EAK099 Review osCommerce VS. Zen Cart
http://www.thaiseoboard.com/in...33430.msg456917.html#msg456917 
จะ ZenCart หรือ OScommerce ก็คล้าย ๆ กันผมลองมาทั้ง 2 อย่าง
เริ่มจาก OSC ลองมาหลายปี และก็มาลอง Zen ก็เลิกใช้ OSC แต่ไม่ใช่ OSC ไม่ดี
แต่ Zen คือการเอา OSC มาปรับปรุงใหม่ ให้ใช้งานง่าย ยืดหยุ่น และมีระบบ Template
ถึงแม้ระบบ Template จะน่าปวดหัวอยู่ก็ตาม ผมใช้เวลา 2 ปี ศึกษา Zen
จนได้ทำ ต้นแบบ website ออกมา และ Design ให้ลงตัวอีก 6 เดือน
จริง ๆ ผมยังได้ทำ Template ของ Zen ไว้สวย ๆ อีกหลายตัว (ทำเอง ไม่ได้ก๊อป)
ถึงแม้จะเป็น Zen ที่รองรับระบบ Template แต่ถ้าใครไม่เข้าใจ php และ CSS
ก็คงไม่มีประโยชน์ และ CSS ก็ต้องเข้าใจแบบ ระดับที่เก่ง เลย ถึงจะใช้งาน design ได้คล่อง ๆ
อาจจะต้องมีหนังสืออ้างอิง หลายเล่มหน่อย แต่ส่วนใหญ่ ผมชอบใช้ Table มากกว่า div
เพราะผมเริ่มทำเวปไซด์มาตั่งแต่ยุค Dreamweaver 3 และ หัดเขียน <table> ใน Edit Plus อยู่นาน
จนเดี๋ยวนี้ ลืม ๆ ไปบ้างแล้ว ทั้ง CSS และ PHP
ตัวระบบ Zen cart นั้นลงตัวดีทุกอย่าง จนแทบไม่ต้องพัฒนาด้าน software ต่อ
หรือ ปรับปรุงนิดหน่อย ตามประเภทสินค้าที่ขาย แต่ผมว่าสมบูรณ์แบบมากแล้วนะ
ส่วนใครอยากใช้งานให้คล่อง ๆ ก็ต้องลองแกะให้หมดทุก ๆ ไฟล์ ว่าไฟล์ไหนทำงานอะไรบ้าง
ซึ่งแรก ๆ ก็อาจจะ งง ๆ แต่ศึกษาไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จำได้เองแหละครับ ว่าตรงไหน เป็นตรงไหน
แก้ไขได้หมด และ Support forum ของ zen-cart ผมก็เคยไปใช้บริการเป็นประจำ
คนที่สนใจ zen-cart ก็น่าจะลองไปใช้ดูบ้าง ผมว่ามีทุกคำตอบ ที่คุณอยากรู้ แน่นอนครับ
สำหรับ zen-cart ผมคิดว่า มันไม่ได้เกี่ยวกับว่า จะทำให้เราขาย ดี หรือ ขายไม่ดี
ขายดี หรือ ไม่ดี มันมีองค์ประกอบมากกว่านั้นเยอะ เช่น การตลาด การบริหารกิจการ บริหารต้นทุน
พนังงานขาย บุคคลต่าง ๆ ภายในองค์กร ที่เกี่ยวข้องกับตัวสินค้าที่ขาย และตัวเวปไซด์ ก็เป็นปัจจัยหนึ่ง
zen-cart ทำให้ website ง่ายขึ้น แต่ถ้าคนที่ไม่เก่ง PHP / CSS อาจจะโคตร ยาก เลยก็ได้
zen-cart ก็มีบางส่วนที่สู้ oscommerce ไม่ได้ เช่นการ edit file.php ที่ตัดออกไป (เอาออกไปทำไม!!!)
ทำให้ผมต้องเสียเวลา เขียนสคริปชุ่ย ๆ ขึ้นมาเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ทดแทนเหมือนใน OSC
การสร้าง custom page ใน zen-cart ยังค่อนข้างสร้างความสับสนได้ไม่น้อย และ ยุ่งยากพอสมควร
ผมเคยไปเปิดจาก support forum พบว่า มีเขียนเอาไว้ 12 ขั้นตอน ซึ่งเราต้องทำตาม ทีละขั้นตอน
เพื่อเพิ่ม custompage แบบสมบูรณ์ แต่ทำไปเรื่อย ๆ 12 ขั้นตอนที่ว่า ก็แป๊บเดียว เพราะเราจะจำได้เอง
ส่วน Ez-Page นั้นก็ใช้งานได้ดี แต่ผมเชื่อว่า กว่าใครสักคนจะรู้จัก Ez-Page ว่ามันทำอะไรได้บ้าง
ก็คงปวดหัวไปสักพักเหมือนกัน แต่ถ้าได้ลองจนคล่อง ก็จะรู้ว่า มันทำอะไรได้เยอะแยะเหมือนกันนะ
ระบบ Security ผมไม่ค่อยใส่ใจ เนื่องจาก website ผมยกเลิกระบบตัดบัตร credit ไป แต่ถ้าต้องการ
ชำระผ่าน credit card ผมจะส่ง email จาก paypal ไปให้แทน ง่ายกว่าเยอะ และ ปลอดภัยกว่าด้วย
และวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความปลอดภัย ก็คือ Full backup ทุก ๆ อาทิตย์ผ่านทาง Host ครับ
ต่อให้มัน Hack ได้ เราก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว
ระบบ สถิติของ zen-cart ก็ใช้ได้เลยทีเดียว โดยใช้ร่วมกับของ google analytics ก็เยี่ยมเลยครับ ฟรีด้วย
และใช้ร่วมกับ stat ของ Cpanel ก็แทบจะรู้ทุกอย่าง ๆ ที่อยากรู้ข้อมูลแล้ว
สิ่งสำคัญที่ผมอยากบอกสำหรับผู้สนใจ E-Commerce คือ ความตั้งใจจริง ในการทำงาน ที่กำลังทำอยู่
ความมีระเบียบ มีวินัย ขยัน อดทน มีความสื่อสัตย์ สุจริต จริงใจ <-- โคตร
เบสิค เลย แต่ถ้าไม่มี ทำอะไรก็ไม่รุ่งครับ
ทุกอย่าง เริ่มที่ตัว "คน" และคุณจำเป็นต้องหาคนเก่ง ๆ ด้านอื่น ๆ มาช่วยพัฒนาต่อ ในด้านที่คุณไม่เก่ง
อย่าหาคนที่มีความรู้ด้านเดียวกันมาทำงานกับคุณ (มันจะไม่พัฒนาอะไรเท่าไหร่) ให้วางคนให้ถูกกับงาน
คนบางคน เหมาะที่จะทำบางอย่าง แต่ทำเรื่องง่าย ๆ บางเรื่อง กลับทำได้ไม่ดี เราต้องสังเกตุคน
นิยามของคนฉลาด "ใช้คนเก่งทำงานได้ สอนคนโง่ ทำงานเป็น" ในการทำธุรกิจ website ก็มีความสำคัญ แต่ ถึงเวปดีแค่ไหน แต่อยู่กับคนไม่ดี เวปมันก็ไม่ดีไปด้วย
ตัวเราเอง ต้องเริ่มต้นด้วยความดี เป็นที่ตั้ง แล้วอะไรดี ๆ จะตามมาครับ ผมก็เริ่มแบบนี้แหละครับ ค่อยเป็นค่อยไป
ยังไงผมก็สนับสนุน zen-cart ครับ และคิดว่า ทั้งฟรี ทั้งดีขนาดนี้ คงไม่ต้องคิดต่อไปอีกว่าจะใช้อะไรทำ
น่าเสียดายที่ osc ไม่ได้พัฒนาต่อ ไม่อย่างนั้น คนใช้คงปวดหัว ว่าจะเลือกตัวไหนดี
พวก option ทั้งหลายใน zen-cart บางทีก็เยอะจนเกินไป และไม่จำเป็นต้องใช้ (ผมว่าอย่างนั้นนะ) ปิด ๆ ไว้บ้างก็ดี
ผมยังรู้สึกว่า zen-cart โหลดได้รวดเร็ว (Host ต้องแรงด้วยนะ) และ optimize code เองได้ด้วยเพื่อการทำ SEO
ขอบคุณที่อ่านจนจบ