 หนัก
  3.2 ลูก 1 หนักกว่า ลูก 2 ------ลูก 2 เบา
  3.3 ลูก 2 หนักกว่า ลูก 1 ------ลูก 1 เบา

ต่ออีกกรณีที่ชั่งครั้งแรกไม่เท่ากัน อีกโพสหนึ่งครับ...ยาวแน่นอน


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: kittiwong ที่ 11 มีนาคม 2009, 18:05:07

(http://kwong.exteen.com/images/photo/001.JPG)

ผมขอเขียนหมายเลข 1 ถึง 4 สำหรับแต่ละข้าง และใช้สัญลักษณ์ รูปวงกลมกับสี่เหลี่ยมแทนแต่ละข้าง ไม่สำคัญว่าข้างไหนจะหนัก เพราะมันต้องหนักข้าง เบาข้างแน่นอน.....เทคนิคอยู่ที่การหยิบแบ่งข้างมาชั่งในครั้งที่สอง
สมมุติให้ลูกกลมเป็นข้างที่หนัก รูปสี่เหลี่ยมเป็นข้างที่เบา....เรารู้อยู่แล้วว่าชั่งครั้งนี้แล้วเหลือการชั่งอีกครั้งเดียว ซึ่งเราต้องแยกให้ได้ ดังนั้นผมหยิบมาแบบนี้ครับ หยิบลูกกลมหมายเลข 3และ4(ข้างที่หนัก) กับลูกเหลี่ยมเลข4(ข้างที่เบา) ออกมาก่อน.หยิบเอาลูกกลมเลข1(หนัก)รวมกับลูกเหลี่ยมเลข1(เบา)และ2 (เบา)รวมสามลูก อีกข้างเป็น ลูกปกติหนึ่งลูกร่วมกับลูกกลมหมายเลข2(หนัก)และลูกเหลี่ยมเลข3(เบา)....ตามรูปครับ

(http://kwong.exteen.com/images/photo/002.JPG)

ได้มา 3 กรณีครับ
1.ชั่งแล้วเท่ากันทั้งสองข้าง----------เอาสามลูกที่เก็บไว้ไปชั่ง โดยเอาลูกหนักหมายเลข3กับ4มาชั่งคนละข้าง ได้มาอีก 2 กรณี
1.1 ลูก3กับ4หนักเท่ากัน-------ลูกเหลี่ยมเลข4 เบา
1.2 ลูก 3กับ4 ลูกไหนหนักกว่า ก็ลูกนั้นแหละที่ผิดปกติ

2.ชั่งแล้วด้านซ้ายมือหนักกว่า แสดงว่า ลูกกลม1 หนัก หรือลูกเหลี่ยม 3 นั้นเบา
คงไม่ต้องอธิบายว่าได้ยังไงมั้งครับ เอาง่ายๆว่าการเปลี่ยนตำแหน่งของลูกเหล็กแล้วไม่เปลี่ยนผลการชั่ง แสดงว่าลูกที่อยู่ตำแหน่งเดิมนั้นเป็นตัวที่ทำให้เกิดผลการชั่งในครั้งแรก และถ้าการเปลี่ยนตำแหน่งลูกเหล็กนั้นเปลี่ยนผลการชั่งในครั้งที่สอง แสดงว่าลูกที่สลับเปลี่ยนเป็นลูกที่ทำให้เกิดผลการชั่งตามครั้งแรก
  ก็เอามาชั่งครั้งที่สาม หยิบมาหนึ่งลูกชั่งกับลูกปกติ ถ้าลูกกลม1หนักเท่ากับลูกปกติ แสดงว่า อีกลูกนั้นเป็นลูกเบา  ถ้าชั่งลูกเหลี่ยมเลข3แล้วเท่ากับลูกปกติแสดงว่า ลูกที่เหลือนั้นเป็นลูกหนัก......นึกถึงความจริงว่าลูกเหล็กนั้นภายนอกดูเหมือนกัน ทำได้แค่เขียนมาร์คว่าเลขอะไร สีอะไร และจำให้ได้ว่าหยิบมาจากข้างเบาหรือหนัก

3.ชั่งแล้วฝั่งซ้ายมือกลับมาเบากว่าฝั่งขวา
แสดงว่า ลูกกลม2เป็นลูกหนัก หรือ ลูกเหลี่ยมเลข 1หรือ 2 ลูกใดลูกหนึ่งเบา
จำหมายเลขกับจำฝั่งไว้ให้ดี เอาลูกเบามาชั่งเทียบกัน จะได้ 2 กรณี
1.ลูกเหลี่ยม1และ2หนักเท่ากัน-------ลูกกลมที่เหลือนั้น เป็นลูกหนัก
2.ลูกเหลี่ยมหนักไม่เท่ากัน ลูกไหนเบากว่าลูกนั้นแหละที่เป็นลูกผิดปกติ

วันนี้ได้ข้อเดียวครับ.....


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Rapture ที่ 11 มีนาคม 2009, 18:12:34
วิธีของคุณruptureขัดกับข้อกำหนดครับ....ใส่เหรียญทีละ2เหรียญ สองข้างแล้วดูว่าหนักเท่ากันไหม ก็ถือเป็นการชั่งหนึ่งครั้งแล้วครับ....ทำจนครบข้างละ 6 เหรียญมันก็ครบสามครั้งไปแล้วครับ
ชื่อ user ผมคือ Rapture นะครับไม่ใช่ rupture
ผมจะบอกว่าผมไม่ได้ขัดข้อกำหนดของโจทย์แม้แต่น้อย
แต่ผมแค่ทำขัดต่อข้อกำหนดหรือข้อจำกัดที่่คุณตั้งขึ้นมาเองต่างหาก
คนโดยทั่วไปแล้วมักคิดว่าโจทย์นี้เวลาชั่งต้องหยิบของทั้งหมดที่จะชั่งใส่ตราชั่ง ใส่ไปทีเดียวแล้วดูผลที่เกิดขึ้น
ปกติแล้วเวลาจะชั่งของ ถ้าของที่ชั่งไม่สามารถหยิบใส่ตราชั่งทั้งหมดได้ในครั้งเดียว ต้องทำไง
มีเหรียญอยู่ 100 เหรียญต้องการชั่งทั้งหมดต้องทำไง
สามารถหยิบใส่ตราชั่ง ได้ครั้งละ 10 เหรียญ เพราะมือสามารถหยิบมากสุดได้ 10 เหรียญ
ผมก็จะหยิบเหรียญใส่ตราชั่ง 10 ครั้ง แต่มีความหมายว่าผมชั่ง 1 ครั้ง
ทำไม
การชั่ง 1 ครั้ง คือ การเอาของใส่ตราชั่ง แล้วเอาของเดิมออก ก่อนที่จะเอาของสิ่งใหม่มาชั่ง
อย่างการตอบข้อ 10.ของผมคือ
ผมชั่ง 1 ครั้ง โดยใส่ข้างละ 6 เหรียญ โดยค่อยๆหยิบเหรียญ 2 เหรียญมาใส่ข้างละเหรียญ
โดยที่ผมไม่ได้เอาเหรียญเดิมออกจนครบ ข้างละ 6 เหรียญ
จากนั้นผมจึงเอาเหรียญทั้งหมดออก
นั่นหมายความว่าผม ชั่งเพียง 1 ครั้งเท่านั้น
โดยชั่งครั้งที่ 2 และ 3
ผมก็เอาเหรียญ 2 เหรียญที่น้ำหนักไม่เท่ากันมา ชั่งเทียบกับเหรียญปกติเท่านั้น
และที่สำคัญ -การชั่งไปแล้วค่อยๆนำเหรียญออกหรือเพิ่มถือว่า
เป็นการชั่งครั้งใหม่
เป็นข้อกำหนดของข้อ 3. ไม่ใช่ ข้อ 10.


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Rapture ที่ 11 มีนาคม 2009, 18:35:44
เอ๊ะ ... งงครับ ข้อสาม ชั่งครั้งเดียว ก็น่าจะถูกแล้วนิครับ

ผมไปอ่านโจทย์ใหม่แล้ว ...

เงื่อนไข ... ไม่ได้ห้าม เปิดถุงทอง แล้วหยิบเหรียญออกมาชั่งรวมกันครั้งเดียวนิ

จำนวนเหรียญในถุง เท่ากันหรือไม่ ก็ไม่จำเป็น เพราะ สิ่งที่เอามาชั่ง เป็นแค่เหรียญที่ดึงออกมา


ปล. คำถามนี้ ผมจำได้จากการ์ตูนเรื่อง คินดะอิจิ น่ะ   ;D

ใช่เหรอครับ

ผมว่า โจทย์น่าจะทำเป็นแบบนี้มากกว่า

10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 9

ตัวเลขแทนจำนวนถุงทอง แล้วให้แยก ใบที่เป็นเหรียญปลอมออกจากกลุ่ม

น่าจะแบบนี้มากกว่ามั้ง เหมือนเคยเจอตอนวัดไอคิว

มีโอกาสใช้สองหนมั้ง ถ้าคำแถวในแบบที่ผมคิดอะนะ

ใช้ตาชั่งที่มีสองขา วัดของ ที่มีน้ำหนัก เท่ากัน แล้วจะอยู่กึ่งกลาง

วาง5ถุงไว้ข้างซ้าย  วาง5ถุงไว้ข้างขวา เหลือ ไม่ได้ชั่ง 2 ถุง

ถ้าโชคดี  เหรียญปลอมอยู่ใน สองถุงที่เหลือก็จะใช้การชั่งสองครั้ง โดยการนำสองถุงที่เหลือไปชั่ง

แต่ถ้าอยู่ในกลุ่ม 5 ถุง เอาไปชั่งใหม่

ข้างละ 2 ถุง ก็จะเหลือ 1 ถุง ถ้าโชคดี สองข้างเท่ากัน ก็จะเหลือเศษเป็นเหรียญปลอม

ถ้าสองข้างไม่เท่ากัน เอาไปชั่งครั้งที่ 3

ก็จะได้คำตอบว่าถุงไหนปลอม

จริง ๆ ผมว่าน่าจะมีวิธีคิดให้น้อยกว่านี้ เหมือนเคยอ่านเจอที่ไหนมาสักที่ แต่จำไม่ได้

ผมว่าคุณ Synchronize ตอบถูกแล้ว
-จำนวนเหรียญทองในแต่ละถุงไม่เท่ากัน
หมายความว่า น้ำหนักของถุงที่มีเหรียญจริงอยู่ข้างในแต่ละถุงน้ำหนักไม่เท่ากัน
แต่คุณ เดี๋ยวจะบอกว่าชื่ออะไร เข้าใจว่าแต่ละถุงมีจำนวนเหรียญเท่ากันนั่นคือแต่ละถุงมีเพียง 1 เหรียญเท่านั้น


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ก้ามปู ที่ 11 มีนาคม 2009, 19:00:58
วิธีของคุณruptureขัดกับข้อกำหนดครับ....ใส่เหรียญทีละ2เหรียญ สองข้างแล้วดูว่าหนักเท่ากันไหม ก็ถือเป็นการชั่งหนึ่งครั้งแล้วครับ....ทำจนครบข้างละ 6 เหรียญมันก็ครบสามครั้งไปแล้วครับ
ชื่อ user ผมคือ Rapture นะครับไม่ใช่ rupture
ผมจะบอกว่าผมไม่ได้ขัดข้อกำหนดของโจทย์แม้แต่น้อย
แต่ผมแค่ทำขัดต่อข้อกำหนดหรือข้อจำกัดที่่คุณตั้งขึ้นมาเองต่างหาก
คนโดยทั่วไปแล้วมักคิดว่าโจทย์นี้เวลาชั่งต้องหยิบของทั้งหมดที่จะชั่งใส่ตราชั่ง ใส่ไปทีเดียวแล้วดูผลที่เกิดขึ้น
ปกติแล้วเวลาจะชั่งของ ถ้าของที่ชั่งไม่สามารถหยิบใส่ตราชั่งทั้งหมดได้ในครั้งเดียว ต้องทำไง
มีเหรียญอยู่ 100 เหรียญต้องการชั่งทั้งหมดต้องทำไง
สามารถหยิบใส่ตราชั่ง ได้ครั้งละ 10 เหรียญ เพราะมือสามารถหยิบมากสุดได้ 10 เหรียญ
ผมก็จะหยิบเหรียญใส่ตราชั่ง 10 ครั้ง แต่มีความหมายว่าผมชั่ง 1 ครั้ง
ทำไม
การชั่ง 1 ครั้ง คือ การเอาของใส่ตราชั่ง แล้วเอาของเดิมออก ก่อนที่จะเอาของสิ่งใหม่มาชั่ง
อย่างการตอบข้อ 10.ของผมคือ
ผมชั่ง 1 ครั้ง โดยใส่ข้างละ 6 เหรียญ โดยค่อยๆหยิบเหรียญ 2 เหรียญมาใส่ข้างละเหรียญ
โดยที่ผมไม่ได้เอาเหรียญเดิมออกจนครบ ข้างละ 6 เหรียญ
จากนั้นผมจึงเอาเหรียญทั้งหมดออก
นั่นหมายความว่าผม ชั่งเพียง 1 ครั้งเท่านั้น
โดยชั่งครั้งที่ 2 และ 3
ผมก็เอาเหรียญ 2 เหรียญที่น้ำหนักไม่เท่ากันมา ชั่งเทียบกับเหรียญปกติเท่านั้น
และที่สำคัญ -การชั่งไปแล้วค่อยๆนำเหรียญออกหรือเพิ่มถือว่า
เป็นการชั่งครั้งใหม่
เป็นข้อกำหนดของข้อ 3. ไม่ใช่ ข้อ 10.

มันเป็นคำถามตรรกะมั้งครับ ไม่ใช่คำถามเชาว์
ถ้าตอบอย่างคุณ Rapture บอก ก็คงคล้ายๆกับว่า กินข้าวช้อนเดียวทำยังไงให้อิ่ม บางคนตักหลายครั้งก็ยังใช้ช้อนเดียว
การชั่งหรือการวัดหนึ่งครั้ง ไม่ได้จำเป็นต้องยกออกนะครับ เราอ่านค่าครั้งนึงน่าจะถือว่าเป็นการชั่งหนึ่งครั้ง
ซึ่งถ้านิยามความหมายที่ผมพูดใส่ทีละเหรียญได้ แต่ต้องหลับตา

นิยามของการชั่งจริงๆแล้วมันคืออะไรครับเนี่ย

หรือถ้าจะตอบปัญหานั้นแบบกวนๆคือผมไม่ต้องชั่งด้วยซ้ำ ผมให้เพื่อนชั่งแล้วค่อยถามมันเอาก็ได้นี่ นี่ก็แสดงว่าผมตอบได้เหมือนกัน  ;D


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: mai8888 ที่ 11 มีนาคม 2009, 21:21:30
บางข้อคิดไม่ออก ยากจังคะ
แต่เห็นเทพๆในนี้ตอบแล้ว น้องๆพี่ไอสไตน์เลยนะคะเนี่ย


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Rapture ที่ 11 มีนาคม 2009, 22:16:21
วิธีของคุณruptureขัดกับข้อกำหนดครับ....ใส่เหรียญทีละ2เหรียญ สองข้างแล้วดูว่าหนักเท่ากันไหม ก็ถือเป็นการชั่งหนึ่งครั้งแล้วครับ....ทำจนครบข้างละ 6 เหรียญมันก็ครบสามครั้งไปแล้วครับ
ชื่อ user ผมคือ Rapture นะครับไม่ใช่ rupture
ผมจะบอกว่าผมไม่ได้ขัดข้อกำหนดของโจทย์แม้แต่น้อย
แต่ผมแค่ทำขัดต่อข้อกำหนดหรือข้อจำกัดที่่คุณตั้งขึ้นมาเองต่างหาก
คนโดยทั่วไปแล้วมักคิดว่าโจทย์นี้เวลาชั่งต้องหยิบของทั้งหมดที่จะชั่งใส่ตราชั่ง ใส่ไปทีเดียวแล้วดูผลที่เกิดขึ้น
ปกติแล้วเวลาจะชั่งของ ถ้าของที่ชั่งไม่สามารถหยิบใส่ตราชั่งทั้งหมดได้ในครั้งเดียว ต้องทำไง
มีเหรียญอยู่ 100 เหรียญต้องการชั่งทั้งหมดต้องทำไง
สามารถหยิบใส่ตราชั่ง ได้ครั้งละ 10 เหรียญ เพราะมือสามารถหยิบมากสุดได้ 10 เหรียญ
ผมก็จะหยิบเหรียญใส่ตราชั่ง 10 ครั้ง แต่มีความหมายว่าผมชั่ง 1 ครั้ง
ทำไม
การชั่ง 1 ครั้ง คือ การเอาของใส่ตราชั่ง แล้วเอาของเดิมออก ก่อนที่จะเอาของสิ่งใหม่มาชั่ง
อย่างการตอบข้อ 10.ของผมคือ
ผมชั่ง 1 ครั้ง โดยใส่ข้างละ 6 เหรียญ โดยค่อยๆหยิบเหรียญ 2 เหรียญมาใส่ข้างละเหรียญ
โดยที่ผมไม่ได้เอาเหรียญเดิมออกจนครบ ข้างละ 6 เหรียญ
จากนั้นผมจึงเอาเหรียญทั้งหมดออก
นั่นหมายความว่าผม ชั่งเพียง 1 ครั้งเท่านั้น
โดยชั่งครั้งที่ 2 และ 3
ผมก็เอาเหรียญ 2 เหรียญที่น้ำหนักไม่เท่ากันมา ชั่งเทียบกับเหรียญปกติเท่านั้น
และที่สำคัญ -การชั่งไปแล้วค่อยๆนำเหรียญออกหรือเพิ่มถือว่า
เป็นการชั่งครั้งใหม่
เป็นข้อกำหนดของข้อ 3. ไม่ใช่ ข้อ 10.

มันเป็นคำถามตรรกะมั้งครับ ไม่ใช่คำถามเชาว์
ถ้าตอบอย่างคุณ Rapture บอก ก็คงคล้ายๆกับว่า กินข้าวช้อนเดียวทำยังไงให้อิ่ม บางคนตักหลายครั้งก็ยังใช้ช้อนเดียว
การชั่งหรือการวัดหนึ่งครั้ง ไม่ได้จำเป็นต้องยกออกนะครับ เราอ่านค่าครั้งนึงน่าจะถือว่าเป็นการชั่งหนึ่งครั้ง
ซึ่งถ้านิยามความหมายที่ผมพูดใส่ทีละเหรียญได้ แต่ต้องหลับตา

นิยามของการชั่งจริงๆแล้วมันคืออะไรครับเนี่ย

หรือถ้าจะตอบปัญหานั้นแบบกวนๆคือผมไม่ต้องชั่งด้วยซ้ำ ผมให้เพื่อนชั่งแล้วค่อยถามมันเอาก็ได้นี่ นี่ก็แสดงว่าผมตอบได้เหมือนกัน  ;D

การชั่งหรือหรือวัด สำหรับทางวิทยาศาสตร์ จำเป็นต้องยกออกครับถึงจะเรียกว่ามีการวัดหรือชั่ง 1 ครั้ง
จริงอยู่ว่า โจทย์อาจต้องการให้คิดแบบตรรกะ
แต่ มันก็เหมือนเรื่อง ครูที่ถามนักเรียนว่ามีเงิน 10 บาท ซื้อของ 3 บาท ได้เงินทอนกี่บาท
โจทย์แค่ต้องการแค่การ 10 - 3 เท่านั้น
ซึ่งก็คือ 7 บาท
แต่ถ้าผมจะตอบว่า 2 บาท หรือ 1 บาท หรือ ไม่ต้องทอนเลย ผมก็ไม่ผิดตามความจริง
คำตอบไม่ได้มี 1 คำตอบนี่ครับ วิธีแก้ปัญหาก็ไม่ได้มี 1 วิธีด้วย
และผมก็บอกด้วยว่า
"ผมจะบอกว่าผมไม่ได้ขัดข้อกำหนดของโจทย์แม้แต่น้อย
แต่ผมแค่ทำขัดต่อข้อกำหนดหรือข้อจำกัดที่่คุณตั้งขึ้นมาเองต่างหาก"
วิธีที่ผมตอบก็แค่อ้างตามสถานการณ์จริงเท่านั้น



หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: angelniwa ที่ 11 มีนาคม 2009, 22:20:14
ผมเอาใจช่วยครับ

 :'( :'(


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: kittiwong ที่ 11 มีนาคม 2009, 22:39:00
ข้อ9...ผมคิดได้จำนวนครั้งน้อยกว่าที่มีเคยเฉลยไว้ครับ  19 13 7
ครั้งที่1และ 2...ใส่น้ำใน 7 จนเต็มแล้วเทลงใน 13  เหลือน้ำใน7 อยู่ 1
ครั้งที่3และ4...เทน้ำที่เต็มใน 13 ลงใน 19 แล้วเอาน้ำที่มี 1ลิตร เทลงแก้ว13..แก้ว13มีอยู่1
ครั้งที่4และ5....เทน้ำจนเต็มแก้วเจ็ดเสร็จเอามาเทใส่ในแก้ว13ที่มีอยู่แล้ว1 รวมเป็น8 ลิตร
ครั้งที่6 เขาไม่ได้บอกว่าเทน้ำที่อยู่ในแก้วออกได้ไหม ถ้าได้ที่ทำต่อจากนี้ก็ได้ ผมเทน้ำจากแก้ว19ทิ้งหมด แล้วตักน้ำใส่แก้วเจ็ดจนเต็มแล้วเทใสแก้ว19ที่ว่าง รวมอีก 6ครั้ง โดยมีน้ำเหลือในแก้ว7อีก2ลิตร เพราะ7X3=21
ครั้งที่13 ผมเทน้ำ2ลิตรในแก้ว7ลงในแก้ว13 ที่มีน้ำรอไว้8ลิตร.....รวมทั้งหมด 13 ครั้ง
ถ้าโจทย์กำหนดว่าห้ามเทน้ำทิ้งเด็ดขาด.....ต้องไปนั่งคิดใหม่แต่แรก และถ้าว่าปริมาณน้ำที่ใช้น้อยที่สุดและจำนวนครั้งที่น้อยที่สุด....ยิ่งสุดยอดครับ


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: kittiwong ที่ 11 มีนาคม 2009, 23:08:09
ในการใช้ตาชั่งแบบสองแขนนั้น เราดูได้แค่ว่าสองข้างเท่ากันไหม การชั่งหนึ่งครั้งจะบอกได้แค่ว่าเท่ากันหรือข้างไหนหนักกว่าอีกข้าง ถ้าใส่เหรียญทีละข้าง ครั้งแรกใส่ข้างขวาหนึ่งเหรียญ ครั้งที่สองใส่ข้างซ้าย พอปล่อยมือ มันก็กลายเป็นการชั่งหนึ่งคร้งแล้วครับ เพราะเข็มมันกระดิกให้คุณดูว่ามันเท่ากันไหม คุณจะบอกว่าผมบอกแต่แรกว่าผมจะชั่งทีละ6เหรียญ จริงๆโจทย์เต็มๆข้อนี้เขาจะระบุว่า การชั่ง 1 ครั้งนั้นคือการมีของใส่ทั้งสองข้างแล้วคุณดูว่าเท่ากันหรือไม่.....ผมเห็นโจทย์นี้มาเป็นปีแล้วครับ เคยนั่งคิดไปครั้งหนึ่งแล้วลืมไปแล้ว ถ้าจะว่าคนแต่งโจทย์ก็คงต้องว่ากำหนดความหมายของการชั่งไม่ชัดเจน วิธีอย่างคุณนั้นผมเคยตอบไปแล้วเขาก็ตอบกลับมาว่า การชั่งหนึ่งครั้งคือการอ่านค่าหนึ่งครั้ง....มันก็จบเลยครับ ผมคิดมาแล้ว แล้วแต่ไอเดียครับ มันก็เป็นแค่เกมอ่ะครับ

ส่วนข้อ3นั้น ผมได้โจทย์คล้ายกัน คือมีบริษัทรับทำลูกปืนใหญ่ ทำลูกปืนใหญ่มา10 กอง มีอยู่กองหนึ่งที่รู้ว่ามันทำมาเบากว่าปกติ คือลูกละ 9 ขีด ปกติลูกปืนใหญ่หนัก 10 ขีด ให้ชั่งได้ครั้งเดียวแล้วชี้ได้เลยว่ากองไหนผิดปกติ
ก็หยิบไล่มาจากกองแรกถึงกองที่สิบ
กองแรก 1 ลูกมกองที่สอง 2ลูก.....จนถึงกองที่สิบ 10 ลูก แล้วชั่งทีเดียว
เรารู้อยู่แล้วว่า เราชั่งทั้งหมด 1+2+3+4+5+6+7+8+9+10 = 55 ลูก ต้องได้ 55x10ขีด เป็น 550 ขีด
เอาจำนวนขีดที่ชั่งได้ สมมุติเป็น x ขีด...เอาไปลบกับ 550 ได้เท่าไหร่ก็ตอบเลยว่ากองนั้น
อย่างชั่งได้ 549 แสดงว่า หายไป 1 ขีด คือ 1ลูกก็เป็นกองที่1
ถ้าชั่งได้ 541 ขีด แสดงว่าหายไป 9 ขีด ก็คือเป็นกองที่หยิบมา 9 ลูกครับ....คิดง่ายๆแค่นี้

อย่าลืมครับว่ามันเป็นแค่เกม


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Rapture ที่ 12 มีนาคม 2009, 00:00:57
ในการใช้ตาชั่งแบบสองแขนนั้น เราดูได้แค่ว่าสองข้างเท่ากันไหม การชั่งหนึ่งครั้งจะบอกได้แค่ว่าเท่ากันหรือข้างไหนหนักกว่าอีกข้าง ถ้าใส่เหรียญทีละข้าง ครั้งแรกใส่ข้างขวาหนึ่งเหรียญ ครั้งที่สองใส่ข้างซ้าย พอปล่อยมือ มันก็กลายเป็นการชั่งหนึ่งคร้งแล้วครับ เพราะเข็มมันกระดิกให้คุณดูว่ามันเท่ากันไหม คุณจะบอกว่าผมบอกแต่แรกว่าผมจะชั่งทีละ6เหรียญ จริงๆโจทย์เต็มๆข้อนี้เขาจะระบุว่า การชั่ง 1 ครั้งนั้นคือการมีของใส่ทั้งสองข้างแล้วคุณดูว่าเท่ากันหรือไม่.....ผมเห็นโจทย์นี้มาเป็นปีแล้วครับ เคยนั่งคิดไปครั้งหนึ่งแล้วลืมไปแล้ว ถ้าจะว่าคนแต่งโจทย์ก็คงต้องว่ากำหนดความหมายของการชั่งไม่ชัดเจน วิธีอย่างคุณนั้นผมเคยตอบไปแล้วเขาก็ตอบกลับมาว่า การชั่งหนึ่งครั้งคือการอ่านค่าหนึ่งครั้ง....มันก็จบเลยครับ ผมคิดมาแล้ว แล้วแต่ไอเดียครับ มันก็เป็นแค่เกมอ่ะครับ

ส่วนข้อ3นั้น ผมได้โจทย์คล้ายกัน คือมีบริษัทรับทำลูกปืนใหญ่ ทำลูกปืนใหญ่มา10 กอง มีอยู่กองหนึ่งที่รู้ว่ามันทำมาเบากว่าปกติ คือลูกละ 9 ขีด ปกติลูกปืนใหญ่หนัก 10 ขีด ให้ชั่งได้ครั้งเดียวแล้วชี้ได้เลยว่ากองไหนผิดปกติ
ก็หยิบไล่มาจากกองแรกถึงกองที่สิบ
กองแรก 1 ลูกมกองที่สอง 2ลูก.....จนถึงกองที่สิบ 10 ลูก แล้วชั่งทีเดียว
เรารู้อยู่แล้วว่า เราชั่งทั้งหมด 1+2+3+4+5+6+7+8+9+10 = 55 ลูก ต้องได้ 55x10ขีด เป็น 550 ขีด
เอาจำนวนขีดที่ชั่งได้ สมมุติเป็น x ขีด...เอาไปลบกับ 550 ได้เท่าไหร่ก็ตอบเลยว่ากองนั้น
อย่างชั่งได้ 549 แสดงว่า หายไป 1 ขีด คือ 1ลูกก็เป็นกองที่1
ถ้าชั่งได้ 541 ขีด แสดงว่าหายไป 9 ขีด ก็คือเป็นกองที่หยิบมา 9 ลูกครับ....คิดง่ายๆแค่นี้

อย่าลืมครับว่ามันเป็นแค่เกม
ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นเกมครับ
ผมมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นตัวแทนของปัญหา
ที่สะท้อนอะไรหลายๆอย่างในตัวปัญหา และการแก้ปัญหา
ที่ผมพยายามโต้เถียง
ไม่ใช่ต้องการเอาชนะเพราะคิดว่าเป็นเกมอย่างคุณ
เพราะไม่ต้องการให้หลายคน ยึดติดกับรูปแบบของปัญหา
ไม่ว่าโจทย์เก่าจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่โจทย์นี้ไม่ได้จำกัดไว้
อย่าได้ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆที่มันไม่ได้มี
ลองเปลี่ยนมุมมองใหม่แล้วคุณจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพยายามบอก


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: kazama ที่ 12 มีนาคม 2009, 00:27:08
ฝึก iq แล้ว
ควรมี eq กันด้วยครับ  :-*


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: kittiwong ที่ 12 มีนาคม 2009, 00:31:54
ผมไม่ซีเรียสหรอกครับ....ถ้าsolutionมันได้เหมือนกัน อะไรก็ได้ เหมือนที่ประธานเหมาเจ๋อตุงเคยบอกไว้ว่า"แมวดำหรือแมวขาว ขอเพียงจับหนูได้เป็นอันใช้ได้".....ผมเป็นคนหนึ่งสนับสนุนการคิดนอกกรอบ แต่ก็ยอมรับว่าตัวผมเองก็ยังติดนิสัยที่คิดในกรอบจนหมดทางแล้วจริงๆผมค่อยแหกกรอบครับ
...มันก็เป็นแค่เกมอ่ะครับ เอาเวลาไปซีเรียสกับเรื่องอื่นดีกว่า
...จบแล้ว ไขได้แล้วก็แค่นั้น... :) :) :)


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ก้ามปู ที่ 12 มีนาคม 2009, 00:34:53
ไอสไตน์ กับ ขงเบ้งใครเก่งกว่ากันครับ  ???


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: barbies55 ที่ 12 มีนาคม 2009, 00:40:29
ตอบข้อ 2. โจทย์ข้อนี้ไม่ต้องการให้ทำอะไรกับห้อง แต่ให้หาเส้นทางที่มดจะเคลี่อนที่ได้สั้นที่สุด
ถ้ามดมันเดินเส้นทางที่สั้นที่สุด ก็คือเดินผ่านตามแนวเส้นทะแยงมุมห้อง
แต่ ในที่นี้มีจุดอ้างอิงคือ  ตัวเราเอง เนื่องจากว่า
ถ้าไปยืนกลางห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่งและหันหน้าเข้ากำแพงด้านใดด้านหนึ่ง
แล้วมองไปข้างหน้าที่ซ้ายมือบนมีมดอยู่ตัวหนึ่งกำลังจะเดินไปที่มุม
ถ้างั้น เราก็หมุนตัวเองกลับหลังหัน ก็จะทำให้สิ่งที่เราสังเกตเห็นเปลี่ยนไป
นั่นคือ เดิมทีมดอยู่ที่บนซ้าย จะกลายเป็นว่ามดอยู่มุมล่างด้านขวาแทน โดยที่มดไม่จำเป็นต้องเดิน

ชอบคำตอบนี้ที่สุดเลยค่ะ มันจอร์จมาก


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 12 มีนาคม 2009, 10:49:03
อ้างถึง
ข้อ 12 มีห้องอยู่ห้อง 1 เป็นห้องทึบ(จากข้างนอกไม่สามารถมองเห็นข้างในได้)และในนั้นมี
หลอดไฟอยู่ 3 หลอด

ข้างนอก จะมีสวิตท์ไฟของหลอด 3 หลอด อยู่
3 อัน

คำถามว่า - จะทำยังไง ให้รู้ว่า สวิตท์ของอันไหนเป็นของอันไหน

-เดินเข้าห้องได้แค่ครั้งเดียว และออกมา
สามารถบอกได้

ข้อ 12 ก่อนอื่นเปิดสวิตซ์ 1 อัน รอซักพัก 3-5 นาที
แล้วค่อยกดเปิดสวิตซ์อีก 1 อัน
แล้วรีบเดินเข้าห้องไปครับ

สวิตซ์ไฟเพิ่งเปิดจะกระพริบๆ ยังไม่สว่งเต็มที่
อันที่เปิดนานแล้วสว่างแล้ว
อันที่ไม่ได้เปิดก็คือ ไม่ได้เปิด
ออกจากห้องมาก็เห็นได้หมด อันไหนเป็นอันไหน

ขอย้ำอีกทีครับ โจทย์ไอน์สไตน์ เฉพาะข้อ 1 เท่านั้นครับ
ข้ออื่นๆ ไม่ใช่ของ ไอน์สไตน์


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: utto ที่ 12 มีนาคม 2009, 11:53:04
อ้างถึง
จะต้องชั่งน้ำหนักอย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง
ถึงจะรู้ว่า ถุงไหนเป็นของปลอม

ตอบข้อ3
ชั่งอย่างน้อยที่สุด 1 ครั้ง  ในครั้งแรกบังเอิญหยิบได้ถุงทองปลอมพอดี  เหรียญทองปลอมหนัก 9g ถ้าสมมติมี 10 เหรียญ ก็หนัก 90g ก็ถุงนี้แหละปลอม  :)


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เดี๋ยวจะบอกว่าชื่ออะไร ที่ 12 มีนาคม 2009, 13:03:54
เออวุ้ย ผมอ่านโจทย์ผิดแฮะ


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: barbies55 ที่ 12 มีนาคม 2009, 13:11:10
อ้างถึง
จะต้องชั่งน้ำหนักอย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง
ถึงจะรู้ว่า ถุงไหนเป็นของปลอม

ตอบข้อ3
ชั่งอย่างน้อยที่สุด 1 ครั้ง  ในครั้งแรกบังเอิญหยิบได้ถุงทองปลอมพอดี  เหรียญทองปลอมหนัก 9g ถ้าสมมติมี 10 เหรียญ ก็หนัก 90g ก็ถุงนี้แหละปลอม  :)

คำตอบนี้ก็จ๊าบอีกแล้ว  :'(

กระทู้นี้มีประโยชน์นะนี่ ทำให้คิดได้ว่ายังมีมุมมองที่เป็นไปได้อีกหลายมุม ไม่ได้มีแค่ทฤษฎี


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Rapture ที่ 12 มีนาคม 2009, 13:31:17
อ้างถึง
จะต้องชั่งน้ำหนักอย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง
ถึงจะรู้ว่า ถุงไหนเป็นของปลอม

ตอบข้อ3
ชั่งอย่างน้อยที่สุด 1 ครั้ง  ในครั้งแรกบังเอิญหยิบได้ถุงทองปลอมพอดี  เหรียญทองปลอมหนัก 9g ถ้าสมมติมี 10 เหรียญ ก็หนัก 90g ก็ถุงนี้แหละปลอม  :)
ว่าจะไม่ตอบล่ะ อดใจไม่ได้  :'(
นั่นสิ ถ้าเหรียญทองปลอมหนัก 9g ถ้าสมมติมี 10 เหรียญ ก็หนัก 90g
แต่ถ้าเหรียญทองจริงหนัก 10g แล้วบังเอิญมี 9 เหรียญ ก็หนัก 90g เท่ากันล่ะ  :o

ขอเสริมโจทย์ข้อ 2.หน่อย
ความจริงโจทย์ข้อนี้มองได้ 2 กรณี
กรณีที่ 1.
มุมซ้ายบน หมายถึง ทางด้านหน้าซ้ายมือโดยมุมอยู่ติดกับพื้นห้อง
มุมซ้ายล่าง หมายถึง ทางด้านหลังซ้ายมือโดยมุมอยู่ติดกับพื้นห้อง
มุมขวาบน หมายถึง ทางด้านหน้าขวามือโดยมุมอยู่ติดกับพื้นห้อง
มุมขวาล่าง หมายถึง ทางด้านหลังขวามือโดยมุมอยู่ติดกับพื้นห้อง
ซึ่งถ้ามองแบบกรณีที่ 1 ผมจะตอบแบบที่ตอบไป

กรณีที่ 2.
มุมซ้ายมือบน หมายถึง ทางด้านหน้าซ้ายมือโดยมุมอยู่ติดกับเพดานห้อง
มุมขวาล่าง หมายถึง ทางด้านหลังขวามือโดยมุมอยู่ติดกับพื้นห้อง
ถ้าเป็นแบบกรณีที่ โจทย์คงอยากให้ตอบว่า
สมมติว่า ห้อง กว้าง 5 เมตร ยาว 5 เมตร สูง 5 เมตร
คือให้คิดว่าผนังห้องด้านหน้ากับด้านข้างขวาให้มองรวมกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร
ซึ่งด้านกว้างก็คือความสูงของห้องนั่นเอง ส่วนด้านยาวเป็นความกว้างของผนังด้านหน้ากับด้านข้างขวารวมกัน
เวลามดเดินให้เดินตามเส้นทะแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร นั่นเอง
จะได้ระยะทางใกล้สุด คือ 5 คูณด้วย(รากที่ 2 ของ 5) เมตร
แต่ผมจะไม่ตอบแบบนี้
ผมจะตอบว่าให้มดเดินตามแนวความสูงของห้อง จากด้านหน้ามุมซ้ายติดเพดาน มา ด้านหน้ามุมซ้ายติดพื้นห้อง
โดยมีระยะทาง 5 เมตร จากนั้นก็ตำราเดิม ให้หมุนตัวกลับหลังหัน มดก็อยู่ตำแหน่ง มุมขวาด้านหลังติดพื้นห้อง


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: utto ที่ 12 มีนาคม 2009, 23:17:24
อ้างถึง
นั่นสิ ถ้าเหรียญทองปลอมหนัก 9g ถ้าสมมติมี 10 เหรียญ ก็หนัก 90g
แต่ถ้าเหรียญทองจริงหนัก 10g แล้วบังเอิญมี 9 เหรียญ ก็หนัก 90g เท่ากันล่ะ

เท่าไม่ได้ครับ เพราะเราชั่งครั้งเดียว ไม่ได้ชั่ง 2 ครั้ง และถูกตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ถ้าถุงมี 9 เหรียญ ก็ต้องหนัก 81G ครับ  :) แต่จริงๆแล้ว ถ้าหาวิธีที่ชั่งที่น้อยสุด ที่สามารถใช้ได้กับทุกกรณี ถึงจะถูกมั้งครับ คนตั้งโจทย์เค้าคงต้องการแบบนั้น


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Rapture ที่ 13 มีนาคม 2009, 00:18:56
อ้างถึง
นั่นสิ ถ้าเหรียญทองปลอมหนัก 9g ถ้าสมมติมี 10 เหรียญ ก็หนัก 90g
แต่ถ้าเหรียญทองจริงหนัก 10g แล้วบังเอิญมี 9 เหรียญ ก็หนัก 90g เท่ากันล่ะ

เท่าไม่ได้ครับ เพราะเราชั่งครั้งเดียว ไม่ได้ชั่ง 2 ครั้ง และถูกตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ถ้าถุงมี 9 เหรียญ ก็ต้องหนัก 81G ครับ  :) แต่จริงๆแล้ว ถ้าหาวิธีที่ชั่งที่น้อยสุด ที่สามารถใช้ได้กับทุกกรณี ถึงจะถูกมั้งครับ คนตั้งโจทย์เค้าคงต้องการแบบนั้น
เท่ากันได้ครับ ก็อย่างที่ผมบอกไป โอกาสในการเท่ากันมันมีอยู่
หมายความว่าวิธีนี้ใช้ระบุว่าถุงที่ชั่งเป็นถุงปลอมไม่ได้ 100 %
การชั่งครั้งเดียวแล้วบังเอิญว่าได้น้ำหนัก 90g แล้วบอกว่าถุงที่เหลือไม่มีน้ำหนัก 90 กรัมอีกได้หรือครับ
ถ้าได้แปลว่าคุณรู้แต่แรกแล้วว่าถุงที่ชั่งอยู่เป็นถุงที่มีเหรียญปลอม
ไม่งั้นคุณก็ต้องบอกกำกับว่า
เมื่อเหรียญในถุงปลอม มีจำนวน 10,20,30,... ต้องไม่มีน้ำหนักทั้งถุงเท่ากับถุงที่มีเหรียญจริงที่เหลือ
แต่
ถ้าคุณบอกว่าคุณบังเอิญหยิบ เหรียญ 1 เหรียญ จากถุงปลอมมาชั่งได้ 9 g
แล้วบอกว่าถุงนี้เป็นถุงปลอม แบบนี้โอเคครับ


ปล.กรณีนี้ไม่เหมือนกับกรณี ครูถามเงินทอนนักเรียนนะครับ
ดูเผินๆมันอาจจะดูเหมือนเฉยๆแต่จริงๆมันแตกต่างนะ ผมอยากให้แยกแยะให้ออก


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ไข่ลิง ที่ 13 มีนาคม 2009, 00:38:41
คิดตั้งนานตอบไม่ได้ซักข้อ  :P


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: teesong ที่ 13 มีนาคม 2009, 03:59:55
  สำหรับ ข้อ 12 ที่คุณ zenar218 ตอบมา ผมมีทางเลือกอีกทางหนึ่ง ไม่ทราบว่าเป็นไงบ้าง คือมีเพื่อนผมเคยถามคำถามนี้แล้ว โดยผมตอบไปว่า เปิดไฟดวงหนึ่งไว้ก่อน จากนั้นรออีกประมาณ 20 นาที แล้วค่อยเปิดอีกดวง จากนั้นเข้าไปในห้อง แล้วปีนขึ้นไปสัมผัสไฟ 2 ดวงนี้ ไฟดวงไหนร้อน แสดงว่าเป็นไฟที่เปิดดวงที่หนึ่ง ส่วนอีกดวงที่ไม่ร้อนเป็นไฟดวงที่ 2 
 ป.ล. เพื่อนผมเค้าเฉลยว่าใช้ได้  เลยคิดมาตลอดว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ( แถมแอบภูมิใจมาตลอดว่าตอบได้ด้วย ) ตอนนั้นเพื่อนมันชมว่า คนที่ตอบได้ไม่ใช่คนปกติ แต่มันหมายถึงออกแนวเพี้ยนๆ ไม่ได้ไปในแนวทางชมสักเท่าไร
เพิ่งมาเห็นคำตอบของคุณ zenar218 ทำให้รู้ว่าก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ได้เหมือนกัน หุ หุ


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: EThaiZone ที่ 13 มีนาคม 2009, 04:06:33
อ้างถึง
จะต้องชั่งน้ำหนักอย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง
ถึงจะรู้ว่า ถุงไหนเป็นของปลอม

ตอบข้อ3
ชั่งอย่างน้อยที่สุด 1 ครั้ง  ในครั้งแรกบังเอิญหยิบได้ถุงทองปลอมพอดี  เหรียญทองปลอมหนัก 9g ถ้าสมมติมี 10 เหรียญ ก็หนัก 90g ก็ถุงนี้แหละปลอม  :)

อึ๊งครับ รู้สึกมีเขางอกเพิ่มมา

ทำไมตูนึกไม่ได้แบบนี้ล่ะเนี่ย  :P


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: utto ที่ 13 มีนาคม 2009, 12:00:28
อ้างถึง
เท่ากันได้ครับ ก็อย่างที่ผมบอกไป โอกาสในการเท่ากันมันมีอยู่
หมายความว่าวิธีนี้ใช้ระบุว่าถุงที่ชั่งเป็นถุงปลอมไม่ได้ 100 %
การชั่งครั้งเดียวแล้วบังเอิญว่าได้น้ำหนัก 90g แล้วบอกว่าถุงที่เหลือไม่มีน้ำหนัก 90 กรัมอีกได้หรือครับ
ถ้าได้แปลว่าคุณรู้แต่แรกแล้วว่าถุงที่ชั่งอยู่เป็นถุงที่มีเหรียญปลอม
ไม่งั้นคุณก็ต้องบอกกำกับว่า
เมื่อเหรียญในถุงปลอม มีจำนวน 10,20,30,... ต้องไม่มีน้ำหนักทั้งถุงเท่ากับถุงที่มีเหรียญจริงที่เหลือ
แต่
ถ้าคุณบอกว่าคุณบังเอิญหยิบ เหรียญ 1 เหรียญ จากถุงปลอมมาชั่งได้ 9 g
แล้วบอกว่าถุงนี้เป็นถุงปลอม แบบนี้โอเคครับ


ปล.กรณีนี้ไม่เหมือนกับกรณี ครูถามเงินทอนนักเรียนนะครับ
ดูเผินๆมันอาจจะดูเหมือนเฉยๆแต่จริงๆมันแตกต่างนะ ผมอยากให้แยกแยะให้ออก

เหอๆ คือ ว่าอย่างนี้นะครับ ที่ว่าเท่าไม่ได้เพราะ ถ้าจะเท่ากัน เราต้องรู้ 2 อย่างถึงจะนำมาเท่ากัน แต่ถ้าเรารู้อย่างเดียวแล้วเราจะเอาไปเท่ากับอะไรล่ะ เช่น คุณมีเงิน 100 บาท จะรู้ได้ไงว่ามากหรือน้อย จะรู้ก็ต่อเมื่อมีการเปรียบเทียบกับ เงินในกระเป๋าอื่นๆ ทีนี้ ถ้าถุงมี 12 ถุง สมมติให้มี เบอร์ 1-12 และเบอร์ 12 เป็นถุง ปลอม ผมใช้วิธีสุ่มเสี่ยงชั่ง ทีละถุง โอกาส ที่ผมจะเลือก เบอร์ 12 เป็นถุงแรก ก็เป็น 1/12 และเคสนี้เท่านั้นที่ ถูกพอดี คำถามถามแค่ อย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง ถึงจะรู้ ก้เคสนี้ คือ 1 ครั้งรุ้เลยไงครับ  เราไม่สนเคสอื่น ถูกต้องที่ว่าถุงอื่นอาจจะหนักเท่ากับถุงนี้ก็ได้ครับ แต่เราได้ถุงที่ปลอมแล้ว เราก็ไม่ได้ชั่งต่อไปอีกแล้ว ผมไม่ได้หาวิธีการที่จะนำไปใช้ได้ในทุกๆครั้ง เพื่อเป็นสูตรและถูก 100% สำหรับนำไปใช้กับ การชังถุงทองในวันต่อไป แต่มุ่งแค่จะตอบปัญหาว่า น้อยสุดกี่ครั้งเท่านั้นครับ 

ถ้าจะหาวิธีที่ใช้ได้ทุกครั้ง 100%  ผมคิดไม่ออกครับ ต้องรอคำตอบจากคุณแล้วล่ะครับ

ปล. รู้สึกเหมือนกำลัง ตอบกระทู้ พันทิล ห้องศาสนา ปรัชญาเลยแฮะ


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: melodica ที่ 14 มีนาคม 2009, 02:44:51
มาสรุป คำตอบกันหน่อย ผมตอบได้บางข้อเหมือนกัน แต่จะสรุปของคนที่คิดว่าตอบถูก
โดยอ้างอิงจากคำถามนะครับแบบตรงๆเลย ไม่มีแบบเชาว์ เอาแบบตรงคำถามเลย
(สรุปไว้ดูเองครับ  ;D เดี๋ยวรอเจ้าของกระทู้มาเฉลยสรุปอีกทีแล้วกัน)
โค๊ด:
ข้อ 1 เรื่องมีอยู่ว่ามีบ้านอยู่ 5 หลัง ในแต่ละหลังมีสีต่างกัน
แต่ละบ้านมีคนอยู่ 1 คน ต่างกัน 5 ชนชาติ
ทุกคนจะดื่มน้ำที่แตกต่างกัน สูบบุหรี่ยี่ห้อแตกต่างกัน
และเลี้ยงสัตว์ต่างชนิดกัน ดังนี้


1. คนที่เป็นชาวอังกฤษอยู่บ้านสีแดง

2. คนที่เป็นชาวสวีเดนเลี้ยงหมา

3. คนที่เป็นชาวเดนมาร์กดื่มชา

4. บ้านสีเขียวอยู่ทางซ้ายของบ้านสีขาว


5. เจ้าของบ้านสีเขียวดื่มกาแฟ

6. คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Camel เป็นคนเลี้ยงนก


7. เจ้าของบ้านสีเหลืองสูบบุหรี่ยี่ห้อ
Dunhill

8. คนที่อยู่บ้านหลังกลางดื่มนม

9. คนที่เป็นชาวนอร์เวย์อยู่บ้านหลังแรก


10. คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Marlboro อยู่ติดกับคนเลี้ยงแมว


11. คนที่เลี้ยงหนูแฮมเตอร์อยู่ติดกับของที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ
Dunhill

12. คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Kent ดื่มเบียร์


13. คนที่เป็นชาวเยอรมัน สูบบุหรี่ยี่ห้อ
Vogue

14. คนที่เป็นชาวนอร์เวย์อยู่ติดกับบ้านสีฟ้า


15. คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Marlboro เป็นเพื่อนบ้าน(บ้านติดกัน)กับคนดื่มน้ำส้ม
***แก้ไข***


คำถาม....... ใครเป็นคนเลี้ยงปลา?
คำตอบ ที่คิดว่าถูกแล้วคือ
เหลือง    ฟ้า            แดง          ขาว          เขียว         
นอร์เวย์   เดนมาก       อังกฤษ      สวีเดน       เยอรมัน      
แมว       หนูแฮมเตอร์  นก           หมา          ปลา          
น้ำส้ม     ชา             นม          เบียร์          กาแฟ        
Dunhill  Marlboro    Camel     Kent        Vouge      

เยอรมันครับ

โค๊ด:
ข้อ 2 2.มีห้องสี่เหลี่ยมมุมฉาก(มันบี้ไม่ได้นะ
ไม่ต้องพยายามบี้ห้อง) เช่นห้องนอน (กว้าว
* ยาว*สูง) อยู่ห้อง หนึ่ง และในห้องนี้มีมดอยู่ตัวหนึ่ง
ซึ่งอยู่มุมซ้ายบน จงหาเส้นทางที่มดจะเคลี่อนที่ได้สั้นที่สุด
ที่จะไปถึงมุมขวาล่าง ที่อยู่ทะแยงกันและคนละด้านกันนะครับ

อธิบายเพิ่มเติมโจทย์-สมมุติว่าคุณไปยืนกลางห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่งและหันหน้าเข้ากำแพงด้านใดด้านหนึ่ง
แล้วมองไปข้างหน้าที่ซ้ายมือบนมีมดอยู่ตัวหนึ่งกำลังจะเดินไปที่มุม
(มองไปข้างหลังขวามือ) ขวาล่าง

-มดบินไม่ได้

-ห้องสี่เหลี่ยมแบบไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็น
สีเหลี่ยมจตุรัส


ให้แนวคิดดี และแม่นในหลักการไม่หลงติดกับภาพลวง
คำตอบที่คิดว่าถูก คือ
มดเดินมาตามขอบลงล่างสุด แล้วเดินทะแยงมุมอีกที

โค๊ด:
ข้อ 3 มีถุงทองอยู่ทั้งหมด 12 ถุงซึ่งแต่ละถุงจะมีทอง
อยู่ และใน 12 ถุงนี้มีถุง นึงที่เป็นทองปลอมทั้งถุง
(เหรียญทองจริงหนัก = 10 g ,เหรียญทองปลอมหนัก
= 9 g )

จะต้องชั่งน้ำหนักอย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง
ถึงจะรู้ว่า ถุงไหนเป็นของปลอม

-จำนวนเหรียญทองในแต่ละถุงไม่เท่ากัน

-ชั่งด้วยเครื่องชั่งแบบไหนก็ได้

-การชั่งไปแล้วค่อยๆนำเหรียญออกหรือเพิ่มถือว่า
เป็นการชั่งครั้งใหม่

คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
ชั่งครั้งเดียว เอาถุงที่ 1 มา 1 เหรียญ + ถุงที่ 2 ก็ 2 เหรียญ ... ถุงที่ 12 ก็ 12 เหรียญ  หายไปกี่กรัม ก็ถุงนั้นแหล่ะครับ

โค๊ด:
ข้อที่ 4 เคยเล่นเกมส์ 24 หรือเปล่าครับ คล้าย ๆ
กับ เกมส์ 180 ไอคิว คือ มีตัวเลขโดดมา 4 ตัว

ในที่นี้ คือ 1/4/5/6 ใช้ได้เฉพาะ บวก,ลบ,คูณ,หาร
ทำยังไงให้ได้ 24

เช่น 2/7/7/1 ทำให้ได้ 24 คือ 7*7 = 49 เอาไป ลบ 1
ได้ 48 แล้ว หาร 2 ได้ 24 ครับ

-คิดได้ 2 วิธี

-การทำให้ค่าของเลขเพิ่มขึ้นไม่จำเป็นต้องบวกหรือคูณเสมอไปนะครับ
ถ้าคิดว่าต้องแล้วข้อนี้คิดยังไงก็ไม่ออก
**ข้อนี้ดีมากครับ***

-ยกกำลัง ถอดราก ใช้ไม่ได้ครับ

เล่นได้ตั้งแต่เด็ก ป.5 ป.6 ไปจนถึง ระดับ
ด็อกเตอร์ เพราะว่ามี บวก ลบ คูณ หาร แต่ยิ่งเรียนสูงยิ่งคิดไม่ออก
เป็นโจทย์ของเกมส์การแข่งขัน ของม. ต้นมั้งครับ
ระดับประเทศ ใช้เวลาคิดไม่ถึง 10 หรือ 5 วินาทีครับ
แต่ผมคิดเป็น วัน
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
6/[(5/4)-1] = 24

โค๊ด:
ข้อที่ 5 มีเพื่อนอยู่ 3 คนไปกินข้าว พอกินเสร็จ
ก็เรียกพนักงานมาเก็บเงิน ทั้งหมด 25 บาท
เพื่อน 3 คน ก็เลยควัก แบงค์ 10 คนละใบ รวมกันได้
30 บาท ที่นี้ พอจะหารมันหารไม่ลงตัว กัน
พนักงานก็เลยเสนอว่า "เอางี้นะครับ เงินทอน
5 บาท พี่เอาคืนกันไปคนละ 1 บาท แล้ว อีก
2 บาท ทิปให้ผม"

ขณะที่กำลังเดินทางกลับ มีเพื่อนคนนึงคิดขึ้นมาว่า
เฮ้ย เราออกกันไป 9 บาท สามคน ก็ 27 บวกกับ
เงินทิป2 บาท มันก็ได้ 29 แล้ว หายไปไหน บาทนึงว่ะ!!


ถามว่า เงินหายไปไหน 1 บาท


-ข้อนี้ง่ายสุด (หลังจากเจอข้อยาก ๆ มาผ่อนคลายกันดีกว่า)
แต่อาจทำให้คนงง หรือ เออจริงแหะ ได้ว่ามันไปไหน


เวลาไปกินข้าว อย่าเพิ่งไปทะเลาะกัน เพราะมันอาจเกิดขึ้นได้จริง
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
สามคนรวมกันได้ 27 บาท จ่ายค่าอาหาร 25 บาท เหลือสองบาทไว้ทิปถูกแล้วครับ คนส่วนใหญ่ไปติดตรง 30 บาท กับ 25 ซึ่งคนละเรื่องกัน

โค๊ด:
ข้อที่ 6 ข้ามแม่น้ำ คำถามนี้เจอบ่อยที่สุดแล้วมั้ง
หลายคนอาจจะคุ้น แต่คิดอีกทีอาจจะไม่ออก

มี พ่อ แม่ ลูกชาย 2 คน ลูกสาว 2 คน นายพราน
เสือ รวมทั้งหมด 8 ชีวิต


และมีเรือพาย 1 ลำ นั่งได้สูงสุด 2 ชีวิต
คนที่สามารถพายเรือได้ มีอยู่ 3 คน พ่อ แม่
นายพราน


ข้ามแม่น้ำผมมีลิ้งค์ให้เล่นผ่านเน็ต
จะได้ไม่ต้องมานั่งลบ แต่อยากให้คิดมากกว่าจะนั่งกดไปเรื่อย
ๆ นะ

หมายเหตุ-เปลี่ยนจากนายพรานเป็น ตำรวจ
เปลี่ยนเสือ -เป็นโจร

**ถ้ามีใครอยู่กับโจรต้องมีตำรวจอยู่ ไม่งั้นโจรจะทำร้าย
ประชาชน

จะทำยังไงให้ข้ามไปได้ทั้งหมด

โดยมีเงื่อนไขที่ว่า

1.พ่อถ้าอยู่กับลูกสาวต้องมีแม่อยู่ไม่งั้น
พ่อจะตีลูกสาว

2.แม่ถ้าอยู่กับลูกชายต้องมีพ่ออยู่ไม่งั้น
แม่จะตีลูกชาย

3.ถ้ามีใครอยู่กับเสือต้องมีนายพรานอยู่ด้วยไม่งั้น
คนจะกินเสือ เอ้ย ! ไม่ใช่ เสือจะกินคน

-ข้อนี้คล้ายข้อแรกครับ คิดหน่อยเดี๋ยวก็ออกทางไปไม่กี่ทาง

-มีจุดหลอกล่ออยู่จุด - สองจุด

-ใช้กระดาษมาตัดหรือสิ่งของจะง่ายกว่าครับ

ข้อนี้เป็นการฝึกให้คิดอย่างมีเหตุผลว่าอันไหนจริง
หรือทำได้กรณีเดียว ต้องมั่นใจว่าไม่ผิด
แล้วคำตอบจะอยู่ไม่ไกล
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
ตอนแรกให้พ่อพาลูกชายข้ามฝั่งก่อนแล้วให้พ่อพายเรือกลับ
จากนั้นให้พ่อพาแม่ข้ามฝั่งแล้วให้แม่พายเรือกลับ
ให้นายพรานพาเสือข้ามฝั่งแล้วให้พ่อพายเรือกลับ
ให้พ่อกับแม่ข้ามฝั่งแล้วให้แม่พายเรือกลับไปรับลูกสาว

โค๊ด:
ข้อ 7 มีพ่อ-แม่ชาวนา คู่หนึ่ง มี ลูกสาวหน้าตาดี
และมีชายเศรษฐี ทีเป็นเจ้าหนี้ของชาวนาคู่นั้น

ซึ่งเศรษฐี ก็ใฝ่ฝันต้องการได้ลูกสาวมาเป็นเมีย
จึงไปบอกชาวนาคู่นั้นว่า ถ้าเจ้าไม่มีใช้หนี้
ก็จะยึดที่นา

แต่ถ้าไม่อยากให้ยึดก็ต้องยกลูกสาวเป็นข้อแลกเปลี่ยน
ซึ่งพอลูกสาวรู้เข้าก็ไม่ยอม บอกว่าเป็นการเอาเปรียบและกลั่นแกล้งคนที่ไม่มีทางสู้
จึงเสนอข้อแลกเปลี่ยนว่า "ให้ท่านหยิบหินที่ชายหาด
(ดำกับขาว) มาใส่ถุงทึบเอาไว้และถ้าตนหยิบได้สีขาวก็ถือว่า
ยกหนี้ให้พร้อมทั้งไม่ต้องไปเป็นเมีย
แต่ถ้าได้สีดำก็ถือว่าพรหมลิขิต(โอกาส
50-50 ) และเต็มใจ แบบนี้ดีไหม ท่านคงไม่อยากได้ชื่อว่ารังแกคนไม่มีทางสู้"

ทางเศรษฐี ก็ตอบตกลง และได้แอบหยิบ หินสีดำมาทั้ง
2 ก้อน ทั้ง ๆ ที่จะต้องเป็นสีดำก้อน ขาวก้อน
ซึ่งทางลูกสาวก็ได้เห็น และคิดในใจว่า
ถ้าอย่างนี้ตนก็ต้องไปเป็นเมีย นะสิและถ้าเปิดเผยว่าเศรษฐีโกง
มันก็จะต้องโกรธและไม่ตกลง คงจะยึดที่ดินของพ่อ-แม่ไปแน่เลย
หญิงสาวผู้นี้จะทำยังไงดี

ถามว่าถ้าท่านเป็นหญิงสาวผู้นี้ ท่านจะแก้ไขสถานการณ์นี้ยังไงให้รอดออกมาได้และดีด้วย

-การที่จะได้คำตอบไม่จำเป็นต้อง แก้ตรงๆ
เสมอไป

-มันประยุกต์มาจากการพนันก็ได้ ที่มี ถ้วย
3 ใบแล้วมีของอยู่ในนั้น หรือไพ่ 3 ใบ แล้วให้ทายให้ถูก
ทริคของพวกต้มตุ๋น

ข้อนี้ ให้ข้อคิดดีมาก ๆ เลยครับ*** พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส***


ผมว่าข้อนี้ในบรรดา 12 ข้อให้มีโอกาสให้ประโยชน์เกี่ยวกับ
ชีวิตจริงมากที่สุดแล้วละครับ

ข้อคิดคือ จากที่ รอด-ไม่รอด 50-50 และ ไม่รอดแน่ๆ
100 % เป็น รอด 100% เลยครับ
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
ลูกสาวจับหินได้แล้ว ให้เปิดดูก้อนหินในถุงแทนก้อนในมือ ซึ่งต้องเป็นสีดำ แปลว่าในมือควรจะเป็นสีขาว(ทั้งๆที่ถือสีดำอีกก้อน)

โค๊ด:
ข้อ 8 มีคนอยู่ 5 คน ซึ่ง แต่ละคนใช้เวลาในการเดินข้ามสะพาน
ตอนกลางคืนไม่เท่ากัน

คนแรกใช้ เวลา 12 นาที คนที่สอง 9 นาที คนที่สาม
6 นาที คนที่สี่ 3 นาที คนสุดท้าย 1 นาที

-สะพานรับน้ำหนักได้มากสุด 2 คน

-ตะเกียงอยู่ได้ นาน 30 นาที

-มีคนเอาตะเกียงไป ต้องเอากลับมาด้วย และเสียเวลาเดินย้อนมาเท่ากับที่ระบุไว้ข้างต้น

-จะแบกขึ้นหลังไป ก็ถือนับเอาเวลา ที่มากที่สุด
เช่น 1 ไปกับ 12 ก็นับว่า 12 นาที เพราะฉะนั้นไม่ต้องบอกว่าแบกขึ้นหลัง
เดินไปธรรมดาก็ใช้เวลาเท่ากัน ไม่หนักด้วย

ถือตะเกียงข้ามสะพาน credit : deadman ขอบคุณที่นำลิ้งค์มาให้ครับ

ถามว่า จะข้ามสะพานยังไงให้ 5 คนข้ามไปได้หมด
โดยที่สะพานไม่หัก และตะเกียงไม่ดับเสียก่อน

-ใจเย็นค่อยๆ คิด ถ้าทำมาได้ทุกข้อ ข้อนี้ก็ไม่น่าจะยากอะไรแล้วครับ

คล้ายๆกับข้อข้ามแม่น้ำ แต่ก็ไม่คล้ายซะทีเดียว
มันคล้าย แค่ ข้ามได้ทีละ 2 แล้วจะบอกทำไมว่ะเนี่ย
ตู
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
รอบแรก คนสุดท้าย กับ คนที่สี่ไป ใช้เวลา 3 นาที
คนสี่กลับมาใช้เวลา 1 นาที
รอบสอง คนสุดท้าย กับ คนที่สามไป ใช้เวลา 6 นาที
คนสี่กลับมา ใช้เวลา 3 นาที
รอบสาม คนแรกกับคนสองไป ใช้เวลา 12 นาที
คนสุดท้ายกลับมา ใช้เวลา 1 นาที
รอบสี่ คนที่สี่กับคนสุดท้ายไป ใช้เวลา 3 นาที

รวมเวลาก็ 29 นาที

โค๊ด:
ข้อ 9 มีแก้วอยู่ 3 ใบ แต่ละใบมีความจุต่างกันคือ
19 13 7 หน่วยตามลำดับ ถ้ามีน้ำอยู่ในใบ

ที่ 2 และ 3 เต็ม ทำอย่างไรให้ได้น้ำ 10 หน่วย
credit: kokoSanG

แก้ว 3 ใบ credit : deadman ขอบคุณที่นำลิ้งค์มาให้ครับ
ทำได้แล้วลองทำซ้ำดูนะครับ แล้วมันจะไม่ออก
อิอิ

-เวลาคิดทำอย่างไรก็ได้ แต่อย่าทำวน

-ผลต่างของความจุแต่ละถัง เป็นตัวทำให้ได้
10 หน่วย

-มีคำตอบก่อนจะได้ 10 มากกว่า 1 วิธี

-มันมีอยู่ 3 ถัง ถ้าเราหยิบมา 1ถัง มันก็จะใส่ได้แค่อีก
2 ถัง ซึ่งพอทำไป มันจะบังคับให้เราใส่ได้แค่ถังเดียวไม่งั้นจะวนมาที่เดิม(ที่ว่ามันบังคับ
เพราะว่าเราเอาถัง 1 ไปใส่ 2 แล้วจะเอา 2
ไปใส่ 1 ก็เหมือนเดิม) เราก็ควรใส่อีกถังแค่นั้นครับ
แต่อดทนหน่อย ถ้าเข้าใจข้อนี้ที่ผมใบ้ก็คงอีกไม่นานก็ออกแล้วอ่ะครับ.

เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ว่า ท้าทายนะ ไม่ง่าย
แต่ก็ไม่ยากเกินกำลัง เอาคำใบ้ผมเป็นที่ตั้ง
ทำอย่างไรก็ได้อย่าซ้ำเดิมแล้วมันจะออก
แต่ต้องอดทนและเชื่อมั่นว่า เราก้าวหน้าไม่ใช่ทำแล้ว
ย้ำอยู่กับที่ คือต้องได้ตัวเลข ในถังใหม่
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
(http://i235.photobucket.com/albums/ee116/p3rcussi0n/Prame/MISC/Images/19137EDIT.jpg)

โค๊ด:
ข้อ 10 มีเหรียญอยู่ 12 เหรียญ แต่มีอยู่เหรียญ
1 ใน 12 นั้นน้ำหนักต่างกว่าเหรียญอื่น อยากจะทราบจะชั่งด้วยวิธีชั่งแบบไหน
ภายใน 3 ครั้ง สามารถบอกได้ว่าเหรียญไหนแปลกกว่าเหรียญอื่น

-เครื่องชั่งแบบ 2 แขน

-เหรียญที่แปลกกว่าเหรียญอื่นไม่รู้ว่าหนักหรือเบากว่า

-ถ้าคิดวิธีใดได้ วิธีที่เหลือก็ต้องได้จากหลักการเดียวกันไม่งั้นแสดงว่า
แค่คิดได้แต่ไม่เข้าใจหลักการและไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง
ว่าต้องตั้งเงื่อนไขยังไงในการจะไขคำตอบครับ
(แต่รับรองว่าคุ้มกับการคิดให้ได้ถ่องแท้ข้อนี้)

-มีวิธี มากมาย จากวิธีที่คุณ praewproud คิดได้นะครับ

-อยากจะบอกว่าข้อนี้ ความโหดพอ ๆ หรือมากกว่ากับข้อ
3 เลย แต่เพียงว่าข้อ 3 มันมีในการ์ตูน

-โดยส่วนตัว ชอบข้อนี้มากครับ พอๆ กับข้อ
3,4

-และถ้าความคิดส่วนตัวผม ข้อนี้น่าจะบอกได้ว่า
สุด ๆ (ผมคิดไม่ออกทั้งข้อ 3 และ 10)
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
แบ่งเป็น 3 กอง กองละ 4 เหรียญ นะฮ้า ซึ่งมันคิดออกมาได้ 2 กรณีคะ
วิธีการ
- เอากองที่ 1 ชั่งเทียบกะ กอง 2 ถ้าน้ำหนักเท่ากัน ก็เข้ากรณีที่ 1 คือ กองที่3 มีเหรียญแปลก แต่ถ้านน.ไม่เท่ากันจะเข้ากรณีที่ 2

กรณีที่ 1
1. เอาเหรียญจากกองปกติมา 3 เหรียญ และเหรียญจากกองไม่ปกติมา 3 เหรียญ ชั่งเทียบกัน ถ้านน.เท่ากัน แสดงว่าอีกเหรียญที่ไม่ได้ชั่งในกองที่ 3 แหละแปลก ลองเอามาชั่งกะเหรียญปกติ ก็จะรู้ได้ว่ามันหนักกว่ารึเบากว่า * กรณีนี้ต้องโชคดีมากเพราะชั่งแค่ 2 ครั้งเองก็รู้แล้ว

2. ถ้าชั่งจากข้อ 1 แล้วได้นน.ไม่เท่ากัน คือ หนัก/เบากว่า (สมมติว่าหนักนะคะ) แสดงว่าเหรียญแปลกอยู่ใน 3 อันที่ชั่งอยู่ ก็เอา 3 เหรียญนี้ มาชั่งเทียบกัน 2 เหรียญ ถ้าอันไหนหนักกว่า(ตามสมมติ) อันนั้นแหละค่าเหรียญแปลก หรือ ถ้าน้ำหนักเท่ากัน แสดงว่าเหรียญที่ไม่ได้ชั่งแหละค่า เหรียญแปลก *กรณีนี้ชั่ง 3 ครั้งพอดี


กรณีที่ 2 (แอบยาก งงเต๊ก)
อัน นี้พอชั่งครั้งแรกเราจะยังไม่รู้ว่ากองที่ 1 กะ 2 อันไหนมีเหรียญแปลก แต่ที่แน่ๆ คือกอง 3 เป็นเหรียญปกติ ปัญหาค&#


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: teesong ที่ 14 มีนาคม 2009, 04:55:34
 เพิ่มเติมครับ  สำหรับข้อ 11 ผมก็เคยมีเพื่อนนำมาถาม และคิดว่า ข้อนี้ 11 นี้ โจทย์ยังไม่สมบูรณ์ครับ

***เดิมพันด้วยชีวิตนักโทษทั้งหมด -ตอบถูกคนเดียวรอดหมดและถ้าตอบผิดคนเดียวตายหมด****

ข้อ 11 มีนักโทษอยู่ 4 คน และมีผู้คุม อยู่
ได้คิดคำถามขึ้นมาข้อหนึ่ง

มีหมวกอยู่ 4 ใบ ขาว 2 ใบ ดำ 2 ใบ

ให้นักโทษ ยืนเรียงเป็นแถวตอน โดยระหว่างคนที่
1 กับ 2 มีกำแพงอยู่

1 lllllll 2 3 4

ซึ่งคนแรก ใส่หมวกสีขาว คนที่ 2 ใส่สีดำ
คนที่3 ใส่สีขาว คนที่ 4 ใส่สีดำ (สลับกัน)

คำถามของผู้คุม ถามว่า ถ้าใคร(นักโทษคนไหน)ตอบได้ว่า
หมวกของตัวเองสีอะไร เพราะอะไรด้วย ถ้าถูกแล้วจะรอดทั้งหมด

-นักโทษไม่รู้ว่าลำดับหมวกเป็นยังไง แต่รู้ว่ามี
สีดำ 2 ใบ สีขาว 2 ใบ

-นักโทษมองไปข้างหน้าได้อย่างเดียว หันหลังไม่ได้
คือเห็นสีหมวกของคนที่อยู่ข้างหน้าทั้งหมด

-เวลาตอบห้ามเดา ต้องถูก 100 % พร้อมทั้งเหตุผล

-คำตอบต้องตอบเป็นนักโทษ คนที่ 1 2 3 หรือ
4 เท่านั้น

โจทย์ที่สมบูรณ์จะเพิ่มเติมไปอีกก็คือ หลังจากที่ผู้คุมถามว่า ใครรู้บ้างว่า ตนเองใส่หมวกสีใด ในครั้งแรก ไม่มีผู้ใดตอบได้  ต่อมาอีกแป๊บเดียวผู้คุม ก็ถามอีกครั้ง มีคนตอบได้หลังจากนั้นทันทีเลย ถามว่าใครเป็นผู้ที่ตอบได้ และเพราะเหตุใด



หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Rapture ที่ 14 มีนาคม 2009, 07:03:49
อ้างถึง
เท่ากันได้ครับ ก็อย่างที่ผมบอกไป โอกาสในการเท่ากันมันมีอยู่
หมายความว่าวิธีนี้ใช้ระบุว่าถุงที่ชั่งเป็นถุงปลอมไม่ได้ 100 %
การชั่งครั้งเดียวแล้วบังเอิญว่าได้น้ำหนัก 90g แล้วบอกว่าถุงที่เหลือไม่มีน้ำหนัก 90 กรัมอีกได้หรือครับ
ถ้าได้แปลว่าคุณรู้แต่แรกแล้วว่าถุงที่ชั่งอยู่เป็นถุงที่มีเหรียญปลอม
ไม่งั้นคุณก็ต้องบอกกำกับว่า
เมื่อเหรียญในถุงปลอม มีจำนวน 10,20,30,... ต้องไม่มีน้ำหนักทั้งถุงเท่ากับถุงที่มีเหรียญจริงที่เหลือ
แต่
ถ้าคุณบอกว่าคุณบังเอิญหยิบ เหรียญ 1 เหรียญ จากถุงปลอมมาชั่งได้ 9 g
แล้วบอกว่าถุงนี้เป็นถุงปลอม แบบนี้โอเคครับ


ปล.กรณีนี้ไม่เหมือนกับกรณี ครูถามเงินทอนนักเรียนนะครับ
ดูเผินๆมันอาจจะดูเหมือนเฉยๆแต่จริงๆมันแตกต่างนะ ผมอยากให้แยกแยะให้ออก

เหอๆ คือ ว่าอย่างนี้นะครับ ที่ว่าเท่าไม่ได้เพราะ ถ้าจะเท่ากัน เราต้องรู้ 2 อย่างถึงจะนำมาเท่ากัน แต่ถ้าเรารู้อย่างเดียวแล้วเราจะเอาไปเท่ากับอะไรล่ะ เช่น คุณมีเงิน 100 บาท จะรู้ได้ไงว่ามากหรือน้อย จะรู้ก็ต่อเมื่อมีการเปรียบเทียบกับ เงินในกระเป๋าอื่นๆ ทีนี้ ถ้าถุงมี 12 ถุง สมมติให้มี เบอร์ 1-12 และเบอร์ 12 เป็นถุง ปลอม ผมใช้วิธีสุ่มเสี่ยงชั่ง ทีละถุง โอกาส ที่ผมจะเลือก เบอร์ 12 เป็นถุงแรก ก็เป็น 1/12 และเคสนี้เท่านั้นที่ ถูกพอดี คำถามถามแค่ อย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง ถึงจะรู้ ก้เคสนี้ คือ 1 ครั้งรุ้เลยไงครับ  เราไม่สนเคสอื่น ถูกต้องที่ว่าถุงอื่นอาจจะหนักเท่ากับถุงนี้ก็ได้ครับ แต่เราได้ถุงที่ปลอมแล้ว เราก็ไม่ได้ชั่งต่อไปอีกแล้ว ผมไม่ได้หาวิธีการที่จะนำไปใช้ได้ในทุกๆครั้ง เพื่อเป็นสูตรและถูก 100% สำหรับนำไปใช้กับ การชังถุงทองในวันต่อไป แต่มุ่งแค่จะตอบปัญหาว่า น้อยสุดกี่ครั้งเท่านั้นครับ 

ถ้าจะหาวิธีที่ใช้ได้ทุกครั้ง 100%  ผมคิดไม่ออกครับ ต้องรอคำตอบจากคุณแล้วล่ะครับ

ปล. รู้สึกเหมือนกำลัง ตอบกระทู้ พันทิล ห้องศาสนา ปรัชญาเลยแฮะ
ผมเข้าใจนะว่าคุณหมายถึงอะไรยังไง
ผมไม่ได้บอกว่าคำตอบของคุณไม่ถูกหรอก เพียงมันเป็นคำตอบที่ไม่มีประสิทธิภาพ
มันไม่มีประสิทธิภาพเพราะอะไรผมคงไม่ต้องบอกซ้ำ
ผมกำลังพูดถึงมุมมองไม่ใช่ปรัชญานะ
แต่ถ้างั้นผมจะถามว่า
ในเมื่อไม่มีการเปรียบเทียบ ย่อมหมายความว่า ไม่รู้ว่าเท่ากันหรือไม่
การที่คุณบอกว่า เท่ากันไม่ได้นั้น คุณรู้ได้ไง
แล้วคุณรู้หรือเปล่าการที่คุณบอกว่า เท่ากันไม่ได้นั้น แปลว่าคุณรู้ว่า ไม่เท่ากัน
การไม่รู้ว่าสิ่งไหนเท่ากันหรือไม่ ก็บอกไม่ได้ด้วยว่า เท่ากันไม่ได้
การบอกว่าเท่ากันไม่ได้ บอกไม่ได้เมื่อยังไม่มีการเปรียบเทียบ
คุณลองคิดดูดีๆแล้วกัน คุณกำลังติดกับดักในมุมมองของคุณเองอยู่
สำหรับวิธีที่ใช้ได้ 100% ในการชั่งครั้งเดียวตามโจทย์ที่อยากได้ มีคนตอบไปแล้ว
ลองกลับไปอ่านดู

ขอเพิ่มเติมหน่อยนะครับ
อ้างถึง
เท่ากันได้ครับ ก็อย่างที่ผมบอกไป โอกาสในการเท่ากันมันมีอยู่
หมายความว่าวิธีนี้ใช้ระบุว่าถุงที่ชั่งเป็นถุงปลอมไม่ได้ 100 %
การชั่งครั้งเดียวแล้วบังเอิญว่าได้น้ำหนัก 90g แล้วบอกว่าถุงที่เหลือไม่มีน้ำหนัก 90 กรัมอีกได้หรือครับ
ถ้าได้แปลว่าคุณรู้แต่แรกแล้วว่าถุงที่ชั่งอยู่เป็นถุงที่มีเหรียญปลอม
ไม่งั้นคุณก็ต้องบอกกำกับว่า
เมื่อเหรียญในถุงปลอม มีจำนวน 10,20,30,... ต้องไม่มีน้ำหนักทั้งถุงเท่ากับถุงที่มีเหรียญจริงที่เหลือ
แต่
ถ้าคุณบอกว่าคุณบังเอิญหยิบ เหรียญ 1 เหรียญ จากถุงปลอมมาชั่งได้ 9 g
แล้วบอกว่าถุงนี้เป็นถุงปลอม แบบนี้โอเคครับ


ปล.กรณีนี้ไม่เหมือนกับกรณี ครูถามเงินทอนนักเรียนนะครับ
ดูเผินๆมันอาจจะดูเหมือนเฉยๆแต่จริงๆมันแตกต่างนะ ผมอยากให้แยกแยะให้ออก

เหอๆ คือ ว่าอย่างนี้นะครับ ที่ว่าเท่าไม่ได้เพราะ ถ้าจะเท่ากัน เราต้องรู้ 2 อย่างถึงจะนำมาเท่ากัน แต่ถ้าเรารู้อย่างเดียวแล้วเราจะเอาไปเท่ากับอะไรล่ะ เช่น คุณมีเงิน 100 บาท จะรู้ได้ไงว่ามากหรือน้อย จะรู้ก็ต่อเมื่อมีการเปรียบเทียบกับ เงินในกระเป๋าอื่นๆ ทีนี้ ถ้าถุงมี 12 ถุง สมมติให้มี เบอร์ 1-12 และเบอร์ 12 เป็นถุง ปลอม ผมใช้วิธีสุ่มเสี่ยงชั่ง ทีละถุง โอกาส ที่ผมจะเลือก เบอร์ 12 เป็นถุงแรก ก็เป็น 1/12 และเคสนี้เท่านั้นที่ ถูกพอดี คำถามถามแค่ อย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง ถึงจะรู้ ก้เคสนี้ คือ 1 ครั้งรุ้เลยไงครับ  เราไม่สนเคสอื่น ถูกต้องที่ว่าถุงอื่นอาจจะหนักเท่ากับถุงนี้ก็ได้ครับ แต่เราได้ถุงที่ปลอมแล้ว เราก็ไม่ได้ชั่งต่อไปอีกแล้ว ผมไม่ได้หาวิธีการที่จะนำไปใช้ได้ในทุกๆครั้ง เพื่อเป็นสูตรและถูก 100% สำหรับนำไปใช้กับ การชังถุงทองในวันต่อไป แต่มุ่งแค่จะตอบปัญหาว่า น้อยสุดกี่ครั้งเท่านั้นครับ 

ถ้าจะหาวิธีที่ใช้ได้ทุกครั้ง 100%  ผมคิดไม่ออกครับ ต้องรอคำตอบจากคุณแล้วล่ะครับ

ปล. รู้สึกเหมือนกำลัง ตอบกระทู้ พันทิล ห้องศาสนา ปรัชญาเลยแฮะ


ประเด็นนี้หนูเห็นด้วยกะท่าน rapture นิดนึงค่ะ คือ ท่าน utto อาจจะลืมไปว่าทองในแต่ละถุงมันไม่เท่ากัน ฉะนั้นจึงมีทองอยู่ 2 ถุงที่มีสิทธิ์หนัก 90 กรัม ไม่ว่าทองในถุงนั้นจะปลอมรึไม่ ฉะนั้นถ้าท่าน utto จะบอกว่าหยิบมาชั่งถุงนึงหนัก 90 กรัม แล้ว แล้วบังเอิญมี 10 เหรียญ เป็นทองปลอมนั้น แสดงว่าท่านต้องเทเหรียญออกจากถุงตอนชั่งแล้วนับว่ามันมีกี่เหรียญแล้วเอามาหารด้วยน้ำหนัก เป็น 90/10 = 9 กรัม ทำนองนี้ ไม่งั้นวิธีของท่านก็เป็นแค่สมมติฐาน ยังไม่ใช่คำตอบอ่ะค่ะ เพราะมันไม่มีข้อสนับสนุนว่าไอ้ถุงนี้มันเป็นทองปลอมจริง (ในกรณีที่ท่านไม่ได้เทเหรียญออกมานับจำนวน)
เพราะทองปลอม 9 กรัม 10 เหรียญ นี่มันไขว้อยู่กับทองจริง 10 กรัม 9 เหรียญ ท่านจะพิสูจน์ได้อย่างว่าท่านมือแม่นหยิบถุงทองปลอมได้จริง ไม่ใช่ถุงทองจริง คำตอบมันยังเป็นแค่ 50% ไม่ใช่ 100% อ่ะค่ะ

หนูเข้าใจประเด็นคำตอบของท่าน utto เด้อค่า แต่มันเหมือนเป็นมุมมองของคนที่รู้อยู่แล้วว่าในแต่ละถุงมีทองอยู่จำนวนเท่าไหร่ แล้วใส่เบอร์ 1-12 เสร็จแล้วก็หลับตาหยิบ ปรากฎว่ามือดีหยิบได้ถุง 10 เหรียญ 90 กรัมพอดี เลยไม่ต้องชั่งต่อ เพราะรู้ว่าเป็นถุงทองปลอมแน่ ถ้าอารมณ์นี้ คำตอบจะเป็น 100% ค่า


อันนี้หนูมาถกด้วยเด้อค่าเพราะเห็นประเด็นนี้น่าสนใจดีค่า  :-*

:o
มีคนมาช่วยให้คำตอบของคุณ utto มีประสิทธิภาพเต็ม 100%แล้ว
นั่นคือ เมื่อชั่งน้ำหนักเสร็จ ก็เทเหรียญออกจากถุงแล้วนับจำนวน จะทำให้บอกได้ 100 %ว่า
ถุงนั้นเป็นถุงปลอม
พอทำอย่างนี้กรณีเรื่องน้ำหนักเท่ากัน จะถูกแก้ไขด้วยจำนวนเหรียญที่ไม่เท่ากัน
เพราะโจทย์ก็ไม่ได้บอกว่าเทเหรียญออกจากถุงมานับไม่ได้นี่
เพราะตอนแรกคำตอบคุณ utto วัดผลที่น้ำหนักของถุง ส่วนเรื่องสมมติจำนวนเหรียญก็แค่ดูผลของน้ำหนัก
ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่าเทเหรียญออกจากถุงออกมานับ
ไม่งั้นแทนที่จะบอกว่า เหรียญทองปลอมหนัก 9g ถ้าสมมติมี 10 เหรียญ ก็หนัก 90g
ก็ต้องบอกว่า ถ้าชั่งได้ 90g ก็นับจำนวนเหรียญว่ามีเท่าไร ถ้านับได้ 10 เหรียญก็แปลว่าถุงนี้เป็นถุงปลอม
ปล.ผมเองก็ติดกับดักด้านมุมมองเหมือนกัน  :'(


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: melodica ที่ 14 มีนาคม 2009, 07:34:19
เพิ่มเติมครับ  สำหรับข้อ 11 ผมก็เคยมีเพื่อนนำมาถาม และคิดว่า ข้อนี้ 11 นี้ โจทย์ยังไม่สมบูรณ์ครับ

***เดิมพันด้วยชีวิตนักโทษทั้งหมด -ตอบถูกคนเดียวรอดหมดและถ้าตอบผิดคนเดียวตายหมด****

ข้อ 11 มีนักโทษอยู่ 4 คน และมีผู้คุม อยู่
ได้คิดคำถามขึ้นมาข้อหนึ่ง

มีหมวกอยู่ 4 ใบ ขาว 2 ใบ ดำ 2 ใบ

ให้นักโทษ ยืนเรียงเป็นแถวตอน โดยระหว่างคนที่
1 กับ 2 มีกำแพงอยู่

1 lllllll 2 3 4

ซึ่งคนแรก ใส่หมวกสีขาว คนที่ 2 ใส่สีดำ
คนที่3 ใส่สีขาว คนที่ 4 ใส่สีดำ (สลับกัน)

คำถามของผู้คุม ถามว่า ถ้าใคร(นักโทษคนไหน)ตอบได้ว่า
หมวกของตัวเองสีอะไร เพราะอะไรด้วย ถ้าถูกแล้วจะรอดทั้งหมด

-นักโทษไม่รู้ว่าลำดับหมวกเป็นยังไง แต่รู้ว่ามี
สีดำ 2 ใบ สีขาว 2 ใบ

-นักโทษมองไปข้างหน้าได้อย่างเดียว หันหลังไม่ได้
คือเห็นสีหมวกของคนที่อยู่ข้างหน้าทั้งหมด

-เวลาตอบห้ามเดา ต้องถูก 100 % พร้อมทั้งเหตุผล

-คำตอบต้องตอบเป็นนักโทษ คนที่ 1 2 3 หรือ
4 เท่านั้น

โจทย์ที่สมบูรณ์จะเพิ่มเติมไปอีกก็คือ หลังจากที่ผู้คุมถามว่า ใครรู้บ้างว่า ตนเองใส่หมวกสีใด ในครั้งแรก ไม่มีผู้ใดตอบได้  ต่อมาอีกแป๊บเดียวผู้คุม ก็ถามอีกครั้ง มีคนตอบได้หลังจากนั้นทันทีเลย ถามว่าใครเป็นผู้ที่ตอบได้ และเพราะเหตุใด



ถ้าตอบครั้งแรก ผิดหมด ครั้งที่สองทุกคนก็ตอบได้แล้วสิครับ ก็แค่ตอบตรงกันข้ามกับที่ตอบครั้งแรกอะครับ
 ???


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: raanshum ที่ 14 มีนาคม 2009, 07:58:08
อ้างถึง
เท่ากันได้ครับ ก็อย่างที่ผมบอกไป โอกาสในการเท่ากันมันมีอยู่
หมายความว่าวิธีนี้ใช้ระบุว่าถุงที่ชั่งเป็นถุงปลอมไม่ได้ 100 %
การชั่งครั้งเดียวแล้วบังเอิญว่าได้น้ำหนัก 90g แล้วบอกว่าถุงที่เหลือไม่มีน้ำหนัก 90 กรัมอีกได้หรือครับ
ถ้าได้แปลว่าคุณรู้แต่แรกแล้วว่าถุงที่ชั่งอยู่เป็นถุงที่มีเหรียญปลอม
ไม่งั้นคุณก็ต้องบอกกำกับว่า
เมื่อเหรียญในถุงปลอม มีจำนวน 10,20,30,... ต้องไม่มีน้ำหนักทั้งถุงเท่ากับถุงที่มีเหรียญจริงที่เหลือ
แต่
ถ้าคุณบอกว่าคุณบังเอิญหยิบ เหรียญ 1 เหรียญ จากถุงปลอมมาชั่งได้ 9 g
แล้วบอกว่าถุงนี้เป็นถุงปลอม แบบนี้โอเคครับ


ปล.กรณีนี้ไม่เหมือนกับกรณี ครูถามเงินทอนนักเรียนนะครับ
ดูเผินๆมันอาจจะดูเหมือนเฉยๆแต่จริงๆมันแตกต่างนะ ผมอยากให้แยกแยะให้ออก

เหอๆ คือ ว่าอย่างนี้นะครับ ที่ว่าเท่าไม่ได้เพราะ ถ้าจะเท่ากัน เราต้องรู้ 2 อย่างถึงจะนำมาเท่ากัน แต่ถ้าเรารู้อย่างเดียวแล้วเราจะเอาไปเท่ากับอะไรล่ะ เช่น คุณมีเงิน 100 บาท จะรู้ได้ไงว่ามากหรือน้อย จะรู้ก็ต่อเมื่อมีการเปรียบเทียบกับ เงินในกระเป๋าอื่นๆ ทีนี้ ถ้าถุงมี 12 ถุง สมมติให้มี เบอร์ 1-12 และเบอร์ 12 เป็นถุง ปลอม ผมใช้วิธีสุ่มเสี่ยงชั่ง ทีละถุง โอกาส ที่ผมจะเลือก เบอร์ 12 เป็นถุงแรก ก็เป็น 1/12 และเคสนี้เท่านั้นที่ ถูกพอดี คำถามถามแค่ อย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง ถึงจะรู้ ก้เคสนี้ คือ 1 ครั้งรุ้เลยไงครับ  เราไม่สนเคสอื่น ถูกต้องที่ว่าถุงอื่นอาจจะหนักเท่ากับถุงนี้ก็ได้ครับ แต่เราได้ถุงที่ปลอมแล้ว เราก็ไม่ได้ชั่งต่อไปอีกแล้ว ผมไม่ได้หาวิธีการที่จะนำไปใช้ได้ในทุกๆครั้ง เพื่อเป็นสูตรและถูก 100% สำหรับนำไปใช้กับ การชังถุงทองในวันต่อไป แต่มุ่งแค่จะตอบปัญหาว่า น้อยสุดกี่ครั้งเท่านั้นครับ 

ถ้าจะหาวิธีที่ใช้ได้ทุกครั้ง 100%  ผมคิดไม่ออกครับ ต้องรอคำตอบจากคุณแล้วล่ะครับ

ปล. รู้สึกเหมือนกำลัง ตอบกระทู้ พันทิล ห้องศาสนา ปรัชญาเลยแฮะ


ประเด็นนี้หนูเห็นด้วยกะท่าน rapture นิดนึงค่ะ คือ ท่าน utto อาจจะลืมไปว่าทองในแต่ละถุงมันไม่เท่ากัน ฉะนั้นจึงมีทองอยู่ 2 ถุงที่มีสิทธิ์หนัก 90 กรัม ไม่ว่าทองในถุงนั้นจะปลอมรึไม่ ฉะนั้นถ้าท่าน utto จะบอกว่าหยิบมาชั่งถุงนึงหนัก 90 กรัม แล้ว แล้วบังเอิญมี 10 เหรียญ เป็นทองปลอมนั้น แสดงว่าท่านต้องเทเหรียญออกจากถุงตอนชั่งแล้วนับว่ามันมีกี่เหรียญแล้วเอามาหารด้วยน้ำหนัก เป็น 90/10 = 9 กรัม ทำนองนี้ ไม่งั้นวิธีของท่านก็เป็นแค่สมมติฐาน ยังไม่ใช่คำตอบอ่ะค่ะ เพราะมันไม่มีข้อสนับสนุนว่าไอ้ถุงนี้มันเป็นทองปลอมจริง (ในกรณีที่ท่านไม่ได้เทเหรียญออกมานับจำนวน)
เพราะทองปลอม 9 กรัม 10 เหรียญ นี่มันไขว้อยู่กับทองจริง 10 กรัม 9 เหรียญ ท่านจะพิสูจน์ได้อย่างว่าท่านมือแม่นหยิบถุงทองปลอมได้จริง ไม่ใช่ถุงทองจริง คำตอบมันยังเป็นแค่ 50% ไม่ใช่ 100% อ่ะค่ะ

หนูเข้าใจประเด็นคำตอบของท่าน utto เด้อค่า แต่มันเหมือนเป็นมุมมองของคนที่รู้อยู่แล้วว่าในแต่ละถุงมีทองอยู่จำนวนเท่าไหร่ แล้วใส่เบอร์ 1-12 เสร็จแล้วก็หลับตาหยิบ ปรากฎว่ามือดีหยิบได้ถุง 10 เหรียญ 90 กรัมพอดี เลยไม่ต้องชั่งต่อ เพราะรู้ว่าเป็นถุงทองปลอมแน่ ถ้าอารมณ์นี้ คำตอบจะเป็น 100% ค่า


อันนี้หนูมาถกด้วยเด้อค่าเพราะเห็นประเด็นนี้น่าสนใจดีค่า  :-*


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: utto ที่ 15 มีนาคม 2009, 13:52:15
อ้างถึง
การที่คุณบอกว่า เท่ากันไม่ได้นั้น คุณรู้ได้ไง
แล้วคุณรู้หรือเปล่าการที่คุณบอกว่า เท่ากันไม่ได้นั้น แปลว่าคุณรู้ว่า ไม่เท่ากัน
การไม่รู้ว่าสิ่งไหนเท่ากันหรือไม่ ก็บอกไม่ได้ด้วยว่า เท่ากันไม่ได้
การบอกว่าเท่ากันไม่ได้ บอกไม่ได้เมื่อยังไม่มีการเปรียบเทียบ
คุณลองคิดดูดีๆแล้วกัน คุณกำลังติดกับดักในมุมมองของคุณเองอยู่

เท่ากันไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าไม่เท่ากันครับ แต่เพราะจะพูดว่าเท่ากัน ก็ต้องมีของสองสิ่ง ถ้ามีของสิ่งเดียวไม่รู้จะเอาไปเท่ากับอะไร จึงบอกว่าเท่ากันไม่ได้ คุณต่างหากที่ติดกับดักด้านภาษา และข้อจำกัดของภาษา

คุณ raanshum ครับ เราไม่ได้รู้ก่อนว่ามันมีกี่เหรียญ หรือหนักเท่าไร หรือลืมไปว่าในถุงมีไม่เท่ากัน แต่เพราะเราไม่รู้ว่ามันมีเท่าไร เราจึงสมมติว่า ถ้ามีเท่านี้เหรียญ มันก็จะหนักเท่านั้นกรัม ไม่ต้องถึงขนาดที่ต้องบอกหรอกว่า เทออกมานับ เพราะไม่ว่าอย่างไร คำตอบมันก็เป็น 1 อยุ่ดี เพราะบอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าบังเอิญหยิบถุงที่ถูกมา เนื่องมาจากการสุ่ม โอกาสที่จะสุ่มถูกมันมีอยู่ ไม่ได้รู้ก่อน และไม่ต้องพิสูจน์ว่ามือแม่นได้อย่างไร ส่วนน้ำหนักนั้นเป็นแค่สมมติขึ้นมา เพื่อสนับสนุนว่า รู้แล้วว่าเป็นถุงปลอมเท่านั้น เพราะคำถามถามแค่ว่าอย่างน้อยกี่ครั้งจึงจะรู้ ไม่ได้ถามว่า จงแสดงวิธีการที่ถูกต้องอย่างละเอียดตามหลักวิทยาศาสตร์

ถ้าผมถามใหม่ว่า ต้องเปิดประตูออกไปหน้าบ้านอย่างน้อยสุดกี่ครั้ง ถึงจะเจอชายชื่อ สมปอง ที่มีพ่อชื่อสมบัติ ยืนคุยกับมนุษย์ต่างดาวชื่อเอล็ก เฟอกูสัน อยู่หน้าบ้านคุณ  ผมก็ตอบว่า 1 ครั้ง คือเปิดไปเจอพอดี ไม่ต้องพิสูจน์ด้วยการดูบัตรประชาชนว่า ชื่อถูกไหม มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือ หรืออะไรต่างๆนานา ให้มากความ เพราะยังไง น้อยที่สุดมันก็ 1 ครั้ง

ดังนั้นไม่ว่าถุงทองมันจะหนักเท่าไรหรือหนักเท่ากันหมดเลยทั้งหมดก็ไม่เป็นปัญหา เพราะโอกาสการสุ่มถูกตั้งแต่ครั้งแรก ก็ยังเป็น 1 ครั้งเท่าเดิมอยุ่ดี

มองต่างมุม คิดต่างวิธี ครับ ไม่มีใครผิดถูกครับ ขอบคุณที่ร่วมถกประเด็นครับ



หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: angelniwa ที่ 16 มีนาคม 2009, 04:18:47
 :) :)


หัวข้อ: Re: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เดี๋ยวจะบอกว่าชื่ออะไร ที่ 16 มีนาคม 2009, 11:53:01
ผมคิดเหมือน utto แฮะ

เขาถามว่าอย่างน้อยที่สุด มันก็น่าจะเป็นหนึ่งนะ

เพราะเราอาจจะโชคดีจับโดนถุงเก๊ก็ได้

ปล.เข้ามาอ่านหลัง ๆ ขี้เกียจตอบข้ออื่นเลย

eq เราน้อย กว่าว่าจะเกรียนแตก

555