ThaiSEOBoard.com

(http://www.chillrich.com/wp-content/uploads/2015/08/Shoppers_on_Dundas_near_Yonge1.jpg)

เนื่องจากผมเริ่มต้นมาจากสายการขายสินค้าประเภทตามกระแสนิยม ดังนั้นผมจะขอแชร์แนวทางที่ผมใช้กับสินค้าประเภทนี้นะครับ


ส่วนมากแล้วผมไม่ได้เลือกสินค้าจากความชอบของตัวผมเองเท่าไหร่ครับ (อาจจะมีบ้างแต่คิดเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับปัจจัยตัวอื่นๆ)

ผมมักจะเลือกจาก “กลุ่มลูกค้า” ที่อยากขายก่อน ว่าครั้งนี้ผมอยากจะลองเจาะกลุ่มระดับไหนก่อนดี วัยรุ่น? วัยทำงาน? ผู้ชาย? ผู้หญิง? แม่ลูกอ่อน? คนรักหมา? ทาสแมว?

แต่การเลือกข้อมูลตรงนี้ก็เอาแค่คร่าวๆครับ ไม่ได้ลงเจาะลึกหรืออ้างอิงข้อมูลสถิติอะไร และหลายครั้งก็มักจะเป็นแค่ช่วงแวบความคิดสั้นๆในขณะที่ดูรายการข่าวโทรทัศน์เลยด้วยซ้ำ

พอเราได้เลือกกลุ่มเป้าหมายของเรามาแล้ว ทีนี้ก็มาวิเคราะห์ในลำดับต่อไป ว่าพฤติกรรมของกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นแบบไหน ช่วงเริ่มต้นก็อาจจะเลือกเป็นพวกกลุ่มวัยรุ่น (อายุระหว่าง 18-24 ปี) หรือวัยทำงานช่วงต้นๆก็ได้ครับ (อายุระหว่าง 25-34 ปี) เพราะพวกนี้จะมีกลุ่มสินค้าให้เลือกเยอะ และมีกำลังซื้อกันพอสมควร

คำว่า “วิเคราะห์พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย” ในทีนี้หมายถึงการสังเกตครับ ลองฝึกสังเกตจากกลุ่มคนรอบๆตัวเราที่อยู่ในช่วงอายุของกลุ่มเป้าหมายของเรา อาจจะอาศัยจังหว่ะตอนที่เราเดินทางไปทำงานในตอนเช้า (เมื่อก่อนตอนสมัยผมยังทำงานประจำ ผมเดินทางไปทำงานด้วยรถเมล์เป็นประจำครับ)

ตัวอย่างเช่น ถ้ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นพวกวัยรุ่น ก็อาจจะลองแอบชำเลืองดูว่าพวกน้องๆสมัยนี้ หยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดอะไรก่อน เล่นอะไรกันบ้าง เปิดอ่านเนื้อหาแบบนี้ ย้ำว่าแค่ชำเลืองแต่พองามนะครับ ฮ่าๆ

หรือถ้าเป็นกลุ่มวัยทำงาน ก็อาจจะง่ายในการสังเกตหน่อย เพราะผมเองก็มักจะดูจากในที่ทำงานเอานี่แหละครับ ทานข้าวกลางวันกันเสร็จก็นั่งก้มหน้าก้มตาจิ้มมือถือ ผมก็มักอาศัยจังหว่ะพวกนี้แหละ สังเกตดูว่าพี่ๆเขาเล่นอะไรกัน ชอบเข้าเว็บแบบไหนกันบ้าง เป็นต้น

แล้วการสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายแบบนี้ช่วยให้ข้อมูลอะไรเราได้บ้าง? การที่เราสังเกตพฤติกรรมจากสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวของเรา จะช่วยให้มองเห็นภาพสินค้าที่จะเลือกมาขายได้ง่ายขึ้นครับ อย่างเช่น ถ้าเป็นคนที่เพิ่งซื้อบ้านหรือคอนโดก็มักจะชอบดูร้านของแต่งบ้าน ถ้าใครที่เพิ่งซื้อรถก็มักจะเลือกเข้ากลุ่มคลับรถหรือพวกของแต่งรถ ถ้าใครที่เพิ่งแต่งงานก็มักจะเลือกดูสินค้าสำหรับแม่และเด็ก

นอกจากการสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายรอบๆตัวแล้ว ยังมีอีกเทคนิคนึงที่ผมทำอยู่เป็นประจำ นั่นคือเข้าเว็บขายของออนไลน์รายใหญ่ๆทั้งหลาย ทั้งของในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดูเป็นแนวทางสินค้าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างหรือเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของเราได้บ้าง

(http://www.chillrich.com/wp-content/uploads/2015/08/S__24838146-1024x764.jpg)

เว็บไซต์ขายของออนไลน์ (ประเทศไทย) ที่ผมมักจะเข้าเป็นประจำก็คือ Lazada.com, Kaidee.com , และ Tarad.com จุดประสงค์เพื่อดูเป็นแนวทางว่ากระแสตลาดตอนนี้เขากำลังเล่นสินค้าอะไรกัน แล้วตัวที่เราเล็งอยู่มีคนขายเยอะแล้วหรือยัง

ส่วนเว็บขายของออนไลน์ต่างประเทศ ผมมักจะเข้าดูเวลาที่ต้องการนำสินค้าที่ยังไม่มีใครเอาเข้ามาขาย หรือใช้มองหาแหล่งสินค้าที่จะนำเข้ามาขายในประเทศไทย ซึ่งหลักๆแล้วผมก็จะเข้าอยู่แค่สองเว็บนี้ ก็คือ ebay.com และ amazon.com

ก็หวังว่าเนื้อหาข้างต้นนี้จะพอช่วยเป็นไอเดียเริ่มต้นสำหรับการเลือกสินค้ามาขายออนไลน์ได้นะครับ



เนื้อหาถูกใจกด [Thanks] ให้ผมได้นะครับ ไม่ว่าๆ :wanwan004:

เดี๊ยวมาอ่านครับ

ขอบคุณครับผม

+1 = 277 ขอบคุณครับ

ถ้าได้กำไร 6-7 หลักเราว่าน่าสนดีคะ แต่ถ้าทุ่มทำแต่ได้ราว 5 หลักยังดูไม่ค่อยคุ้มกับระยะเวลาและแรงที่ทุ่มไป

ยังไม่ทันอ่านครับ แต่ +1 ในน้ำใจที่แบ่งปันให้ครับ

เราว่าสมัยนี้จะขายอะไรแต่ละอย่างคิดยากมาก (สำหรับคนเพิ่งเริ่มขายอ่ะนะ ไม่มีเพจ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร)
สินค้าทั่วๆไป ที่คนคิดอยากขายของออนไลน์มักจะคิดกันเป็นอันดับต้นๆ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แล้วก็ครีม
ส่วนตัวเรามองว่าครีมคนขายเยอะมาก แต่ถ้าทำตลาดติด หรือมีเทคนิคในการขาย ไม่จำเป็นต้องจ้างดาราถือครีมให้ก็รวยได้
เพราะต้นทุนครีมบางอย่างราคาหลักร้อย แต่ขายเกือบพันก็มี  :P (แต่ก็ถือเป็นค่าโปรดักซ์สินค้า ค่ากล่องสวยๆ ขวดสวยๆไปในตัว)
อันนี้คือลูกค้าที่จ้างออกแบบเล่าให้ฟังอีกทีเขาบริษัทผลิตครีมสร้างแบรนด์ครีมให้ลูกค้าหลายแบรนด์(ดีลกับโรงงานเอง)ผิดถูกไงก็ไม่แน่ใจค่ะ แฮะๆ :wanwan020:
แต่ถ้าทำแบรนด์ครีมแล้วติดตลาดได้นี่ถือว่าคุ้มจริง
ส่วนกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า ถ้าไม่มีอะไรที่โดดเด่นเอกลักษณ์ เราว่าอยู่ยาก แต่ถ้าเจาะกลุ่มลูกค้าแบบที่ จขกท บอกได้ก็อยู่รอดแน่นอน (แต่ส่วนมากมักท้อกันไปเสียก่อนอ่ะนะ :wanwan004:)
ถ้าทำให้เป็นที่โดดเด่นจะต้องตีตราแบรนด์ก็ต้องมาลงทุนเรื่องเงินสต๊อกของอีก แถมต้องส่งไปให้เนตไอดอลน่ารักใส่+ถือ คนติดตามจะได้รู้จัก (ใครมีเทคนิคใหม่ๆลองบอกกันได้นะคะ แอบอยากรู้ 55)

เข้ามาอ่านเอาแน่วทาง :wanwan016:

ผมกลัวพวกที่เลียนแบบสินค้า แล้วมาขายตัดหน้าอะสิครับ

ขอบคุณมากครับ  :wanwan017:

ทุกวันนี้จะว่าไปก็เจอตลอดนะครับ คู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาตัดราคาสินค้า แต่ผมจะแก้เกมด้วยวิธีนี้ตลอด คือ รูปถ่ายต้องทำได้ดีกว่าคู่แข่ง ต้องดูน่าเชื่อถือมากกว่า และภายในร้านต้องแบรนด์ตัวเองว่าเป็นรายใหญ่ไปเลย ที่สำคัญผมอัพราคาขึ้น ขายสูงกว่าท้องตลาดนิดหน่อย ไม่ลงไปตัดราคาด้วย สุดท้ายแล้วตลาดจะแข่งกันตัดราคาจนเละและแทบไม่มีใครอยากเข้ามาร่วมเล่นด้วย แต่ในทางกลับกัน ผมเองที่ขายแพงกว่าท้องตลาดเมื่อถึงจุดๆนึง ตอนนั้นแบรนด์ร้านของผมก็ติดตลาดไปเรียบร้อย ลูกค้าหลายคนยอมจ่ายแพงกว่า 10-20% เพราะดูน่าเชื่อถือกว่า แม้ว่าสินค้าแบบเดียวจะซื้อได้ถูกกว่าเมื่อเทียบราคากับคู่แข่งก็ตาม

 :wanwan011: :wanwan011: :wanwan011:

ผมหาสิ้นค้าแนว  คล้ายเครื่องสำอางค์ผู้หญิงครับ  แต่เป็นสำหรับผู้ชาย ใช้ ครับ อย่างเช่น แว๊กรถยนต์ อะไร ประมาณ นี้ครับ

 :wanwan021: :wanwan021: :wanwan021:

+1คับ ชอบวิธีการแก้เกมส์แบบนี้มากๆเลย ต้องจัดการให้เข็ดพวกชอบตัดราคาทั้งหลาย

โพสต์ดีขอบคุณครับผม

เยี่ยม ขอบคุณครับ

วิเคราห์ดีมากครับ

ใช่แล้วครับ  ต้องแก้เกมส์ด้วยวิธีนี้    

ของผมก็ขายราคาปกตินะ ไม่ไปขายตัดราคากับใคร  ก็ขายได้อยู่เรื่อย ๆ  มีคู่แข่งมามาย  และต้องสู้กับขาใหญ่อย่าง.....เค้าขายลดราคาที่ผมขายเป็นครึ่ง  แต่ผมก็ยังขายได้อยู่เรื่อยๆ ที่สำคัญ อดทนทำ SEO เว็บได้แล้วที่ที่ 1-2 เมื่อไหร่  มีโอกาสขายได้มาก และเรื่อย ๆ  ผมเห็นอยู่ช่วงหนึ่งเว็บคู่แข่งอื่น ๆ ผมหายไปหมด เงินลง adwords คงหมด  หัวใจสำคัญมันคือ SEO

ขอบคุณมากครับ ได้อ่านเหมือนได้ไอเดียที่ ผมมองข้ามเพิ่มเติมเลยครับ  :wanwan017:

พอได้ ไอเดียเลยครับ ขอบคุณนะครับ

ขอบคุณนะครับ   :-[

เข้ามาหาไอเดียครับ ขอบคุณ

ขอบคุณครับผม  :wanwan017:

เข้าท่าดีครับ ขอบคุณครับ  :wanwan017:

มาโปรโมทที่เว็บผมได้นะครับ
shoppingrd.com และ freemarketpost.com

ขอบคุรมากครับได้ไอเดียในการหาสินค้ามาขายเพิ่มเติมครับ  :wanwan017: