กรมสรรพากรจะมีเกณฑ์เรื่องภาษีครับแยกเป็นสองอย่างว่าเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยหรือไม่
1 ถ้าในปีภาษีนั้นๆ (มกราคม-ธันวาคม) อยู่ในประเทศไทยเกินกว่า 180 วัน อันนี้ถือเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย กรณีนี้ ไม่ว่าแหล่งเงินได้เกิดจากในหรือนอกประเทศไทย ก็ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีหมดทุกรายการครับ
2 ถ้าในปีภาษีนั้นอยู่ในประเทศไทยน้อยกว่า 180 วัน กรณีนี้ สรรพากรถือว่าไม่ใช่เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย ซึ่งจะเสียภาษีหรือไม่ก็ดูเงื่อนไขต่อไปครับว่าแหล่งเงินได้เกิดขึ้นในหรือนอกประเทศ ถ้าแหล่งเงินได้เกิดในประเทศไทย ก็ต้องนำเงินนั้นมาเสียภาษี ถ้าแหล่งเงินได้เกิดนอกประเทศ ก็ดูเงื่อนไขต่อไปครับว่านำเงินได้นั้นเข้ามาในปีภาษีนั้นหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ต้องเสียภาษี ถ้าไม่ใช่ เงินก้อนนั้นก็ไม่ต้องเสียภาษีน่ะครับ
อธิบายแล้วทำให้งงเพิ่มขึ้นไหมครับเนี่ย?
ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้นนิดนึงละกันครับ ตามแนวของสรรพากรเลยนะครับ ตัวอย่างคลาสสิคก็จะเป็นพวกนักกีฬาทั้งหลาย ก่อนหน้านั้น ก็จะเป็นเขาทรายครับ แต่ระยะหลังจะเป็นภราดร
สมมุติว่าปีนี้ภราดรบาดเจ็บ ไม่ค่อยได้ออกไปแข่งขันต่างประเทศ อยู่ประเทศไทยซะ 10 เดือน ไปแข่งต่างประเทศ 2 เดือน 2 ทัวร์นาเม้นท์ เห็นได้ว่าอยู่ประเทศไทย 10 เดือนมันเกิน 180 วันอยู่แล้ว ถ้าไปแข่งต่างประเทศ ได้เงินรางวัลกลับมา ติ๊ดต่าง 50,000 ดอลล่าร์ ไอ้ตัว 50,000 ดอลล่าร์ ถามว่าเงินได้เกิดที่ไหน .......... ต่างประเทศครับ ถือว่าแหล่งเงินได้ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ถามว่าเสียภาษีไหม ดูว่าปีภาษีนั้นภราดรเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยหรือไม่ พออยู่เกิน 180 วัน คราวนี้ ใช่เลย เงิน 50,000 ดอลล่าร์ ต้องเอามาคำนวณเสียภาษีด้วย
มากรณีต่อไป สมมุติว่าเป็นปีที่ยังฟิต พ.ศ. 2548 แล้วกันยังไม่ได้แต่งงาน เรี่ยวแรงยังดี เดินสายซะ 10 เดือน อยู่ในประเทศไทย 2 เดือน ถามว่าปีภาษีนั้นเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ตอบว่าไม่ใช่ครับ อยู่แค่ประมาณ 60 วัน คราวนี้ แข่งมัน 10 ทัวร์นาเม้นท์ ได้เงินมา 200,000 ดอลล่าร์ จะเสียภาษีอย่างไร ก็ดูว่่าเข้าเกณฑ์อีกข้อไหมคือมีการเอาเงินได้เข้ามาในปีภาษีนั้นหรือไม่ ถ้าเกิดภราดรเอาเงินนั้นเข้ามาในประเทศไทยในปีพ.ศ. 2548 ..........แจ็คพ๊อตครับ เสียภาษีเลย แต่ถ้าเก็บเงินนั้นไว้ต่างประเทศก่อน พอปี 2549 ค่อยเอาเข้ามา กรณี ไม่เข้าเกณฑ์ที่กรมสรรพากรจะเก็บภาษีได้ครับ
น่าจะเห็นภาพขึ้นบ้างเนอะ