ThaiSEOBoard.com

หลายวันก่อนผมได้มีโอกาสคุยกับนักธุรกิจท่านหนึ่งที่่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าเฟอร์นิเจอร์ เดิมนักธุรกิจท่านนี้ใช้การออกบู๊ท ตามงานนิทรรศการสำคัญๆเพื่อเพิ่มยอดขาย หาลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี ได้กำไรจากการออกบู๊ทกลับมาแทบทุกครั้ง...

แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้ง...

โดยเฉพาะงานครั้งล่าสุดที่จัดขึ้น เรื่องมีอยู่ว่า...

ปกติแล้วงานนิทรรศการเหล่านี้เป็นที่รู้กันว่า วันธรรมดาจันทร์ถึงศุกร์คนมาเดินงานก็จะพอมีบ้าง แต่จะออกแนวเงียบเหงาซะมากกว่า จะมาพีคจริงๆคงต้องเป็นช่วงเสาร์อาทิตย์ ซึ่งในขณะที่นักธุรกิจท่านนี้ตั้งตาคอยที่จะทำยอดขายให้ทะลุทะลวง สะใจกับที่รอคอยมาหลายวัน ปรากฎว่าเริ่มเข้าปลายสัปดาห์ปุ๊บ ดันเกิดปัญหาเรื่อง พรบ นิรโทษกรรมขึ้น เหล่าผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็พร้อมใจกันออกมาชุมนุมในวันเสาร์ อาทิตย์ทันที ผลที่เกิดขึ้นก็คือ งานนิทรรศการเงียบเป็นเป่าสาก คนไปเดินงานแทบจะนับคนได้ ทำให้ต้องขาดทุนจากการออกงานนิทรรศการครั้งนี้ไป

ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการออกบ๊ทที่สูงมาก เพราะต้องใช้พื้นที่มากในการวางเฟอร์นิเจอร์เพื่อดึงดูดแขกที่มาเดินงาน เรียกว่าออกบู๊ทครั้งนึงต้องเช่าเป็น สิบๆบู๊ท รายจ่ายครั้งนึงเป็นล้านบาท พอเกิดปัญหาอย่างนี้ก็ฟาดเคราะห์ไปเต็มๆครับ

คำถามต่อไปคือ ...แล้วผู้ลงโฆษณา Google Adwords ได้รับผลกระทบหรือไม่

คำตอบก็คือ... ได้รับผลกระทบทุกคนครับ ปริมาณการค้นหา และการเข้าเว็บไซต์ทุกคนตกลงค่อนข้างชัดเจนพอสมควร เหตุผลก็เพราะคนมีเวลานั่งอยู่หน้าคอม และสนใจซื้อของน้อยลงนั่นเอง

แต่สำหรับ Google Adwords นั้น ถ้าคนเข้าเว็บคุณลดลง หมายความว่าค่าใช้จ่ายคุณก็จะลดลงตามไปด้วย เพราะเก็บเงินเป็นค่าคลิกตามจริง หรือแม้กระทั่งใครอยากจะหยุดบริษัทเพื่อออกไปแสดงสิทธิ์กัน ก็สามารถหยุดโฆษณาเพื่อประหยัดงบประมาณในช่วงเวลานี้ได้เลยด้วยซ้ำ

และที่น่าแปลกกว่านั้นคือ ปริมาณคนเข้าเว็บที่ลดลงนี้ เมื่อผมสอบถามกับลูกค้าของเราหลายๆเจ้าพบว่า ยอดขายไม่ได้ลดลงซักเท่าไหร่ แทบจะพอๆกับเดิม ผมจึงสันนิษฐานได้ว่า คนที่มาหาซื้อของใน Google ช่วงนี้ อาจจะเป็นคนที่ต้องการของจริงๆ หรือรีบใช้เท่านั้นก็ได้ครับ

เพื่อนๆที่ค้าขายออนไลน์ได้รับผลกระทบกันอย่างไรบ้าง แชร์กันได้นะครับ ^^

สุดยอดมากครับ เป็นข้อมูลที่้ป็นประโยชน์มาก  :wanwan017:

การตลาด ออฟไลน์ กับ ออนไลน์ มันคนละแบบกันครับ  ผมว่า ออฟไลน์ดีกว่า ไอ้ google นะ ถ้าทำดีๆ เช่น จ้าง เชลล์ นะ ไปติดต่อตามร้านที่ขายสินค้าเกี่ยวกับของเรา เช่นเพื่อนผมทำร้านขายอาหารสุนัข cp เขาก็ใช้ เชลล์ นะไปติดต่อขายสินค้าเขาทั่วประเทศ ไม่ต้องพึ่งไอ้ google เลย รายได้ระดับหมื่นๆล้าน  ผมกำลังวางแผนด้วย จ้างเชลล์เนี่ย เพราะไไม่กล้าไปพูดเอง 555  ไอ้ google พึ่งมันไม่ค่อยได้หรอก เดี๋ยวมันอารมณ์ไม่ดีมันแบนเว็บเราจบเลย     adword คุณว่า บิด 1 บาท 2 บาท ได้มะ  :P ไม่ได้ครับ มันให้บิด 5-10 ละ คีเวิดไม่มีคู่แข่งด้วย  :wanwan010:

ยังไงมันก็ต้องทำคู่กัน

ในทางกลับกัน Google Adwords คนเข้าเว็บเยอะขึ้นก็มีค่าใช้จ่ายเยอะขึ้นนะครับ ส่วนออฟไลน์จ่ายเท่าเดิม

และมีหลายๆคนที่ไม่ได้อยุ่หน้า google หรือเปิดเว็บบ่อยนัก สินค้าบางอย่างไม่เหมาะกับออนไลน์ ตรงนี้วัดกันอยากจริงๆครับ

เพราะทุกวันนี้ก็มีคนออกบู๊ทเยอะแยะ แย่งกันออกเลยด้วยซ้ำ

เหตุผลหลักๆอาจไม่ใช่กำไรในวันออกบู๊ทแต่อาจเป็นการสร้างความรู้จักกับลูกค้า สามารถเอาสินค้าไปให้ลูกค้าชิม ลูกค้าจับดูได้

ท้ายที่สุดทุกอย่างก็ดีทั้งหมดครั อยู่ที่คุณจะเข้าใจกลุ่มลูกค้าและธุรกิจคุณแค่ไหน

หลายๆคำผมบิดอยู่ 80 สตางค์ก็มีนะครับ ถ้าไม่มีคู่แข่งแล้วบิดแพงขนาดนั้น ให้ดู Quality Score ดีๆครับ

จริงนะครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ

Adwords เป็นการกำหนดกลุ่มเป้าหมายด้วย Keyword นั้น ทำให้การลงโฆษณามีความแม่นยำมาก ชอบตรงนี้

อยู่ที่วิธีการ ครับ

ผมว่าสินค้าแต่ละชนิดก็แตกต่างกันครับ
ไม่ใช่ว่าใครๆก็ทำออกไลน์ได้ทุกคน

ใช่ครับ ผมก็คิดแบบนี้ สินค้าทุกอย่างบางครั้งก็ไม่เหมาะกับออนไลน์

ใครได้รับผลกระทบหรือความเสียหาย จากการชุมนุม ให้ไปเบิกค่าใช้จ่ายได้ที่ พี่เทือก... :-X

ได้รับผลกระทบ ครับ  :'(

ได้รับผลกระทบหมดทุกคนหละครับ  :wanwan031:

 :wanwan009:

ผมคิดว่าบางครั้งการที่ศึกษาหลายอย่างอาจทำให้รายจ่ายสูงไปด้วยเพราะไปทดลองด้านต่างๆ

งานบางอย่างอาจใช้แค่วุฒิม.3 ม.6 อาจไม่ต้องอบรม หรือศึกษาระดับด็อกเตอร์ ปริญาโท การลงทุนน้อยนี้ทำให้มีเวลาทำงานมากขึ้น ศึกษาเรื่องนั้นๆมากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่าย เจาะจงเฉพาะเเต่เรื่องนั้นๆ ไม่เกิดความสับสนไปหลายทาง

การทำงาน เรื่องของการจัดสรรเวลา การบริหารเวลา การแบ่งเวลา การควบคุมค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องสำคัญมาก ค่าเจอคู่แข่งที่ไม่รู้จักแบ่งเวลา ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สุรุ่ย สุร่าย แบบนี้คงสบายเลย แต่ตรงข้าม ถ้าเจอคู่แข่งที่ใช้งบประมาณทำเว็บต่ำสุดๆ คนน้อยสุด บริหารเวลาได้ดี ทำงานเป็นระบบ อันนี้จะหินมากๆ โดยเฉพาะถ้าเราเกิดทีหลังเค้า

 :P :-X :wanwan022: :wanwan012:

ได้แนวความคิดอีกแบบครับ พอดีผมดูแลฝ่ายโฆษณาของบริษัทอยู่

เป็นผมจะเน้นไปที่ ออกบู๊ท เป็นหลัก Google ลองลงมาและ Facebook ครับ เพราะออกบู๊ท สินค้าจับต้องได้ครับ ลูกค้าเชื่อมั่นและพึ่งพอใจกับสินค้านั่นๆ มากกว่า Google ครับผม
ตามความคิดผมนะ เพราะหากเป็นออนไลน์แล้ว สินค้าลูกค้าเห็นแค่ในรูปสินค้าตัวจริงเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่หากออฟไลน์สินค้าได้จับต้องได้ดูสินค้าตามที่ต้องการได้ ผมจึงคิดว่าออฟไลน์ขายได้ง่ายกว่าและเพิ่มรายได้ ได้ไวกว่าครับ
 :wanwan017:

อยู่ที่ประเภทสินค้า กับกลุ่มเป้าหมายนะครับ ผมว่ามันมีทั้งดีและไม่ดีกับสินค้าที่แตกต่างกัน

น่าจะอยู่ที่กลุมลูกค้าของเรามากกว่า ลูกค้าแต่ละกลุ่มเทคนิคน่าจะต่างกันนะ