9 เทคนิคเพิ่มอันดับการค้นหาของ Google ให้กับบทความใหม่ๆ ได้แบบติดสปีด!เวลาที่คุณสร้างบทความใหม่ขึ้นมา คุณคงสังเกตเห็นใช่ไหมว่ามันจำเป็นต้องใช้เวลา เพื่อให้บทความของคุณติดอันดับ Google ในหน้าผลการค้นหา ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณจะไม่ต้องกังวลกับปัญหาการติด อันดับ Google ช้าอีกแล้ว เพราะเราได้นำเทคนิคที่ช่วยให้บทความของคุณติดอันดับการค้นหาของ Google แบบติดสปีดมาฝากกัน!
Neil Patel นักการตลาดชื่อดังคือเจ้าของเทคนิคในวันนี้ เขาเป็นผู้ที่มีอิทธิพลและประสบความสำเร็จในแวดวงธุรกิจออนไลน์ เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่เราจะได้รู้เทคนิคของเขาในวันนี้ขั้นตอนของการทดลอง SEONeil ได้ให้ทุกบริษัทเขียนบทความใหม่ขึ้นมา โดยไม่ได้เจาะจงหัวข้อว่าต้องเกี่ยวกับอะไร แต่กำหนดจำนวนคำว่าต้องมีความยาว 1,800 – 2,000 คำเท่านั้น เหตุผลที่ต้องจำกัดจำนวนคำเป็นเพราะว่า บทความควรมีความยาวพอเหมาะ เพื่อให้สามารถใส่คีย์เวิร์ดลงไปได้อย่างเหมาะสม ที่จริงแล้ว หากเขียนบทความได้ยาวมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสติดอันดับบน Google ได้มากขึ้น เช่น บทความที่มีจำนวนคำ 10,000 คำขึ้นไป ทุกบริษัทมีเวลา 30 วัน
ในการเขียนบทความและโพสต์ลงเว็บไซต์ โดยภายใน 30 วันที่บทความถูกโพสต์เรื่อยๆ นั้น Neil ได้สังเกต URL จาก Ubersuggest เพื่อดูฐานข้อมูลว่ามีคีย์เวิร์ดจำนวนเท่าไร ที่ทำให้บทความติดอันดับท็อป 100 ท็อป 50 และท็อป 10 Neil ยังทำการสังเกตนี้ต่อไปอีก 60 วัน เพื่อดูว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกหรือไม่ โดยฐานข้อมูลของ Ubersuggest แสดงให้เห็นว่า มีคีย์เวิร์ดกว่า 1,459,103,429 คำจากทุกภาษาทั่วโลก แต่ในการทดลองนี้เน้นแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น
หลังจากนั้น Neil จึงแบ่งประเภทของเว็บไซต์ที่ร่วมทำการทดลองออกเป็น 9 หมวด ประมาณคร่าวๆ ว่ามี 70 เว็บไซต์ในแต่ละหมวด โดย 9 หมวดนั้นมีดังต่อไปนี้
1. Control Group – กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ผลิตบทความออกมา แต่ไม่มีการโปรโมทหรือใช้กลยุทธ์ SEO ใดๆ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่ทำให้เห็นข้อแตกต่างระหว่างการใช้ และไม่ใช้กลยุทธ์เพื่อเพิ่มอันดับ Google ได้ดีทีเดียว
2. Sitemap – กลุ่มนี้จะเน้นการใช้ Sitemap หรือไฟล์ที่รวบรวมลิงก์ต่างๆ ที่อยู่บนเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกดูข้อมูลได้สะดวกขึ้น พวกเขาจะเพิ่มหัวข้อของบทความไปยัง Sitemap ของตัวเอง ส่วน Neil จะตรวจสอบให้แน่ใจว่า Sitemap เหล่านี้ได้ถูกเพิ่มเข้าไปใน Google Search Console
3. Internal Linking – กลุ่มนี้จะเพิ่ม internal link 3 ลิงก์จากบทความเก่ามาใส่ไว้ในบทความใหม่ เพื่อทำให้ผู้เข้าชมสามารถเลือกอ่านผลงานเก่าๆ ได้
4. URL Inspection – คุณสามารถใช้ Google Seach Console และ URL เพื่อเพิ่มความเร็วให้ Google เข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์หรือบทความของคุณได้ ซึ่งมีหลายบริษัทด้วยกันที่อยู่ในกลุ่มนี้
5. Social Shares – กลุ่มนี้ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญในการแชร์บทความ เพื่อทำให้มีคนเห็นบทความของพวกเขาได้มากขึ้น
6. Goolge Chrome Lookup – มีจำนวน 40 บริษัทในกลุ่มนี้ ที่พิมพ์ URL ลงใน address bar โดยตรงเพื่อเป็นการค้นหาเว็บไซต์ ซึ่งจะใช้งานได้ใน Google Chrome จากทั้งโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ Neil เพิ่มกลุ่มนี้เข้ามา เพราะต้องการรู้ว่าการเข้าชมเว็บไซต์ผ่าน Google Chrome นั้นส่งผลต่ออันดับ Google หรือไม่
7. Meta Tags – ทีมงานของ Neil ได้ปรับ Tag และ Meta description ไว้ให้สำหรับทุกบริษัทโดยอ้างอิงจากชื่อบทความต่างๆ Neil แนะนำว่า ไม่ใช่คีย์เวิร์ดเพียงอย่างเดียวที่สำคัญกับ Meta Tags แต่ต้องมีแรงดึงดูดให้ผู้ใช้งานคลิกเข้ามาอ่านอีกด้วย
8. URL – ในกลุ่มนี้ Neil เพียงแค่จำกัด URL ของบทความเท่านั้น โดยกำหนดว่า ชื่อเรื่องจะต้องมีความยาวไม่เกิน 50 ตัวอักษร ซึ่งเป็นความท้าทายในการตั้งชื่อเช่นกัน
9. Everything – กลุ่มนี้ใช้กลยุทธ์จากทั้ง 7 กลุ่มก่อนหน้านี้ (ยกเว้น Control Group) มาประยุกต์เข้าด้วยกัน
Neil ทำการทดลองและแบ่งกลุ่มอย่างเคร่งครัด ฉะนั้น นอกจากกลุ่ม Everything แล้ว จึงไม่มีกลุ่มไหนที่ใช้กลยุทธ์หลายอย่างปะปนกัน และนั่นช่วยทำให้เห็นผลลัพธ์และประสิทธิภาพของแต่ละกลยุทธ์ได้ง่ายขึ้นติดตามเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่
https://www.seoblacksheep.com/...b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b9%89/ 