ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafeชาวเน็ตใช้สายตาเยอะ มาดูแลดวงตากันเถอะ
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ชาวเน็ตใช้สายตาเยอะ มาดูแลดวงตากันเถอะ  (อ่าน 419 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
lovelyeye
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 0



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2021, 10:15:29 »

17 วิธี ถนอมตาคู่สวยห่างไกลจาก Office syndrome



       โรคออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome)เป็นกลุ่มอาการที่พบมากในหมู่ผู้ทำงานออฟฟิศ ซึ่งมีพฤติกรรมการทำงานชนิดไม่เปลี่ยนอิริยาบถ ต้องนั่งติดที่ตลอดเวลาหรือเคลื่อนไหวร่างกายค่อนข้างน้อย ส่งผลให้กล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ เช่น หลัง ไหล่ บ่า ต้นคอ แขน และข้อมือ นอกจากนี้ยังพบว่าไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนยุคใหม่ ประกอบกับการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานนับ8-10 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักและใช้สายตาเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้ “อายุของดวงตา” สูงกว่าอายุจริง และมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคทางสายตาอีกด้วย

 

                ปัญหาด้านสายตา ซึ่งเกิดจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานมีมากมาย อาทิ อาการปวดตา ตาแห้ง ระคายเคืองตา ตาพร่ามัว มองเห็นภาพเบลอภาพซ้อนสู้แสงไม่ได้ ปรับภาพได้ช้าลง วุ้นในตาเสื่อม ต้อลม ต้อหิน ซึ่งบางอาการหากไม่ได้รับการป้องกันและรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงทีอาจมีอันตรายจนต้องรับการผ่าตัด หรืออาจรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้

 

                หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าข่ายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมและมีแนวโน้มจะเกิดปัญหาด้านสายตา ควรเริ่มหันมาเอาใจใส่ทะนุถนอมและดูแลรักษาดวงตาของตนเองตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนจะสายเกินแก้ โดยปฏิบัติตามวิธีที่แนะนำดังต่อไปนี้

 


1.อย่าลืมกระพริบตา อย่างน้อย 10 -15 ครั้งต่อนาที  ไม่ควรจ้องหน้าจอนานมากเกินไปจนลืมกระพริบ เพราะโดยปกติคนเราจะต้องกะพริบตาตลอดเวลา โดยมีอัตราการกะพริบประมาณ 20 ครั้งต่อนาที เพื่อเกลี่ยน้ำตาให้หล่อเลี้ยงปกคลุมทั่วผิวตา แต่หากจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ จะทำให้อัตราการกะพริบตาลดลงกว่า 60% ส่งผลกระทบทำให้ผิวตาแห้ง ขาดความชุ่มชื้น แสบตา เคืองตา คันตา และหากเป็นมากจะเกิดอาการตาแดง สู้แสงไม่ได้ ปวดเบ้าตา เมื่อใดที่รู้สึกแสบตาเคืองตาเนื่องจากตาแห้ง จึงควรกะพริบตาหรือเลือกใช้น้ำตาเทียมหยดบ้างเป็นครั้งคราว

2.หมั่นพักสายตาเป็นระยะทุก 20 นาที โดยพยายามเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ มองออกไปไกล ๆ หรือดูวิวต้นไม้เขียว ๆ เพื่อบรรเทาความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อนัยน์ตาและลดอาการปวดกระบอกตา

3. หลับตาทุก ๆ 1 ชั่วโมง หรือลุกขึ้นเดินเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อพักผ่อนร่างกายและสายตาบ้าง เช่น ลุกไปเข้าห้องน้ำ กินขนม ชงน้ำชากาแฟดื่ม หรือลุกขึ้นแกว่งแขน บิดเนื้อบิดตัว อย่างน้อยครั้งละ 5-10 นาที

4.จัดหรือปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 20 - 25 องศาเพื่อช่วยลดอาการปวดตาและปวดต้นคอ

5.ปรับความสว่างและสีของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมโดยเลือกระดับที่แสงไม่จ้าจนเกินไปและสบายตามากที่สุด

6.ปรับขนาดตัวอักษรให้อ่านง่าย ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป

7.นั่งทำงานในที่ที่มีแสงสว่างส่องเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นแสงจากธรรมชาติหรือแสงจากหลอดไฟ และควรระมัดระวังเรื่องการจัดแสงสะท้อนจากจอให้ลดลงในระดับที่รู้สึกสบายตา

8.จัดท่าทางการนั่งให้ถูกต้องเหมาะสม และควรนั่งห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 20-30 นิ้ว

9.จัดวางเอกสารที่ต้องใช้ดูประกอบการพิมพ์หรือทำงานไว้ใกล้ ๆ จอคอมพิวเตอร์ เพื่อลดการส่ายศีรษะไปมาและลดการเปลี่ยนระยะการมองในระดับที่ต่างกันมากเกินไป

10.เช็ดหรือปัดทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ ป้องกันไม่ให้มีฝุ่นเกาะหนาหรือเป็นคราบ



11. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงสายตา เช่น วิตามินเอในพืชผักใบเขียว แครอท ฟักทอง ฯลฯ ซึ่งมีงานวิจัยระบุชัดเจนว่าช่วยในการมองเห็นและยังมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดภาวะตาแห้งด้วย

12.เลือกรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ สารต้านอนุมูลอิสระพบมากในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น มัลเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ โกจิเบอร์รี่ และแบล็คเคอร์แรนต์ เป็นต้น โดยมีผลการวิจัยพบว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่าง ๆ นี้มีสารแอนโธไซยานิน ช่วยบรรเทาหรือคลายความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อดวงตา ช่วยให้การมองเห็นในเวลากลางคืนดีขึ้น และช่วยให้การไหลเวียนในเส้นเลือดฝอยดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีวิตามินซี อี และไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยถนอมและบำรุงดวงตา

13.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นให้การไหลเวียนของเลือดที่ดวงตาดีมากยิ่งขึ้น


14.หากต้องออกแดด ควรสวมแว่นกันแดดและหลีกเลี่ยงไม่ให้ดวงตากระทบกับแสงแดดโดยตรง หรือหากจำเป็นต้องขับรถก็ควรสวมแว่นกันแดดที่มีคุณภาพดี
 
15.ผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปี หรือผู้ที่มีปัญหาทางสายตา เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง ควรปรึกษาจักษุแพทย์ เพื่อเลือกใช้แว่นสายตาที่เหมาะสม

16.พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพดวงตาอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
 
17.หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็น หรือมีสัญญาณเตือนว่าดวงตาเสื่อม อาทิ ตาแดง ปวดตา เคืองตา เห็นจุดดำหรือเงาดำคล้ายหยากไย่ลอยไปมา เห็นแสงจ้าคล้ายแสงแฟลช ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที

“นัยน์ตา” เป็นอวัยวะสำคัญที่ละเอียดอ่อนซับซ้อนและมีค่าควรแก่การทะนุถนอม เมื่อจำเป็นต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานติดต่อกันก็ควรปรับพฤติกรรมการใช้งานและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ อันเป็นต้นเหตุทำลายสุขภาพดวงตาดังที่ได้แนะนำมาข้างต้น นอกจากนี้ยังควรดูแลป้องกันและใส่ใจดวงตามากเป็นพิเศษเพื่อให้นัยน์ตาคู่สวยพร้อมที่จะสู้งานหนักและอยู่คู่กับเราไปตราบนานเท่านาน

ถ้าอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับดวงตาเพิ่มเติม คลิ๊กที่ลิงก์เลยค่ะ https://www.lovelyeyeclinic.com
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์