ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafeแชร์ 5 เคล็ดลับ รักษาสิวด้วยตัวเอง ต้องเป็นสิวแบบไหน รักษาเห็นผล !!
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: แชร์ 5 เคล็ดลับ รักษาสิวด้วยตัวเอง ต้องเป็นสิวแบบไหน รักษาเห็นผล !!  (อ่าน 878 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
bslclinicit
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 0



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2021, 13:56:17 »



อยากสิวหาย มีหน้าผิวหน้าที่ขาวใส ต้องรักษาสิวให้ถูกวิธีและการ รักษาสิว ด้วยตัวเอง คงต้องเป็นวิธีแรกๆ ที่คนเป็นสิวเลือกอย่างแน่นอน แต่จะว่าไปการดูแลรักษาสิว แบบไม่ต้องพึ่งหมอคลินิค ก็มีข้อดี-ข้อเสีย ที่หลายๆ คนควรชั่งใจไว้เหมือนกันนะ

เปรียบเทียบข้อดี - ข้อเสีย ของการ รักษาสิวด้วยตัวเอง



ผิวหน้ามีสิวกวนใจ ทำยังไงดี ใครที่กำลังเลือกวิธีรักษาสิว จะบอกว่าถ้าเราเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีทำให้สิวหาย จะมีข้อมูลเยอะมากๆ และหนึ่งในช้อยส์ที่ส่วนมากคนจะเลือกคือ รักษาสิว ด้วยตัวเอง แต่มีใครเคยเช็คลิสต์ไหมว่าวิธีนี้ดีจริงหรือเปล่า ถ้าเปรียบเทียบระหว่างข้อดีกับข้อเสียของการดูแลรักษาสิวด้วยวิธีนี้



ข้อดีของการรักษาสิวด้วยตัวคุณเอง

ไม่เสียเวลา ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าไปรักษาสิวตามคลินิกหรือสถานพยาบาล พอได้รักษาสิวด้วยตัวคุณเอง คุณอาจจะถ่ายรูปสิวของคุณทุกวัน ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างไรบ้าง ทำให้คุณเปรียบเทียบได้ว่าสิวลดลง หรือเป็นหนักขึ้น จากการที่คุณดูแลรักษาด้วยตัวเอง

ข้อเสียของการรักษาสิวด้วยตัวคุณเอง

เห็นเป็นแค่สิวเม็ดเล็กๆ แต่ก็ทำให้ใครหลายๆ คนหมดความมั่นใจได้ ส่วนข้อเสียของการรักษาสิวด้วยตัวคุณเองก็มีไม่ใช่น้อย เช่น มีโรคผิวหนังหลายชนิดที่มีลักษณะหน้าตาคล้ายสิว แต่ไม่ใช่สิว ซึ่งมีการรักษาที่แตกต่างกัน การใช้ยาที่ไม่ตรงกับกับชนิดของสิวที่เป็นอยู่ อีกข้อหนึ่งก็เป็นการใช้ยาผิดวิธี เพราะไม่อยู่ในการดูแลของคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ ก็อาจทำให้สิวไม่หาย หรือมากไปกว่านั้น จากสิวที่เป็นน้อยๆ เมื่อดูแลอย่างผิดวิธีก็อาจทำให้อาการของสิวรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นสิวเรื้อรัง ที่ยากต่อการรักษาได้

รู้หรือไม่ สิวก็มีเลเวล มาเช็คผิวด่วน คุณเป็นสิวเยอะระดับไหน



ระดับอาการของสิวที่มีความแตกต่างกัน ทำให้แนวทางและวิธีการในการรักษาสิวไม่เหมือนกัน ถ้าหากผิวคุณสิวอยู่ ลองเช็คผิว ว่าคุณเป็นสิวเยอะ ระดับไหน

สิวเล็กน้อย (Mild acne)
มีหัวสิวไม่อักเสบ สิวอุดตันเป็นส่วนใหญ่ หรือมีสิวอักเสบ ที่เป็นตุ่มแดง ตุ่มหนอง ไม่เกิน 10 จุด และไม่มีสิวที่เป็นก้อนสีแดงภายในมีหนองปนเลือด ลักษณะโดยรวมแบบนี้ถือว่า เป็นสิวเล็กน้อย

สิวปานกลาง (Moderate acne)
มีสิวอักเสบ ตุ่มแดงและ ตุ่มหนอง ขนาดเล็กจำนวนมากกว่า 10 จุด และมีสิวที่เป็นก้อนสีแดงภายในมีหนองปนเลือดน้อยกว่า 5 จุด

สิวรุนแรง (Severe acne)
ลักษณะสิวประเภทนี้น่าเป็นห่วง เพราะมีทั้งสิวอักเสบตุ่มแดง ตุ่มหนอง ขึ้นเยอะ บวกกับ สิวที่เป็นก้อนสีแดงภายในมีหนองปนเลือดอักเสบอยู่นาน กลับเป็นซ้ำหรือมีหนองไหล  และสิวที่เป็น Cyst ก้อนนูนแดง นิ่ม ภายในมีหนองปนเลือดขึ้นหลายหัวติดกัน ที่มากไปกว่านั้นมีการอักเสบอย่างเรื้อรังเกิดขึ้น

เป็นสิวระดับแบบไหน สิวแบบ ที่เหมาะกับการรักษาด้วยตัวเอง



ระดับสิวที่คุณคิดไว้ในใจ จะใช่ไหมนะ? สิวที่เหมาะกับการรักษาด้วยตัวเองมากที่สุด ก็ต้องเป็นสิวระดับเล็กน้อย เท่านั้น !!! ปัญหาสิวก็คือ มีหัวสิวไม่อักเสบป็นส่วนใหญ่ ก็คือเป็นสิวอุดตัน หรือถ้ามีสิวอักเสบ (papule/pustule) ก็ไม่เกิน 10 จุด แต่ทางที่ดีที่สุด การรักษาสิวที่ตรงกับสาเหตุของการเกิดสิว ตั้งแต่เริ่มเป็น จะช่วยป้องกันไม่ให้สิวลุกลาม หรือเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้น อีกทั้งยังช่วยไม่ให้ผิว เกิดรอยแผลเป็นหลุมสิวตามมาอีกด้วย

5 เคล็ดลับ รักษาสิวด้วยตัวเอง ให้หน้าเนียนใส ผิวดีขึ้นจริงๆ



1. เช็คปัญหาสิวของคุณก่อน อยู่ในระดับไหน?
อย่างที่บอกไปข้างต้น ระดับสิวที่เหมาะกับการรักษาด้วยตัวเองมากที่สุด คือ สิวระดับเล็กน้อย ทางที่ดีคุณจึงควรเช็คระดับสิวที่เป็นอยู่ และคำนึงถึงลักษณะผิวที่เป็น คุณเป็นคนผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ทำความเข้าใจเกี่ยวกับผิว ผิวแบบที่เราเป็นอยู่ควรต้องได้รับการดูแลแบบไหนเป็นพิเศษไหมนะ จึงเป็นการเริ่มต้นของการดูแลผิว รักษาสิวด้วยตัวคุณเองที่ดีเลย

2. เลือกใช้ยารักษาสิว ที่เป็นการรักษามาตรฐาน
การรักษามาตรฐาน (First line treatment) คือการรักษาที่ขึ้นกับความรุนแรงของสิว โดยลักษณะสิวที่เป็นเล็กน้อย สามารถรักษาโดยพิจารณาใช้ยาทาเฉพาะที่ได้
  • Benzoyl peroxide (เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์) 2.5%-5% เป็นยาทาสำหรับรักษาสิว มีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรียและช่วยทำให้ผิวแห้ง ผิวแห้งใช้ 2.5% ผิวมันใช้ 5%
  • Topical retinoids 0.01%-0.1% จะออกฤทธิ์ ผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน หรือลดการอักเสบด้วย ใช้สำหรับรักษา สิวอุดตันและสิวอักเสบ
  • Clindamycin 1% solution มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว
  • Erythromycin 2%-4% solution หรือ gel มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ใช้ทาเฉพาะบริเวณที่มีสิวอักเสบ วันละ 2-3 ครั้ง ผลข้างเคียง คือ ผิวลอก ผิวบาง แสบผิว
  • Salicylic acid กรด BHA ชนิดหนึ่ง ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ทำให้สามารถยับยั้งป้องกันการเกิดสิว
  • Azelaic acid ยานี้จะช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ละลายสิวอุดตัน ลดรอยดำ และการอักเสบของสิว
ไม่ควรใช้ยาทาฆ่าเชื้อทาเพียงอย่างเดียว เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อดื้อยาในระยะยาวได้

3. ปรับพฤติกรรมที่เป็นตัวกระตุ้นสิว
  • ไม่ควรล้างหน้าบ่อยๆ แนะนำให้ล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอ หากแต่งหน้าหรือเพียงแค่ทาครีมกันแดด ก็ควรใช้ทำความสะอาดเครื่องสำอางให้หมดจด ก่อนเข้านอน ด้วยเป็นคลีนซิ่งที่ใช้นิ้วมือ วนเบาๆ แทนการใช้สำลี เพื่อขจัดคราบเครื่องสำอางก่อนการล้างหน้า
  • ไม่แคะ แกะ เกา ไม่บีบสิว ไม่กดสิว เพราะจะทำให้ผิวและสิวเกิดการระคายเคืองและอักเสบได้ง่ายขึ้น
  • หมั่นทำความสะอาดปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ที่สัมผัสกับใบหน้าของเราในทุกๆ วันอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค และฝุ่นละอองที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง
  • ไม่ควรนอนดึก พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8-10 ชม. เพราะการที่ร่างกายของคุณหลับสนิท จะทำให้เกิดการซ่อมแซมในส่วนที่สึกหลอของร่างกาย ส่งผลให้การรักษาสิวมีประสิทธิภาพที่ดี ทำให้ผิวดูสดใส
  • การดื่มน้ำที่เพียงพอเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการฟื้นฟูผิวพรรณ

4. บำรุงฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรง
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (oil-free) หรือผลิตภัณฑ์ประเภท Non - Comedogenic ที่หมายถึงผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดภาวะรูขุมขนอุดตันได้ ช่วยไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคือง ส่วนนี้จึงช่วยลดการอุดตันที่เป็นสาเหตุของสิวได้เป็นอย่างดี

5. ติดตามผลการเปลี่ยนแปลงรักษาสิวด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด
ข้อนี้สำคัญมากๆ เพราะจะช่วยทำให้คุณเห็นผลการเปลี่ยนแปลงของสิวได้เป็นอย่างดี คำแนะนำควรถ่ายรูปผิวหน้าที่เป็นสิวที่เป็นช่วงเวลาเดียวกัน เก็บไว้ทุกวัน เช่น หลังล้างหน้าตอนเช้า หรือผิวหน้าก่อนนอน เพื่อเเปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนเปลง ในกรณีที่เป็นสิวรุนแรงขึ้นหรือไม่สนองต่อวิธีการรักษาใน 2-3 เดือน ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสิวโดยเฉพาะ จะดีที่สุด

เลือกคลินิกรักษาสิวอย่างไรดี กดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่
https://bslclinic.co.th/acne-treatment/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 พฤศจิกายน 2021, 14:47:48 โดย bslclinicit » บันทึกการเข้า
ethanwick
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2021, 11:00:24 »

ดีมากๆ เลยครับ wanwan013
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์