อันนี้ผมสงสัยต่อนะ
สมมุติถ้าไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่า แต่ถ้ามันราละเอียดชัดเจน อย่างเช่น คลิปวิดีโอ นี่จะยังรับกันไหวหรือเปล่าครับ เพราะบางที อุดมคติทางความคิด กับในเชิงอารมณ์ความรู้สึกของจริงมัน เทียบกันไม่ได้
ส่วนไอ้เรื่องความไม่บริสุทธิ์อ่ะผมว่ามันคงเรื่องปกติแล้วหล่ะสำหรับสมัยนี้ (แต่จนจบมหาลัยผมก็ไม่เคยเลยอ่ะ
)
แต่ถ้าให้ดีผมว่า ถ้าเกิดจากการทำเพราะความรัก มันน่าจะโอเคหน่อยหล่ะ ก็คงเป็นเรื่องของสถานะของคนสองคนนั่นหล่ะว่าเป็นไปในรูปแบบความสัมพันธ์ใด ถ้าทำเพราะความสนุก ก็ถือว่าผู้หญิงนั้นยอมรับผลของความสนุกนั้นไว้แล้วด้วยเหมือนกัน ฉะนั้นจะทำอะไรก็ให้คิดให้หนัก เพราะถ้าชาตินี้คุณรักแค่สนุกไปเรื่อยๆ คุณก็คงไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจอะไรในภายหลัง
แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบแฟน ผมว่ากรณีนี้ ถือว่าเป็น 50-50 นะ ผู้ชายจะคบต่อก็ไม่ผิด หรือจะเลิกไปก็ไม่ผิด (สำหรับผู้ชายบริสุทธิ์เหมือนกันเท่านั้นนะ) มันอยู่ที่คนๆนั้นจะยอมใช้ชีวิตร่วมอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกภายในนั้นได้หรือไม่ (ไม่ใช่การอดทนนะ) มันมีเฟสและช่วงเวลาของมันที่ต้องปรับตัวไปนั่นแหละ
แต่ก่อนผมเรียนชายล้วนตลอด 13 ปี วันๆก็นั่งเล่นแต่เกม อ่านการ์ตูนไม่ค่อยสนใจโลกภายนอก มาสนใจเอาช่วง ม. ปลาย แล้วพอผมได้เข้ามหาลัย ผมก็ได้ ค้นพบกับสัจธรรมว่า จริงๆแล้ว ผู้หญิงก็ไม่ได้ต่างจากผู้ชายนี่นา พูดหยาบกว่าเราอีก
แล้วความเป็นอุดมคติของผมก็จางหาย และได้ค้นพบกับโลกแห่งความเป็นจริงแทน
น่าแปลกที่เพื่อนผู้หญิงเขากล้าถามผมตรงๆว่า รุ่นพี่เคยพาไปลงอ่าง หรือไปเที่ยวไหนบ้างหล่ะ ผมก็บอกไม่เคยจริงๆ แต่เขาก็ไม่เชื่อ แต่ก็ทำให้รู้ว่า เออเขาอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ชายก็ได้มั้ง ไม่ถือสาอะไร อาจจะเป็นเราเองที่คิดไปเองว่ามันไม่ดีไม่เหมาะสม เพราะในความอุดมคติของผมตอนนั้นผมก็คิดๆเหมือนกันแหละ ว่า ก็อยากจะเจอคนที่ใช่ แล้วก็แต่งงานด้วยเลยประมาณว่า แฟนคนแรก และคนสุดท้ายนั่นเอง (มันเลยทำให้ผมไม่ได้คบกับใครเลย ถ้าไม่คิดว่าใช่ พอที่น่าจะใช่ก็กลายเป็นหลอกเราซะงั้น แล้วโลกอุดมคติขั้นที่สองของผม ก็หายไปอีกรอบ
)
ส่วนอันนี้คำถามเล่นๆ ถ้านาธานออกมาขอโทษร้องไห้ เสียใจสุดๆ คุณจะยกโทษให้เขาไหม อิๆ
ส่วนกรณีผู้ชายที่ ส่วนใหญ่นิยมว่าเลว เพราะฟันหญิงเยอะ ผมว่ามันขึ้นอยู่ที่ว่าหลอก หรือไม่หลอก มากกว่า ถ้าไปให้ความหวังเขา เบื่อแล้วก็ทิ้ง อันนั้นจัดว่าแย่ และข้ออ่างส่วนใหญ่ก็คือ มันไม่ใช่ หรือเธองี่เง่า แต่จะว่าไปยุคสมัยนี้ ผู้หญิงหลอกฟันผู้ชายก็ใช่ว่าจะไม่มีนะ
มันอาจจะแย่ถ้าคนที่เรารู้สึกดีด้วยมาตลอดเคยเป็นของคนอื่นมาก่อน
แต่มันคงจะแย่กว่า ถ้าคนๆนั้น จะต้องกลายไปเป็นของคนอื่นต่อไปอีกที ลองย้อนถามใจคุณสิว่า คุณรับได้แค่ไหน
แต่สำหรับคนที่ไม่ได้รู้สึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างที่คบกัน จะด้วยเหตุผลคือเห็นเธอเป็นแค่ของเล่น เบื่อเธอแล้ว หรือเจอคนใหม่ที่ใช่กว่าก็ตาม แบบนั้นก็คงจะไม่ค่อยคิดอะไรสักเท่าไรกระมัง (ยกเว้นโดนเขาทิ้งนะ เพราะอันนี้มันช่วยไม่ได้ ต้องยอมรับไปด้วยความเต็มใจ)
อย่างประสปการณ์ผมอ่ะ (อุดมคติพังทลายรอบ 3
ไม่รู้จะอุดมคติไรนักหนา 55) คนที่คุณกำลังเพิ่งจะเริ่มๆคบอยู่ ซึ่งบอกว่าเลิกกับอีกคนแล้ว แต่จู่ๆ บอกให้คุณกลับไปก่อน และกำลังจะไปหาอีกคนที่ห้อง แล้วก็คงจะมีอะไรกัน เป็นคุณๆทนที่จะไม่จินตนาการถึงไหวไหมว่า ตอนนี้เขากำลังทำอะไรกันอยู่ นึกถึงตอนนี้ก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรหรอกครับ แต่ตอนนั้นสิมันช่าง เฮ้อ แต่ก็ยังโง่รอไปได้ตั้งหนึ่งปีแหนะ หลังจากนั้นผมก็ตาสว่างว่า นั่นไม่ใช่ความรักหรอก ก็แค่ความหลงชั่ววูบก็เท่านั้นเอง
จริงๆเรื่องแบบนี้ จะ รับได้ ไม่ได้ ก็แค่ต้องอาศัยประสปการณ์บ้างเท่านั้นเอง นานๆไปเราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างโหดร้ายและไม่ยุติธรรมกับเราสักเท่าไรนัก เพราะมันคือโลกแห่งความเป็นจริง (โอ่ว ช่างเหมือนเวลาโดน google ban เลย มันช่างไร้เหตุผล ไม่ยุติธรรมกับเราสิ้นดี) ไม่ได้เหมือนในละครที่มีแต่พระเอกพระนาง แม้จะมีตัวร้าย แต่สุดท้ายพระเอกย่อมคู่กับนางเอก เพียงแต่ว่าบางครั้ง เราอาจจะไม่ใช่พระเอกในละครเรื่องนั้นๆ แต่ก็นั่นหล่ะเมื่อคุณเจ็บปวดมากพอ จนรู้สึกถึงความเป็นลบ ไอ้ความเป็นลบอื่นๆมันก็ดูจะไม่ค่อยมีผลกับคุณสักเท่าไรนัก จนบางครั้งบางเรื่องคุณก็อาจจะไม่ไปแคร์หรือสนใจมันอีกก็ได้ จนในที่สุดก็จะได้คำตอบสำหรับตัวเองว่า อันที่จริงแล้วความจริงในความรู้สึกที่เจ็บปวดนั้นมันก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไปนักหรอก จากคนอ่อนแอ ก็จะกลายมาเป็นคนเข้มแข็งได้ในที่สุด เมื่อผ่านมันไปได้หน่ะนะ
ถือว่าแชร์มุมมองจากคนที่เคยอยู่ในโลกอุดมคติ แล้วออกมาสู่โลกความเป็นจริง (เผอิญช่วงนั้นเพื่อนส่งคัมภีร์ดอนฮวนมาให้อ่าน อ่อโลกนี้มันเป็นเยี่ยงนี้นี่เอง ยิ่งอ่านยิ่งแหมกระแทกใจชายเหลือเกิน) เลยเข้าใจว่าคนสองแบบนี้รู้สึกต่างกันอย่างไร ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อคบๆไป น่าจะเป็นเรื่องของการเข้ากันได้มากกว่านั่นหล่ะ บางทีออกจะเบื่อๆคนสวยที่ใครๆก็เอาแต่มารุมตอมจีบซะด้วยซ้ำ แล้วบางคนก็ชอบที่จะเช็คเรตติ้งตัวเองเสียด้วยสิ
เอาเป็นว่า สำหรับเรื่องประเภทนี้ สิ่งสำคัญ ก็นั่นหล่ะ เราต้องรู้จักให้อภัยให้กัน เพราะถ้าเราไม่ให้อภัยผู้อื่น คนที่เจ็บปวดและแค้นใจที่สุดก็จะเป็นตัวเราเอง และสุดท้าย ก็อย่าลืมให้อภัยตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะไม่งั้นชีวิตของคุณคงไม่เป็นสุข เมื่อต้องคิดถึงสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป จะด้วยความไม่ตั้งใจ หรือไม่เจตนาอะไรก็แล้วแต่ (แต่มีคนบอกผมว่า คนบางคน ก็ไม่สมควรได้รับการให้อภัย 55 ระดับนั้น คงประมาณว่า ชั่วได้ใจ สำหรับผมไม่ค่อยมี เผอิญ สีทนได้)
โอว น้องพิมพ์มาไม่น้อยเลย แต่ก็ตามอ่านจนหมด แต่ก็ประมาณว่าน้องยังเรียนรู้กับความรักชะมะ การตัดสินใจขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ประสบการณ์ก็สอนน้องมาเรื่อยๆอะไรประมาณนี้ พี่ก็ยังไม่มีแฟนเล๊ย เคยจีบเค้าอยู่คนนึง เค้าบอกขอคบเหมือนเพื่อน ทั้งๆที่เค้าก็ไม่ได้มีเสน่ห์อะไร หน้าตาก็ธรรมดาปานกลาง ตอนนั้นอยากลองคบเพราะเสน่ห์ของเค้าคือไม่มีเสน่ห์ 555 แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนความคิดอีกแล้วว่าเราคงไม่ชอบคนไร้เสน่ห์แบบนั้นแน่ สรุปคือความคิดของคนที่ไม่เคยลองคบกับใคร มันก็เปลี่ยนไปได้เรื่อยๆอะนะ แต่ลองคบกับใครแล้วมันก็อาจจะได้อีกรสชาติหนึ่ง ซึ่งความโลเลและเปลี่ยนใจอาจน้อยลงก็ได้ อย่างที่น้องบอกว่าคนบางคนอาจไม่สมควรให้อภัยอะ แต่ถ้าได้ผูกพันธ์หรือได้รักแล้วมันก็อาจจะตัดสินอีกแบบนึงก็ได้ ถ้าพูดในแง่ร้ายก็คงประมาณว่าความรักทำให้คนตาบอด แต่ถ้าพูดในแง่ดีก็คงเป็นความรักทำให้เปิดใจยอมรับและให้อภัย แต่ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับคนสองคนทั้งหมดทั้งสิ้นนั่นแหละ