| หัวข้อ: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: klab ที่ 13 มีนาคม 2008, 22:06:29 เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก ให้คนที่เขียนอังกฤษได้ช่วยเขยีให้หน่อยครับว่ารูปนี้เป็นที่เคารพบูชาของเราไม่อยากให้ทำแบบนี้อ่ะครับ หรือเอาแบบสละสลยวกว่านี้ก็ดีครับ ช่วยกันหน่อยนะครับ ศาสนาของเราครับ >:( หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: journey ที่ 15 มีนาคม 2008, 16:40:00 อย่าโกรธแทนนะ  ไม่งั้นเราจะบาปเพราะความโกรธ  เค้าจะทำอะไรก็้เรื่องของเค้า เราควรวางเฉย ไม่โกรธแทนนะ :) :) หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: klab ที่ 15 มีนาคม 2008, 16:42:25 ไมได้โกรธครับแค่อยากบอกให้เขามราบเอาไว้ครับ ถ้าเราเอา เยซูมาเขาคงไม่ยอมเหมือนกันแหละครับ แค่อยากบอกครับ ::) หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: journey ที่ 15 มีนาคม 2008, 16:45:27 เห็นพระทําผิด คิดอย่างไรจึงไม่บาปแต่ได้บุญ เป็นบทสนทนา....ถาม-ตอบ ระหว่างผู้เห็น(คือตัวเรา)กับพระสงฆ์ ทุกวันนี้มีเสียงบ่นกันมากเกี่ยวกับปัญหาเรื่องพระประพฤติผิดพระธรรมวินัย เสียงโพนทนาว่ากล่าวเหล่านี้เราสามารถได้ยินทั่วไปทุกหนแห่ง แม้แต่ในกระดานข่าวอินเทอร์เน็ต ก็มีกระทู้บ่นถึงพระประพฤติผิดพระธรรมวินัยให้เห็นอยู่เป็นประจำ อาทิเช่น ปัญหาพระชอบเข้าไปในสถานที่ไม่เหมาะสม (เช่นห้างพันธ์ทิพย์) พระใช้อินเทอร์เน็ตไปในทางที่ไม่สมควร เป็นต้น มีบางท่านได้เกิดความสงสัยว่า การที่เราพบเห็นพระประพฤติผิดพระธรรมวินัยแล้ว เราคิดไม่พอใจ หรือ ขุ่นเคืองใจในตัวพระผู้ประพฤติผิดนั้น มันจะเป็นบาปหรือไม่ บางท่านก็ถามว่าเราจะควรโกรธเกลียดพระที่หลอกลวงประชาชน หรือที่เข้ามาบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาหรือไม่ เป็นต้น เครือข่ายชาวพุทธฯ เห็นว่าปัญหานี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อย สมควรที่จะนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องวิธีปฏิบัติต่อพระที่ทำผิดพระธรรมวินัยมานำเสนอ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อชาวพุทธทั่วไป ในการนี้เราได้เขียนเป็นบทสนทนา ทั้งนี้เพื่อสร้างบรรยากาศให้มีความเป็นกันเอง และ ชวนให้ผู้อ่านได้ใช้ความคิดให้มากขึ้น อันเป็นกระบวนการเรียนรู้ตามหลักพุทธศาสนา ขอเชิญท่านติดตามได้ ณ บัดนี้ ถาม : ถามจริง ๆ นะ เวลาเราเจอพระทำไม่ดี แล้วเราคิดรังเกียจ สะอิดสะเอียนเนี่ย มันจะบาปมั๊ย? ตอบ : บาปหรือไม่บาปให้ดูตรงไปที่ ใจของเรา คือให้ดูว่าจิตใจของเรามันขุ่นมัว หรือไม่สบายใจหรือเปล่า คือ ถ้าเราเห็นพระปฏิบัติไม่ดีแล้ว จิตใจของเราหดหู่ขุ่นมัว หรือ ร้อนรุ่ม ก็แสดงว่าในขณะนั้นได้เกิดอกุศล (บาป) ขึ้นในจิตใจของเราแล้ว ถาม : เห็นบางคนถึงกับด่าพระด้วย อ่านเจอในอินเทอร์เน็ตบ่อย ๆ แต่พระก็ทำไม่ดีจริง ๆ นะ หลอกลวง ประชาชนก็มี ต้มตุ๋นก็มี บางกลุ่มรวมหัวกันเป็นแก๊งเลย? ตอบ : กรณีนี้มันเป็นเรื่องน่าเห็นใจ เพราะเป็นปฏิกริยาของสังคมที่มีต่อบุคคลเหล่านี้ แต่ทีนี้เราต้องยอมรับว่า ลำพังการพูดบ่นหรือด่าว่าอย่างเดียว คงไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาอะไรได้ มันก็แค่เพียงการระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจไปวัน ๆ เท่านั้นเอง คงไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์อะไรดีขึ้นมาได้ ถาม : ในพระไตรปิฎกมีคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือเปล่าว่าจะควรจะคิดอย่างไรกับพระที่ทำตัวไม่ดี? ตอบ : ท่านวางหลักง่าย ๆ ว่า จะคิด พูด ทำอะไรกับพระก็ให้ประกอบไปด้วยเมตตา อันนี้ครอบคลุมไปหมดเลย หมายความว่าถ้าเห็นพระทำผิด ก็ให้คิดมองเห็นด้วยความเมตตากรุณา แต่ทว่าต้องคิดต่อไปถึงการแก้ไขปัญหาด้วยนะ ไม่ใช่เมตตาแบบเห็นใจแต่ไม่ยอมแก้ไขปัญหา ถาม : ไหนลองยกตัวอย่าง สมมติว่า ไปเจอะพระเดินเรี่ยไรเงินทองญาติโยมตามบ้าน น่ารังเกียจมาก เราจะคิด อย่างไรจิตใจถึงจะเป็นกุศล (บุญ)? ตอบ :ให้คิดด้วยความเมตตากรุณาก่อนเลย โดยอาจจะคิดว่า " โอ้..! น่าเวทนาสงสารพระรูปนี้จัง ท่านไม่รู้วินัย จึงได้มาเที่ยวเดินเรี่ยไรเงินทองรบกวนญาติโยมเช่นนี้ ตัวท่านเองคงต้องได้รับผลจากการกระทำของท่านเอง จิตใจคงเศร้าหมองไปไม่น้อย นี่แหละหนา บวชเรียนเข้ามาแต่ไม่ได้รับการศึกษา ผลเลยออกมาเป็นเช่นนี้ " นี้คิดขั้นแรกให้เกิดความเมตตากรุณาเสียก่อน จากนั้นก็ให้คิดต่อเพื่อเกิดเป็นพลังสร้างสรรค์ เช่น เราอาจจะคิดต่อไปว่า " ปรากฏการณ์ที่เห็นนี้มันเป็นเครื่องส่งสัญญาณบอกเหตุเตือนเราว่า ถึงเวลาแล้วที่ชาวพุทธทั้งหลายต้องมาช่วยกันฟื้นฟูพุทธศาสนา คือต้องมาร่วมด้วยช่วยกันทำอะไรสักอย่างเพื่อให้สถาบันสงฆ์ดีขึ้น ทางพระเองท่านคงแก้ไขปัญหาฝ่ายเดียวไม่ไหวแล้ว พวกเราเหล่าฆราวาสนี้แหละที่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือท่าน " เห็นไหมคิดแบบนี้มันจะเกิดกำลังใจขึ้นมาทันที ไม่เห็นต้องไปท้อใจ หรือ สลดใจอะไรเลย การคิดแบบนี้ มันก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี คือทำให้เกิดการร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหา ถาม : บางคนเห็นพระบวชเข้ามาทำพุทธศาสนาเสื่อมแล้ว ถึงกับท้อใจอยากเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นก็มี ตอบ : อันนี้คล้าย ๆ กับว่าเราเห็นคนมาเผาบ้านของเราแล้วแทนที่จะคิดช่วยกันจับคนเผาบ้านแล้วดับไฟ แต่นี่กลับคิดวิ่งหนีเพื่อหวังที่จะไปขออาศัยบ้านของคนอื่น อันนี้เท่ากับเป็นการฟ้องว่าตัวเองเป็นคนชอบหนีปัญหา ถาม : อยากจะถามว่าในยามที่เราได้พบเห็นพระทั่วๆไปตามสถานที่ต่างๆ เราควรจะคิดอย่างไรจึงจะได้บุญ ตอบ : เมื่อพบเห็นพระทั่ว ๆ ไป ให้คิดด้วยความเมตตากรุณา เห็นอกเห็นใจท่าน คือเราต้องยอมรับว่า ในยุคปัจจุบันสถานะของพระตกต่ำไปมาก ผิดกับในยุคสมัยอดีตที่ท่านเคยเป็นผู้นำสติปัญญาของคนทุกชนชั้นมาก่อน คือในสมัยก่อนนับตั้งแต่พระราชายันยาจก ทุกคนเป็นลูกศิษย์พระหมดเลย แต่ปัจจุบันนี้พระกลับกลายเป็นตัวแทนของผู้ไร้การศึกษา หรือ ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา ใครพบเห็นก็อดที่จะรู้สึกดูหมิ่นดูแคลนไม่ได้ (พระไม่ต้องถึงกับทำผิด ฆราวาสก็นึกดูหมิ่นในใจอยู่แล้ว) ดังนั้นเวลาเราพบเห็นพระที่ไหน ให้เราคิดเมตตากรุณาเห็นอกเห็นใจท่านก่อนเลย เช่นอาจจะคิดว่า " โถ.. ท่านเคยเป็นผู้นำของสังคมมาก่อน แต่มาบัดนี้สังคมได้ทอดทิ้งท่านให้กลายเป็น ส่วนเกินของสังคมไปแล้วหรือนี่ " เมื่อคิดด้วยเมตตาแล้ว ก็ควรจะคิดปลุกใจของตนเองต่อไปว่า " ทำอย่างไรหนอ..จึงจะช่วยสนับสนุนให้ท่านได้รับการศึกษาที่เป็นเลิศ เพื่อให้ท่านได้กลับมาเป็นผู้นำทางสติปัญญาของสังคมอีกครั้งหนึ่ง สังคมไทยของเราจะได้ไปรอด ฯลฯ " ถาม : คิดทุกครั้งที่ได้พบเห็นพระใช่หรือเปล่า? ไม่คิดไม่ได้หรือ? ตอบ : ถ้าไม่คิด ความเข้าใจเก่า ๆ จะทำให้เรามองท่านผิดไป ทำให้เราไม่สบายใจเมื่อพบเห็นท่าน ..แต่ถ้าคิดอย่างที่แนะนำนี้ จิตจะเกิดบุญกุศลทุกขั้นตอน ลองลำดับดูนะ คิดขั้นที่หนึ่ง เมตตากรุณามาก่อนเลย คิดขั้นที่สอง คิดให้เกิดความตื่นตัวรับผิดชอบ (ไม่ประมาท) เกิดธรรมฉันทะ (ใฝ่ดี) เกิดวิริยะ (ความเพียรสู้) เกิดปัญญา (คิดหาหนทางแก้ไข) จะเห็นได้ว่าสภาพจิตแต่ละขณะเป็นกุศลทั้งนั้นเลย การคิดเช่นนี้นอกจากจะเป็น คุณต่อตัวผู้คิดเองแล้ว ยังเป็นคุณต่อพระพุทธศาสนาอีกด้วย ถาม : แล้วอย่างในกรณีพระที่ประพฤติผิดเลวทรามถึงขั้นทำลายพระพุทธศาสนา เราจะคิดอย่างไรกับพระเหล่านี้ พวกนี้แย่มากนะ มันอดโกรธไม่ไหวเหมือนกัน ตอบ : ก็ยังคงถือหลักที่พระพุทธองค์วางไว้ให้นั้นเอง คือตราบใดที่บุคคลนั้นยังครองผ้ากาสาวพัสตร์ ก็ควรมีสติคิด ให้เกิดเป็นความเมตตากรุณาให้ได้ ไม่ว่าเขาจะมีความร้ายกาจสักเพียงใดก็ตาม เช่นเราอาจจะคิดเวทนาสงสาร ที่เขาทำตัวประดุจโจรร้ายเที่ยวหลอกลวงมหาชน คติภายหน้าคงไม่พ้นอบายภูมิเป็นแน่ ถึงแม้ปัจจุบัน ชีวิตของเขาแม้ดูอย่างผิวเผินอาจจะเสมือนว่ามีความสุขจากทรัพย์สินเงินทองที่หลอกลวงมาได้ แต่ทว่าความเป็นจริงแล้วภายในจิตใจของเขามีแต่ความร้อนรุ่ม กินแหนงแคลงใจตัวเองไปตลอดทิวาราตรี คิดให้ได้แบบนี้ จิตใจก็จะเกิดความรู้สึกกรุณา ไม่ได้โกรธ หรือ เกลียดชังอะไร จากนั้นจึงค่อยคิด หนทางช่วยกันแก้ไขปัญหาต่อไปดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ถาม : อยากให้สรุปวิธีคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระอีกครั้ง ตอบ : ๑. พบเห็นพระทั่วไปให้คิดเห็นอกเห็นใจที่ท่านด้อยโอกาส แล้วคิดช่วยเหลือท่านให้ได้รับการศึกษาที่ดี ๒.พบเห็นพระทำผิดให้คิดสงสารที่ท่านไม่ได้รับการศึกษา ผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้ แล้วคิดช่วยกันแก้ไข ๓.ได้ทราบข่าวพระหลอกลวงประชาชน จาบจ้วงพระธรรมวินัย ให้คิดเวทนาสงสารที่บุคคลเหล่านี้ ว่าต้องตกอยู่ในความร้อนรุ่ม อยู่ไม่เป็นสุขไปตลอดกาลนาน แล้วคิดช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา สรุปคือ คิดให้เกิดความเมตตากรุณา และ คิดรับผิดชอบแก้ไขปัญหา นี้คือวิธีคิดของชาวพุทธรุ่นใหม่ยุคไอทีที่ควรมีต่อพระภิกษุสงฆ์ในยุคปัจจุบัน หากเราทำได้พุทธศาสนาของเราก็จะได้พระภิกษุสงฆ์กลับเป็นผู้นำทางสติปัญญาเช่นเดิม พุทธศาสนาก็จะดำรงอยู่สืบต่อไปด้วยความร่วมแรงร่วมใจของพวกเราฆราวาสชาวพุทธนี่เอง หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: journey ที่ 15 มีนาคม 2008, 16:47:30 ระมัดระวัง ทำใจเป็นกลาง คิดเมตตาสงสาร ไม่ว่าจะเป็นพระที่ผิดพระวินัย หรือคนอื่นที่ลบหลู่ดูหมิ่น   :) หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: iampum ที่ 15 มีนาคม 2008, 16:48:28 ผมไม่เก่งภาษาปะกิด คงช่วยบ่ได้ ถ้าเป็นภาษาลาว ค่อยปรึกษาผม หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: journey ที่ 15 มีนาคม 2008, 16:50:53 ปล่อยเค้าไปเถอะ เค้าจะทำอะไรก้เรื่องของเค้า เราห้ามไม่ได้หรอก ไม่คนนี้ ก็ต้องมีคนอื่นอีก  รักษาใจตัวเองไม่ให้โกรธแทนก็พอ หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: [email protected] ที่ 15 มีนาคม 2008, 17:03:22 เห็นด้วยคับคุณ journey ทุกกรณีครับ  คุณ journey...เล่น MSN ไหมครับ...ผมอยากจะสนทนาด้วยอย่างยิ่ง... หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: wear428 ที่ 15 มีนาคม 2008, 17:05:31 ขอบคุณที่มาสอนธรรมะดีๆ นะครับ ผมว่าไม่จำเป็นที่จะต้องดิคกับพระอย่างเดียวนะครับ กับบุคคลที่เราไม่ชอบถ้าคิดได้เราก็เป็นสุขแล้วครับ ........ :) หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: journey ที่ 15 มีนาคม 2008, 17:10:03 ไหนๆ ก็ไหน วันนี้ไปทำสังฆทานมา ผู้ร่วมงานเป็นร้อย บุญทั้งหมดที่ทำในวันนี้ไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล ภาวนา และบุญที่รับการแบ่งมาจากทุกคนที่ร่วมงาน ข้าพเจ้าขอแบ่งให้กับท่านทั้งหลายที่ได้อ่านข้อความนี้และมีจิตอนุโมทนาบุญ ขอให้ท่านที่ได้อ่าน้ข้อความนี้และมีจิตอนุโมทนาบุญ จงได้รับบุญของข้าพเจ้าด้วยเทอญ :) :) หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: wikandagay ที่ 15 มีนาคม 2008, 18:03:45 ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ  สาธุ หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: visavavit ที่ 15 มีนาคม 2008, 18:45:20 สาธุ แต่หลายสิ่งมีองค์ประกอบ ทำใจให้สงบ พิจารณาดูว่าถูกหรือผิด พิจารณาว่าควรหรือมิควร ผมว่าถ้าเราส่งไปบอกเค้าดีๆว่า มันไม่เหมาะสม ก็ย่อมเกิดผลดี ถ้าใจเรายังไม่โกรธ กระทำการด้วยสติ " Dear Sir , After I saw that you have place your own face instead of buddha image , I think that isn't appropriate , so would you mind removing it please ? Best Regards , Name " แบบนี้เค้าก็เข้าใจแล้วครับ หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: ฉันไม่มีตัวตน ที่ 15 มีนาคม 2008, 20:01:58 เราแค่แจ้งไปฝ่ายที่รับผิดชอบในไทยตรวจก็พอครับ บางทีอาจจะเป็นพวกมือที่3 หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: ก้ามปู ที่ 15 มีนาคม 2008, 20:47:41 อย่างที่คุณ  journey พูดนั่นแหละ จริงๆมันก็ควรวางเฉยไว้ จิตใจเราจะได้ไม่ขุ่นมัว แต่เป็นไงไม่รู้ ศรัทธาของผมต่อพระพุทธศาสนานับวันจะลดน้อยลงทุกที เหตุการณ์มันเริ่มมาจาก ที่พระออกมาดวยวายโมโหที่ศิลปินเขียนภาพออกมา แล้วลูกศิษย์ลูกหาก็ออกมาโวยวาย จนลืมเรื่องนึงไปซึ่งเป็นหลักทางพระพุทธศาสนาที่สอนมาตลอดให้พยายามละเรื่อง โทษะ และ โมหะ จนผมมองว่าบางคนไม่ได้เลื่อมใส แต่กลายเป็นนับถือ กลายๆไปเป็นความลุ่มหลง ซึ่งจริงๆเราควรตระหนักไว้ว่ามีหลักธรรมเรื่อง อสังขาร ซึ่งทั้งพระและเครือข่ายชาวพุทธเองน่าจะได้เรียนรู้และซึมซับเข้าไป ผมอยากชี้ให้เห็น วว่า ผ้าเหลืองนั้นเป็นเพียงสิ่งสมมุติขึ้นมา ไม่ว่าจะฟ้าเหลือกี่ผืนก็ไรค่า หากขาดซึ่งความศรัทธา ตอนผมยังเด็กผมได้เรียนเรื่องนึงจากวิชาสังคมศึกษา เค้าบอกไว้ว่า การให้บุญหรือให้ทานหากเราหวังในสิ่งตอบแทน เราก็จะไม่มีทางได้บุญเลย ผมจะยกตัวอย่างให้อ่านกันสักเรื่อง มีนายคนนึง ไปทำบุญถวายทานบ่อยครั้ง โดยที่หวังว่าจะได้บุญได้กุศล หวังถึงโชคลาภ แต่พอเอาเข้าจริง กลับไม่มีโชคลาภมหาศาลอย่างที่เค้าคิด นายคนนั้น ก็เป็นทุกข์ อาจะคิดประมาณว่า อะไรวะก็เราทำบุญตั้งเยอะทำไมไม่เห็นโชคดีกับเค้าเลย ส่วนอีกคน ไม่เคยเข้าวัดเลย สวดมนต์ก่อนนอนก็ไม่เคย แต่ว่านานคนนี้ เห๋นคนเดือดร้อนทีไรต้องเข้าไปช่วย เพราะเค้ามีความสุขที่ได้ช่วย โดยที่ไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรตอบแทนเลย นายคนนี้สิ ถึงจะเรียกว่าได้บุญ อีกประเด็นที่ผมอยากจะพูดมากก็คือ การสวดมนต์ หรือท่องพระธรรมวินัย มีหลายคนจริงๆ ที่ท่องเป็นแต่ภาษาบาลี แต่ไม่ได้เข้าใจความหมายของมันเลย วันนึงท่องไปเป็นร้อยรอบ แบบนั้นสำหรับผมถือว่าเป็นเรื่องงมงาย เพราะเท่าที่สมองอันน้อยๆของผมที่ได้รู้มาคือ ที่พระพุทธเจ้าได้ใช้ภาบาลีเพราะที่แรกที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนานั้น มันต้องใช้ภาษาหนึ่ง (ผมเข้าใจว่าเป็นภาษาสิงหล รึเปล่าไม่รู้ ใครรู้ช่วยแจ้ง) ภาษาท้องถิ่นนั้นจึงได้ชื่อว่าเป็นภาษาบาลี แต่เอาอีท่าไหนไม่รู้ คนดันคิดว่าภาบาลีเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์ ผมเป็นคนนึงที่เลื่อมใสและศรัทธาในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา แต่กำลังเสื่อมศรัทธาต่อผู้ที่ได้รับชื่อว่าเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา ทางแก้เหรอผมไม่รู้หรอก เพราะสำหรับผมพระพุทธศาสนาไม่เคยเสื่อมครับ อุ๊ยลืมตัวบ่นตั้งนานจะมีคนอ่านมั้ยเนี่ย ;D ปล. ความเห็นของผมอาจจะเป็นอันตรายต่อบอร์ด ถ้าพี่มดเอ็กเห็นว่าไม่สมควร เชิญลบได้ตามสบายครับ ผมไม่โกรธ อิอิ หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: [email protected] ที่ 15 มีนาคม 2008, 20:48:57 อุ๊ยลืมตัวบ่นตั้งนานจะมีคนอ่านมั้ยเนี่ย  ;D มีคับ...ผมคนนึงล่ะ...แต่ขอเป็นพรุ่งนี้ล่ะกานนะ...วันนี้ได้เวลาเข้านอนแล้ว :) หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: ก้ามปู ที่ 15 มีนาคม 2008, 20:49:53 อุ๊ยลืมตัวบ่นตั้งนานจะมีคนอ่านมั้ยเนี่ย  ;D มีคับ...ผมคนนึงล่ะ...แต่ขอเป็นพรุ่งนี้ล่ะกานนะ...วันนี้ได้เวลาเข้านอนแล้ว :) ปลื้มๆๆๆ มี ว่าที่คนอ่านหนึ่งคนละ ;D หัวข้อ: Re: เมื่อกี๊เห็นมีคนเอาภาพ หน้าพระพุทธรูปมาใส่เป็นรูปตัวเอง เลยอยาก เริ่มหัวข้อโดย: klab ที่ 17 มีนาคม 2008, 20:45:08 เผลอแปบเดียวมา 2 หน้าแระ :-* |