ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafeเพื่อนๆ TSB มีเทคนิคหรือแนวทางในการ เก็บเงิน+ออมเงิน กันอย่างไรบ้างครับ..-2010-
หน้า: [1] 2   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อนๆ TSB มีเทคนิคหรือแนวทางในการ เก็บเงิน+ออมเงิน กันอย่างไรบ้างครับ..-2010-  (อ่าน 3725 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
galaxy
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 226
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,099



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 13 ธันวาคม 2009, 20:24:51 »

เพื่อนๆ TSB มีเทคนิคหรือแนวทางในการ เก็บเงิน+ออมเงิน กันอย่างไรบ้างครับ..

ในปี 2010 คิดว่าอยากจะเก็บเงินซักก้อนๆใหญ่ๆ ก้อนนึงให้ได้จังเลย

มาแชร์แนวทางของแต่ล่ะคนกันหน่อยครับ... wanwan003 wanwan003

บันทึกการเข้า

รับทำหนังสือพอคเก็ตบุ๊คส ขายบนซีเอ็ด B2S ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
ขาย Ebook สอนสุดยอดเคล็ดลับ(ที่คนทำหนังสือไม่เคยบอกคุณ)
แต่ผมจะสอนให้รวยด้วยการทำหนังสือขายบนซีเอ็ด  Ebook สอนเคล็ดลับ ราคา เพียง 5,000 ฿
(หนังสือผมวางขายอยู่บนซีเอ็ดกว่า 10 เล่ม) PM

ขายบัญชี Adsense อายุ 4 ปี 10,000 บาท มีเงินค้างอยู่ 15$  เหลือ 1 บช. **หมดแล้ว
pizad_sura
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 108
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,623



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2009, 20:29:21 »

ต้องนั่งดูรายได้ ต่อ รายจ่าย ด้วยครับ

แบ่งสัดส่วนเงินที่ได้รับมา
- เก็บ
- ลงทุน
- ใช้จ่าย
- ให้รางวัลชีวิต
- อย่าลืมคนที่รักคุณ และ คุณรัก (พ่อแม่)

โดยเฉพาะข้อสุดท้าย

ถ้าทำได้ รวยแน่นอน  Smiley



(เคยเห็นคนอกตัญญูที่ไหนเจริญมั้ยครับ  :Smiley)
บันทึกการเข้า
galaxy
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 226
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,099



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2009, 21:37:18 »

สำหรับผม ปีหน้านี่ ต้อง งก ขึ้นกว่าเดิม

ใช้จ่ายอย่างประหยัดสุดๆเลยครับ

ไม่ว่ารายได้น้อยแค่ไหนก็ตาม...กินแต่มาม่าไปทุกวัน  wanwan004 wanwan004
บันทึกการเข้า

รับทำหนังสือพอคเก็ตบุ๊คส ขายบนซีเอ็ด B2S ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
ขาย Ebook สอนสุดยอดเคล็ดลับ(ที่คนทำหนังสือไม่เคยบอกคุณ)
แต่ผมจะสอนให้รวยด้วยการทำหนังสือขายบนซีเอ็ด  Ebook สอนเคล็ดลับ ราคา เพียง 5,000 ฿
(หนังสือผมวางขายอยู่บนซีเอ็ดกว่า 10 เล่ม) PM

ขายบัญชี Adsense อายุ 4 ปี 10,000 บาท มีเงินค้างอยู่ 15$  เหลือ 1 บช. **หมดแล้ว
คุณป้าขา
เจ้าแม่ปราบเกรียน
Administrator
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 68
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,679



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2009, 21:40:29 »

ซื้อพวก LTF RMF ค่ะ  wanwan020
บันทึกการเข้า

loveloveaon
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 31
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,233



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2009, 21:43:30 »

ตอนนี้ยังไม่มีรายได้เลย ตกงานอยู่ เหอเหอ
แต่ที่ผมตั้งใจ แล้วก็ทำไว้ก่อนตกงานคือ

1.ทำบัญชีรายรับรายจ่ายครับ พอสิ้นเดือนเราจะรู้ว่าเราใช้จ่ายอะไรไปบ้าง จะได้ตัดส่วนที่ฟุ่มเฟือยออก

2.หักเงิน 10 % จากรายได้ทั้งเดือนไว้เป็นเงินออม

3.เอาตังค์เหรียญหยอดกระปุก หากระปุกออมสินน่ารักๆสักลูก มีเศษเหรียญก็หยอดไปๆ แล้วสิ้นปีค่อยแงะออกมาดู เอาไปฝากบัญชีรวมกับเงินข้อ 2

เงินออมในข้อ 2-3 นี้คือจะไม่ใช้เลยนอกจะเอาไปใช้ในยามจำเป็น หรือจะตั้งใจไว้แล้วว่าจะเอาไปซื้ออะไร พอเก็บเงินได้ครบค่อยเอาไปซื้อ

สิ่งสำคัญคือการยับยั้งชั่งใจ อย่าเอาเงินไปใช้เด็ดขาดจนกว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย

สุดท้าย อันนี้ผมได้ข้อคิดมาจากหลวงพี่ ตอนที่ผมไปบวช หลวงพี่บอกว่า"ให้คิดซะว่าเงินออม คือเงินที่เราใช้ไปแล้ว"
สมมติ เราจะเก็บเงินซื้อ Notebook สักเครื่อง ไอ้เงินออมที่เราออมไว้นี่ล่ะก็เหมือนกับว่าเราใช้เงินซื้อ Notebook ในอนาคตไปแล้ว เราจะเอาออกมาใช้ไม่ได้ พอคิดแบบนี้แล้วจะได้ไม่เเอาเงินมาใช้จนกว่าจะได้ Notebook  wanwan019

ลองดูครับเผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง

 
บันทึกการเข้า
notepanya
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 37
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,244



ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2009, 21:43:54 »

ผมนี้รั่วหมดเงิน มีเท่าไหร่จ่ายหมด
บันทึกการเข้า

galaxy
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 226
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,099



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2009, 21:48:41 »

ตอนนี้ยังไม่มีรายได้เลย ตกงานอยู่ เหอเหอ
แต่ที่ผมตั้งใจ แล้วก็ทำไว้ก่อนตกงานคือ

1.ทำบัญชีรายรับรายจ่ายครับ พอสิ้นเดือนเราจะรู้ว่าเราใช้จ่ายอะไรไปบ้าง จะได้ตัดส่วนที่ฟุ่มเฟือยออก

2.หักเงิน 10 % จากรายได้ทั้งเดือนไว้เป็นเงินออม

3.เอาตังค์เหรียญหยอดกระปุก หากระปุกออมสินน่ารักๆสักลูก มีเศษเหรียญก็หยอดไปๆ แล้วสิ้นปีค่อยแงะออกมาดู เอาไปฝากบัญชีรวมกับเงินข้อ 2

เงินออมในข้อ 2-3 นี้คือจะไม่ใช้เลยนอกจะเอาไปใช้ในยามจำเป็น หรือจะตั้งใจไว้แล้วว่าจะเอาไปซื้ออะไร พอเก็บเงินได้ครบค่อยเอาไปซื้อ

สิ่งสำคัญคือการยับยั้งชั่งใจ อย่าเอาเงินไปใช้เด็ดขาดจนกว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย

สุดท้าย อันนี้ผมได้ข้อคิดมาจากหลวงพี่ ตอนที่ผมไปบวช หลวงพี่บอกว่า"ให้คิดซะว่าเงินออม คือเงินที่เราใช้ไปแล้ว"
สมมติ เราจะเก็บเงินซื้อ Notebook สักเครื่อง ไอ้เงินออมที่เราออมไว้นี่ล่ะก็เหมือนกับว่าเราใช้เงินซื้อ Notebook ในอนาคตไปแล้ว เราจะเอาออกมาใช้ไม่ได้ พอคิดแบบนี้แล้วจะได้ไม่เเอาเงินมาใช้จนกว่าจะได้ Notebook  wanwan019

ลองดูครับเผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง

 

+ ให้เลยครับแบบนี้..เด๊่ยวเอามั้งครับเพราะเศษตังผมเยอะเหลือเกิน

ซื้อพวก LTF RMF ค่ะ  wanwan020

ไม่ทราบว่าเล่นยังไงเหรอครับ พวกหุ้นใช่รึเปล่าครับผม
บันทึกการเข้า

รับทำหนังสือพอคเก็ตบุ๊คส ขายบนซีเอ็ด B2S ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
ขาย Ebook สอนสุดยอดเคล็ดลับ(ที่คนทำหนังสือไม่เคยบอกคุณ)
แต่ผมจะสอนให้รวยด้วยการทำหนังสือขายบนซีเอ็ด  Ebook สอนเคล็ดลับ ราคา เพียง 5,000 ฿
(หนังสือผมวางขายอยู่บนซีเอ็ดกว่า 10 เล่ม) PM

ขายบัญชี Adsense อายุ 4 ปี 10,000 บาท มีเงินค้างอยู่ 15$  เหลือ 1 บช. **หมดแล้ว
yayeenui
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 106



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2009, 22:10:27 »

เข้าไปอ่านได้ที่เวปนี้ค่ะ

http://my-aomsin.blogspot.com
บันทึกการเข้า

http://mylife-goodday.blogspot.com :ความสุขที่แท้จริง
http://pooyingcare.blogspot.com : ห่างไกลมะเร็ง
http://my-aomsin.blogspot.com : การออม
fatman
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 43



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2009, 22:18:17 »

ทำบัญชีรายรับรายจ่ายครับ เชิญเว็บผมเลยท่าน อยู่ที่ลายเซนต์ wanwan007
บันทึกการเข้า

เล่นเกมส์ถามตอบปัญหา แบบทดสอบ ได้ที่
http://www.funquizgame.com

สร้าง "บัญชีรายรับรายจ่าย" ได้แล้ววันนี้ที่
http://www.rubjai.com
Step9
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 122
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,518



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2009, 22:38:30 »

วันนี้ไปMall หยิบหนังสือ ผู้ชายล่ำซำอะไรนี่แหล่ะ(ผู้หญิงก็มี) จะรวมวิธีของคนรวยๆไว้หลายคน

เท่าที่พลิกอ่านหลายคนเหมือนกันคือ
1. ต้องออมเงิน (ส่วนใหญ่มักออมในรูปอสังหาริมทรัพย์)
2. อย่าใช้เงินเกินตัว (ลดความอยาก)
3.
4.
x.

บันทึกการเข้า

afterdead
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 156
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,833



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2009, 23:01:38 »

ซื้อทองครับบบ ซื้อทอง  wanwan008 wanwan008
บันทึกการเข้า

Step9
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 122
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,518



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2009, 23:10:11 »

วันนี้ไปMall หยิบหนังสือ ผู้ชายล่ำซำอะไรนี่แหล่ะ(ผู้หญิงก็มี) จะรวมวิธีของคนรวยๆไว้หลายคน

เท่าที่พลิกอ่านหลายคนเหมือนกันคือ
1. ต้องออมเงิน (ส่วนใหญ่มักออมในรูปอสังหาริมทรัพย์)
2. อย่าใช้เงินเกินตัว (ลดความอยาก)
3.
4.
x.



ตัวอย่าง คุณ ตัน โออิชิ แกเล่นหุ้นไม่เป็นแกก็ไม่ซื้อ แม้ว่าเพื่อนรอบตัวแกทั้งหมดจะมีแต่คนซื้อหุ้นก็ตาม
หลายคนรู้ว่าตัวเองถนัดอะไรก็ทำแบบนั้นแหล่ะ คุณ ตันแกก็ซื้อที่ไปเรื่อย เน้นที่ทำเลดี ราคาเป็นรอง

บางท่านก็ซื้อแต่เพชรซะส่วนมากเพราะขายเพชร ก็ว่าดีกว่าซื้อทองด้วยเหตุผลของเขา

บางท่านก็ซื้อประกัน ประกัน ประกันไว้เยอะมาก

บางท่านก็ซื้อกองทุน กองทุน กองทุน

จะมีPortการลงทุนหลักของแต่ละคนอยู่ ตามความชอบและถนัด
บันทึกการเข้า

fOrSeo
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 26
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 260



ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2009, 00:29:47 »

ลองทำบัญชีรายรับได้จ่ายดูครับ อาจจะช่วยให้เก็บเงินได้เยอะขึ้น  wanwan011
บันทึกการเข้า
pacapao
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 114
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,133



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2009, 00:33:08 »

สลากออมสินคับ ได้ลุ้นหนุกดี
บันทึกการเข้า

แหล่งรวมความรู้พิสดาร และ สาวสวยจากทั่วโลก

สุดยอด นักปั่นบันลือโลก..

ศูนย์จำหน่าย ไตรจีวร และ สังฆภัณฑ์ จำหน่าย กระทะทองเหลือง ช้อนส้อมทองเหลือง แจกัน เชิงเทียน กระถางธูปทองเหลือง ไตรจีวร และ สังฆภัณฑ์ หลายชนิด ชุดผ้าไตร ชุดสรงน้ำ ผ้าอาบน้ำฝน ชุดทำบุญคุณภาพดี-จัดส่งทั่วไทย สังฆภัณฑ์
badboyth
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 61
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,495



ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2009, 00:42:28 »

ลองหาเรื่อง the richest man in babylon มาอ่านครับ  Embarrassed
บันทึกการเข้า
cs6326th
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 81
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,081



ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2009, 01:14:27 »

ใช้ให้น้อยกว่าที่หาได้ ก็พอหล่ะ เดือนไหนได้ 300 ก็กินดินกินหญ้ากันไป  Tongue
บันทึกการเข้า

ขาย Like Fanpage  เพิ่ม Like ละ 0.5 บาท คนไทย 100%
like ไทย คนจริงๆ 100%
1000 like 600 บาท
5000 like  2500 บาท
10000 like 5000 บาท
ระบุเพศหญิง ไลค์ละ 0.7

ปั่น view youtube 50000 view 3500 บาท
ปั่น like fanpage facebook
galaxy
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 226
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,099



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2009, 08:23:19 »

ลองหาเรื่อง the richest man in babylon มาอ่านครับ  Embarrassed

ผมเลยลองหา เป็นบทความที่ดีมากครับ

อ้างถึง
The Richest Man in Babylon นิยายปรัมปราแห่งเมืองบาบิโลน (1)

คอลัมน์ ผ่ามันสมองของปราชญ์  โดย นภาพร ลิมป์ปิยากร  ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 09 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3834 (3034)

คนส่วนใหญ่มีความต้องการที่เหมือนๆ กันอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือ อยากรวย เพราะมักคิดว่าการมีเงินมากๆ จะเปิดโอกาสให้ได้ในสิ่งที่อยากได้ จึงมีหนังสือมากมายพิมพ์ออกมาขาย โดยที่ผู้เขียนหวังจะให้ผู้อ่านใช้เป็นคู่มือในการเรียนรู้ เพื่อสร้างความร่ำรวย รวมทั้งเรื่อง The Richest Man in Babylon ของ George S. Clason ผู้ก่อตั้งบริษัททำแผนที่เคลสัน หนังสือเล่มเล็กๆ นี้พิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ.1926 ซึ่งนับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 100 ปีแล้ว และมีความพิเศษกว่าเล่มอื่นๆ เพราะเป็นหนังสืออ่านประกอบสำหรับวิชาวางแผนทางการเงินในสหรัฐอเมริกา ณ วันนี้มียอดจำหน่ายแล้ว กว่า 2 ล้านเล่ม

คงเป็นที่ทราบกันแล้วว่าบาบิโลนเป็นเมืองโบราณที่ร่ำรวยจากน้ำมือมนุษย์ล้วนๆ เพราะตั้งอยู่ในหุบเขาอันแห้งแล้ง บนลุ่มแม่น้ำยูเฟรติส หรือในอิรักปัจจุบัน นอกจากจะไม่มีแม้แต่ก้อนหินที่ใช้ในการก่อสร้างแล้ว ยังไม่ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าขายอีกด้วย อย่างไรก็ตามความจำเป็นก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่นั่นคือ การสร้างระบบชลประทาน เพื่อนำน้ำจากแม่น้ำมาใช้ในการเพาะปลูก การสร้างเขื่อน และคลองเป็นประดิษฐกรรมทางวิศวกรรมชิ้นแรกๆ ของโลก

นอกจากความก้าวหน้าทางวิศวกรรมแล้ว บาบิโลนยังเป็นแหล่งกำเนิดผลิตภัณฑ์ทางการเงินอีกด้วย เช่น สัญญาทางการค้า การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และโฉนดที่ดิน เชื่อกันว่าบาบิโลนมีพ่อค้าที่มั่งคั่ง และนักการเงินที่ชาญฉลาด จึงเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในยุคโบราณ การที่ผู้เขียนใช้เมืองนี้เป็นฉากอาจเพื่อบอกเป็นนัยว่า การวางแผนแ ละการจัดการทางการเงินนั้นไม่มีกาลเวลา

นั่นคือไม่มีทันสมัยหรือล้าสมัย อะไรที่เคยเป็นสัจธรรมในอดีตเมื่อ 8,000 ปีก่อนก็ยังคงเป็นสัจธรรมที่นำมาปฏิบัติได้ในปัจจุบัน

หนังสือเรื่องนี้มีเอกลักษณ์ที่ผู้เขียนใช้นิทานเป็นสื่อในการถ่ายทอดเรื่องราวทางการเงิน โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 11 บท ครอบคลุมประเด็นหลัก 7 ประเด็นซึ่งเรียงกันตามการนำเสนอในหนังสือ คือ บทเรียนแรกของการเรียนรู้ วิธีการสร้างความร่ำรวย วิธีการแก้ไขความยากจน การเตรียมตัวเพื่อรับความโชคดี กฎทองห้าข้อ กฎการลงทุน และการวางแผนสู่ความสำเร็จ

ผู้เขียนเปิดประเด็นเกี่ยวกับบทเรียนแรกของการเรียนรู้โดยการแนะนำตัวละคร 2 ตัวซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก คือ โคบี นักดนตรี และบันเซอร์ ผู้มีอาชีพทำรถม้า วันหนึ่งทั้งสองปรับทุกข์ให้กันฟังว่า ไม่ว่าจะขยันทำมาหากินเท่าใด ก็ยังไม่สามารถพ้นจากสภาพความยากจนข้นแค้นได้ ไม่ทราบว่าจะมีหนทางใดจึงจะพ้นจากสภาพนี้ เมื่อ โคบีนึกขึ้นมาได้ว่าเขารู้จักกับอักราซึ่งชาวเมืองบาบิโลนยกย่องให้เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุด เขาจึงชักชวนบันเซอร์ ไปพบกับอักราด้วยกัน การปรึกษาและตกลงกันไปพบอักรา ทำให้เขาทั้งสองเรียนรู้บทเรียนแรก ของการเรียนรู้นั่นคือ เราไม่เสียอะไรเลยจากการขอคำแนะนำจากคนฉลาด และสาเหตุที่เราไม่รู้สิ่งต่างๆ เพราะเราไม่เคยคิดจะแสวงหาความรู้

ประเด็นเกี่ยวกับวิธีสร้างความร่ำรวยมาจากตอนที่โคบีและบันเซอร์พบกับอักรา หลังจากฟังแขกทั้งสองกล่าวเยินยอว่า เขาโชคดีที่ร่ำรวย อักราตอบว่าโชคไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความร่ำรวยของเขา และเขาไม่เชื่อว่าโชคจะทำให้ใครร่ำรวยได้ ที่เพื่อนทั้งสองไม่ร่ำรวยนั้นเป็นเพราะไม่รู้กฎที่ทำให้ร่ำรวยต่างหาก เขาจึงเล่าเรื่องของตนให้คนทั้งสองฟังว่า เมื่อเขาเป็นเด็กเขาสังเกตเห็นว่าคนที่จะมีความสุขได้นั้นสิ่งแรกที่ต้องมีคือความร่ำรวย เพราะความร่ำรวย นำมาซึ่งอิสรภาพที่จะทำ และมีในทุกสิ่งได้ตามใจปรารถนา ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะต้องรวยให้ได้ อยู่มาวันหนึ่งเขาต้องทำงานชิ้นหนึ่ง ให้กับเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในบาบิโลนในขณะนั้น เขาจึงขอให้เศรษฐีสัญญาว่า หากเขาทำงานเสร็จทันเวลาเศรษฐีจะสอนหนทางสร้างความรวยให้ เศรษฐีตกลง ฉะนั้นเมื่อเขาทำงานเสร็จเศรษฐีจึงบอกกฎข้อที่ 1 ว่า ต้องจ่ายหรือให้รางวัลแก่ตัวเองด้วยการกัน 1 ใน 10 ของรายได้ไว้ก่อนที่จะใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นการจ่ายเงินให้กับคนอื่น เศรษฐียังบอกอีกว่า ความร่ำรวยก็เหมือนต้นไม้ซึ่งงอกออกจากเมล็ด ยิ่งเราเริ่มหว่านเมล็ดเร็วเท่าไรต้นไม้ก็จะยิ่งโตเร็วขึ้นเท่านั้น

หลังจากนั้น 1 ปีเศรษฐีกลับมาสอบถามอักราถึงความก้าวหน้า เขาเล่าให้เศรษฐีฟังว่า ได้เริ่มต้นทำตามคำแนะนำ ด้วยการเก็บเงิน 1 ใน 10 จากรายได้จนทำให้มีเงินสะสมอยู่ก้อนหนึ่ง เมื่อช่างอิฐซึ่งกำลังจะเดินทางไปต่างเมืองให้คำแนะนำว่า เขาควรซื้อเพชรพลอยมาขายเพื่อหากำไร เขาจึงฝากเงินสะสมทั้งหมดนั้นให้ช่างอิฐไปซื้ออัญมณี เมื่อเศรษฐีได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า คำแนะนำเป็นของได้เปล่าแต่เราต้องรู้จักเลือกใช้เฉพาะคำแนะนำที่มีค่าเท่านั้น ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยว่าอักราต้องสูญเงินที่สะสมทั้งปีไปหมด เพราะช่างอิฐไม่มีความรู้ในการดูเพชรพลอยจึงถูกหลอก อีก 1 ปีต่อมา เศรษฐีกลับมาหาอักราเพื่อสอบถามถึงความก้าวหน้าอีก เขาเล่าให้เศรษฐีฟังว่าได้เริ่มต้นเก็บเงินใหม่ แล้วนำเงินที่สะสมได้ไปให้คนทำโล่ยืมจึงได้ดอกเบี้ยจากคนทำโล่ทุกเดือน เมื่อเศรษฐีถามว่า แล้วเขาทำอย่างไรกับดอกเบี้ยที่ได้มา เขาตอบว่าได้ใช้ดอกเบี้ยไปกับการจับจ่ายใช้สอย และซื้อเสื้อผ้าให้ภรรยาจนหมด เศรษฐีจึงหัวเราะและถามว่า

หากเขาทำเช่นนั้นกับลูกหลานที่ขอเงิน แล้วจะหวังให้มันทำงานให้ต่อไปได้อย่างไร หลังจากนั้นเศรษฐีจึงบอกว่า เราจะต้องนำดอกผลจากการลงทุนไปลงทุนต่อ ไม่ใช่นำไปใช้จ่าย

ประเด็นเกี่ยวกับวิธีแก้ความยากจน มาจากตอนที่มหาเศรษฐีอักราถูกกษัตริย์แห่งบาบิโลน เรียกให้ไปสอนประชาชนส่วนหนึ่งของพระองค์ ในสถานที่ซึ่งมีชื่อว่า หอแห่งการเรียนรู้ถึงวิธีสร้างความร่ำรวย เพื่อให้คนเหล่านนั้นสร้างความร่ำรวยด้วยตัวเองแล้วนำความรู้ที่ได้รับไปสอนคนอื่นต่อ

เมื่ออักราเริ่มสอนกฎเกี่ยวกับการเก็บ 10% ของรายได้ไว้ให้ตัวเองก็มีคนแย้งว่า จะทำได้อย่างไรเพราะรายได้ในขณะนั้น ก็ยังไม่พอกับค่าใช้จ่ายประจำวันเลย อักราจึงกล่าวว่า สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันมักไม่เกินรายได้ ฉะนั้นจงใช้จ่ายแต่เฉพาะเพื่อสิ่งที่จำเป็นจริงๆ มิใช่ใช้จ่ายเพราะอยากได้ เนื่องจากคนเรามีความอยากไม่สิ้นสุด ฉะนั้นเราต้องหาทางจำกัดความอยากของเรา ด้วยการทำงบประมาณการใช้จ่ายอย่างละเอียด เพราะมันจะทำให้เราเห็นจุดรั่วไหล และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น

เขาบอกผู้มาเรียนว่า คนที่ร่ำรวยนั้นร่ำรวยไม่ใช่เพราะมีเงินมากในกระเป๋าอย่างเดียว หากยังเพราะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะกำลังทำงานอยู่หรือไม่ก็ตามด้วย พวกเขาทำเช่นนั้นได้ด้วยการใช้เงินให้ทำงานนั่นคือ ด้วยการลงทุนที่เหมาะสม

การลงทุนที่เหมาะสม ได้แก่ การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและไม่ยากที่จะเรียกคืน การลงทุนเช่นนั้น จะป้องกันมิให้เกิดการสูญเงินทุน หากไม่แน่ใจว่าจะลงทุนอย่างไร อาจไปขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ แต่โดยธรรมชาติแล้วการลงทุนที่ยิ่งเสี่ยงมากก็ยิ่งได้ผลตอบแทนมาก

หลังจากนั้นอักราจึงแนะนำผู้มาเรียนว่า การลงทุนในที่อยู่อาศัยเป็นการลงทุนที่ได้ผลกำไรแน่นอน เพราะนอกจากตัวเราจะอิ่มใจจากการได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินแล้ว อสังหาริมทรัพย์นับวันจะยิ่งมีค่าทวีคูณ

ยิ่งกว่านั้นการมีบ้านเป็นของตัวเองจะทำให้ภรรยาขยันทำงานบ้านมากขึ้น และลูกๆ มีความสุขเพิ่มขึ้น เพราะมีที่วิ่งเล่นเป็นของตัวเอง ทางลงทุนต่อไปที่ควรจะได้รับการพิจารณา ได้แก่ การปล่อยเงินกู้ จากนั้นอักราจึงบอกกฎข้อสำคัญยิ่งนั่นคือ เราต้องพยายามเพิ่มพูนความรู้ความสามารถอยู่เสมอ เพื่อที่เราจะได้เป็นคนที่ฉลาด และมีความสามารถมากกว่าผู้อื่น เมื่อเราเป็นคนแถวหน้าสุดในสายอาชีพของเราแล้ว เราจะสามารถหาผลประโยชน์ได้มากกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของคนทั่วไปเสมอ

หน้า 49

The Richest Man in Babylon นิยายปรัมปราแห่งเมืองบาบิโลน (จบ)

คอลัมน์ ผ่ามันสมองของปราชญ์  โดย นภาพร ลิมป์ปิยากร  ประชาชาติธุรกิจ  วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3835 (3035)

สำาหรับประเด็นเกี่ยวกับการเตรียมตัวเพื่อรับความโชคดี อักราไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงในหอแห่งการเรียนรู้เพื่อถกกันว่า ควรจะทำอย่างไรเมื่อโชคดีมาถึงตัว อักรา กล่าวอย่างแข็งขันว่า เขาไม่เคยเห็นใครร่ำรวยจากการเล่นการพนัน เขาเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งความโชคดีจะไม่อยู่ในแหล่งการพนันอย่างแน่นอน แต่จะให้ความช่วยเหลือกับคนที่มีความจำเป็นจริงๆ หรือให้รางวัลเฉพาะกับคนที่สมควรได้รับ เช่น ชาวนาหรือพ่อค้าซึ่งสมควรจะได้รับกำไรจากความพยายามในการทำงาน

อักราเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อเขายังเยาว์ให้เพื่อนๆ ฟังว่า พ่อของเขาได้ชักชวนเขาให้เข้าหุ้นกับลูกเพื่อน เพื่อซื้อที่ดินมาทำจัดสรรโดยใช้เงินเพียงหนึ่งในสิบของรายได้ แต่แทนที่เขาจะเชื่อพ่อนำเงินไปลงทุนตามคำแนะนำ เขากลับนำเงินนั้นไปจับจ่ายใช้สอยและซื้อเสื้อผ้าให้ภรรยาจนหมดสิ้น ผลปรากฏว่าที่ดินแปลงนั้น ทำกำไรอย่างงดงามให้กับผู้เข้าหุ้นทั้งหมด เขาจึงพลาดโอกาสที่จะเริ่มต้นสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเอง

หลังจากนั้นอักราจึงเปิดโอกาสให้ผู้มาร่วมชุมนุมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตัวเอง ชายคนหนึ่งซึ่งมีอาชีพขายสัตว์เล่าว่า ครั้งหนึ่งหลังจากที่เขาเดินทางออกจากเมืองไปนานกว่าสิบวัน เพื่อหาซื้อแกะ ในวันที่เขาจะกลับเข้าเมืองประตูเมืองปิด เขาจึงกลับเข้าเมืองไม่ได้ทำให้เขาพบพ่อค้าขายแกะอีกคนหนึ่ง ซึ่งรีบร้อนจะขายฝูงแกะทั้ง 900 ตัวให้ในราคาถูก เพราะต้องการนำเงินไปรักษาภรรยาที่เจ็บป่วย แต่เขารั้งรอเพราะขณะนั้นเป็นเวลากลางคืน ซึ่งมืดเกินกว่าจะนับจำนวนแกะได้ เมื่อใกล้รุ่งมีพ่อค้าอื่นเดินทางออกมาจากเมือง จึงได้ต่อรองซื้อฝูงแกะนั้นไปในราคาที่แพงกว่าที่เขาควรจะได้เสียอีก และยังสามารถนำไปขายต่อจนทำกำไรได้อย่างงาม

ก่อนจากกันในวันนั้น อักราสรุปว่า วิธีการเริ่มต้นสร้างความร่ำรวยนั้นเหมือนกันทุกคน โดยจะต้องเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ก่อนเสมอ จากการเป็นคนขายแรงงานซึ่งมีรายได้เป็นค่าแรง แล้วนำเงินที่เก็บหอมรอมริบมาลงทุนจนกระทั่งมีรายได้ จากดอกเบี้ยจากเงินสะสม ส่วนการดึงดูดโชคเข้าหาตัวเองหมายถึงการรู้จักฉกฉวยโอกาส เพราะคนโชคดี คือคนที่ลงมือกระทำเท่านั้น โอกาสไม่เคยรอใคร ผู้อยากร่ำรวยต้องไม่ผัดวันประกันพรุ่ง

ในด้านประเด็นเกี่ยวกับกฎสำคัญที่มักเรียกกันว่า "กฎทอง" (golden rules) นั้น ผู้เขียนนำสิ่งที่เขียนมารวมกัน แล้วแยกพิจารณาเป็น 5 ข้อด้วยกันคือ 1)ออมเงินหนึ่งในสิบของรายได้ 2)ใช้เงินทำงานให้ด้วยการลงทุนอย่างชาญฉลาด 3)ลงทุนตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ 4)ไม่ลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้จักหรือคุ้นเคย และ 5)ไม่ลงทุนในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และไม่พยายามหาวิธีที่จะได้เงินอย่างรวดเร็วเพราะจะมีโอกาสสูญเงินอย่างรวดเร็วเช่นกัน

สำหรับประเด็นเกี่ยวกับหลักในการให้กู้ยืมเงิน ตัวละครเป็นคนทำหลาวซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลจากกษัตริย์เป็นเงินถึง 50 เหรียญทองแล้วไปขอปรึกษาจากนักค้าเงินว่าเขาควรจะทำอย่างไรกับเงินที่ได้มา และเขาควรจะให้สามีของน้องสาวยืมเงินหรือไม่ นักค้าเงินกล่าวว่า เงินนั้นนอกจากจะเปลี่ยนฐานะของผู้รับแล้ว ยังอาจนำมาซึ่งความรู้สึกถึงการมีอำนาจและความสามารถที่จะทำอะไรก็ได้อีกด้วย ในขณะเดียวกันมันยังอาจนำความทุกข์จากความรู้สึกกลัวการสูญเสียและนำความยุ่งยากมาให้ นักค้าเงินได้เล่านิทานเรื่องหนึ่งให้คนทำหลาวฟังว่า วันหนึ่งขณะที่วัวกำลังรู้สึกอ่อนเพลียและเบื่อหน่ายกับการทำงาน มันจึงรำพึงรำพันให้ลาฟัง ลาจึงแนะนำวัวว่าในวันรุ่งขึ้นหากเจ้านายมาเรียกให้วัวไปทำงาน ให้วัวแกล้งทำเป็นป่วยเสีย ผลก็คือเจ้านายนำลาไปใช้งานแทนวัว ตกเย็นลาเหนื่อยมากจึงกลับมาเล่าให้วัวฟังว่า มันได้ยินเจ้านายบ่นว่า หากพรุ่งนี้วัวยังแกล้งป่วยอีกเจ้านายจะส่งวัวไปโรงฆ่าสัตว์ นักค้าเงินสรุปจากนิทานเรื่องนี้ว่า จงให้ความช่วยเหลือคนอื่นให้มากที่สุด แต่อย่าช่วยจนเขาต้องกลายมาเป็นภาระของตัวเอง

หลังจากนั้นคนทำหลาวสอบถามถึงหลักในการพิจารณาการปล่อยกู้ของนักค้าเงิน นักค้าเงินกล่าวว่า เขาแบ่งคนที่มาขอกู้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1)คนที่ต้องมีหลักประกันเท่านั้น เขาจึงจะให้กู้ และหลักประกันต้องมากพอหรือมากกว่าเงินที่ขอกู้ เพราะเขาเห็นว่าคนกลุ่มนี้อาจนำเงินไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องทำให้มีโอกาสสูญเสียเงินมากกว่าที่จะได้เงินคืน 2)คนทำงานที่เขาคิดว่ามีความสามารถมากพอที่จะจ่ายเงินคืน คนเหล่านี้มักนำเงินที่กู้ไปลงทุนที่เขาพิจารณาแล้วว่า มีโอกาสทำกำไร และ 3)คนประเภทที่ต้องมีคนที่ไว้ใจได้ค้ำประกันการกู้หรือเป็นนายประกันให้ กลุ่มนี้ไม่ต่างจากกลุ่มแรกมากนัก ซ้ำร้ายไม่มีแม้แต่สินทรัพย์ที่จะค้ำประกันจึงต้องมีคนที่เขาไว้ใจได้ค้ำประกันเขาจึงจะให้กู้

ประเด็นสุดท้ายได้แก่การวางแผนเพื่อความสำเร็จ ประเด็นนี้มีตัวละครชื่อดาบาเซอร์ คนขายอูฐ ซึ่งเล่าเรื่องอันน่าขมขื่นของตัวเอง ให้ลูกหนี้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อครั้งยังเยาว์ ดาบาเซอร์ก็ประพฤติตัวเช่นลูกหนี้ในขณะนั้น นั่นคือ ใช้จ่ายเงินเกินตัวจนเป็นหนี้ ภรรยาจึงหนีกลับไปอยู่กับพ่อแม่ เขาต้องหนีเจ้าหนี้ออกจากเมืองไปเป็นโจร เมื่อเขาถูกจับได้ก็ถูกขายไปเป็นทาสในประเทศซีเรีย ด้วยความโชคดีที่เขามีความสามารถในการดูแลและใช้งานอูฐ ภรรยาของเจ้านายจึงยกหน้าที่คนขี่อูฐประจำตัวให้เขา นางได้สอนบทเรียนอันมีค่าแก่เขาคือ ไม่มีใครได้รับการยอมรับนับถือหรือแม้แต่นับถือตัวเองได้หากไม่สามารถชำระหนี้ การใช้หนี้เป็นการพิสูจน์ว่า เราเป็นคนที่น่าเชื่อถือ และเป็นที่พึ่งของครอบครัวรวมทั้งเป็นลูกที่พ่อแม่ภาคภูมิใจ นางจึงได้หยิบยื่นโอกาสที่สำคัญที่สุดในชีวิตให้แก่เขา โดยเปิดโอกาสให้เขาหลุดพ้นจากความเป็นทาส เขาจึงกลับมาที่เมืองบาบิโลน และเริ่มวางแผนและปฏิบัติตามความตั้งใจของตัวเองเพื่อให้พ้นจากความเป็นหนี้

เขาเริ่มต้นด้วยการทำตามกฎการจ่ายให้ตัวเองก่อนโดยเริ่มเก็บเงินหนึ่งในสิบของรายได้เพื่อการออม ใช้เงินเพียงเจ็ดในสิบของรายได้เพื่อความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าแต่ละเดือนเขาจะมีเงินมากหรือน้อยก็ตาม และสุดท้ายเขาใช้เงินสองในสิบชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ทั้งหลาย เขาใช้ทั้งความอดทนและวินัยในตัวเอง การวางแผนอย่างดีและการดำเนินตามแผนอย่างเข้มงวดทำให้ตัวเองพ้นจากความเป็นหนี้ภายในเวลาไม่กี่ปี และยังสามารถใช้กฎนี้สร้างความร่ำรวยต่อมาจนมีเงินมากมาย

ข้อสังเกต - หนังสือเล่มนี้อ่านง่ายและมีข้อคิดที่ไม่น่าจะยากสำหรับการนำไปปฏิบัติ อาจกล่าวได้ว่า มันเป็นต้นตำรับของหนังสือจำพวกแนะนำ การสร้างความร่ำรวย ซึ่งวางขายอยู่ในตลาดอย่างดาษดื่น อยู่ในขณะนี้ ผู้ได้อ่านหนังสือเรื่อง Rich Dad, Poor Dad ของ Robert T. Kiyosaki และ Sharon L. Lechter ซึ่งขายดีสุดๆ มาเป็นเวลานานและก่อให้เกิดหนังสือแนวสร้างความร่ำรวยอีกหลายชุดตามมา อาจจำได้ว่า ผู้เขียนยกย่องแนวคิดใน The Richest Man in Babylon มาก โดยเฉพาะเรื่องการจ่ายเงินให้แก่ตัวเองก่อนการใช้จ่ายอย่างอื่น หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะกับทุกคนไม่เฉพาะแต่กับนักวางแผนทางการเงินเท่านั้น

คงเป็นที่ประจักษ์ หรือเป็นความจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์แล้วว่า เหนือสิ่งอื่นใดการอ่านคู่มือสร้างความร่ำรวยอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้ใครร่ำรวยได้ มีแต่การลงมือปฏิบัติเท่านั้น หนทางสู่ความสำเร็จต้องเริ่มต้นจากก้าวแรก แล้วเสริมแต่งด้วยความอดทนและความมีวินัย ไม่ใช่ด้วยการเดินทางลัด ทุกคนมีโอกาสที่จะร่ำรวยได้ทัดเทียมกัน นอกจากผลดีจะตกกับตัวบุคคลแล้วสังคมโดยรวมก็จะมีเงินออมและร่ำรวยมากขึ้นด้วย ส่วนความร่ำรวยจะนำไปสู่ความสุขหรือไม่ เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันไม่มีวันสิ้นสุด ปัจจุบันนี้เริ่มมีการพิสูจน์ โดยใช้หลักทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า ความรวย อาจไม่นำความสุขมาให้ดังที่ใครต่อใครคาดคิด นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ Richard Layard เพิ่งพิมพ์คำยืนยันจากผลการศึกษาออกมาในหนังสือเรื่อง Happiness : Lessons From a New Science (London : The Penguin Group, 2005) และคอลัมน์นี้ ได้นำบทคัดย่อมาลงพิมพ์ไว้ในฉบับประจำวันที่ 7 และ 10 สิงหาคมที่ผ่าน มาแล้ว
บันทึกการเข้า

รับทำหนังสือพอคเก็ตบุ๊คส ขายบนซีเอ็ด B2S ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
ขาย Ebook สอนสุดยอดเคล็ดลับ(ที่คนทำหนังสือไม่เคยบอกคุณ)
แต่ผมจะสอนให้รวยด้วยการทำหนังสือขายบนซีเอ็ด  Ebook สอนเคล็ดลับ ราคา เพียง 5,000 ฿
(หนังสือผมวางขายอยู่บนซีเอ็ดกว่า 10 เล่ม) PM

ขายบัญชี Adsense อายุ 4 ปี 10,000 บาท มีเงินค้างอยู่ 15$  เหลือ 1 บช. **หมดแล้ว
SmileHost
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 661



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2009, 09:48:48 »

ส่วนตัวผมน่ะ...

แบ่งเงินทั้งหมดเป็น 4 ส่วน

50% สาธารณูปโภค
25% นันทนาการ
25% เก็บออม
บันทึกการเข้า

zZzZ
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 120
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,509



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2009, 10:33:28 »

- ซื้อประกันชีวิตแบบได้เงินคืน มันจะบังคับให้ต้องส่งเรื่อยๆเอง - -
- เอาเงินเย็นลงทุนหุ้นพืั้นฐานดี แล้วจะถูกบังคับให้เก็บเงินไว้เอง (ขายก็ขาดทุน ต้องลงยาวๆ  Tongue) หรือจะซื้อเป็นหน่วยลงทุน กองทุนอย่างท่านข้างบนว่าก็ดี LTF RMF ลดภาษีได้ด้วย

เงินที่อยู่ในบัญชีปกติ มีเท่าไหร่ก็หมด - - atm internetbanking paypal มันทำให้ชีวิตง่ายเกินไป  Tongue
บันทึกการเข้า

minipure
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 145



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2009, 10:36:28 »

สำหรับผม
ฝากประจำ                                           1000 บาท
ทำประกันชีวิต+สุขภาพแบบออมทรัพย์       1500 บาท
ส่วนที่เหลือก็ใช้จ่ายค่าสาธารณูปโภคทั่วไป ค่าน้ำ ค่าไฟ ฟิตเนส เติมน้ำมัน
บันทึกการเข้า

กลับมาเริ่มใหม่หลังจากทิ้งไปเป็นปี
หน้า: [1] 2   ขึ้นบน
พิมพ์