หัวข้อ: ไม่มีสาระแต่อยากระบายครับ เริ่มหัวข้อโดย: armyconig ที่ 26 พฤศจิกายน 2010, 12:16:13 ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่ผมสนิทและรักมาก(รักแบบเพื่อนนะ) ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนที่ให้ความรักกับเพื่อนทุกคนเนี่ยเต็ม100 จริงๆ เขาคนนั้นทำให้ผมรู้จักสัญชาติญาณของมนุษย์นั่นคือความเห็นแก่ตัว ผมขอเริ่มเลยนะครับ
วันหนึ่งผมนั้นได้ออกไปทำภารกิจคือสำรวจทางเพื่อทำโครงการให้กับนักศึกษาที่จะไปจัดการสอบให้กับนักเรียนใน จ.สิงค์บุรี และในวันเดี่ยวกันนั้นเอง ที่มหาวิทยาลัยของผมนั้นได้มีการจัดกลุ่มกันตามที่อาจารย์นั้นสั่งเพื่อที่จะทำรายงานเพื่อมาพรีเซนต์หน้าห้อง กลุ่มของผมนั้นมีเพื่อนที่สนิทกัน 4 คน ชื่อ นัด วิ แพท และ ผม วิ และ นัด นั้นเป็นผู้หญิงสองคนนี้จะสนิทกัน และ ผม กับ นายแพท สนิทกันจับกันเป็นคู่และมาอยู่ด้วยกัน วันนั้นในกลุ่มมีกัน 3 คน เพราะผมได้ไปสำรวจทาง นั่นคือ วิ แพท และ ก็ นัด เขาก็ได้ถกเถียงกันเพื่อนในกลุ่มและผมปรากฏว่า ผมไม่ได้อยู่กับกลุ่มนี้ทั้งเทรม เพราะด้วยสาเหตุที่ว่าผมไม่มา และที่น่าแค้นใจที่สุดนะครับ ผมได้ไปถามกับแพท ว่าเรื่องในกลุ่มนั้นนะทำไมถึงเอาผมออก ผมที่ได้เขาบอกกับผมว่า ก็มึงไม่มาเองนิ แล้วก็เล่าบิดเบื่อนความจริงไปหมด แล้วเขาก็มาพูดกับผมว่าก็ดีแล้วนิจะได้ประสบการณ์ใหม่กับการทำงานกับกลุ่มอื่น คนๆ คนนี้ผมไม่เคยที่จะเอาเปรียบอะไรเขาเลยนะครับ ไม่เคยที่จะเห็นแก่ตัวแบบนี้เลย เพียงแค่ผมเรียนไม่เก่ง เขานั้นอยากได้คนเก่ง ๆ มาในกลุ่ม และ เขานั้นอยากได้เกรดเยอะๆ เพื่อเกียรตินิยม 3.75 แค่นั้น แต่เขาทำลายมิตรภาพของผมไป เพราะเพียงคำว่าเกียรตินิยม ผมเจ็บมากเลยนะครับ ผมไม่ดีเองละที่วันนั้นผมออกไปสำรวจทาง และผมขอถามหน่อยเถอะครับว่า ผมจะอภัยหรือไม่ให้อภัยดี ผมเรียนไม่เคยแคร์เกรดหรอกครับว่าจะเท่าไรผมอยู่กลุ่มไหนก็ได้ แต่มันเจ็บนะครับ ช่วยบอกผมหน่อยเถอะครับ หัวข้อ: Re: ไม่มีสาระแต่อยากระบายครับ เริ่มหัวข้อโดย: เก๋าลัดคุง ที่ 26 พฤศจิกายน 2010, 12:22:07 อภัย
หัวข้อ: Re: ไม่มีสาระแต่อยากระบายครับ เริ่มหัวข้อโดย: ninebookshop ที่ 26 พฤศจิกายน 2010, 12:22:16 ให้อภัยครับ
ความสุขจากการให้อภัย “ ผู้ที่อ่อนแอไม่สามารถให้อภัยใครได้ เพราะการให้อภัยได้นั้นนับเป็นความเข้มแข็งแท้จริง ” มหาตมะคานธี มาลองช่วยกันพิจารณาข้อความนี้นะครับ หากคุณให้ความรัก ความไว้วางใจ ช่วยเหลือใครสักคน แต่ภายหลังเขากลับไปคบคิดกับคนอื่นให้ร้ายคุณ พูดถึงคุณในทางที่เสียหาย จนคุณต้องได้รับความอับอาย คุณจะให้อภัยเขาคนนั้นได้ไหม ๑. ให้อภัยได้ ถ้าคนนั้นได้รับโทษอย่าสาสมเสียก่อน ๒. ให้อภัยได้ เพราะเป็นสิ่งดีที่จะให้อภัย ดังเช่นที่พ่อแม่ หรือศาสนาสั่งสอนมา ๓. ให้อภัยได้ เพราะจะช่วยให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข ๔. ให้อภัยได้ เพราะเป็นการแสดงออกของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ท่านผู้อ่านจะเลือกข้อใดที่ตรงใจท่านมากที่สุด ผมได้ลองถามนักศึกษาแพทย์ปี ๕ ที่เรียนวิชาจิตเวชศาสตร์อยู่รวม ๓๓ คน คำตอบที่ได้จากลูกศิษย์แพทย์กลุ่มนี้น่าสนใจทีเดียวครับมีตอบข้อหนึ่งอยู่ ๑๓ คน ตอบข้อสองอยู่ ๑๒ คน ตอบข้อสามอยู่ ๕ คน และตอบข้อสี่อีก ๓ คน ที่กล่าวมานี้คงไม่ถึงกับเป็นโพลสำรวจนะครับ เพียงอยากจะให้เห็นว่าคนเราแต่ละคนมีมุมมองในเรื่องการให้อภัยที่แตกต่างกัน มาก มนุษย์มีแนวโน้มในจิตใจแต่กำเนิดที่จะโต้ตอบทางลบ มากขึ้นต่อคนที่แสดงออกทางลบต่อเรา ธรรมชาตินี้เองเป็นที่มาของการแก้แค้นกันและตอบโต้กันจนไม่รู้จบสิ้น สิ่งนี้เกิดจากอะไร นอกจากมนุษย์แล้ว สิ่งมีชีวิตอื่นมีพฤติกรรมการแก้แค้นเช่นมนุษย์หรือไม่ จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พบปรากฏการณ์ของการแก้แค้น เกิดขึ้นได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชั้นสูงบางชนิดด้วย เช่น ลิงชิมแปนซี และพบต่ออีกว่า เมื่อการแก้แค้นเกิดขึ้น การกระทำนั้นมักจะมีความรุนแรงมากกว่าที่ถูกกระทำในตอนแรก จึงมีแนวโน้มให้เกิดวงจรการล้างแค้น ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราพบเห็นตัวอย่างการโต้ตอบที่รุนแรงมากมายในสงครามและประวัติศาสตร์ ของมนุษยชาติ การให้อภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยตัดและลดทอนการแก้แค้น ซึ่งมีแต่จะเพิ่มความสูญเสียทั้งสองฝ่าย พัฒนาการ ของการให้อภัยผู้อื่น เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการทางจิตใจด้วย พบว่า คนเราสามารถให้อภัยได้มากขึ้นตามอายุ คือคนในวัยสูงอายุจะให้อภัยผู้อื่นได้ง่ายกว่าคนในวัยผู้ใหญ่และมากกว่าคนใน วัยรุ่น ซึ่งน่าจะสะท้อนถึงโลกทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปในคนที่ผ่านชีวิตมานานกว่า มีความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น นอกจากนี้พัฒนาการของการให้อภัยยังมีลักษณะที่เป็นลำดับขั้นเหมือนที่มนุษย์ เรามีพัฒนาการทางร่างกาย จากคลานเป็นนั่ง จนถึงการยืนและเดินตามลำดับ คือใน ขั้นต้น การให้อภัยจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ที่กระทำผิดได้รับการล้างแค้นหรือการลงโทษอย่างสาสมเสียก่อน ขั้นกลาง คือ การให้อภัย เป็นสิ่งควรทำเนื่อง จากเป็นสิ่งที่สังคมและคำสั่งสอนของพ่อแม่หรือศาสนาสอนไว้ ในขั้นสูงคือ การให้อภัยควรทำเพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมและในขั้นสูงสุดคือเป็นการ แสดงออกของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ( Unconditional love ) ความจริงแล้วการให้อภัยกลับกลายเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อผู้ที่ให้อภัยเอง เพราะการให้อภัยคือการปลดปล่อยตนเองจากซากอดีตที่เจ็บปวดเพื่อเริ่มต้นชีวิต ใหม่ ดังที่ คอร์รี่ เทน บูม ( Corrie ten Boom ) ผู้ช่วยเหลือชาวยิวจากค่ายกักกันของนาซีได้กล่าวว่า “ การให้อภัยคือการปลดปล่อยนักโทษ และนักโทษผู้นั้นก็คือคุณนั่นเอง ” และจากประสบการณ์ตรงของเธอเองที่ได้บันทึกไว้ว่า “ ใน ท่ามกลางเหยื่อที่ถูกนาซีทำทารุณกรรมนั้น ผู้ที่สามารถสร้างชีวิตใหม่ได้ดีและสามารถดำรงชีวิตที่เป็นสุขได้คือ ผู้ที่สามารถให้อภัยต่อความเลวร้ายเหล่านั้น ” ผลดีอีกประการคือผู้ที่มักให้อภัยผู้อื่นได้ง่ายจะ มีความเป็นปฏิปักษ์น้อย ไม่หลงตัวเอง ไม่ชอบครุ่นคิดวนเวียน เป็นคนที่มีนิสัยพูดง่าย ไม่เรื่องมาก ทำให้กังวลและซึมเศร้าน้อยกว่า ป่วยเป็นโรคประสาทน้อยกว่า มีลักษณะที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นมากกว่า การให้อภัยจึงเป็นเสมือนภูมิคุ้มกันโรคทางจิต เพิ่มสุขภาพจิตที่ดีสำหรับตัวผู้ให้อภัยนั้นเอง ผมจึงอยากชวนท่านผู้อ่านได้ทบทวนไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งและตั้งใจอย่างแน่วแน่ เพื่อที่จะช่วยกันปลดปล่อยความเคืองแค้นที่ยังฝังใจ เพื่อให้จิตใจได้รับอิสรภาพและเกิดความสุขสงบทางใจ การที่จะให้อภัยแก่บุคคลผู้ที่เคยทำให้เราเจ็บปวด แม่ชีเทเรซ่าสอนว่า “ เพื่อที่จะให้อภัยใครบางคนที่ทำให้เราปวดร้าว เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่กับผู้ที่เคยทำให้เราผิดหวัง เพื่อที่จะคงความเสียสละไว้แม้เคยถูกหลอกลวง เหล่านี้แม้หากจะเจ็บปวด แต่เป็นการให้อภัยและเป็นรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว ” Secret Box • การให้อภัยเป็นเครื่องพัฒนาการของจิตใจ • การให้อภัยที่สูงที่สุดเป็นการแสดงออกของความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข • จงเริ่มด้วยการตั้งจิตที่แน่วแน่ในการให้อภัยใครบางคนที่เคยทำให้เราเจ็บปวด • การให้อภัยจะนำให้เกิดอิสรภาพและความสุขในชีวิต บทความจากนิตยสารซีเคร็ต หัวข้อ: Re: ไม่มีสาระแต่อยากระบายครับ เริ่มหัวข้อโดย: Sawat_D ที่ 26 พฤศจิกายน 2010, 12:24:19 ใจเย็นครับ มนุษย์มีหลายประเภท
สมัยผมเรียนนะ ชั่วโมงคอมพิวเตอร์ผมป๊อปมาเลยนะครับ พอวิชาอื่นเป็นหมาเลย เห้อ เข้าใจธรรมชาติครับ จะไม่ทุกข์ ^^ |