หัวข้อ: ทำตาสองชั้น ข้อมูลเชิงลึก ก่อนตัดสินใจ เริ่มหัวข้อโดย: lovelyeye ที่ 28 มกราคม 2021, 10:22:30 การทำตาสองชั้น มีหลากหลายเทคนิคที่ช่วยแก้ปัญหาตาที่แตกต่างกัน บวกกับพื้นฐานดวงตาแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ปัจจุบันมีเทคนิคการแก้ปัญหาตาเกิดขึ้นมากมายทีี่ตอบโจทย์ปัญหาตาได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งแต่ละเทคนิคมีีข้อดีและข้อเสีย รวมถึงเหมาะกับปัญหาตาที่แตกต่างกันออกไป ใครมีแพลนจะทำตาสองชั้น ลองมาทำความรู้จักกับเทคนิคการศัลยกรรมตาให้ลึกซึ้งมากขึ้นกันดีกว่า จะได้รู้ว่าเทคนิคการทำตาสองชั้นแบบไหนที่เหมาะกับเรา
เทคนิคการทำตาสองชั้นยอดฮิตในปัจจุบัน 1. การทำตาสองชั้นแบบไร้รอยเย็บ (https://www.lovelyeyeclinic.com/sites/default/files/images/1611222816570.jpg) เป็นเทคนิคการทำตาสองชั้นด้วยการสร้างชั้นตาที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยการผ่าตัดเปิดแผลขนาดเล็กประมาณ 2 มิลลิเมตร ซึ่งจะมีการออกแบบชั้นตา วิเคราะห์ปัญหาแบบเคสบายเคส ทำให้ได้ตาสองชั้นที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ข้อดี : 1. ดวงตาดูเปิดขึ้น ดูสดใสขึ้น 2. ไม่มีอาการบวมช้ำ แผลผ่าตัดหายเร็ว 3. การเย็บชั้นตาในระดับความสูงและความลึกที่พอดี ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ 4. สามารถแก้ปัญหาขนตาทิ่มลง ช่วยให้ขนตาดูงอนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ข้อเสีย : 1. หากเป็นคนที่มีไขมันเปลือกตาและหนังตาเกินมาก อาจไม่เหมาะกับการทำตาสองชั้นแบบไร้รอยเย็บ 2. มีโอกาสต้องกลับมาแก้ตา เพราะไม่ได้ทำการตัดหนังตาส่วนเกินออก เมื่อทำไปนานๆ ชั้นตาอาจหลุด หรือตาไม่เท่ากันได้ (https://www.lovelyeyeclinic.com/sites/default/files/images/1611222824498.jpg) เคสที่มีลักษณะตาชั้นเดียว ตาเล็ก หลังจากทำตาสองชั้นเทคนิคหมอรวงข้าว ทำให้ตาโตขึ้น ชั้นตาคมชัด มีความเป็นธรรมชาติสูง เหมาะกับใคร : 1. คนที่ต้องการชั้นตาสวยเป็นธรรมชาติ 2. คนที่มีลักษณะตาเล็ก ตาชั้นเดียว ชั้นตาหลบใน 3. คนที่ต้องการทำตาสองชั้น ที่ไม่มีหนังตาเกิน หนังตาตก หรือไขมันสะสมบริเวณเปลือกตาเยอะ 2. การทำตาสองชั้นแบบกรีดยาว กรณีคนไข้ที่มีหนังตาเกินและไขมันสะสมบริเวณเปลือกตาเยอะ อาจเหมาะกับการทำตาสองชั้นแบบกรีด เพราะเป็นเทคนิคการทำตาสองชั้นพร้อมตกแต่งหนังตาส่วนเกิน โดยใช้เลเซอร์ขนาดเล็กพิเศษในการสร้างชั้นตาที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด สามารถลดการเสียเลือดระหว่างผ่าตัด ทำให้ไม่เกิดอาการบวมช้ำหลังผ่าตัด ข้อดี : 1. การตกแต่งหนังตาเกิน ลดความเสี่ยงชั้นตาหลุด ที่ทำให้ต้องแก้ตาสองชั้น 2. ชั้นตาชัดเจน และดูเป็นธรรมชาติ 3. ไม่มีปมไหมฝังไว้ใต้ผิวตา คลำไม่สะดุดปมไหม 4. หลับตาแล้วไม่เห็นรอยพับชั้นตา 5. ไม่ระคายเคือง ไม่มีไหมโผล่ ข้อเสีย : รอยแผลผ่าตัดอาจชัดกว่าการทำตาสองชั้นแบบไร้รอยเย็บ ควรเลือกแพทย์และคลินิกที่มีความชำนาญด้านการทำตาสองชั้นโดยตรง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของแผลผ่าตัดที่เนียน ดูสวยงามมากที่สุด เคสที่มีลักษณะชั้นตาหลบใน หลังจากทำตาสองชั้นเทคนิคหมอรวงข้าว ทำให้ตาโตขึ้น ชั้นตาโค้งสวยตามแนวรูปตา ดวงตาสดใสขึ้น เหมาะกับใคร : 1. คนที่มีหนังตาตกปิดทับดวงตา หรือมีไขมันสะสมบริเวณเปลือกตาเยอะ 2. คนที่มีลักษณะตาชั้นเดียว ชั้นตาหลบใน 3. คนที่ทำตาสองชั้นที่อื่นมาแล้วต้องการแก้ตาสองชั้น 3. การทำตาสองชั้นร่วมกับการเปิดหัวตา การเปิดหัวตา เป็นเทคนิคการตกแต่งเนื้อที่โค้งปิดด้านหัวตาให้ตาสองชั้นขยายมาถึงด้านหัวตา ช่วยให้ดวงตาดูหวานและโตขึ้น มักทำร่วมกับการทำตาสองชั้น ในกรณีที่คนไข้มีลักษณะหัวตาปิด จะช่วยให้ดวงตาเรียวยาวและได้สัดส่วนมากขึ้น ข้อดี : 1. ช่วยปรับรูปทรงของดวงตาที่ดูสั้น ให้ดวงตาเรียวยาว ตาหวานขึ้น 2. แก้ปัญหาดวงตาดูเขเข้า ให้ตาดำอยู่ตรงกลางมากขึ้น 3. ในกรณีคนไข้มีลักษณะหัวตาปิดมาก การเปิดหัวตา จะช่วยให้มองเห็นได้ดีขึ้น 4. ช่วยกำจัดหนังตาส่วนเกินที่เหี่ยวย่นบริเวณข้างจมูกออกได้ ในกรณีคนไข้สูงวัย ข้อเสีย : บางที่แจ้งว่าเปิดหัวตา แต่กลับไม่ได้ใช้เทคนิคการเปิดหัวตาโดยตรง แค่ทำให้เกิดรอยแผลมาถึงหัวตาเท่านั้น ซึ่งมักจะทำให้เกิดปัญหาที่ต้องแก้ไขโดยการผ่าตัดซ้ำ และแก้ไขตาสองชั้นมักทำได้ยากกว่าการทำตาในรอบแรก คนไข้ที่ต้องการเปิดหัวตา จึงควรทำกับแพทย์ผู้ชำนาญด้านการทำตาสองชั้นโดยตรง และควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจทำ เคสที่มีลักษณะตาชั้นเดียว ตาหลบใน หัวตาปิด หลังจากทำตาสองชั้น พร้อมเปิดหัวตาเทคนิคหมอรวงข้าว ทำให้ตากลมโตและเรียวยาวขึ้น ชั้นตาคมชัดและเป็นธรรมชาติ ไม่ดูหลอกตา เหมาะกับใคร : 1. คนที่มีทรงดวงตาด้านหัวตาดูงุ้มลง 2. คนที่มีเนื้อคลุมด้านหัวตามาก 3. คนที่มีดวงตาดูไม่หวาน ดวงตาดูดุ 4. คนที่มีดวงตาดูห่าง 5. คนที่มีปัญหาตาดูเขเข้า 4. การทำตาสองชั้นร่วมกับการดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ คนที่ต้องการทำตาสองชั้นบางราย อาจมีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ที่ทำให้ลืมตาได้ไม่เต็มที่ และมีลักษณะเบ้าตาลึกกว่าปกติ ทำให้ดูง่วงนอนตลอดเวลา และอาจทำให้ตาไม่เท่ากัน หากทำตาสองชั้นโดยไม่มีการแก้ไขปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ร่วมด้วย มักเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง เช่น หนังตาตก ตาไม่เท่ากัน ชั้นตาซ้อนกันเป็นตาสามชั้น เป็นต้น ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการทำตาสองชั้นร่วมกับการดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ ที่เป็นการผ่าตัดลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มระดับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ใช้ยกเปลือกตา แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ร่วมกับการทำตาสองชั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อดี : 1. หลังทำจะช่วยให้ดวงตาเปิดได้ดีขึ้น ตาดูสดใสขึ้น 2. ช่วยปรับระดับการเปิดตาให้พอดี และเท่ากันทั้งสองข้าง ทำให้ดวงตาเท่ากัน 3. ชั้นตาโค้งสวยตามแนวขอบตา ชั้นตาคมชัด ไม่มีหนังตาเกิน ตาไม่ปรือ ตาไม่ตกซ้ำ 4. ไม่มีปัญหาชั้นตาซ้อนกันเป็นตาสามชั้น 5. แผลผ่าตัดดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ที่เกิดขึ้นเป็นแผลเดียวกับการทำตาสองชั้น ข้อเสีย : หากดึงกล้ามเนื้อตาด้วยเทคนิคที่ไม่ดีพอหรือไม่มีความชำนาญ อาจส่งผลเสียตามมามากมาย 1. กล้ามเนื้อตาเปิดไม่เท่ากัน 2. ตาเบิ่งมากเกินไป อาจจะต้องมีการผ่าตัดซ้ำหลายครั้ง 3. ขอบตาดูไม่เรียบไม่โค้งสวยงาม ชั้นตาไม่เป็นชั้นที่โค้งสวยตามรูปตา 4. เหลือหนังตาส่วนเกิน เคสที่ตาไม่เท่ากัน จากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ตาดูอิดโรย หลังจากทำตาสองชั้น พร้อมดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์เทคนิคหมอรวงข้าว ทำให้ตาเท่ากัน ชั้นตาชัดเจน รักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอย่างตรงจุด เหมาะกับใคร : 1. คนที่มีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ตาปรือ หนังตาตก 2. คนที่ตาไม่เท่ากันจากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง 3. คนที่เบ้าตาลึกจากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง 4. คนที่ทำตามาแล้ว มีปัญหาตาสามชั้น ชั้นตาหนาหรือใหญ่เกินไป ตาตก ตาปรือ สามารถแก้ตา ร่วมกับการดึงกล้ามเนื้อตาลีีเวเตอร์ เพื่อให้ได้ชั้นตาที่สวยงามขึ้นได้ 5. การทำตาสองชั้นร่วมกับการเติมไขมัน การทำตาสองชั้นร่วมกับการเติมไขมัน แก้ปัญหาเบ้าตาลึก หรือชั้นตาสูง เป็นการนำไขมันจากบริเวณหน้าท้อง โดยเปิดแผลประมาณ 2 เซนติเมตร นำมาจัดเรียงในบริเวณเบ้าตาที่ลึกและเย็บชั้นตาให้เป็นตาสองชั้นที่สวยงาม ข้อดี : 1. แก้ปัญหาเบ้าตาลึก ชั้นตาสูงอย่างได้ผล 2. ไขมันคงรูป อยู่ได้ถาวร ไม่ต้องกลับมาเติมซ้ำ 3. ผิวเปลือกตาบริเวณที่เติมไขมันจะเนียนเรียบ 4. ไขมันไม่ไหล ไม่จับตัวเป็นก้อนแข็ง ดูเป็นธรรมชาติ 5. ทำร่วมกับการผ่าตัดแก้ไขปัญหาตาอื่น เช่น ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ได้ดี ข้อเสีย : ต้องผ่าตัด 2 ตำแหน่งของร่างกาย คือเปลือกตาและบริเวณหน้าท้อง ทำให้ต้องดูแลตัวเองมากกว่าการทำตาสองชั้นตามปกติ เคสเบ้าตาลึกและมีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ตาปรือ ดูอิดโรย ไม่สดใส หลังจากทำตาสองชั้นร่วมกับการเติมไขมัน พร้อมดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ และเปิดหัวตาเทคนิคหมอรวงข้าว ช่วยแก้เบ้าตาลึกและรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอย่างตรงจุด ทำให้ได้ตาสองชั้นชัดเจน ตาไม่ปรือ เบ้าตาไม่ลึก ตาดูกลมโตและเรียวยาว ดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะกับใคร : 1. คนที่มีลักษณะเบ้าตาลึก จนเห็นร่องลึกระหว่างเปลือกตากับคิ้ว ทำให้ดูอิดโรยและดูอายุ 2. ทำตาสองชั้นแล้ว ชั้นตาสูงและลึก จนดูไม่เป็นธรรมชาติ หลังทำจะช่วยลดขนาดชั้นตาให้ดูเป็นธรรมชาติขึ้นได้ เคล็ดลับการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด หากตัดสินใจทำตาสองชั้นแล้ว ควรเตรียมตัวก่อนผ่าตัดให้ดีีตามคำแนะนำของแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ผลลัพธ์หลังผ่าตัดออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจมากที่สุด 1. งดสูบบุหรี่ล่วงหน้าก่อนผ่าตัดประมาณ 2 สัปดาห์ 2. ทำใจให้สบาย อาจออกกำลังกาย หรือหากิจกรรมทำ เพื่อลดความเครียด 3. นอนหลับให้เต็มที่ 4. เลือกรับประทานอาหารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการซ่อมแซมผิว เช่น เนื้อปลา วิตามิน A วิตามิน C วิตามิน E และสังกะสี เป็นต้น และรับประทานผักผลไม้อย่างสม่ำเสมอ เพราะผักผลไม้มีส่วนช่วยลดอาการอักเสบหลังผ่าตัดได้ การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด ไม่ใช่แค่การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเท่านั้น แต่การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด ก็มีผลต่อการเข้าที่่ของแผลผ่าตัด และความสวยงามของตาสองชั้นเช่นกัน ซึ่งคนไข้สามารถดูแลตัวเองได้ตามคำแนะนำดังนี้ 1. ประคบเย็นให้บ่อยที่สุด ในช่วง 3 วันหลังผ่าตัด 2. นอนหนุนหมอนสูงใน 2 วันหลังผ่าตัด 3. หลีกเลี่ยงการก้มต่ำ เบ่งหรือจาอย่างรุนแรง 4. ทาขี้ผึ้งบริเวณแผลผ่าตัด 5. รับประทานยาที่แพทย์จัดให้ครบ 6. ก่อนตัดไหม ระวังแผลโดนน้ำ หรือโดนความมัน 7. หลีกเลี่ยงรับประทานของหมักดอง อาหารทะเล ไก่ ไข่ กะปิ ปลาร้า ในช่วง 3สัปดาห์หลังผ่าตัด 8. เริ่มประคบอุ่นในวันที่ 6 หลังผ่าตัด อย่างไรก็ดี คนที่สนใจทำตาสองชั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำตา เพื่อที่จะได้ทราบปัญหาตาของตนเองและรับฟังคำแนะนำในการแก้ปัญหาตาอย่างตรงจุดจากแพทย์ผู้ทำตาสองชั้นโดยตรง เพื่อผลลัพธ์ของการทำตาสองชั้นที่ดีและตรงใจมากที่สุด ดูรูปเพิ่มเติมและอ่านบทความจัดเต็มได้ที่ https://www.lovelyeyeclinic.com/ |