ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafe?????? เงินเดือนโปรแกรมเมอร์ครับ ????????
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 7   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ?????? เงินเดือนโปรแกรมเมอร์ครับ ????????  (อ่าน 34458 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
barco
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,068



ดูรายละเอียด
« ตอบ #40 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 21:17:30 »

ผมว่าจะตั้งเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับบริษัทนั้นๆ ซะมากกว่าว่าต้องการพนักงานคุณภาพขนาดไหนมาทำงาน

คงจะให้เป็นเกณฑ์ตายตัวคงยากอ่ะครับ
บันทึกการเข้า
ก้ามปู
เสือซุ่มด่า
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 218
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,198



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #41 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 21:30:06 »

ลองเข้าไปดูราคาว่าจ้างที่ thaifreelancebid ดูสิครับ ผมเห็นแล้วเหนื่อยแทน บิทกันโคตรถูกเลย สู้ไม่ได้ Tongue
 ในเมื่อการจ้างงานแบบโปรเจค ราคาถูกอย่างนี้ เรื่องรับพนักงานเงินเดือนแพงๆ สำหรับบริษัทระดับกลางถึงระดับล่าง ก็ไม่ต้องหวังครับ ส่วนบริษัทระดับสูง ส่วนใหญ่ก็รับแต่ ป.ตรี-ป.โท แถมประสบการณ์ ส่วนเด็กจบใหม่หมดสิทธิ์.

ก็แบบนี้แหละ ถึงได้บอกว่า อย่าร้อง เพราะเราๆทำตัวเองทั้งนั้นแหละครับ  Tongue
บันทึกการเข้า

ตอนนี้ผมไม่ค่อยว่างตอบอะไรใครนะครับ เพราะไม่ได้เข้าบอร์ดเลย
ฮารุมิจิ
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 71
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,553



ดูรายละเอียด
« ตอบ #42 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 21:42:01 »

"ให้มองคนที่ต่ำกว่าเรา" ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยครับ ค่อย ๆ เป็นค่อยไปครับ  :Smiley
บันทึกการเข้า
ibank
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219



ดูรายละเอียด
« ตอบ #43 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 21:44:04 »

ใครถูกเค้าก็จ้างคนนั้น นายจ้างมีทางเลือก พนักงานเลือกนายจ้างได้ แต่ดวง จะได้ดีหรือไม่อีกเรื่องนึง

มุมมองนายจ้าง ยิ่งถูกยิ่งมีกำไร เพราะต้องหาเงินเก็บไว้เยอะๆ ยังต้องทำธุรกิจอีกหลายปี เผื่อปีไหน ช่วงไหน ไม่มีงานจะได้ไม่โละคนออก
ค่อยๆ พยุงกันไปด้วยเงินเก็บ

มุมมองลูกจ้าง คิดว่าตัวเองมีความสามารถมากมายที่คนอื่นทำไม่ได้ เลยต้องการเงินเดือนสูงลิ่ว จบใหม่ๆ ขอซะเวอร์ เผลอๆ ได้มากกว่า เจ้าของอีก
บันทึกการเข้า

monojung
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 136



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #44 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 21:44:13 »

"ให้มองคนที่ต่ำกว่าเรา" ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยครับ ค่อย ๆ เป็นค่อยไปครับ  :Smiley

เห็นด้วยครับ  Grin
บันทึกการเข้า

ก้ามปู
เสือซุ่มด่า
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 218
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,198



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #45 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 21:52:12 »

"ให้มองคนที่ต่ำกว่าเรา" ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยครับ ค่อย ๆ เป็นค่อยไปครับ  :Smiley

เห็นด้วยครับ  Grin

ทำนองว่า เราสู้ญี่ปุ่นไม่ได้ เลยไม่ต้องแข่งเค้า มาแข่งกับลาวดีกว่า ทำนองนี้ป่าวครับ  Grin
บันทึกการเข้า

ตอนนี้ผมไม่ค่อยว่างตอบอะไรใครนะครับ เพราะไม่ได้เข้าบอร์ดเลย
Aussawinning
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 109
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 932



ดูรายละเอียด
« ตอบ #46 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 21:52:46 »

โปรแกรมเมอร์ก็คือกรรมกรประเภทหนึ่งก็ว่าได้อะครับ เงินเดือนก็จัดว่าอยู่ในระดับดีแต่งานอาจจะหนักหน่อย ส่วนมากกลับไม่ค่อยตรงเวลา Lips Sealed
เรื่องดีกรีนี่ไม่ค่อยมีผมอะครับเพราะงานเชิงเท็คนิคแบบนี้จบ ม ชื่อดัง ดีกรีสูง บางทีอาจจะไม่เก่งเท่าคนจบ รภช ด้วยซ้ำ แล้วพอทำงานไปซักพักมันจะเห็นข้อแตกต่างระหว่างเรากับเพื่อนร่วมงานถ้าเข้ามาแบบทำไรไม่ค่อยเป็น

เรื่องเงินเดือนผมว่าก็แล้วแต่ที่อะครับ เค้าคงไม่ได้เอาเปรียบไรเรามากหรอกครับ แต่บริษัทไอทีมันมีเยอะมากหลายขนาด บริษัทเล็กๆก็เยอะ บริษัทขนาดกลางก็มาก บริษัทใหญ่ๆพอมีบ้าง (เฉพาะที่โปรดักเป็นซอฟต์แวร์นะครับ) เพราะธุรกิจแบบนี้ต้นทุนมันไม่ต้องสูงมากเหมือนพวกโรงงานผลิตหรือส่งออกต่างๆ ทำให้ฐานเงินเดือนมันมีหลายระดับ

ถ้าหาบริษัทดีๆผมว่าสตาร์ต 3 หมื่นก็น่าจะหาได้นะ รู้จักเพื่อนที่เรียนด้วยกันทำงาน ปตท แค่เงินเดือนก็สตาร์ท 3X,XXX ไม่รวมเงินนอก แต่ต้องพรีเซ็นต์งานเป็นภาษาอังกฤษ Grin

ถ้าทำงานบริษัทเล็กๆอาจจะได้ความรู้เชิงเท็คนิคมากกว่าเพราะอาจจะได้ทำืทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่ถ้าเข้า บ ใหญ่ๆได้เราอาจจะได้ทำในงานที่แคบลงแต่ก็น่าจะได้คอนเน็คชั่นที่ดีกว่า แล้วก็รายได้ดีกว่ามาก

คนจบ วศ คอม แล้วทำงานโปรแกรมเมอร์นี่ถ้าไม่ชอบหรือไม่เก่งจริงนี่ตอนทำงานถ้าทำในบริษัทขนาดเล็กถึงกลางนี่อาจจะโดนเปรียบเทียบอะครับ เพราะ วศ คอม เรียนเขียนโปรแกรมไม่มากเท่าไหร่อาจจะน้อยด้วยซ้ำ เป็นโปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดงานเทคนิคล้วนๆ ถ้า จบ วศ คอม ม ชื่อดังหน่อย ไม่ช่วยไรเลย ถ้าไม่ชอบหรือไม่เก่งจริง

ทำงานบริษัทเค้าก็ต้องใช้เราคุ้มอะครับเป็นธรรมดา โปรแกรมเมอร์อยู่ซอฟแวร์เฮาส์ส่วนมากไม่มีโอทีด้วย แล้วประเภทรีควายเมนต์ระดับเทพนี่สำหรับเด็กจบใหม่คนทำได้จริงๆแบบไม่ต้องเทรนคงหายากอะครับ

ส่วนตัวผมตอนนี้กะว่าจะเอาจริงกับธุรกิจออนไลน์ซักทีแล้วครับเพื่ออิสรภาพทำเล่นๆมานานแล้่ว เมื่อวานเพิ่ง uninstall fm2009 ออกจากเครื่อง กะว่าถ้าได้ตังซัก 2-3 หมื่น จะออกมาทำงานส่วนตัวตามความฝัน

ปล. ผมก็พูดตามประสาเด็กจบใหม่ไม่ถึงครึ่งปี ทำงานไม่ถึงครึ่งปีเช่นกัน ข้อมูลอาจเชื่อถือไม่ได้ทั้งหมด Wink
เพิ่มเติม. ถ้าหางานตาม บ ใหญ่ๆ หรือโรงงาน ที่ไม่ใช้ธุรกิจไอที ก็รายได้ดีนะครับ มะก่อนมีโอทีด้วย เพื่อนที่สนิทกัน ทำอยู่โรงงานรถยนต์แต่ก่อนเดือนนึงได้รวมๆสามกว่า แต่ทำงานหกวัน แต่งานไม่หนัก ไม่ค่อยได้ทำไรมาก แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังได้โอทีอยู่ป่าวนะเห็นกระทบกันเยอะพวกโรงงานรถยนต์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 มีนาคม 2009, 22:02:07 โดย Aussawinning » บันทึกการเข้า
kero
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 326



ดูรายละเอียด
« ตอบ #47 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 21:59:02 »

ผมเคยทำงานบริษัทอ่ะ รับทำโปรแกรม นี่ล่ะเป็น project ๆ ไป งานหนึ่ง โอ้โห 7-8 แสน มั่ง ทำกัน 2-3 คนเอง กับ SA เลยชวนกันออกมารับเองซ้า รับงานเดียว อยู่ได้ทั้งปี  

แล้วงัยอ่ะ หางานยากชิบเป๋ง  งานละ 7-8 แสน ไม่เห็นจะมี เจอแต่งาน 2-3 หมื่น แบ่งกันไม่พอกินแล้วเนี่ย

กำ ตอนนี้อยากไปทำงานบริษัทง่ะ อยากได้เงินเดือนมั่ง  Cry มีใครอยากจ้างผมมั่ง เดือนละ 5 หมื่นก็พอละไม่โลภ  Grin
บันทึกการเข้า

Amazon Review Blog ไม่เคยได้เงินกะเขาเล้ย เฮ้อ
Blog คนบ้า 555 Blog ผมเองครับเอาไว้นั่งบ่น
ก้ามปู
เสือซุ่มด่า
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 218
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,198



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #48 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 22:07:00 »

โปรแกรมเมอร์ก็คือกรรมกรประเภทหนึ่งก็ว่าได้อะครับ เงินเดือนก็จัดว่าอยู่ในระดับดีแต่งานอาจจะหนักหน่อย ส่วนมากกลับไม่ค่อยตรงเวลา Lips Sealed
เรื่องดีกรีนี่ไม่ค่อยมีผมอะครับเพราะงานเชิงเท็คนิคแบบนี้จบ ม ชื่อดัง ดีกรีสูง บางทีอาจจะไม่เก่งเท่าคนจบ รภช ด้วยซ้ำ แล้วพอทำงานไปซักพักมันจะเห็นข้อแตกต่างระหว่างเรากับเพื่อนร่วมงานถ้าเข้ามาแบบทำไรไม่ค่อยเป็น

เรื่องเงินเดือนผมว่าก็แล้วแต่ที่อะครับ เค้าคงไม่ได้เอาเปรียบไรเรามากหรอกครับ แต่บริษัทไอทีมันมีเยอะมากหลายขนาด บริษัทเล็กๆก็เยอะ บริษัทขนาดกลางก็มาก บริษัทใหญ่ๆพอมีบ้าง (เฉพาะที่โปรดักเป็นซอฟต์แวร์นะครับ) เพราะธุรกิจแบบนี้ต้นทุนมันไม่ต้องสูงมากเหมือนพวกโรงงานผลิตหรือส่งออกต่างๆ ทำให้ฐานเงินเดือนมันมีหลายระดับ

ถ้าหาบริษัทดีๆผมว่าสตาร์ต 3 หมื่นก็น่าจะหาได้นะ รู้จักเพื่อนที่เรียนด้วยกันทำงาน ปตท แค่เงินเดือนก็สตาร์ท 3X,XXX ไม่รวมเงินนอก แต่ต้องพรีเซ็นต์งานเป็นภาษาอังกฤษ Grin

ถ้าทำงานบริษัทเล็กๆอาจจะได้ความรู้เชิงเท็คนิคมากกว่าเพราะอาจจะได้ทำืทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่ถ้าเข้า บ ใหญ่ๆได้เราอาจจะได้ทำในงานที่แคบลงแต่ก็น่าจะได้คอนเน็คชั่นที่ดีกว่า แล้วก็รายได้ดีกว่ามาก

คนจบ วศ คอม แล้วทำงานโปรแกรมเมอร์นี่ถ้าไม่ชอบหรือไม่เก่งจริงนี่ตอนทำงานถ้าทำในบริษัทขนาดเล็กถึงกลางนี่อาจจะโดนเปรียบเทียบอะครับ เพราะ วศ คอม เรียนเขียนโปรแกรมไม่มากเท่าไหร่อาจจะน้อยด้วยซ้ำ เป็นโปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดงานเทคนิคล้วนๆ ถ้า จบ วศ คอม ม ชื่อดังหน่อย ไม่ช่วยไรเลย ถ้าไม่ชอบหรือไม่เก่งจริง

ทำงานบริษัทเค้าก็ต้องใช้เราคุ้มอะครับเป็นธรรมดา โปรแกรมเมอร์อยู่ซอฟแวร์เฮาส์ส่วนมากไม่มีโอทีด้วย แล้วประเภทรีควายเมนต์ระดับเทพนี่สำหรับเด็กจบใหม่คนทำได้จริงๆแบบไม่ต้องเทรนคงหายากอะครับ

ส่วนตัวผมตอนนี้กะว่าจะเอาจริงกับธุรกิจออนไลน์ซักทีแล้วครับเพื่ออิสรภาพทำเล่นๆมานานแล้่ว เมื่อวานเพิ่ง uninstall fm2009 ออกจากเครื่อง กะว่าถ้าได้ตังซัก 2-3 หมื่น จะออกมาทำงานส่วนตัวตามความฝัน

ปล. ผมก็พูดตามประสาเด็กจบใหม่ไม่ถึงครึ่งปี ทำงานไม่ถึงครึ่งปีเช่นกัน ข้อมูลอาจเชื่อถือไม่ได้ทั้งหมด Wink
เพิ่มเติม. ถ้าหางานตาม บ ใหญ่ๆ หรือโรงงาน ที่ไม่ใช้ธุรกิจไอที ก็รายได้ดีนะครับ มะก่อนมีโอทีด้วย เพื่อนที่สนิทกัน ทำอยู่โรงงานรถยนต์แต่ก่อนเดือนนึงได้รวมๆสามกว่า แต่ทำงานหกวัน แต่งานไม่หนัก ไม่ค่อยได้ทำไรมาก แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังได้โอทีอยู่ป่าวนะเห็นกระทบกันเยอะพวกโรงงานรถยนต์


ฮั่นแน่ ขี้เกียจแล้วอ่ะเดะ

ก่อนหน้านี้ชวนมาตกงานด้วยกันไม่มาด้วยกันแต่แรก  Cheesy
บันทึกการเข้า

ตอนนี้ผมไม่ค่อยว่างตอบอะไรใครนะครับ เพราะไม่ได้เข้าบอร์ดเลย
sandmanenter
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #49 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 22:52:58 »

อย่ามอง IT เป็นงาน IT ครับ ลองหาภาคธุรกิจอื่นๆที่ทำกำไรมากๆ แล้วเอาความรู้ทางด้าน IT ไปปรับใช้กับธุรกิจที่เราทำเพื่อสร้างโอกาสที่มากขึ้นสร้างช่องทางที่มากขึ้น เอา IT ไปลดต้นทุน เพิ่มผลตอบแทนของการลงทุน ลดความซับซ้อนในการบริหาร ลดเวลาในการนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาด เพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารธุรกิจที่เราทำอยู่ หากเราหวังจะไปเอาเงินเดือนจากการจ้างงานทางด้านไอทีปัจจุบันมันคงไม่ทำให้คุ้มค่ากับที่เรียนมาครับ

มีเรื่องนึงที่ผมเคยคิดอยากจะเล่าให้ฟังเผื่อว่าบางคนเคยลองคิดเล่นๆแบบผมก็เอามาเล่าให้ฟังกันนะครับ
มีช่วงหนึ่งที่ผมทำงานอยู่ที่อาคารเล้าเป้งง้วนทาวเวอร์ ข้างๆตึกซันทาวเวอร์ตรงข้ามเซนต์จอร์น ตอนซื้อขาวเหนียวหมูปิ้งตอนเช้าก็ชวนแม่ค้าคุยเล่นพลางนับหมู่ที่ยังไม่ได้ปิ้งอยู่ในกล่องที่เค้าเตรียมไว้ดูว่ามีกี่ไม้ เลยถามเค้าว่าคุณป้าทำวันละกี่ไม้ครับเนี่ยขายดีจัง ตอนยื่นนับอยู่นับได้สามร้อยกว่าไม้ ป้าเค้าตอบว่าหมูปิ้งเค้าทำวันละ 500 ไม้ ขายหมดประมาณบ่ายสองโมงของทุกวัน แต่ป้าเค้าขายอย่างอื่นด้วยเช่นพวกไก่ย่างข้าวเหนียวนี่ก็ยังไม่ได้นับ ป้าเค้าบอกว่ากำไรครึ่งต่อครึ่ง เลยลองคูณดู หยุดเสาร์อาทิตย์เหลือเดือนละประมาณ 22 วัน x 500 เท่ากับเดือนละ 11,000 ไม้ ไม้ละ 5 บาท รวมเป็นเงิน 55,000 บาท กำไรครึ่งหนึ่งของยอดขาย ก็ได้ประมาณ 27,500 บาทต่อเดือน ในส่วนของหมูปิ้ง คุณป้าก็พูดอย่างภูมิใจว่า ลูกสาวคนที่ยืนช่วยขายอยู่ป้าส่งเรียนเซนต์จอร์น กำลังเรียนอยู่ นี่คนเล็ก ส่วนคนโตเรียนจบแล้วเซนต์จอร์นเหมือนกัน ผมคิดเอาเองนะว่าถ้ารวมทุกอย่างแล้วคุณป้าเค้าน่าจะได้กำไรสักประมาณเดือนละ 40,000 บาท
ซุ่มกาแฟเล็กๆในอาคารเดียวกัน ลองถามเหมือนกันครับ เค้าบอกว่าขายได้เฉลี่ยวันละ 250 แก้ว ราคาแก้วละ 25 บาท ถ้าขายเดือนละ 22 วันก็จะได้เดือนละประมาณ 5,500 แก้ว เป็นยอดเงินประมาณ 137,500 บาท เป็นต้นทุนเท่าไหร่ กำไรเท่าไหร่ผมไม่ทราบนะ แต่ถ้าไม่มีค่าลิขสิทธิ์ ได้ได้กำไรเกินครึ่งสำหรับกาแฟครับ

ยังมีอีกหลายอย่างครับลองมองไปรอบๆตัว อยากให้มองว่างานคืองานครับ ถ้า IT เป็นสิ่งที่ชอบมันก็คือส่วนหนึ่งของชีวิต แต่หากคิดจะเอาเงินเยอะ ก็มองไปรอบๆตัวจะง่ายกว่าครับ
บันทึกการเข้า

Step9
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 122
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,518



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #50 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 23:02:38 »

อย่ามอง IT เป็นงาน IT ครับ ลองหาภาคธุรกิจอื่นๆที่ทำกำไรมากๆ แล้วเอาความรู้ทางด้าน IT ไปปรับใช้กับธุรกิจที่เราทำเพื่อสร้างโอกาสที่มากขึ้นสร้างช่องทางที่มากขึ้น เอา IT ไปลดต้นทุน เพิ่มผลตอบแทนของการลงทุน ลดความซับซ้อนในการบริหาร ลดเวลาในการนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาด เพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารธุรกิจที่เราทำอยู่ หากเราหวังจะไปเอาเงินเดือนจากการจ้างงานทางด้านไอทีปัจจุบันมันคงไม่ทำให้คุ้มค่ากับที่เรียนมาครับ

มีเรื่องนึงที่ผมเคยคิดอยากจะเล่าให้ฟังเผื่อว่าบางคนเคยลองคิดเล่นๆแบบผมก็เอามาเล่าให้ฟังกันนะครับ
มีช่วงหนึ่งที่ผมทำงานอยู่ที่อาคารเล้าเป้งง้วนทาวเวอร์ ข้างๆตึกซันทาวเวอร์ตรงข้ามเซนต์จอร์น ตอนซื้อขาวเหนียวหมูปิ้งตอนเช้าก็ชวนแม่ค้าคุยเล่นพลางนับหมู่ที่ยังไม่ได้ปิ้งอยู่ในกล่องที่เค้าเตรียมไว้ดูว่ามีกี่ไม้ เลยถามเค้าว่าคุณป้าทำวันละกี่ไม้ครับเนี่ยขายดีจัง ตอนยื่นนับอยู่นับได้สามร้อยกว่าไม้ ป้าเค้าตอบว่าหมูปิ้งเค้าทำวันละ 500 ไม้ ขายหมดประมาณบ่ายสองโมงของทุกวัน แต่ป้าเค้าขายอย่างอื่นด้วยเช่นพวกไก่ย่างข้าวเหนียวนี่ก็ยังไม่ได้นับ ป้าเค้าบอกว่ากำไรครึ่งต่อครึ่ง เลยลองคูณดู หยุดเสาร์อาทิตย์เหลือเดือนละประมาณ 22 วัน x 500 เท่ากับเดือนละ 11,000 ไม้ ไม้ละ 5 บาท รวมเป็นเงิน 55,000 บาท กำไรครึ่งหนึ่งของยอดขาย ก็ได้ประมาณ 27,500 บาทต่อเดือน ในส่วนของหมูปิ้ง คุณป้าก็พูดอย่างภูมิใจว่า ลูกสาวคนที่ยืนช่วยขายอยู่ป้าส่งเรียนเซนต์จอร์น กำลังเรียนอยู่ นี่คนเล็ก ส่วนคนโตเรียนจบแล้วเซนต์จอร์นเหมือนกัน ผมคิดเอาเองนะว่าถ้ารวมทุกอย่างแล้วคุณป้าเค้าน่าจะได้กำไรสักประมาณเดือนละ 40,000 บาท
ซุ่มกาแฟเล็กๆในอาคารเดียวกัน ลองถามเหมือนกันครับ เค้าบอกว่าขายได้เฉลี่ยวันละ 250 แก้ว ราคาแก้วละ 25 บาท ถ้าขายเดือนละ 22 วันก็จะได้เดือนละประมาณ 5,500 แก้ว เป็นยอดเงินประมาณ 137,500 บาท เป็นต้นทุนเท่าไหร่ กำไรเท่าไหร่ผมไม่ทราบนะ แต่ถ้าไม่มีค่าลิขสิทธิ์ ได้ได้กำไรเกินครึ่งสำหรับกาแฟครับ

ยังมีอีกหลายอย่างครับลองมองไปรอบๆตัว อยากให้มองว่างานคืองานครับ ถ้า IT เป็นสิ่งที่ชอบมันก็คือส่วนหนึ่งของชีวิต แต่หากคิดจะเอาเงินเยอะ ก็มองไปรอบๆตัวจะง่ายกว่าครับ



ครับ 

เรื่องได้เงินเยอะ นี่เจอพ่อค้าแม่ค้าหลายรายแล้วครับ
ริมถนน ริมทางเท้า แม้แต่ร้านรถเข็น ร้านเหล่านี้หาเงินได้มากจนน่าปลื้มใจแทน

 Cool


มหาลัย มหา...
http://media.imeem.com/m/Xzaq7ERJes

คาราบาวครับ
บันทึกการเข้า

barbies55
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 417
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11,533



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #51 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 23:13:00 »

ผมเคยทำงานบริษัทอ่ะ รับทำโปรแกรม นี่ล่ะเป็น project ๆ ไป งานหนึ่ง โอ้โห 7-8 แสน มั่ง ทำกัน 2-3 คนเอง กับ SA เลยชวนกันออกมารับเองซ้า รับงานเดียว อยู่ได้ทั้งปี  

แล้วงัยอ่ะ หางานยากชิบเป๋ง  งานละ 7-8 แสน ไม่เห็นจะมี เจอแต่งาน 2-3 หมื่น แบ่งกันไม่พอกินแล้วเนี่ย

กำ ตอนนี้อยากไปทำงานบริษัทง่ะ อยากได้เงินเดือนมั่ง  Cry มีใครอยากจ้างผมมั่ง เดือนละ 5 หมื่นก็พอละไม่โลภ  Grin

นี่ไง สิ่งที่บริษัทมี นั่นก็คือคอนเนคชั่น และพาวเวอร์ ถ้าไม่มีสองอย่างนี้ก็หางานดีๆเข้าบริษัทยาก
อย่างเวลาไปคุยงาน คนรับงานของบริษัทบอกราคาไปเจ็ดแปดแสน
โปรแกรมเมอร์มือใหม่ที่ไปด้วยเคยคิดในใจกันมั่งป่าว ว่างานแบบนี้ได้สองหมื่นก็ทำแล้ว
 Cheesy
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 มีนาคม 2009, 23:17:25 โดย barbies55 » บันทึกการเข้า

รับทำเทมเพลท รับโมเทมเพลทให้เข้ากับสคริปต์ต่างๆ


On the Internet, Never One Know You are a Dog.
ผ้าขี้ริ้วห่อทองย่อมเป็นทองฉันใด เอาทองเปลวมาห่อขี้ก็ยังเป็นขี้ฉันนั้น
fujiwala
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 200



ดูรายละเอียด
« ตอบ #52 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 23:13:50 »

อยากได้เงินเดือนเยอะต้องถามก่อนว่าทำงานคุ้มค่าจ้างรึปล่าว   :Smiley

แต่เศรษฐกิจอย่างนี้อย่าเลือกงานครับ
บันทึกการเข้า
cmbuy
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 8
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 556



ดูรายละเอียด
« ตอบ #53 เมื่อ: 23 มีนาคม 2009, 23:48:35 »

พึ่งตั้งบริษัทเปิดได้ไม่กี่เดือน เข้าเดือนมาไม่ทันไรก็จะต้องจ่ายเงินเดือนอีกแล้ว ตอนนี้ก็ 2 คน สิ้นเดือนเมษาก็ต้องหาคนมาประจำออฟฟิศ อย่างน้อย ๆ ก็  เลขาหรือผู้ช่วย 2 ตลาด 2 อีก 4 เดือนข้างหน้าโปรแกรมเมอร์อีก 4 คน ตอนเริ่มออกเดิน ยังไม่ต้องพัฒนาอะไรมาก ของเก่ายังใช้ได้ ดูแล แต่อีก 3 เดือนต้องพัฒนาต่อยอด ต้องหาโปรแกรมเมอร์เพิ่ม  ส่วนตลาดมีของตัวเองอยู่บ้างบวกกับตลาดที่รับเข้ามาช่วยทำงาน กว่าจะเข้าที่เข้าทาง มีกำไรก็อาจจะมากกว่า 8 เดือนขึ้นไป

ว่าด้วยเรื่องเงินเดือนเชียงใหม่ก็เริ่มให้ที่ 8000 ทั้งเก่าทั้งใหม่ เริ่มใหม่หมดพิสูจน์ความสามารถ 1 เดือน ถ้าไม่ผ่านก็ซองขาววางบนโต๊ะเป็นที่รู้กัน จะได้ไม่เสียเวลาซึ่งกันและกัน ถ้าผ่านก็ปรับให้ 8500 อีกสองเดือนประเมินใหม่ ถ้าผ่าน 9000 พร้อมทำสัญญาทำงาน 2 ปี ประเมินการทำงานทุก ๆ 3 เดือน ในระยะงาน 1 ปีเงินเดือนขั้นต่ำควรจะได้ 15k-20k ตัวพนักงานเองก็ต้องแสดงศักยภาพของตัวเองเต็มที่ ส่วนสวัสดิการเหมือนบริษัทอื่น ๆ ทั่วไป + เงินเดือนยังไม่รวมค่าหอพัก ค่าน้ำมัน เงินสะสม{จะได้ก็ต่อเมื่อครบสัญญาลาออก เอาไว้เป็นเงินก้อนเป็นทุน} และอื่น ๆ  เช่นกู้ยืมเงินซื้อรถ บริษัทซื้อสด พนักงานมาผ่อนจ่ายให้อีกต่อ ทำงาน 5 วัน เสาร์ อาทิตย์ ไปหาลูก หาเมีย พักผ่อนให้เต็มที่ แต่เสาร์ อาทิตย์ออฟฟิศไม่ปิด ต้องเปลี่ยนเวรกันมาทำงาน มีเงินสะสมเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

เฮีย(เจ้านายเก่า)เคยพูดไว้เสมอ คนทำงานด้วยใจ หาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน อย่าถือว่าเรามีเงินจะหาซื้ออะไรก็ได้ จะไม่มีใครอยู่ด้วยนาน เมื่อคิดจะเลี้ยงคน ต้องเลี้ยงให้เค้าดูแลตัวเอง พร้อมคนรอบข้างได้ เงินเดือนไม่ใช่แค่เงินใช้พอเดือน ต้องดูความเหมาะสมกับสิ่งที่เราได้ ถ้าเค้าควรจะได้เราต้องให้ ต้องรู้จักใช้ทั้งพระเดช และพระคุณให้เป็น

ส่วนโปรแกรมเมอร์ ตามที่คิดไว้จะไปรับในอีก 4 เดือนข้างหน้า เพื่อเตรียมปรับงานและค่าใช้จ่ายกับรายรับที่เข้ามา อาชีพโปรแกรมเมอร์ เป็นอาชีพที่ไม่เหมือนกับอาชีพอื่น ๆ มันเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่หมกหมุ่นกับการลอง + นักออกแบบที่ต้องใช้จิตนาการค่อนข้างสูง อะไรที่ดูเป็นเรื่องยุ่ง ๆ วุ่นวาย แต่โปรแกรมจัดระเบียบใหม่เพียงแค่ปลายคลิก บอกไว้เลยว่าคนคิดคนออกแบบ คิดกันหัวแทบระเบิด ยิ่งถ้าทำหรือแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วแสดงว่า... ชั่วโมงบินไม่ธรรมดา

แล้วอยากได้โปรแกรมเมอร์แบบไหน ...ในเชียงใหม่ เท่าที่ลองประกาศ รวมทั้งกลุ่มคนที่อยู่ในวงการเดียวกัน ระดับเทพ นับหัวใส่กันเลยได้ มีปัญญาจ้างหรือเปล่า {ส่ายหัว Tongue} พอมีประสบการณ์หน่อยก็จะเข้าเมืองใหญ่ มันจึงหนีไม่พ้นที่จะต้องพิจารณาเด็กใหม่ ปั้นใหม่ ฝึกใหม่ เสียเวลาไปบ้าง กับคนที่ไม่ผ่านทดสอบก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าผ่านก็เลี้ยงดูปูเสื่อกันเต็มที่ {ซายูริประจำ Grin} แต่ถ้าฝึกในระดับหนึ่งแล้วจะออก อาจจะมีสองเหตุผล อย่างแรก ออกเพื่อหาที่ทำงานใหม่ อันนี้เราต้องพิจารณาตัวเอง ทำไมเค้ายังคิดที่จะเปลี่ยนงาน แต่ถ้าเค้ามีทางเลือกที่ดีก็ยินดี อย่างที่สองออกเพื่อไปทำธุรกิจเอง หรืออาชีพอิสระ อันนี้ก็ต้องส่งเสริม อย่างที่บอกเบื้องต้น มีเงินสะสมจะได้ก็ต่อเมื่อลาออก เงินก้อนนี้ทำให้เขาไปเริ่มต้นใหม่ได้ เหมือนกับที่มีคนให้โอกาสเรา อีกอย่างการที่เขาไปทำบริษัทหรือธุรกิจเอง เราก็จะได้มีบิสิเนทพาร์เนอร์ งานไหนที่ทำไม่ได้ก็โยนไปให้ทำ อย่างน้อยก็รู้ฝึกมือกันในระดับหนึ่ง

เฮีย{คนเดิม}ถ้าอยากจะรู้ว่าอนาคต อนาคตเงินเดือนตัวเองจะเป็นยังไง วิธีแรก ก็ให้ดูคนที่ทำงานมาก่อนหน้านี้ เช่น อยากรู้ว่าอีก 5 ปี เงินเดือนจะเท่าไร ก็ให้ดูคนที่ทำงานมาก่อนหน้าเรา 5 ปี วิธีที่สอง อยากรู้ทิศทางเงินเดือนจะเป็นอย่างไร ก็ไปดูว่าเจ้านาย หรือนายจ้างมีอุปนิสัยยังไง ถ้าขี้เหนียวก็ประมาณนั้น ทุ่มเทกับลูกน้องก็ประมาณนั้น แต่ถ้าเป็นเจ้านายแบบสายงานหลายทอดก็... จะบอกตามโครงสร้าง แต่ถ้าเป็นบริษัทขนาดเล็กสั่งการโดยตรงอันนี้จะดูออก ถ้าแบบแฟร์ ได้โปรเจคยักษ์ช่วยกันทำ ก็จ่ายกันไม่อั้น เลี้ยงกันเต็มที่... และผมก็จะทำแบบนี้เช่นกัน  Grin Grin Grin Grin Grin

เรื่องของเงินเดือน บ้างทีเอาไปเปรียบกับที่อื่นหรือคนอื่น ได้มากได้น้อย มันก็ลำบาก เพราะปัจจัยการพิจารณาอาจจะไม่เหมือนกัน มันก็อยู่ที่ว่า จะพึ่งพอใจกันทั้งสองฝ่าย  และที่สำคัญพึ่งพอใจที่จะทำงานต่อและสร้างสรรค์ผลงานหรือไม่ ถ้าไม่พอใจก็ลาออกไปหางานใหม่ แต่การเปลี่ยนงานบ่อย ๆ ระวังจะถูกมองเรื่องการเข้าสังคม อย่างประเทศญี่ปุ่นหลังแพ้สงครามโลกใหม่ ๆ คนที่ออกงานกลางคั่น จะไปสมัครงานใหม่ลำบาก ถ้าเหตุผลไม่ดีพอ เพราะเค้าถึงว่าไม่มีความจงรักภักดีต่อองค์กร เหมือนที่ทหารจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิ์ แต่สมัยนี้คนไทย เข้า ๆ ออก ๆ บริษัทหนึ่ง ๆ กันเป็นว่าเล่น

ปล. เขียนแบบไม่ได้ตรวจทานเท่าไรผิดพลาดประการใดขออภัย อาจจะได้แนวคิดในบ้างเรื่อง
บันทึกการเข้า

- -!
ก้ามปู
เสือซุ่มด่า
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 218
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,198



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #54 เมื่อ: 24 มีนาคม 2009, 00:21:08 »

อย่ามอง IT เป็นงาน IT ครับ ลองหาภาคธุรกิจอื่นๆที่ทำกำไรมากๆ แล้วเอาความรู้ทางด้าน IT ไปปรับใช้กับธุรกิจที่เราทำเพื่อสร้างโอกาสที่มากขึ้นสร้างช่องทางที่มากขึ้น เอา IT ไปลดต้นทุน เพิ่มผลตอบแทนของการลงทุน ลดความซับซ้อนในการบริหาร ลดเวลาในการนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาด เพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารธุรกิจที่เราทำอยู่ หากเราหวังจะไปเอาเงินเดือนจากการจ้างงานทางด้านไอทีปัจจุบันมันคงไม่ทำให้คุ้มค่ากับที่เรียนมาครับ

มีเรื่องนึงที่ผมเคยคิดอยากจะเล่าให้ฟังเผื่อว่าบางคนเคยลองคิดเล่นๆแบบผมก็เอามาเล่าให้ฟังกันนะครับ
มีช่วงหนึ่งที่ผมทำงานอยู่ที่อาคารเล้าเป้งง้วนทาวเวอร์ ข้างๆตึกซันทาวเวอร์ตรงข้ามเซนต์จอร์น ตอนซื้อขาวเหนียวหมูปิ้งตอนเช้าก็ชวนแม่ค้าคุยเล่นพลางนับหมู่ที่ยังไม่ได้ปิ้งอยู่ในกล่องที่เค้าเตรียมไว้ดูว่ามีกี่ไม้ เลยถามเค้าว่าคุณป้าทำวันละกี่ไม้ครับเนี่ยขายดีจัง ตอนยื่นนับอยู่นับได้สามร้อยกว่าไม้ ป้าเค้าตอบว่าหมูปิ้งเค้าทำวันละ 500 ไม้ ขายหมดประมาณบ่ายสองโมงของทุกวัน แต่ป้าเค้าขายอย่างอื่นด้วยเช่นพวกไก่ย่างข้าวเหนียวนี่ก็ยังไม่ได้นับ ป้าเค้าบอกว่ากำไรครึ่งต่อครึ่ง เลยลองคูณดู หยุดเสาร์อาทิตย์เหลือเดือนละประมาณ 22 วัน x 500 เท่ากับเดือนละ 11,000 ไม้ ไม้ละ 5 บาท รวมเป็นเงิน 55,000 บาท กำไรครึ่งหนึ่งของยอดขาย ก็ได้ประมาณ 27,500 บาทต่อเดือน ในส่วนของหมูปิ้ง คุณป้าก็พูดอย่างภูมิใจว่า ลูกสาวคนที่ยืนช่วยขายอยู่ป้าส่งเรียนเซนต์จอร์น กำลังเรียนอยู่ นี่คนเล็ก ส่วนคนโตเรียนจบแล้วเซนต์จอร์นเหมือนกัน ผมคิดเอาเองนะว่าถ้ารวมทุกอย่างแล้วคุณป้าเค้าน่าจะได้กำไรสักประมาณเดือนละ 40,000 บาท
ซุ่มกาแฟเล็กๆในอาคารเดียวกัน ลองถามเหมือนกันครับ เค้าบอกว่าขายได้เฉลี่ยวันละ 250 แก้ว ราคาแก้วละ 25 บาท ถ้าขายเดือนละ 22 วันก็จะได้เดือนละประมาณ 5,500 แก้ว เป็นยอดเงินประมาณ 137,500 บาท เป็นต้นทุนเท่าไหร่ กำไรเท่าไหร่ผมไม่ทราบนะ แต่ถ้าไม่มีค่าลิขสิทธิ์ ได้ได้กำไรเกินครึ่งสำหรับกาแฟครับ

ยังมีอีกหลายอย่างครับลองมองไปรอบๆตัว อยากให้มองว่างานคืองานครับ ถ้า IT เป็นสิ่งที่ชอบมันก็คือส่วนหนึ่งของชีวิต แต่หากคิดจะเอาเงินเยอะ ก็มองไปรอบๆตัวจะง่ายกว่าครับ


หมูปิ้งนี่อย่างโหดก็ต้อง หลัง มข. ตอนที่ผมอยากขายหมูปิ้งนี่ไปนั่งนับคนเข้าร้านเค้า ช่วงคนเบาบาง ชั่วโมงนึงเข้าประมาณ 30 คน แต่ถ้าช่วงคนหนาแน่นนี่น่าจะเป็นร้อย  ร้านนี้เปิด 24 ชั่วโมง น่าจะขายได้วันนึงอย่างน้อย 600 คน คนนึ่งเฉลี่ยต่ำสุกก็ 25 บาท รวมพวกค่าข้าวเหนียว ยอดขายอย่างน้อยๆวันละ 15000 แน่นอน เดือนนึงก็ไม่ต่ำกว่าแสน

ก็มีอีกร้านที่สนิทกะเค้า เค้าขายนมชงแก้วละ 15 บาท วันนึงก็ขายได้ราวๆ 250-400 แก้ กำไรลองเดาๆเอาว่าจะเท่าไหร่

อีกร้านก็เป็นโรตีร้านประจำ ผมสนิทกะอาบังแกมาก แกเล่าว่า วันนึงยอดขายจะประมาณ 2-3 พันบาท ลองคิดดูโรตีต้นทุนถูกรึแพง

อีกประเภทก็ผลไม้แช่เย็น เนื่องจากผมเคยเปิดร้านแบบนี้(แต่เจ๊งเพราะทำเล) เคยไปนั่งตีสินทกับพวกที่เค้าอยู่ทำเลดีๆ ผลไม้นี่กำไรครึ่งๆ ถ้าทำเลดีนะ วันนึงกำไรพันกว่าบาท ทั้งๆที่มีหลายร้านติดกัน ไม่เชื่อไปถามกังสดาน มข.

อีกร้านเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นแชมป์ร้านประจำผม วันนึงขายได้ 150-300 ชามตามช่วงเวลา ก็ลองเดาๆดูว่ากำไรจะเท่าไหร่

ส่วนผมคิดว่าจะกลับไปขายปุ๋ยที่บ้านละ ภายในสิ้นปีนี้แหละ เอา IT มาช่วยอย่างว่า คงได้เยอะกว่าไม่เอาพวกนี้มาร่วม
บันทึกการเข้า

ตอนนี้ผมไม่ค่อยว่างตอบอะไรใครนะครับ เพราะไม่ได้เข้าบอร์ดเลย
ohmohm
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 170
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,099



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #55 เมื่อ: 24 มีนาคม 2009, 00:29:10 »

อ่านแล้ว เลยนึกถึงบทความนี้เลย
คุณคิดว่าเงินเดือนโปรแกรมเมอร์เหมาะสมหรือ(ยัง) http://www.webappiphone.com/blognone/node.php?content=1473 โดยคุณ deans4j
อ้างถึง
เรื่องคนไทยมีศักยภาพพอหรือไม่ ที่จะ outsource ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างที่อินเดียทำ ผมไม่ขอพูดถึง

สิ่งที่อยากจะถามเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือว่า ถึงแม้ในสายตาเมืองนอกจะมองว่าค่าแรงโปรแกรมเมอร์เราต่ำยังไง
แต่ในสายตาคนไทย คนที่อยู่ในสายงานนี้ ถือว่าได้ผลตอบแทน และเงินเดือน ดีอยู่ในระดับหนึ่ง

คุณว่าทุกวันนี้ โปรแกรมเมอร์ไทย มีคุณภาพดีแค่ไหน เมื่อเทียบกับ ผลตอบแทนที่ได้รับ ?

 ส่วนตัวผมมองว่า ยังต่ำกว่ามาตรฐาน เอามากๆ เลย คนเก่งมีน้อย คนรู้ไม่จริง (แต่ชอบอวดเก่ง) ก็มีเยอะ คนเหล่านี้หรือเปล่าที่ทำให้วิชาชีพนี้ตกต่ำลง? สายงานตันเร็ว เพราะ คุณภาพมันน้อย ลองคิดดูสิ โปรแกรมเมอร์ เด็กจบใหม่เดี๋ยวนี้เงินเดือนบริษัทเอกชน เริ่มต้นขั้นต่ำเฉลี่ยแล้วน่าจะอยู่ที่ 17,000 - 18,000 บาท ถือว่าสูงทีเดียวเทียบกับคนจบอย่างอื่นมา สูงกว่าวิศวกรซะอีก

แต่ด้วยความสามารถที่ส่วนใหญ่จะยังไม่ค่อยดีนัก ทำให้อัตราการเพิ่มเงินเดือนอยู่ในระดับต่ำ ถ้าเทียบกับวิศวกร ส่วนคนที่มีความสามารถควรที่จะได้รับผลตอบแทนสูง ก็ถูกหางเลขของคนที่อยู่ในระดับต่ำ ดึงอั้นเอาไว้

ผลสุดท้ายโปรแกรมเมอร์ระดับมือทองจริงๆ เก๋าจริงๆ หายกันไปหมด หนีไปเป็น SA หนีไปขายเต้าฮวยซะบ้าง (หนีไปทำ aff ฮา) ความรู้ที่ติดตัว ประสบการณ์ที่ตนมีก็หายไปกับการเปลี่ยนอาชีพและสายงานด้วย


พูดถึงอินเดีย ก็นึกถึงนี้ อีกแล้ว
http://www.bangkokbiznews.com/..._25641111.php?news_id=25641111

Thailand Salary Handbook 2008/2009 by Kelly ...
http://www.thaiadmin.org/board/index.php?topic=96640.0

เพิ่มๆ กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,54269.0.html
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,56867.0.html

"วิกฤตการณ์ Programmer เมืองไทย เพราะอะไร ทำไม ถึงวิกฤติได้ขนาดนี้" http://pantip.com/topic/30186572
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 ตุลาคม 2013, 15:46:15 โดย ohmohm » บันทึกการเข้า
alert
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 50
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,741



ดูรายละเอียด
« ตอบ #56 เมื่อ: 24 มีนาคม 2009, 06:00:32 »

ตามที่ผมรู้สึกนะครับ การที่บางคนบอกว่า บริษัทมีกำไรที่ไม่มากพอที่จะจ้าง หรือเงินเดือนโปรแกรมเมอร์เยอะกว่าเงินเดือนเจ้าของอีก อันนี้ต้องปรับวิสัยทัศน์ของเจ้าของแล้วหล่ะครับ ว่ามองตลาดผิดพลาดอย่างไร ไม่ใช่มาลดเพดานเงินเดือนของลูกจ้าง มันเป็นคนละเรื่องกัน อย่างเช่นตลาดไหนมีคู่แข่งเยอะๆ แน่นอนครับ ว่าราคามันต้องต่ำ คุณก็ต้องไปลุยที่ตลาดอย่างอื่นที่มันน่าสนใจกว่า ไม่ใช่มาแข่งกันลดราคาแล้วบอกว่าได้กำไรน้อย

ส่วนคนที่ต้องการจะรับเด็กจบใหม่ ทำอะไรไม่เป็นเลย ผมว่ามันก็สมควรกับรายได้แล้วหล่ะครับ อาจจะดูมากไปด้วยซ้ำ เพราะถ้าพูดกันตามจริง มีเวลาเรียนรู้ตั้ง 4 ปี (เยอะมากๆ นะครับ) ไม่ยอมตั้งใจเรียน ทำอะไรไม่เป็นก็ต้องรับสภาพให้ได้กับเงินเดือนหล่ะครับ แต่ที่ผมเห็น เหมือนว่าคนที่จบมาแล้วทำอะไรได้เยอะๆ ก็พอมีเหมือนกัน แต่ฐานเงินเดือนต้องไปเท่ากับคนที่ทำอะไรไม่ได้เลย ผมเห็นส่วนใหญ่จะปรับเงินเดือนต้องรอ 3-4 เดือนถึงจะปรับให้ ผมว่าถ้าเป็นบริษัทเล็กๆ อยู่ด้วยกัน 1-2 อาทิตย์ เต็มที่ก็ 1 เดือน  ก็มองออกแล้วว่าเก่ง รึว่าไม่เก่งยังไง แต่ให้รอถึง 3-4 เดือนตามบริษัทใหญ่ๆ แต่เงินเดือนไม่มากตามไปด้วย มันเป็นการเอาเปรียบกันอ้อมๆ นะครับเนี่ย
บันทึกการเข้า

***** รับซื้อเว็บไซต์สายขาวคุณภาพ  ตั้งแต่ 500-30,000 uip มี traffic มาจาก Google  และไม่เคยโดนแบน adsense  เสนอราคามาทาง pm ได้เลยครับ *****
iNspIr@Tion
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 135
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,816



ดูรายละเอียด
« ตอบ #57 เมื่อ: 24 มีนาคม 2009, 09:20:53 »

พึ่งตั้งบริษัทเปิดได้ไม่กี่เดือน เข้าเดือนมาไม่ทันไรก็จะต้องจ่ายเงินเดือนอีกแล้ว ตอนนี้ก็ 2 คน สิ้นเดือนเมษาก็ต้องหาคนมาประจำออฟฟิศ อย่างน้อย ๆ ก็  เลขาหรือผู้ช่วย 2 ตลาด 2 อีก 4 เดือนข้างหน้าโปรแกรมเมอร์อีก 4 คน ตอนเริ่มออกเดิน ยังไม่ต้องพัฒนาอะไรมาก ของเก่ายังใช้ได้ ดูแล แต่อีก 3 เดือนต้องพัฒนาต่อยอด ต้องหาโปรแกรมเมอร์เพิ่ม  ส่วนตลาดมีของตัวเองอยู่บ้างบวกกับตลาดที่รับเข้ามาช่วยทำงาน กว่าจะเข้าที่เข้าทาง มีกำไรก็อาจจะมากกว่า 8 เดือนขึ้นไป

ว่าด้วยเรื่องเงินเดือนเชียงใหม่ก็เริ่มให้ที่ 8000 ทั้งเก่าทั้งใหม่ เริ่มใหม่หมดพิสูจน์ความสามารถ 1 เดือน ถ้าไม่ผ่านก็ซองขาววางบนโต๊ะเป็นที่รู้กัน จะได้ไม่เสียเวลาซึ่งกันและกัน ถ้าผ่านก็ปรับให้ 8500 อีกสองเดือนประเมินใหม่ ถ้าผ่าน 9000 พร้อมทำสัญญาทำงาน 2 ปี ประเมินการทำงานทุก ๆ 3 เดือน ในระยะงาน 1 ปีเงินเดือนขั้นต่ำควรจะได้ 15k-20k ตัวพนักงานเองก็ต้องแสดงศักยภาพของตัวเองเต็มที่ ส่วนสวัสดิการเหมือนบริษัทอื่น ๆ ทั่วไป + เงินเดือนยังไม่รวมค่าหอพัก ค่าน้ำมัน เงินสะสม{จะได้ก็ต่อเมื่อครบสัญญาลาออก เอาไว้เป็นเงินก้อนเป็นทุน} และอื่น ๆ  เช่นกู้ยืมเงินซื้อรถ บริษัทซื้อสด พนักงานมาผ่อนจ่ายให้อีกต่อ ทำงาน 5 วัน เสาร์ อาทิตย์ ไปหาลูก หาเมีย พักผ่อนให้เต็มที่ แต่เสาร์ อาทิตย์ออฟฟิศไม่ปิด ต้องเปลี่ยนเวรกันมาทำงาน มีเงินสะสมเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

เฮีย(เจ้านายเก่า)เคยพูดไว้เสมอ คนทำงานด้วยใจ หาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน อย่าถือว่าเรามีเงินจะหาซื้ออะไรก็ได้ จะไม่มีใครอยู่ด้วยนาน เมื่อคิดจะเลี้ยงคน ต้องเลี้ยงให้เค้าดูแลตัวเอง พร้อมคนรอบข้างได้ เงินเดือนไม่ใช่แค่เงินใช้พอเดือน ต้องดูความเหมาะสมกับสิ่งที่เราได้ ถ้าเค้าควรจะได้เราต้องให้ ต้องรู้จักใช้ทั้งพระเดช และพระคุณให้เป็น

ส่วนโปรแกรมเมอร์ ตามที่คิดไว้จะไปรับในอีก 4 เดือนข้างหน้า เพื่อเตรียมปรับงานและค่าใช้จ่ายกับรายรับที่เข้ามา อาชีพโปรแกรมเมอร์ เป็นอาชีพที่ไม่เหมือนกับอาชีพอื่น ๆ มันเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่หมกหมุ่นกับการลอง + นักออกแบบที่ต้องใช้จิตนาการค่อนข้างสูง อะไรที่ดูเป็นเรื่องยุ่ง ๆ วุ่นวาย แต่โปรแกรมจัดระเบียบใหม่เพียงแค่ปลายคลิก บอกไว้เลยว่าคนคิดคนออกแบบ คิดกันหัวแทบระเบิด ยิ่งถ้าทำหรือแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วแสดงว่า... ชั่วโมงบินไม่ธรรมดา

แล้วอยากได้โปรแกรมเมอร์แบบไหน ...ในเชียงใหม่ เท่าที่ลองประกาศ รวมทั้งกลุ่มคนที่อยู่ในวงการเดียวกัน ระดับเทพ นับหัวใส่กันเลยได้ มีปัญญาจ้างหรือเปล่า {ส่ายหัว Tongue} พอมีประสบการณ์หน่อยก็จะเข้าเมืองใหญ่ มันจึงหนีไม่พ้นที่จะต้องพิจารณาเด็กใหม่ ปั้นใหม่ ฝึกใหม่ เสียเวลาไปบ้าง กับคนที่ไม่ผ่านทดสอบก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าผ่านก็เลี้ยงดูปูเสื่อกันเต็มที่ {ซายูริประจำ Grin} แต่ถ้าฝึกในระดับหนึ่งแล้วจะออก อาจจะมีสองเหตุผล อย่างแรก ออกเพื่อหาที่ทำงานใหม่ อันนี้เราต้องพิจารณาตัวเอง ทำไมเค้ายังคิดที่จะเปลี่ยนงาน แต่ถ้าเค้ามีทางเลือกที่ดีก็ยินดี อย่างที่สองออกเพื่อไปทำธุรกิจเอง หรืออาชีพอิสระ อันนี้ก็ต้องส่งเสริม อย่างที่บอกเบื้องต้น มีเงินสะสมจะได้ก็ต่อเมื่อลาออก เงินก้อนนี้ทำให้เขาไปเริ่มต้นใหม่ได้ เหมือนกับที่มีคนให้โอกาสเรา อีกอย่างการที่เขาไปทำบริษัทหรือธุรกิจเอง เราก็จะได้มีบิสิเนทพาร์เนอร์ งานไหนที่ทำไม่ได้ก็โยนไปให้ทำ อย่างน้อยก็รู้ฝึกมือกันในระดับหนึ่ง

เฮีย{คนเดิม}ถ้าอยากจะรู้ว่าอนาคต อนาคตเงินเดือนตัวเองจะเป็นยังไง วิธีแรก ก็ให้ดูคนที่ทำงานมาก่อนหน้านี้ เช่น อยากรู้ว่าอีก 5 ปี เงินเดือนจะเท่าไร ก็ให้ดูคนที่ทำงานมาก่อนหน้าเรา 5 ปี วิธีที่สอง อยากรู้ทิศทางเงินเดือนจะเป็นอย่างไร ก็ไปดูว่าเจ้านาย หรือนายจ้างมีอุปนิสัยยังไง ถ้าขี้เหนียวก็ประมาณนั้น ทุ่มเทกับลูกน้องก็ประมาณนั้น แต่ถ้าเป็นเจ้านายแบบสายงานหลายทอดก็... จะบอกตามโครงสร้าง แต่ถ้าเป็นบริษัทขนาดเล็กสั่งการโดยตรงอันนี้จะดูออก ถ้าแบบแฟร์ ได้โปรเจคยักษ์ช่วยกันทำ ก็จ่ายกันไม่อั้น เลี้ยงกันเต็มที่... และผมก็จะทำแบบนี้เช่นกัน  Grin Grin Grin Grin Grin

เรื่องของเงินเดือน บ้างทีเอาไปเปรียบกับที่อื่นหรือคนอื่น ได้มากได้น้อย มันก็ลำบาก เพราะปัจจัยการพิจารณาอาจจะไม่เหมือนกัน มันก็อยู่ที่ว่า จะพึ่งพอใจกันทั้งสองฝ่าย  และที่สำคัญพึ่งพอใจที่จะทำงานต่อและสร้างสรรค์ผลงานหรือไม่ ถ้าไม่พอใจก็ลาออกไปหางานใหม่ แต่การเปลี่ยนงานบ่อย ๆ ระวังจะถูกมองเรื่องการเข้าสังคม อย่างประเทศญี่ปุ่นหลังแพ้สงครามโลกใหม่ ๆ คนที่ออกงานกลางคั่น จะไปสมัครงานใหม่ลำบาก ถ้าเหตุผลไม่ดีพอ เพราะเค้าถึงว่าไม่มีความจงรักภักดีต่อองค์กร เหมือนที่ทหารจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิ์ แต่สมัยนี้คนไทย เข้า ๆ ออก ๆ บริษัทหนึ่ง ๆ กันเป็นว่าเล่น

ปล. เขียนแบบไม่ได้ตรวจทานเท่าไรผิดพลาดประการใดขออภัย อาจจะได้แนวคิดในบ้างเรื่อง

เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง

งานทำไหวก็ทำ ทำไม่ไหวก็ออก ทำงานดีเค้าเพิ่มเงินเดือนให้ ทำงานไม่ดีเค้าก็ไล่ออก อยากได้เงินเยอะก็ไปบริษัทที่จ่ายเยอะถ้าทำไหวก็ทำไป ทำไม่ไหวก็เงินเดือนน้อยหน่อยไม่เป็นไร

สรุปประมาณว่า มันตามความพอใจของลูกจ้างที่จะทำงานกับนายจ้างคนไหน แ้ล้วก็ความสามารถของลูกจ้าง

คิดเองอย่าด่ากันน้า
บันทึกการเข้า

ผิดหวังได้ ... แต่อย่าสิ้นหวัง
ผิดผลาดได้ ... แต่อย่าลืมแก้ไข
พ่ายแพ้ได้ ... แต่ต้องสู้ต่อไป
สูญเสียอะไรก็ได้ ... แต่อย่าสูญเสียกำลังใจในชีวิต

บริจาคเงินช่วยเหลือสัตว์กันครับ วัดพระบาทน้ำพุ
เดี๋ยวจะบอกว่าชื่ออะไร
~*มาเฟีย บอร์ดเสียว*~
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 206
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,266



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #58 เมื่อ: 24 มีนาคม 2009, 09:40:48 »

อย่ามอง IT เป็นงาน IT ครับ ลองหาภาคธุรกิจอื่นๆที่ทำกำไรมากๆ แล้วเอาความรู้ทางด้าน IT ไปปรับใช้กับธุรกิจที่เราทำเพื่อสร้างโอกาสที่มากขึ้นสร้างช่องทางที่มากขึ้น เอา IT ไปลดต้นทุน เพิ่มผลตอบแทนของการลงทุน ลดความซับซ้อนในการบริหาร ลดเวลาในการนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาด เพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารธุรกิจที่เราทำอยู่ หากเราหวังจะไปเอาเงินเดือนจากการจ้างงานทางด้านไอทีปัจจุบันมันคงไม่ทำให้คุ้มค่ากับที่เรียนมาครับ

มีเรื่องนึงที่ผมเคยคิดอยากจะเล่าให้ฟังเผื่อว่าบางคนเคยลองคิดเล่นๆแบบผมก็เอามาเล่าให้ฟังกันนะครับ
มีช่วงหนึ่งที่ผมทำงานอยู่ที่อาคารเล้าเป้งง้วนทาวเวอร์ ข้างๆตึกซันทาวเวอร์ตรงข้ามเซนต์จอร์น ตอนซื้อขาวเหนียวหมูปิ้งตอนเช้าก็ชวนแม่ค้าคุยเล่นพลางนับหมู่ที่ยังไม่ได้ปิ้งอยู่ในกล่องที่เค้าเตรียมไว้ดูว่ามีกี่ไม้ เลยถามเค้าว่าคุณป้าทำวันละกี่ไม้ครับเนี่ยขายดีจัง ตอนยื่นนับอยู่นับได้สามร้อยกว่าไม้ ป้าเค้าตอบว่าหมูปิ้งเค้าทำวันละ 500 ไม้ ขายหมดประมาณบ่ายสองโมงของทุกวัน แต่ป้าเค้าขายอย่างอื่นด้วยเช่นพวกไก่ย่างข้าวเหนียวนี่ก็ยังไม่ได้นับ ป้าเค้าบอกว่ากำไรครึ่งต่อครึ่ง เลยลองคูณดู หยุดเสาร์อาทิตย์เหลือเดือนละประมาณ 22 วัน x 500 เท่ากับเดือนละ 11,000 ไม้ ไม้ละ 5 บาท รวมเป็นเงิน 55,000 บาท กำไรครึ่งหนึ่งของยอดขาย ก็ได้ประมาณ 27,500 บาทต่อเดือน ในส่วนของหมูปิ้ง คุณป้าก็พูดอย่างภูมิใจว่า ลูกสาวคนที่ยืนช่วยขายอยู่ป้าส่งเรียนเซนต์จอร์น กำลังเรียนอยู่ นี่คนเล็ก ส่วนคนโตเรียนจบแล้วเซนต์จอร์นเหมือนกัน ผมคิดเอาเองนะว่าถ้ารวมทุกอย่างแล้วคุณป้าเค้าน่าจะได้กำไรสักประมาณเดือนละ 40,000 บาท
ซุ่มกาแฟเล็กๆในอาคารเดียวกัน ลองถามเหมือนกันครับ เค้าบอกว่าขายได้เฉลี่ยวันละ 250 แก้ว ราคาแก้วละ 25 บาท ถ้าขายเดือนละ 22 วันก็จะได้เดือนละประมาณ 5,500 แก้ว เป็นยอดเงินประมาณ 137,500 บาท เป็นต้นทุนเท่าไหร่ กำไรเท่าไหร่ผมไม่ทราบนะ แต่ถ้าไม่มีค่าลิขสิทธิ์ ได้ได้กำไรเกินครึ่งสำหรับกาแฟครับ

ยังมีอีกหลายอย่างครับลองมองไปรอบๆตัว อยากให้มองว่างานคืองานครับ ถ้า IT เป็นสิ่งที่ชอบมันก็คือส่วนหนึ่งของชีวิต แต่หากคิดจะเอาเงินเยอะ ก็มองไปรอบๆตัวจะง่ายกว่าครับ


หมูปิ้งนี่อย่างโหดก็ต้อง หลัง มข. ตอนที่ผมอยากขายหมูปิ้งนี่ไปนั่งนับคนเข้าร้านเค้า ช่วงคนเบาบาง ชั่วโมงนึงเข้าประมาณ 30 คน แต่ถ้าช่วงคนหนาแน่นนี่น่าจะเป็นร้อย  ร้านนี้เปิด 24 ชั่วโมง น่าจะขายได้วันนึงอย่างน้อย 600 คน คนนึ่งเฉลี่ยต่ำสุกก็ 25 บาท รวมพวกค่าข้าวเหนียว ยอดขายอย่างน้อยๆวันละ 15000 แน่นอน เดือนนึงก็ไม่ต่ำกว่าแสน

ก็มีอีกร้านที่สนิทกะเค้า เค้าขายนมชงแก้วละ 15 บาท วันนึงก็ขายได้ราวๆ 250-400 แก้ กำไรลองเดาๆเอาว่าจะเท่าไหร่

อีกร้านก็เป็นโรตีร้านประจำ ผมสนิทกะอาบังแกมาก แกเล่าว่า วันนึงยอดขายจะประมาณ 2-3 พันบาท ลองคิดดูโรตีต้นทุนถูกรึแพง

อีกประเภทก็ผลไม้แช่เย็น เนื่องจากผมเคยเปิดร้านแบบนี้(แต่เจ๊งเพราะทำเล) เคยไปนั่งตีสินทกับพวกที่เค้าอยู่ทำเลดีๆ ผลไม้นี่กำไรครึ่งๆ ถ้าทำเลดีนะ วันนึงกำไรพันกว่าบาท ทั้งๆที่มีหลายร้านติดกัน ไม่เชื่อไปถามกังสดาน มข.

อีกร้านเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นแชมป์ร้านประจำผม วันนึงขายได้ 150-300 ชามตามช่วงเวลา ก็ลองเดาๆดูว่ากำไรจะเท่าไหร่

ส่วนผมคิดว่าจะกลับไปขายปุ๋ยที่บ้านละ ภายในสิ้นปีนี้แหละ เอา IT มาช่วยอย่างว่า คงได้เยอะกว่าไม่เอาพวกนี้มาร่วม

ขายปุ๋ยอะดีสุดแล้ว พี่ก็ขายอยู่ ทำเองขายเอง ไม่มีเจ๊ง

555 ขายไม่ออกก็เอามาชำต้นไม้ขาย
บันทึกการเข้า

เศรษฐีผู้รวยด้วยหนูตายหนึ่งตัว บริการรีวิว เพิ่มคำวิจารณ์ 5 ดาวแฟนเพจ ขายชิบ ไพ่เท็กซัส
เกิดในที่...ที่ดี...นั้นดีแน่ 
เกิดในที่...ที่แย่...ก็ดีได้  
เกิดที่ดี...แล้วแย่...มีถมไป  
เกิดที่ไหน...ก็ดีได้ถ้าใฝ่ดี
alert
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 50
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,741



ดูรายละเอียด
« ตอบ #59 เมื่อ: 24 มีนาคม 2009, 09:59:39 »

อย่ามอง IT เป็นงาน IT ครับ ลองหาภาคธุรกิจอื่นๆที่ทำกำไรมากๆ แล้วเอาความรู้ทางด้าน IT ไปปรับใช้กับธุรกิจที่เราทำเพื่อสร้างโอกาสที่มากขึ้นสร้างช่องทางที่มากขึ้น เอา IT ไปลดต้นทุน เพิ่มผลตอบแทนของการลงทุน ลดความซับซ้อนในการบริหาร ลดเวลาในการนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาด เพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารธุรกิจที่เราทำอยู่ หากเราหวังจะไปเอาเงินเดือนจากการจ้างงานทางด้านไอทีปัจจุบันมันคงไม่ทำให้คุ้มค่ากับที่เรียนมาครับ

มีเรื่องนึงที่ผมเคยคิดอยากจะเล่าให้ฟังเผื่อว่าบางคนเคยลองคิดเล่นๆแบบผมก็เอามาเล่าให้ฟังกันนะครับ
มีช่วงหนึ่งที่ผมทำงานอยู่ที่อาคารเล้าเป้งง้วนทาวเวอร์ ข้างๆตึกซันทาวเวอร์ตรงข้ามเซนต์จอร์น ตอนซื้อขาวเหนียวหมูปิ้งตอนเช้าก็ชวนแม่ค้าคุยเล่นพลางนับหมู่ที่ยังไม่ได้ปิ้งอยู่ในกล่องที่เค้าเตรียมไว้ดูว่ามีกี่ไม้ เลยถามเค้าว่าคุณป้าทำวันละกี่ไม้ครับเนี่ยขายดีจัง ตอนยื่นนับอยู่นับได้สามร้อยกว่าไม้ ป้าเค้าตอบว่าหมูปิ้งเค้าทำวันละ 500 ไม้ ขายหมดประมาณบ่ายสองโมงของทุกวัน แต่ป้าเค้าขายอย่างอื่นด้วยเช่นพวกไก่ย่างข้าวเหนียวนี่ก็ยังไม่ได้นับ ป้าเค้าบอกว่ากำไรครึ่งต่อครึ่ง เลยลองคูณดู หยุดเสาร์อาทิตย์เหลือเดือนละประมาณ 22 วัน x 500 เท่ากับเดือนละ 11,000 ไม้ ไม้ละ 5 บาท รวมเป็นเงิน 55,000 บาท กำไรครึ่งหนึ่งของยอดขาย ก็ได้ประมาณ 27,500 บาทต่อเดือน ในส่วนของหมูปิ้ง คุณป้าก็พูดอย่างภูมิใจว่า ลูกสาวคนที่ยืนช่วยขายอยู่ป้าส่งเรียนเซนต์จอร์น กำลังเรียนอยู่ นี่คนเล็ก ส่วนคนโตเรียนจบแล้วเซนต์จอร์นเหมือนกัน ผมคิดเอาเองนะว่าถ้ารวมทุกอย่างแล้วคุณป้าเค้าน่าจะได้กำไรสักประมาณเดือนละ 40,000 บาท
ซุ่มกาแฟเล็กๆในอาคารเดียวกัน ลองถามเหมือนกันครับ เค้าบอกว่าขายได้เฉลี่ยวันละ 250 แก้ว ราคาแก้วละ 25 บาท ถ้าขายเดือนละ 22 วันก็จะได้เดือนละประมาณ 5,500 แก้ว เป็นยอดเงินประมาณ 137,500 บาท เป็นต้นทุนเท่าไหร่ กำไรเท่าไหร่ผมไม่ทราบนะ แต่ถ้าไม่มีค่าลิขสิทธิ์ ได้ได้กำไรเกินครึ่งสำหรับกาแฟครับ

ยังมีอีกหลายอย่างครับลองมองไปรอบๆตัว อยากให้มองว่างานคืองานครับ ถ้า IT เป็นสิ่งที่ชอบมันก็คือส่วนหนึ่งของชีวิต แต่หากคิดจะเอาเงินเยอะ ก็มองไปรอบๆตัวจะง่ายกว่าครับ


หมูปิ้งนี่อย่างโหดก็ต้อง หลัง มข. ตอนที่ผมอยากขายหมูปิ้งนี่ไปนั่งนับคนเข้าร้านเค้า ช่วงคนเบาบาง ชั่วโมงนึงเข้าประมาณ 30 คน แต่ถ้าช่วงคนหนาแน่นนี่น่าจะเป็นร้อย  ร้านนี้เปิด 24 ชั่วโมง น่าจะขายได้วันนึงอย่างน้อย 600 คน คนนึ่งเฉลี่ยต่ำสุกก็ 25 บาท รวมพวกค่าข้าวเหนียว ยอดขายอย่างน้อยๆวันละ 15000 แน่นอน เดือนนึงก็ไม่ต่ำกว่าแสน

ก็มีอีกร้านที่สนิทกะเค้า เค้าขายนมชงแก้วละ 15 บาท วันนึงก็ขายได้ราวๆ 250-400 แก้ กำไรลองเดาๆเอาว่าจะเท่าไหร่

อีกร้านก็เป็นโรตีร้านประจำ ผมสนิทกะอาบังแกมาก แกเล่าว่า วันนึงยอดขายจะประมาณ 2-3 พันบาท ลองคิดดูโรตีต้นทุนถูกรึแพง

อีกประเภทก็ผลไม้แช่เย็น เนื่องจากผมเคยเปิดร้านแบบนี้(แต่เจ๊งเพราะทำเล) เคยไปนั่งตีสินทกับพวกที่เค้าอยู่ทำเลดีๆ ผลไม้นี่กำไรครึ่งๆ ถ้าทำเลดีนะ วันนึงกำไรพันกว่าบาท ทั้งๆที่มีหลายร้านติดกัน ไม่เชื่อไปถามกังสดาน มข.

อีกร้านเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นแชมป์ร้านประจำผม วันนึงขายได้ 150-300 ชามตามช่วงเวลา ก็ลองเดาๆดูว่ากำไรจะเท่าไหร่

ส่วนผมคิดว่าจะกลับไปขายปุ๋ยที่บ้านละ ภายในสิ้นปีนี้แหละ เอา IT มาช่วยอย่างว่า คงได้เยอะกว่าไม่เอาพวกนี้มาร่วม

ขายปุ๋ยอะดีสุดแล้ว พี่ก็ขายอยู่ ทำเองขายเอง ไม่มีเจ๊ง

555 ขายไม่ออกก็เอามาชำต้นไม้ขาย

นี่หล่ะเป็นสาเหตุที่ผมไปเปรียบกับยาม ไม่เปรียบกับแม่ค้าขายของ  เพราะข้างบ้านผม เป็นแม่ค้าขายผัก แต่ขับรถเบนซ์อ่ะครับ Tongue
บันทึกการเข้า

***** รับซื้อเว็บไซต์สายขาวคุณภาพ  ตั้งแต่ 500-30,000 uip มี traffic มาจาก Google  และไม่เคยโดนแบน adsense  เสนอราคามาทาง pm ได้เลยครับ *****
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 7   ขึ้นบน
พิมพ์