ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปSearch Engine Optimizationบทสรุปหายนะของ Google Update เกิดอะไรขึ้นกันแน่
หน้า: 1 [2]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: บทสรุปหายนะของ Google Update เกิดอะไรขึ้นกันแน่  (อ่าน 2016 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
bts10th
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 7
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 172



ดูรายละเอียด
« ตอบ #20 เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2024, 10:43:12 »

ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า

http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,448398.0.html
มีเว็บ(แนวผู้ใหญ่)รับลงโฆษณา คนเข้า 70,000+ คน/วัน
ถ้าสนใจลงโฆษณาติดต่อมาที่ ID LINE : @875komgr
CodeRider
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 24
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 257



ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2024, 00:13:32 »

ผมเข้าใจครับว่าบางคนอาจไม่เชื่อซึ่งก็ไม่แปลก เพราะเรื่องนี้อาจไม่ค่อยมีคนพูดถึงเท่าไหร่ทั้งสื่อหรือผู้เชี่ยวชาญ SEO ทั้งหลาย คือ EEAT น่าจะรู้จักกัน แต่ความสำคัญของมันเนี่ยที่ยังเป็นคำถาม

ถ้าไม่เชื่อก็คิดซะว่าอ่านขำๆฆ่าเวลาละกันครับ  wanwan012

มาต่อภาค 2 เลย

ทำไม E-E-A-T จึงสำคัญ

ความจริงส่วนนี้ผมไม่ได้คิดจะเขียนตั้งแต่ทีแรก แต่แทรกเข้ามาจะได้รู้ที่มาที่ไป

EEAT ไม่ใช่ชื่ออัลกอริทึ่มครับ ดังนั้นคุณจะไม่ได้เห็น Google บอกว่าทำการอัพเดทอัลกอ EEAT อะไรแบบนี้ แต่มันอยู่ใน guideline ที่ Google ให้บรรดา search quality rater เพื่อทำการประเมินการจัดอันดับ

*Search quality rater คือทีมงานที่ Google จ้างเพื่อประเมินการจัดอันดับว่าเป็นไปตามที่ Google ต้องการหรือไม่

การที่ EEAT อยู่ใน guideline นี้ (และเป็นตัวเดียวด้วยซ้ำที่ใช้ประเมินคุณภาพของเว็บ) ก็พอจะบอกได้ว่ามันเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการจัดอับดับ

ดังนั้น EEAT เหมือนเป็นตัวแทนอัลกอของ Google เพื่อให้คนใช้ตีความได้ง่ายขึ้น

ลองอ่านรีวิวของคนที่ทำงานเป็น Search quality rater - https://zyppy.com/seo/google-search-quality-rater/

อ้างอิงบางส่วน

“While occasionally controversial in SEO, Google spends an inordinate amount of time emphasizing the importance of Experience, Expertise, Authoritativeness, and Trust (E-E-A-T) to Quality Raters.”

“ถึงแม้จะมีข้อโต้เถียงในวงการ SEO แต่ Google ใช้เวลาเป็นอย่างมากในการเน้นย้ำความสำคัญของ EEAT ให้กับ Quality Raters”

พรุ่งนี้มาต่อครับ

 wanwan022
บันทึกการเข้า

คลังแสง WordPress Themes & Plugins รวมทุกอย่างที่นี่

**คนไทยเลือกจ่ายได้เฉพาะ Credit Card นะครับ (PayPal ก็ไม่ได้) ถ้ามีปัญหาเรื่องจ่ายเงินติดต่อได้ครับ**
buy high pr domain
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 68
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,518



ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2024, 17:01:45 »

เนื้อหาคุณภาพ made for users  wanwan003
บันทึกการเข้า

mart business Order goods business stores catalog business online market Price market ม้าสีส้มขาว
CodeRider
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 24
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 257



ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2024, 00:43:49 »

ต่อภาค 3 ภาคนี้ยาวหน่อย  Cry

ถอดรหัส E-E-A-T

แต่ละตัวใน EEAT ก็มีน้ำหนักต่างกันแล้วแต่ประเภทของเว็บไซต์ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง และสามารถให้คำตอบของผลลัพธ์ในการจัดอันดับปัจจุบันมากน้อยแค่ไหน

Experience

หรือ Google ใช้คำว่า First-hand experience คือประสบการณ์ตรง ประสบด้วยตัวเอง ไม่ใช่มาจากการอ่านหรือคนอื่นบอกเล่ามา จะเห็นว่าคล้ายอัลกอ hidden gems โพสต์อาจไม่ต้องยาว ไม่ได้ถูกหลัก SEO แต่มาจากประสบการณ์ตรงก็สามารถทำอันดับดีได้

Experience จำเป็นสำหรับเว็บหรือบทความประเภท รีวิว หรือ แชร์ประสบการณ์ต่างๆ เช่น รีวิวร้านอาหาร รีวิวสถานที่ท่องเที่ยว วิธีประหยัดค่าน้ำ ค่าไฟ

ตัวอย่างที่ใช้บ่งบอก Experience

รูปภาพหรือวิดีโอต้องถ่ายเอง ไม่ซ้ำกับคนอื่น ไม่เอาของคนอื่นมา

เนื้อหา ซึ่ง Google มีสิทธิบัตรที่สามารถระบุได้ว่าเนื้อหาหรือแง่มุมนี้เป็นสิ่งใหม่ในหัวข้อนั้นๆ ที่ไม่เคยมีคนเขียนมาก่อน (คนละอย่างกับ unique content)

Forum, Q&A เว็บประเภทนี้ Google ให้น้ำหนักค่อนข้างมากว่าสิ่งที่โพสต์ส่วนใหญ่มาจากประสบการณ์ตรง จึงไม่แปลกที่เราเห็นเว็บอย่าง Reddit Quora หรือ Pantip โผล่มาหน้าแรกๆเสมอ มาจากสาเหตุนี้แหละ

และผมคิดว่า Google ก็นับพวก social ทั้งหลาย Youtube Facebook Tiktok เป็น First-hand experience เช่นกัน

Expertise

ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่เขียน สำคัญมากสำหรับเว็บไซต์ประเภท YMYL (Your Money Your Life) และลดหลั่นลงมาสำหรับเว็บไซต์ประเภทอื่น

ตัวอย่างที่ใช้บ่งบอก Expertise

Author profile ซึ่งมีประวัติคนเขียนคร่าวๆ อาชีพ การศึกษา ความเชี่ยวชาญ รางวัลต่างๆที่ได้รับ รวมถึง social media ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลคนเขียนได้

ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลคนเขียน Google อาจใช้ข้อมูลเว็บไซต์แทนเพื่อบ่งบอกความเชี่ยวชาญ เช่น เวลาค้นหาเรื่องสุขภาพ ส่วนมากจะเจอเว็บโรงพยาบาล ค้นหาเรื่องภาษี ก็จะเจอเว็บสรรพากร หรือสถาบันการเงิน

Topic ที่เขียนละเอียดและครอบคลุมในเรื่องนั้นๆ เช่น เป็นสัตวแพทย์ก็เขียนการดูแล การรักษาหมา แมว ในทุกๆด้าน ไม่ใช่วันนึงเขียนเรื่องหมา อีกวันเขียนเรื่องยาลดความอ้วน อีกวันเขียนเรื่อง forex

อันนี้ให้ดูข้อมูลของผู้เขียนที่ Google เชื่อมโยงได้ (ต้องมี profile พอสมควร)



จะเห็นว่ารู้ข้อมูลผู้เขียนทั้ง อาชีพ ที่ทำงาน ที่เรียน อายุ ความถนัด งานอดิเรก

ตัวอย่าง expert ในหลากหลายสาขาที่ organic traffic เพิ่มขึ้น



Authoritativeness

ชื่อเสียงของเว็บหรือผู้เขียน Google ใช้คำว่า go to source คือเป็นเว็บที่คนมักจะเข้าเวลาต้องการหาข้อมูลในเรื่องนั้นๆ เช่น ข่าว – Thairath, รีวิวอาหาร – Wongnai, IT – Blognone

นี่เป็นเหตุผลที่เว็บใหญ่ๆ โดยเฉพาะเว็บประเภท media ติดอันดับต้นๆเสมอ

ตัวอย่างที่ใช้บ่งบอก Authoritativeness

Traffic

Backlinks จาก authority sites

จำนวนผู้ติดตามทาง Social Media

CTR บน organic search

การ Mention ถึงทั้งบนเว็บอื่นและ social

Trust

ความน่าเชื่อถือ ตัวนี้สำคัญที่สุดใน EEAT ขนาดที่ว่าถึง 3 ตัวแรกดี แต่ถ้า trust ต่ำ EEAT โดยรวมก็อาจต่ำด้วย

Trust สามารถมองได้หลายอย่าง Google ให้คำนิยามว่า “accurate, honest, safe, and reliable” ซึ่งการตีความบางทีอาจเกี่ยวข้องกับ 3 ตัวแรก

ตัวอย่างที่ใช้บ่งบอก trust

มี Privacy policy, terms and conditions, cookie policy

มีที่อยู่ อีเมล

SSL

ความถูกต้องและโปร่งใสของเนื่อหา

รีวิวจากลูกค้า

ถ้าเป็นเว็บ ecommerce การจ่ายเงินและเก็บข้อมูลลูกค้าต้องปลอดภัย

จบไตรภาค EEAT  wanwan001

น่าจะพอตอบคำถามถึงสาเหตุและที่มาที่ไปของการจัดอับดับตอนนี้ได้ไม่มากก็น้อย
บันทึกการเข้า

คลังแสง WordPress Themes & Plugins รวมทุกอย่างที่นี่

**คนไทยเลือกจ่ายได้เฉพาะ Credit Card นะครับ (PayPal ก็ไม่ได้) ถ้ามีปัญหาเรื่องจ่ายเงินติดต่อได้ครับ**
quick
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 33
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,049



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2024, 10:11:30 »

Search quality rater ในไทยมีอยู่ไหม
googleจะทราบได้อย่างไรว่า ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเว็บต่างๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 พฤษภาคม 2024, 10:25:34 โดย quick » บันทึกการเข้า

trisk
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 65



ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2024, 12:54:32 »

Search quality rater ในไทยมีอยู่ไหม
googleจะทราบได้อย่างไรว่า ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเว็บต่างๆ


คิดว่าต้องมือยู่บ้าง
แต่ที่เห็นชุกชุมจริงก็ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์

ถ้าจะ manipulate ก็ได้อยู่นะผมว่า แต่ต้องทำเป็นขบวนการหน่อย เพื่อให้ data set เป็นไปในแนวทางที่ต้องการ
เพราะ Rater มัน rate เพื่อเอาข้อมูลไปเป็นอาหาร ML
บันทึกการเข้า
เอิร์ธ
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 325
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,940



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2024, 13:49:49 »

สำหรับผมไม่ได้เป็นคำถามหรอกครับ แต่ด้วยตัวมันที่เป็นหนึ่งใน core guideline อยู่แล้ว มันทำให้ไม่จำเป็นต้องมาตั้งเป็นคำถาม เพราะควรจะทำอยู่แล้ว คำถามคือแบบไหนแน่ ที่ "น่าจะ" เวิร์ค ไม่ใช้คำว่าแบบไหนเวิร์ค เพราะไม่มีทางสรุปได้ 100%

เพียงแค่พูดว่า EETA ก็พูดได้ 2 ทศวรรต เชื่อว่าถึงปี 2030 เวลาบอก Webmaster Guideline  ก็ยังใช้คำเดิม EETA ได้ ไม่ต่างจากการนั่งจับจดเรื่อง Page Speed ที่สุดท้ายก็แค่ของมันต้องมี

กลายเป็นคำที่แทบไม่ต่างจากพูดว่า คอนเทนท์ต้องดี ต้องมีคุณภาพ หรือ Content is King แบบสมัยก่อน

ถ้าเอาเชิง Field Practicality ผมว่าน่าสนใจกว่าหากจะถกกันแบบเบรกดาวน์ลงมาว่าคอนเทนท์แบบไหนที่มีโอกาสเข้าเป้า EETA มากที่สุด ของใครเข้าวินเพราะอะไร มันมีวิธี breakdown ออกมาเป็นข้อๆจริงๆครับ เพราะสุดท้ายต่อให้พึ่งพานักเขียน นักเขียนที่เป็นมนุษย์  มันก็ผิดพลาดได้อยู่ดี ถ้าไม่มี writing guideline/framework

ยิ่งในวันที่ serp มันมั่วๆ แบบนี้ ยิ่งน่าเอา big data, stat ต่างๆ มาช่วยด้วยซ้ำ เพราะมันเกินขอบเขตไปเยอะนะบางที

พอเอา EETA มาถกกัน บางทีมันก็เหมือนเอาเรื่องที่มัน Subjective มากๆ มาถกกัน คือมันอยู่มานาน จนกลายจะเป็นนามธรรมไปละครับ แล้วก็จะมีข้อโต้แย้งอืนมากมาย เช่น คอนเทนท์กาก เว็บแรง คอนเทนท์ดี แพ้เว็บใหญ่ บลาๆ แล้วปรากฏมันก็จะมีรอบ ที่ได้สังเกตุวิธีการที่ชัดๆ ที่เอามาทำอันดับได้ดี ไม่ต่างจาก 10 ปีที่แล้ว

เช่น เทรนด์ย้อนยุคอย่าง cloaked links, auctioned domain ดันกลับมาบูม 2023 (ทั้งขาวและเทา ทำได้หมด) ซึ่งไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไร? ซึ่งถ้ามองในอีกแง่ ก็นี่ไงครับ EETA โดเมนดี โดเมนแพง ก็มี Authority ไง สรุป Google ก็ยังต้องคลำตัวเองอยู่ตลอด?

สุดท้ายก็มาลื่นไหลตาม Algo อีกอยู่ดี ช่วงนี้มีเว็บดีๆ มากมายที่ดับไป ทั้งๆ ที่ผมก็มองไม่เห็นข้อเสีย (ไม่นับเชิง technical seo) ก็คอนเทนท์ดี อ่านได้ประโยชน์มากๆๆ ดีกว่าไปเอาเว็บใหญ่ ที่ให้ข้อมูลไม่ตรง

ซึ่งถ้าวิเคราะห์ของปี 2023 ไอ้ที่มันไปบ้งตรง auctioned/aged domain ก็เพราะมีการสลับเอา authority มานำหน้า E ตัวอื่นนี่ละครับ 555 กลายเป็นโบราณกว่าเดิม ถ้ายิ่งเอาเว็บใหญ่ขึ้น ก็แสดงว่า ML ศึกษาเรื่องคอนเทนท์ ได้ฉลาดน้อยลง ? เพราะไปพึ่งพาองค์ประกอบที่ง่ายมากกว่า และตีเป็น metric ได้ แบบพวกค่าพลังโดเมน

ดังนั้นแปลว่าจริงๆ EETA ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปของตัวเอง และถูก exploited (หาโอกาสจากช่องโหว่/unfair advantage seo) ได้อยู่ดี ก็แค่เป็นอีกรอบการทำลอง เขย่าๆๆ ของ Google มันเลยจัดอันดับสอดคล้องไปทางเดียวกันหมด ก็เป็นเทรนด์ เป็นรอบ จบเทรนด์ หรือยิงยาว

แต่ที่แน่ๆ ถ้าเป็นเว็บใหญ่แล้ว โอกาสอยู่รอดได้ มีมากกว่าแน่นอน (ซึ่งน่าจะปกติอยู่แล้ว นึกไม่ออกก็ต้องโชว์ของจากแบรนด์ที่ทุกคนรู้จักชัวร์ๆ ถูกไหมครับ?)


อย่างตัวอย่างของ Author ที่ยกมาด้านบน ผมไม่แน่ใจว่าโดเมนไหนนะ

www.mindbodygreen.com/wc/sarah-regan

ซึ่งเดาว่าน่าจะอยู่เว็บนี้เป็นหลัก เท่าที่เห็นภายใน 1 ปี 2023-2024 ทราฟฟิกก็ลดไปกว่า 50% ซึ่งเชื่อว่าเกิน 10% หลุดไปอยู่กับ Nytimes, Forbes, และ News Portal ยักษ์ใหญ่อื่นๆ ที่เหลืออาจจะสลายหายไปกับแพลทฟอร์มอื่นก็เป็นได้





บันทึกการเข้า

Destined
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 135
ออนไลน์ ออนไลน์

กระทู้: 1,455



ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2024, 14:53:06 »

E-E-A-T ในมุมมองของผม

E-E-A มนุษย์ทุกคนมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญซึ่งเริ่มต้นจากการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น คนที่เล่นเกม Ragnarok Online มาเป็น 10 ปี ย่อมมีความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญมากกว่าคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อน รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับระบบเกม เก็บเวลที่ไหน บอสเกิดทุกกี่ชั่วโมง แผนที่ไหนฟาร์มเงินได้เยอะ จนก้าวสู้การเป็น A เกมเมอร์หรือสตรีมเมอร์ RO

T ความน่าเชื่อถือนี้แหละที่ผมคิดว่าอัลกอริทึมให้ความสำคัญมากที่สุดมองจากทราฟฟิก การคลิก โดเมน แบรนด์ดิ้ง และผลประโยชน์ รวมๆเรียกว่าเว็บใหญ่ที่มีชื่อเสียง คนทั่วไปหรือ User ก็สามารถใช้ประโยชน์จากตรงนี้ในการจัดอันดับบน Google ยกตัวอย่าง Youtube, Tiktok หลายๆช่องทำวีดีโอมีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญเล็กๆน้อยๆ แต่อาศัยความได้เปรียบของแพลตฟอร์ม เช่น ทำคลิปจัดอันดับ อ่านข่าว พวกนี้ไปหาข้อมูลมาจากเว็บไซต์ต่างๆ แล้วก็นำมาทำคลิปเหมือนกับการ rewrite

ดังนั้นตัด EEA ออกไปเหลือแค่ T ซึ่งอัลกอริทึมเดือนมีนาคม 2024 ให้ความสำคัญมากเกินไปเพราะ Google เน้นเอาชัวร์อาจต้องการข้อมูลไปเทรนด์ AI แต่ก็กลายเป็นช่องโหว่ให้เกิดการทำ SEO สายเทาอย่างที่คุณเอิร์ธบอกไว้โดยเฉพาะการใช้เทคนิค Cloaked Link ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ
บันทึกการเข้า

สวัสดีปีมังกรเดือด 2567
ขอบคุณไทยเสียวบอร์ด
CodeRider
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 24
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 257



ดูรายละเอียด
« ตอบ #28 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2024, 07:08:43 »

สำหรับผมไม่ได้เป็นคำถามหรอกครับ แต่ด้วยตัวมันที่เป็นหนึ่งใน core guideline อยู่แล้ว มันทำให้ไม่จำเป็นต้องมาตั้งเป็นคำถาม เพราะควรจะทำอยู่แล้ว คำถามคือแบบไหนแน่ ที่ "น่าจะ" เวิร์ค ไม่ใช้คำว่าแบบไหนเวิร์ค เพราะไม่มีทางสรุปได้ 100%

เพียงแค่พูดว่า EETA ก็พูดได้ 2 ทศวรรต เชื่อว่าถึงปี 2030 เวลาบอก Webmaster Guideline  ก็ยังใช้คำเดิม EETA ได้ ไม่ต่างจากการนั่งจับจดเรื่อง Page Speed ที่สุดท้ายก็แค่ของมันต้องมี

กลายเป็นคำที่แทบไม่ต่างจากพูดว่า คอนเทนท์ต้องดี ต้องมีคุณภาพ หรือ Content is King แบบสมัยก่อน

ถ้าเอาเชิง Field Practicality ผมว่าน่าสนใจกว่าหากจะถกกันแบบเบรกดาวน์ลงมาว่าคอนเทนท์แบบไหนที่มีโอกาสเข้าเป้า EETA มากที่สุด ของใครเข้าวินเพราะอะไร มันมีวิธี breakdown ออกมาเป็นข้อๆจริงๆครับ เพราะสุดท้ายต่อให้พึ่งพานักเขียน นักเขียนที่เป็นมนุษย์  มันก็ผิดพลาดได้อยู่ดี ถ้าไม่มี writing guideline/framework

ยิ่งในวันที่ serp มันมั่วๆ แบบนี้ ยิ่งน่าเอา big data, stat ต่างๆ มาช่วยด้วยซ้ำ เพราะมันเกินขอบเขตไปเยอะนะบางที

พอเอา EETA มาถกกัน บางทีมันก็เหมือนเอาเรื่องที่มัน Subjective มากๆ มาถกกัน คือมันอยู่มานาน จนกลายจะเป็นนามธรรมไปละครับ แล้วก็จะมีข้อโต้แย้งอืนมากมาย เช่น คอนเทนท์กาก เว็บแรง คอนเทนท์ดี แพ้เว็บใหญ่ บลาๆ แล้วปรากฏมันก็จะมีรอบ ที่ได้สังเกตุวิธีการที่ชัดๆ ที่เอามาทำอันดับได้ดี ไม่ต่างจาก 10 ปีที่แล้ว

เช่น เทรนด์ย้อนยุคอย่าง cloaked links, auctioned domain ดันกลับมาบูม 2023 (ทั้งขาวและเทา ทำได้หมด) ซึ่งไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไร? ซึ่งถ้ามองในอีกแง่ ก็นี่ไงครับ EETA โดเมนดี โดเมนแพง ก็มี Authority ไง สรุป Google ก็ยังต้องคลำตัวเองอยู่ตลอด?

สุดท้ายก็มาลื่นไหลตาม Algo อีกอยู่ดี ช่วงนี้มีเว็บดีๆ มากมายที่ดับไป ทั้งๆ ที่ผมก็มองไม่เห็นข้อเสีย (ไม่นับเชิง technical seo) ก็คอนเทนท์ดี อ่านได้ประโยชน์มากๆๆ ดีกว่าไปเอาเว็บใหญ่ ที่ให้ข้อมูลไม่ตรง

ซึ่งถ้าวิเคราะห์ของปี 2023 ไอ้ที่มันไปบ้งตรง auctioned/aged domain ก็เพราะมีการสลับเอา authority มานำหน้า E ตัวอื่นนี่ละครับ 555 กลายเป็นโบราณกว่าเดิม ถ้ายิ่งเอาเว็บใหญ่ขึ้น ก็แสดงว่า ML ศึกษาเรื่องคอนเทนท์ ได้ฉลาดน้อยลง ? เพราะไปพึ่งพาองค์ประกอบที่ง่ายมากกว่า และตีเป็น metric ได้ แบบพวกค่าพลังโดเมน

ดังนั้นแปลว่าจริงๆ EETA ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปของตัวเอง และถูก exploited (หาโอกาสจากช่องโหว่/unfair advantage seo) ได้อยู่ดี ก็แค่เป็นอีกรอบการทำลอง เขย่าๆๆ ของ Google มันเลยจัดอันดับสอดคล้องไปทางเดียวกันหมด ก็เป็นเทรนด์ เป็นรอบ จบเทรนด์ หรือยิงยาว

แต่ที่แน่ๆ ถ้าเป็นเว็บใหญ่แล้ว โอกาสอยู่รอดได้ มีมากกว่าแน่นอน (ซึ่งน่าจะปกติอยู่แล้ว นึกไม่ออกก็ต้องโชว์ของจากแบรนด์ที่ทุกคนรู้จักชัวร์ๆ ถูกไหมครับ?)


อย่างตัวอย่างของ Author ที่ยกมาด้านบน ผมไม่แน่ใจว่าโดเมนไหนนะ

www.mindbodygreen.com/wc/sarah-regan

ซึ่งเดาว่าน่าจะอยู่เว็บนี้เป็นหลัก เท่าที่เห็นภายใน 1 ปี 2023-2024 ทราฟฟิกก็ลดไปกว่า 50% ซึ่งเชื่อว่าเกิน 10% หลุดไปอยู่กับ Nytimes, Forbes, และ News Portal ยักษ์ใหญ่อื่นๆ ที่เหลืออาจจะสลายหายไปกับแพลทฟอร์มอื่นก็เป็นได้








ผมตอบรวมๆแล้วกัน

EEAT เหมือนเป็น concept หลัก ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยก็ต้องปรับแก้ไปเรื่อยๆ ซึ่งหลักๆก็ตาม query หรือ niche ให้มันเหมาะสม เพราะหลายๆอย่างมันก็ยังดูผิดที่ผิดทางอยู่ เช่น เว็บใหญ่อย่าง forbes ที่กินรวบในหลายๆ keyword

ส่วนเรื่อง exploit มันก็ปกติแหละที่เกิดขึ้นได้ตลอดไม่ว่าอัลกอจะเป็นแบบไหนก็ตาม ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ที่ผมสนใจคือสิ่งที่ Google กำลังมุ่งไปมากกว่า

ย้อนไปที่โพสต์แรก “Google ต้องการเนื้อหาที่ made for users ไม่ใช่ made for search engine” ผมไม่ได้เขียนเอาเท่นะ ผมคิดว่า Google กำลังจะทำแบบนั้นจริงๆ Google ไม่ต้องการเว็บที่ทำโดย internet marketer อีกแล้ว และอาจไม่จำเป็นต้องทำ SEO ด้วยซ้ำ

Authority จะมาแทน backlink ส่วน Experience กับ Expertise จะมาแทน on page seo นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าจะเกิดในอนาคต สิ่งเหล่านี้จะมาแทน SEO ที่เราทำกันอยู่ในปัจจุบัน

ไว้ผมมาเขียนต่อ ตอนแรกว่าจะจบละ ไปให้สุดเลยดีกว่า  wanwan004
บันทึกการเข้า

คลังแสง WordPress Themes & Plugins รวมทุกอย่างที่นี่

**คนไทยเลือกจ่ายได้เฉพาะ Credit Card นะครับ (PayPal ก็ไม่ได้) ถ้ามีปัญหาเรื่องจ่ายเงินติดต่อได้ครับ**
CodeRider
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 24
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 257



ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2024, 07:30:46 »

E-E-A-T ในมุมมองของผม

E-E-A มนุษย์ทุกคนมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญซึ่งเริ่มต้นจากการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น คนที่เล่นเกม Ragnarok Online มาเป็น 10 ปี ย่อมมีความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญมากกว่าคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อน รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับระบบเกม เก็บเวลที่ไหน บอสเกิดทุกกี่ชั่วโมง แผนที่ไหนฟาร์มเงินได้เยอะ จนก้าวสู้การเป็น A เกมเมอร์หรือสตรีมเมอร์ RO

T ความน่าเชื่อถือนี้แหละที่ผมคิดว่าอัลกอริทึมให้ความสำคัญมากที่สุดมองจากทราฟฟิก การคลิก โดเมน แบรนด์ดิ้ง และผลประโยชน์ รวมๆเรียกว่าเว็บใหญ่ที่มีชื่อเสียง คนทั่วไปหรือ User ก็สามารถใช้ประโยชน์จากตรงนี้ในการจัดอันดับบน Google ยกตัวอย่าง Youtube, Tiktok หลายๆช่องทำวีดีโอมีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญเล็กๆน้อยๆ แต่อาศัยความได้เปรียบของแพลตฟอร์ม เช่น ทำคลิปจัดอันดับ อ่านข่าว พวกนี้ไปหาข้อมูลมาจากเว็บไซต์ต่างๆ แล้วก็นำมาทำคลิปเหมือนกับการ rewrite

ดังนั้นตัด EEA ออกไปเหลือแค่ T ซึ่งอัลกอริทึมเดือนมีนาคม 2024 ให้ความสำคัญมากเกินไปเพราะ Google เน้นเอาชัวร์อาจต้องการข้อมูลไปเทรนด์ AI แต่ก็กลายเป็นช่องโหว่ให้เกิดการทำ SEO สายเทาอย่างที่คุณเอิร์ธบอกไว้โดยเฉพาะการใช้เทคนิค Cloaked Link ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ


สิ่งที่ผมเข้าใจนะ

Content บน Youtube Tiktok รวมถึง forum ต่างๆ = experience

เว็บใหญ่ ชื่อดัง (reputation) = authority

ผมตีความว่า EEA มีค่าเป็นบวก บวกมากบวกน้อยก็แล้วแต่บทความหรือเว็บ ส่วน T มีค่าเป็นศูนย์หรือลบ ผมมองว่า trust คือสิ่งที่ Google คาดหวังว่าเว็บที่ดีควรจะมี (accurate, honest, safe, and reliable) ถึง EEA จะดีแต่ T ติดลบ อันดับก็จะไม่ดี ดังนั้นถึงบอกว่า trust สำคัญที่สุด

ส่วนเรื่อง AI ผมยังงงอยู่ว่าทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร Google สามารถรวบรวมเว็บหรือทำ database หลังบ้านก็ได้เพื่อที่จะใช้เทรน AI ไม่จำเป็นต้องจัดอันดับ serp หน้าบ้านเพื่อการนี้

ขออภัยที่เห็นแย้งกับท่านหลายเรื่องนะ ยังไงถ้าท่านต้องการ wordpress plugin ก็ inbox มาได้

 wanwan007
บันทึกการเข้า

คลังแสง WordPress Themes & Plugins รวมทุกอย่างที่นี่

**คนไทยเลือกจ่ายได้เฉพาะ Credit Card นะครับ (PayPal ก็ไม่ได้) ถ้ามีปัญหาเรื่องจ่ายเงินติดต่อได้ครับ**
CodeRider
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 24
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 257



ดูรายละเอียด
« ตอบ #30 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2024, 07:33:45 »

Search quality rater ในไทยมีอยู่ไหม
googleจะทราบได้อย่างไรว่า ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเว็บต่างๆ


ประเมินเว็บไทยก็จำเป็นต้องใช้คนไทยล่ะครับ
บันทึกการเข้า

คลังแสง WordPress Themes & Plugins รวมทุกอย่างที่นี่

**คนไทยเลือกจ่ายได้เฉพาะ Credit Card นะครับ (PayPal ก็ไม่ได้) ถ้ามีปัญหาเรื่องจ่ายเงินติดต่อได้ครับ**
MMFK
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 70



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #31 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2024, 09:49:27 »

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับผม wanwan017
บันทึกการเข้า
TG_Min
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 163
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,470



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #32 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2024, 10:08:43 »

โทษทีที่ใช้คำพูดไม่ค่อยเหมาะสมครับ ประเด็นคือผมหัวร้อนเพราะ google ทำเว็บผมหายไปหลายเว็บนี่แหละ แล้วก็หัวร้อนเพราะมันบอกอย่างทำอย่าง ไม่เคยตรงประเด็น แถไปเรื่อยนี่แหละ

ส่วนเรื่องทฤษฎี EEAT อะไรนั่นผมไม่รู้หรอกนะว่ามันจะเอามาวัดจริงหรือไม่จริง แต่ที่แน่ๆ เงื่อนไขที่มันประกาศเพื่อ ตัดคะแนน ก็มีผลจริง
1. เนื้อหาที่เขียนด้วย AI
2. เนื้อหาที่มาจาก Guestpost  ร่วงหมด ทั้งที่มันคล้ายกันหรือแทบจะเหมือนกันกับพวก forum แต่ก็ต้องยอมมัน
3. ลิ้งไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา เช่น เนื้อหาโดยรวมเรื่องแมว แต่มีลิ้งรถไถเข้าไป จบเลยบทความนี้
4. รีวิวยังได้อยู่นะ ถ้าลิ้งไม่ผิดไปจากข้อ 3

ปล.ในความคิดผมยังสงสัยว่า มันตัดคะแนนการนับ DA DR ออกไปเพราะป้องกันคนซื้อเว็บมาทำเนื้อหาขยะ แล้วทำไมบางทฤษฎี EEAT ยังเอาผลของ DA DR มาเกี่ยว
บันทึกการเข้า

เอิร์ธ
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 325
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,940



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #33 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2024, 16:11:28 »

โทษทีที่ใช้คำพูดไม่ค่อยเหมาะสมครับ ประเด็นคือผมหัวร้อนเพราะ google ทำเว็บผมหายไปหลายเว็บนี่แหละ แล้วก็หัวร้อนเพราะมันบอกอย่างทำอย่าง ไม่เคยตรงประเด็น แถไปเรื่อยนี่แหละ

ส่วนเรื่องทฤษฎี EEAT อะไรนั่นผมไม่รู้หรอกนะว่ามันจะเอามาวัดจริงหรือไม่จริง แต่ที่แน่ๆ เงื่อนไขที่มันประกาศเพื่อ ตัดคะแนน ก็มีผลจริง
1. เนื้อหาที่เขียนด้วย AI
2. เนื้อหาที่มาจาก Guestpost  ร่วงหมด ทั้งที่มันคล้ายกันหรือแทบจะเหมือนกันกับพวก forum แต่ก็ต้องยอมมัน
3. ลิ้งไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา เช่น เนื้อหาโดยรวมเรื่องแมว แต่มีลิ้งรถไถเข้าไป จบเลยบทความนี้
4. รีวิวยังได้อยู่นะ ถ้าลิ้งไม่ผิดไปจากข้อ 3

ปล.ในความคิดผมยังสงสัยว่า มันตัดคะแนนการนับ DA DR ออกไปเพราะป้องกันคนซื้อเว็บมาทำเนื้อหาขยะ แล้วทำไมบางทฤษฎี EEAT ยังเอาผลของ DA DR มาเกี่ยว


ส่วนมากมันสอดคล้องกันไงครับ มันเชื่อมต่อกันหมด ทุกตระกูลที่เป็น Domain Metrics ซึ่งจริงๆ ต้องบอกว่า Metric มันเป็นแค่ภาษาที่แตกต่างกัน แต่เบื้องหลังส่วนมาก กรณีจะมี DA DR สูงได้นั้น จริงๆ มันก็มักจะมีแบคลิงค์ดีๆ ซ่อนอยู่อยู่แล้ว

เหมือนจบการศึกษาดีอะครับ มันจะการันตีได้ว่า เจอแค่คนจบจริง กับจ้างจบ ซึ่งก็ยังดีกว่าคนไม่จบ

ดังนั้นที่อาจดูแล้ว เขาเลือกเว็บที่มี DA/DR สูง ก็เพราะว่าเว็บพวกนั้น ส่วนมากจริงๆ แล้ว มีงานเบื้องหลังอยู่บ้างแล้ว เช่น BL ดีๆ หรืออายุกับ authority ที่สะสมมานาน บลาๆ
บันทึกการเข้า

ivar
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 70
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,582



ดูรายละเอียด
« ตอบ #34 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2024, 21:36:54 »

ยิ่งอัพยิ่งแย่กว่าเดิม
บันทึกการเข้า

Okay168
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 89
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 305



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #35 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2024, 21:52:56 »

โอเค
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 [2]   ขึ้นบน
พิมพ์