ถ้ากินปลาก้อยิ่งดีสิครับ เพราะพวกปลาจะเป็นเนื้อที่ไม่ค่อยมีไขมันเจือปน
แต่เรื่องพอ หรือ ไม่พอกับโปรตีน สังเกตุอาการได้ไม่อยากหรอกครับ คือถ้าร่างกายเราได้รับสารอาหารพวกโปรตีนที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันจะมีความอึดมากกว่าปกติ ภูมิคุ้มกันจะดีขึ้น เหมือนย่างที่เพื่อนๆหลายคนบอกว่ากินแล้ว นั่งทำงานได้นานขึ้น
แต่ถ้าขาดในปริมาณไม่มาก ก็จะไม่เห็นอาการชัดหรอกครับ
ในบ้านเราทีเห็นโฆษณา ถ้าเปรียบเทียบเครื่องดื่มพวกโปรตีนกับชาเขียน ในขวดที่ราคาเท่ากัน ผมแนะนำให้กินพวกโปรตีนดีกว่า เพราะปริมาณชาเขียวในเครื่องดื่มบ้านเรา มีปริมาณน้อยๆๆๆๆมากกกก ถ้าจะดื่มเพื่อสุขภาพจริงๆ คงต้องดื่มวันละไม่ต่ำกว่า 20 ขวด(คุณเอาเองแล้วกันครับ...ตกเท่าไร) แถมได้คาแฟอีนเพิ่มอีกต่างหาก (ข้างกล่องจะมีระบุ - เยอะว่าปริมาณชาเขียนที่ได้รับอีก)
อันนี้แชร์กันน่ะครับ ส่วนจะเห็นด้วยหรือแล้วแต่ทุกๆท่านน่ะครับ...
ส่วนพวกอาหารเสริม...ถ้ามีเงินก้อน่าสนใจครับ เพราะพวกนี้จะให้ปริมาณกรดอะมิโนที่มากกว่า เมื่อเทียบต่อปริมาณการรับประทานต่อครั้งและราคา
แต่ถ้าไม่มีตังค์...ไวตามิลฯ แลคตาซอย...น้ำเต้าหู้ คุ้มกว่าเยอะครับ
คำถาม..ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องซื้ออาหารเสริม เครื่องดื่มพวก โปรตีน กินน่ะสิ...อันนี้ก้อต้องถามตัวเองดูครับว่า วันหนึ่งคุณกินอาหารพวกที่ให้โปรตีนได้พอหรือเปล่า อย่างเช่นเนื้อสัตว์ เฉลี่ยแล้วผู้ใหญ่ นน.ตัว 1 กิโลฯ ต้องการอาหารประเภทโปรตีนราวๆ 1 กรัม ต่อ นน.ตัว 1 กิโลฯ ดังนั้นถ้า หนัก 50 กิโลฯ ก้อต้องได้รับสารอาหารพวกโปรตีนราวๆ 50 กรัม ซึ่งปกติแล้วผมว่ามันยากมาก
ส่วนพวกซุบไก่สกัดนั้น หรือพวกรังนกนั้น ให้ปริมาณโปรตีนน้อยมากครับ เมื่อเทียบกับราคาต่อขวด ผมจำตัวเลขแน่นอนไม่ได้ แต่จำได้ว่าเป็นงานวิจัยของ ม.เกษตฯ รู้แต่ว่าถ้าเทียบความคุ้มค่าแล้ว...โคตะระแพงเลยครับ
ผมกินแต่ ผักกับปลา ซะส่วนใหญ่คับ
จะเป็นโรค ขาดโปรตีนป่าว
แต่เปปทีนกินบ่อยกินแล้วสมองหายเบลอแม้อดนอน 1 คืน(ลิมิตที่ 1 คืนนะอย่ามากก่านั้นอิอิ)