07. ตั๊กแตนสาน กับ เงิน 20 บาท
http://www.bloggang.com/viewbl...4-2006&group=3&gblog=4 ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนแรงบวกกับอุณหภูมิที่ร้อนของเดือนเมษา เป็นใครก็ไม่อยากที่จะออกไปผจญกับมัน เช่นเดียวกับผมเอง ถ้าไม่จำเ็ป็้นจริงๆ ก็จะไม่โผล่หัวออกจากชายคาบ้าน แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ต้องมีเหตุให้ต้องออกไปผจญกับมันจนได้
ทุกๆ ครั้งที่ขับรถออกมาจากบ้านก็ต้องมาจอดติดสัญญาณไฟแดง และภาพที่ผมจะเห็นเป็นประจำคือหญิงชราหนึ่งคนและเด็กหญิงตัวเล็กๆ หนึ่งคน ที่อยู่ประจำ ณ แยกไฟแดงนั้น
หญิงชราคนนั้นนั่งสานตั๊กแตน และปลาตะเพียน จากทางมะพร้าว อยู่บนเกาะกลางถนน โดยอาศัยร่มไม้ของต้นไม้บดบังแสงแดดที่แผดเผา ในขณะที่เด็กหญิงตัวน้อยจะเดินลงมาหยุดที่ข้างๆ รถฝั่งคนขับ เพื่อเสนอขายตั๊กแตนสาน และปลาตะเพียนสานในยามที่รถติดสัญญาณไฟแดง
ทุกครั้งที่ผ่านหยุด ณ สัญญาณไฟแดงนั้น ก็ได้แต่มองดูเด็กน้อยตัวเล้กๆ คนนั้น เดินถือตั๊กแตนสาน และปลาตะเพียนสาน เต็มทั้งสองมือ โดยมีป้ายกระดาษเล็กๆ ห้อยคอบอกราคา 20 บาท หมวกใบน้อยถุกสวมอยู่บนหัวของเด็กน้อย และเสื้อแขนยาวตัวเล็กๆ ช่วยบดบังความร้อนของแสงแดด
สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตุเห็นคือ ความผิดปกติของเด็กน้อยคนนั้น เธอเป็นเด็กพิเศษ แต่ก็ยังรู้เรื่องเวลาพุดคุยกับผู้คนที่เปิดกระจกซื้อตั๊กแตนสาน และปลาตะเพียนสาน ทุกครั้งที่มีคนซื้อ เธอจะยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมทั้งไหว้ขอบคุณทุกๆ ครั้งไป
จากหลายๆ ครั้งที่ผมได้แต่เป็นผู้ดู ครั้งนี้ผมเองเป้นผู้ซื้อบ้าง ผมเปิดกระจกลงมาช้าๆ พร้อมทั้งเรียกเด็กน้อยคนนั้น เธอเดินมาที่รถผมอย่างช้าๆ
"ตั๊กแตนสานตัวนึงจ้า"
เด็กน้อยยื่นตั๊กแตนสานสีเขียวสด มาให้ผม
"เท่าไรครับ" ผมถามกลับไปแบบโง่ๆ ทั้งที่ป้ายที่คอของเด็กน้อยก็บอกราคาอยู่ว่า 20 บาท
"ยี่สิบ" เด้กน้อยตอบมาด้วยเสียงห้วนๆ
"เก็บไว้หมดนั้นเลยนะ" ผมยื่นแบงค์ห้าสิบบาทให้เด็กน้อย
เด็กน้อยไหว้ขอบคุณ แล้วยื่นมือน้่อยๆ มารับเงินไป รอยยิ้มเล็กๆ เปื้อนอยู่บนใบหน้ากลมเล็กของเด็กน้อย
ผมตั้งใจที่จะเก็บภาพเด็กน้อย ขณะที่เื้อื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาเพื่อจะถ่ายภาพไว้ ไฟแดงเจ้ากรรมก็เปลี่ยนเป้นสีเขียวในบัดดล ผมจำเป็นที่ต้องขับรถออกไปก่อนที่รถคันหลังจะอวยชัยให้พรผมตามมาหากยังถ่ายรูปเด็กน้อยคนนั้น
ผมมองผ่านกระจกมองข้าง ภาพของเด็กน้อยผู้นั้นเดินขึ้นไปบนเกาะกลางถนน ตรงไปยังหญิงชราที่นั่งสานตั๊กแตนอยู่ พร้ิอมทั้งยื่นแบงค์ห้าสิบบาทให้ ภาพของทั้งสองคนค่อยๆ ห่างออกไป ขระที่รถผมแล่นผ่านแยกไฟแดงนั้นออกไปเรื่อยๆ
คนบางคนอาจมองว่าตั๊กแตนสานนั้นเป็นเพียงเศษของใบไม้ที่เอามาสานให้เป็นรูปเป็นร่าง แล้วมองผ่านไปอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร เงินยี่สิบบาทสำหรับคนบางคนอาจจะดูน้อยนิด แต่สำหรับคนบางคน มันกลับมีค่ามาก เงินยี่สิบบาทนั้นก็มีค่ามากสำหรับหญิงชรา และเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้น มันหมายถึงอาหารหนึ่งมื้อที่ทำให้ท้องของทั้งสองยายหลานได้อิ่มท้อง มันคือค่ายา ค่าหมอ ในยามที่ยายหลานเจ็บป่วย
รอยยิ้มเล็กๆ ที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าของเด็กน้อยคนนั้น ยังอยู่ในความทรงจำของผม และทุกครั้งที่ผมติดไฟแดง ผมก็จะเห็นเด็กน้อยคน ตั๊กแตนสาน ปลาตะเพียนสาน และป้ายห้อยคอ อยู่เช่นเดิม
"หนูครับ ตั๊กแตนสานตัวนึงครับ"