1.การฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลและค่าฤชาธรรมเนียม (มาตรา 155)
2.คำฟ้องจะทำเป็นหนังสือหรือโจทก์มาแถลงข้อหาด้วยวาจาต่อหน้าศาลก็ได้ และโจทก์อาจมอบอำนาจให้บุคคลหรือองค์กรใดดำเนินคดีแทนก็ได้ (มาตรา 157)
3.คู่ความจะขอให้ศาลตั้งทนายความให้ตนโดยให้สำนักงานศาลยุติธรรมเป็นผู้จ่ายค่าป่วยการทนายก็ก็ได้ (มาตรา 158)
4.ก่อนเริ่มพิจารณาคดี ศาลต้องให้มีการไก่ลเกลี่ยกันก่อน โดยศาลต้องตั้งผู้ประนีประนอมให้คู่ความตกลงข้อพิพาท ถ้าไก่ลเกลี่ยสำเร็จ ผู้ประนีประนอมต้องจัดทำสัญญาประนีประนอมแล้วให้ศาลตรวจดูว่าไม่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ขัดต่อความสงบแล้วศาลจะพิพากษาตามยอมไป แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ให้ดำเนินการพิจารณาคดีกันต่อไป (มาตรา 150)
5.การฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจะฟ้องรวมมากับการฟ้องชายให้รับเด็กเป็นบุตรก็ได้ เพราะการเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจะมีผลตามมาหลังจากที่มีการรับรองความเป็นบุตร
6.ระหว่างพิจารณาคดีคู่ความมีสิทธิร้องขอให้กำหนดมาตราการคุ้มครองชั่วคราวได้ โดยสามารถให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งออกค่าเลี้ยงดูระหว่างคดีให้แก่ตนได้
7.เมื่อศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดู ศาลอาจสั่งให้ลูกหนี้ตามคำพิพากาษนำเงินมาวางศาลตามเงื่อนไขหรือระยะเวลาที่ศาลกำหนดได้ หากลูกหนี้มีรายได้ประจำศาลอาจสั่งให้อายัดตามจำนวนที่ไดจะชำระให้เท่ากับค่าอุปการะเลี้ยงดูได้
8.หากศาลพิพากษาให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแล้วจำเลยไม่ยอมชำระ โจทก์มีสิทธิขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับให้ชำระค่าเลี้ยงดูได้
http://www.xn--72cf2bi6bdb7ewc6a5isb5d.com/ http://xn--b3ca1bicj2cj1jqaf.c...bd-1563-45cd-9df8-154a05470a11 http://xn--12cce9ebk7db0a1kd8e...a6-bfe1-498e-b155-ab20d1f0aff7 https://www.facebook.com/lampang11 https://www.facebook.com/lumpoon11