ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปGeneral (ถามคุยวิชาการ IM)ทำไม Lazada - Shopee ถึงได้ส่งฟรี ทำยังไงให้ส่งฟรีเหมือนพวกนี้ โดยไม่ขาดทุน ???
หน้า: 1 [2] 3   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม Lazada - Shopee ถึงได้ส่งฟรี ทำยังไงให้ส่งฟรีเหมือนพวกนี้ โดยไม่ขาดทุน ???  (อ่าน 6543 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
COW
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,947



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2018, 19:55:08 »

ขาดทุนเยอะกันจัง  wanwan044
บันทึกการเข้า

porclick
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 211



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2018, 21:57:15 »

การส่งสินค้าฟรีสำหรับรายย่อยโดยไม่พึ่งพาการขายออนไลน์ผ่านรายใหญ่สามารถทำได้ถ้ากำไรต่อชิ้นสูงพอ แต่ต้องมั่นใจว่าเป็นกำไรที่หักค่าดำเนินการอื่นๆนอกเหนือจากต้นทุนราคาสินค้าแล้วเท่านั้นนะครับ กรณีที่กำไรต่อชิ้นไม่เกิน 20% สำหรับคนที่ทำธุรกิจโดยไม่คิดเผื่อเรื่องภาษีก็ให้ระวังไว้ด้วยนะ แต่ถ้าคิดรวมไปแล้วและทำบัญชีแบบถูกต้องก็ไม่ต้องกังวลอะไรทำได้เลย

L กับ S ใช้โมเดลธุรกิจเดียวกัน จริงๆธุรกิจพวกนี้จะต้องมีรายได้จากค่าคอมมิชชั่นในการขายแต่ละครั้ง แต่เพื่อให้ธุรกิจเป็นที่จดจำของผู้ซื้อเลยต้องยอมขาดทุนในการให้บริการในช่วงแรกๆ เจ้าของหรือกลุ่มทุนธุรกิจพวกนี้มีเงินทุนสำหรับการขาดทุนได้สูงระดับหลักหลายร้อยล้านเลยนะ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าผลลัพธ์สุดท้ายของโมเดลธุรกิจพวกนี้จะเป็นยังไงนะ แต่ที่เห็นแน่ๆเลยตอนนี้คือวงจรค้าปลีกมีการเปลี่ยนแปลงเพราะการทุ่มตลาดออนไลน์นี่แหละ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 กรกฎาคม 2018, 15:58:42 โดย porclick » บันทึกการเข้า

Appman
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 77
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,019



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2018, 22:35:42 »

เค้าไม่ได้คิดง่ายกันแบบนั้นครับ ปัญหาอยู่ที่รัฐเราไม่ซัพพอร์ทหรือไม่มีเอกชนรายใหญ่ไปดีลครับ การแข่งขันที่จีนรัฐผลักดันด้านการส่งออกเมื่อมาจับมือกับนักธุรกิจเอกชนอย่าง Alibaba (Lazada) หรือ Tencent (Shopee)

ทั้ง 2 ยอมขาดทุนในไทยกันทั้งคู่ครับ แต่กลับกันที่ทวีปอื่นหรือโซนอื่นเค้ากำไรจนขาดทุนที่บ้านเรา 1000 -4000 ล้านบาทเป็นเศษเงิน แต่เค้าสามารถสร้างภาพใหญ่มาที่ประเทศอื่นๆได้ แต่หันมาดูประเทศเราถ้าคิดจะส่งออกอย่างอาหารกล่องนึงสามารถส่งไปจีนได้ไหม ขายเค้าได้ไหม ค่าขนส่งใครแบกรับ แต่กลับกัน สายชาร์จอันเดียวส่งจากจีนมาไทยได้ฟรี (ที่นี่เค้ามีคลังสินค้ารอส่งครับซึ่งคนไทยก็ดีลได้เช่นกันเรียกว่า Fulfillment) เพราะฉะนั้นการส่งฟรีตัวเค้าเองบาดเจ็บแต่สามารถทำภาพหญ่หรือผูกขาดในประเทศเราได้ครับ ก็เป็นไปตามหลักทุนนิยมเพียงแต่เราตามเกมเค้าทันรึเปล่าและจะปรับตัวยังไง เพราะต่อไปแรงขึ้นแน่นอนเรื่องราคาและ Logistic ล่าสุดลาซาด้าลดคอมมิชชั่นเหลือ 0% จากเดิมเก็บค่าคอมก็ขาดทุนย่อยยับอยู่ แต่ไม่ต้องห่วงครับ ทั้ง Lazada และ Shopee ขาดทุนได้เป็นหมื่นล้านไม่สะเทือน เพราะเค้าทั้งสองติดอันดับรวยสุดในโลก 20 อันดับแรกครับ
บันทึกการเข้า

Mr.Blogger
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 614
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,459



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2018, 22:57:37 »

ขาดทุนครับ ใครเลือดหมดตัวก่อนแพ้ครับ
บันทึกการเข้า

Keywords ที่ปิดการขายได้ง่าย!
Keywords ที่ทำ SEO ได้ง่าย!!
ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง ..
>>คลิกตรงนี้!!
ดาวโลก
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 22
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 112



ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2018, 23:31:37 »

ตลาดอีคอมเมิร์สในเอเชีย และอาเซียน เป็นอนาคตรับ ก็เหมือนกับธุรกิจสตาร์ทอัพนั่นละ
คือ มีคนกล้าเสี่ยงลงทุนกับธุรกิจที่ไม่มีกำไรเริ่มต้น เป็นเวลา 5-7 ปีก็มี อย่างยูทูปที่
กูเกิลซื้อมา 15,000 ล้านดอลล่าร์ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ยูทูปก็เริ่มต้นฟรี ขาดทุนมาสองปี
จนยูทูปมาซื้อไป ทำให้คนลงทุนและกลุ่มคนสร้างไอเดียนี้ขึ้นมา ร่ำรวยกันไปแค่ 2 ปี
กูเกิลซื้อยูทูปมาอีกสี่ถึงห้าปี กว่าจะติดโฆษณาทำรายได้ เรียกได้ว่า ยูทูปขาดทุนเกือบ 7 ปี
แล้ววันนี้ทำเงินให้กูเกิลมากมายไหมก็ยัง แต่ยูทูปมันคืออนาตตที่ทำเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ประเด็นสำคัญคือมันทำให้Google ครบวงจรในการสื่อออนไลน์อันดับหนึ่งของโลกอย่างยาวนานแน่

ลาซาด้ากับชอปปี้ ก็คงเหมือนกัน เขาซื้ออนาคตเหมือนกับยูทูป ปัญหาของตลาดในเอเซียคือ
อีคอมเมิร์สมันยังโตไม่มากเหมือนในอเมริกาและยุโรป จึงมีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย หากทุนไม่หนาจริง
มีหวังเลิกแน่ เพราะตลาดอีคอมฯในเอเซียโตช้ากว่าคาดการณ์ แม้แต่เกาหลีใต้หรือญี่ปุ่นเองก็ตามคล้ายกันหมด

อีกอย่างที่ผมเห็นข้อบกพร่องของอีคอมฯ ในเอเชียและอาเซียน คือการไม่ใช่ซอฟต์แวร์ชั้นเลิศมาช่วยบริหารจัดการ
อเมซอน ลงทุนระบบคลาวด์(อเมซอน เว็บเซอร์วิส) ซึ่งอเมซอนเห็นแล้วว่า ซอฟต์แวร์ชั้นเลิศ ระบบชั้นเลิศ
สร้างผลกำไรได้สูงมาก ไม่ว่าจะเป็น ระบบหน้าร้าน หลังร้าน โลจิสติกส์ Affiliate Seller หรืออื่นๆ
อเมซอน เริ่มพัฒนาระบบคลาวด์เชิงธุรกิจแบบจริงจังก่อนใคร มีทูล มีเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ชั้นเลิสด้านคลาวด์
ก่อนใคร ก่อนที่ยักษ์ไอที Google และไมโครซอฟต์ จะตื่นขึ้นมาไล่ตาม และพัฒนาเทคโนโลยีสู้

นั่นคือ จุดอ่อนของ บริษัทอีคอมเมิร์ส (B2C) ของเอเซีย คือไม่มีระบบคลาวด์ชั้นเลิศ ซอฟต์แวร์ชั้นเลิศมาช่วย
ต้นทุนแฝงมันน้อยลง ตอบโจทย์ผู้ซื้อได้มากขึ้น ธุรกรรมต่างๆ เร็วขึ้น ง่ายขึ้น หลากหลายช่องทางมากกว่านี้

ตอนนี้อเมซอน ก็มีร้านค้าออฟไลน์ในห้างเหมือนกันครับ แต่มีสินค้าเฉพาะแบรนด์อเมซอนต์เอง นั่นคือ กำไรจาก
แบรนด์ของตัวเองสำคัญมาก อเมซอนถึงลงไปเล่นในตลาดออฟไลน์ เพื่อสร้างแบรนด์กับคนชอบเดินห้างเลย

การส่งฟรี ก็เหมือนกับการลงทุนสร้างแบรนด์ สร้างประสบการ์ณที่ดีต่อลูกค้า หากอีคอมเมิร์สโตมากเมื่อไร
กำไรต่อหน่วยก็สูงขึ้น เสริมกับโลจิสติกส์ที่ดีขึ้น ต้นทุนต่ำลงกำไรก็ตามมา เพียงแต่หลายค่ายยังคาดการณ์
ตลาดอีคอมฯ อนาคตสูงเกินกว่าที่เป็น อาจมีหลายเจ้าลาโลงไปก่อน อนาคตคนที่รอดมีกำไรมหาศาลเอง

ผมเคยได้ยินว่า อเมซอนจะมาลุยในตลาดเอเซ๊ย แต่พอลงทุนในญี่ปุ่นแล้วก็ หยุดโครงการไว้ก่อน การเล่นกับ
อนาคตมันเสี่ยงสูง ขนาดเจ้าใหญ๋ยังเดินหมากอย่างสุขุมเลย ทั้งที่มีคลาวด์ชั้นเยี่ยม โลจิสติกส์ชั้นยอด ซอฟต์แวร์
ระดับสูง หากตลาดโตเมื่อไร หนาวแทนลาซาด้า กับ ชอปปี้ เลย ยิ่งชอปปี้นี้ ระดมทุนในเมกาด้วย หนาวแทนจริงๆ

ลืมไป อเมซอน นี้ใหญ่กว่า tencent กับ alibaba ประมาณ 3 เท่านะครับ และมีเทคโนโลยีอีคอมเมิร์สและคลาวด์
ดีกว่าทั้งสองเจ้านี้มาก หากวัดกันปอนด์ต่อปอนด์นี้ มวยคนละรุ่นนะครับ ขนาดอเมซอนยังรอตลาดโตนี้ มันก็แปลกละ
ตลาดอีคอมฯในเอเชียโตเมื่อไร คงได้เห็นอเมซอนโผล่หน้ามาละครับ แต่จะมาแบบไหน อย่างไร เจ้าอื่นหนาวแน่

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 กรกฎาคม 2018, 23:58:58 โดย ดาวโลก » บันทึกการเข้า

Stay Hungry Stay Foolish. ค้นหาโลกใหม่ ค้นหาปัญญา
ad2002
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 114
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,273



ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2018, 15:28:27 »

ตลาดอีคอมเมิร์สในเอเชีย และอาเซียน เป็นอนาคตรับ ก็เหมือนกับธุรกิจสตาร์ทอัพนั่นละ
คือ มีคนกล้าเสี่ยงลงทุนกับธุรกิจที่ไม่มีกำไรเริ่มต้น เป็นเวลา 5-7 ปีก็มี อย่างยูทูปที่
กูเกิลซื้อมา 15,000 ล้านดอลล่าร์ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ยูทูปก็เริ่มต้นฟรี ขาดทุนมาสองปี
จนยูทูปมาซื้อไป ทำให้คนลงทุนและกลุ่มคนสร้างไอเดียนี้ขึ้นมา ร่ำรวยกันไปแค่ 2 ปี
กูเกิลซื้อยูทูปมาอีกสี่ถึงห้าปี กว่าจะติดโฆษณาทำรายได้ เรียกได้ว่า ยูทูปขาดทุนเกือบ 7 ปี
แล้ววันนี้ทำเงินให้กูเกิลมากมายไหมก็ยัง แต่ยูทูปมันคืออนาตตที่ทำเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ประเด็นสำคัญคือมันทำให้Google ครบวงจรในการสื่อออนไลน์อันดับหนึ่งของโลกอย่างยาวนานแน่

ลาซาด้ากับชอปปี้ ก็คงเหมือนกัน เขาซื้ออนาคตเหมือนกับยูทูป ปัญหาของตลาดในเอเซียคือ
อีคอมเมิร์สมันยังโตไม่มากเหมือนในอเมริกาและยุโรป จึงมีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย หากทุนไม่หนาจริง
มีหวังเลิกแน่ เพราะตลาดอีคอมฯในเอเซียโตช้ากว่าคาดการณ์ แม้แต่เกาหลีใต้หรือญี่ปุ่นเองก็ตามคล้ายกันหมด

อีกอย่างที่ผมเห็นข้อบกพร่องของอีคอมฯ ในเอเชียและอาเซียน คือการไม่ใช่ซอฟต์แวร์ชั้นเลิศมาช่วยบริหารจัดการ
อเมซอน ลงทุนระบบคลาวด์(อเมซอน เว็บเซอร์วิส) ซึ่งอเมซอนเห็นแล้วว่า ซอฟต์แวร์ชั้นเลิศ ระบบชั้นเลิศ
สร้างผลกำไรได้สูงมาก ไม่ว่าจะเป็น ระบบหน้าร้าน หลังร้าน โลจิสติกส์ Affiliate Seller หรืออื่นๆ
อเมซอน เริ่มพัฒนาระบบคลาวด์เชิงธุรกิจแบบจริงจังก่อนใคร มีทูล มีเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ชั้นเลิสด้านคลาวด์
ก่อนใคร ก่อนที่ยักษ์ไอที Google และไมโครซอฟต์ จะตื่นขึ้นมาไล่ตาม และพัฒนาเทคโนโลยีสู้

นั่นคือ จุดอ่อนของ บริษัทอีคอมเมิร์ส (B2C) ของเอเซีย คือไม่มีระบบคลาวด์ชั้นเลิศ ซอฟต์แวร์ชั้นเลิศมาช่วย
ต้นทุนแฝงมันน้อยลง ตอบโจทย์ผู้ซื้อได้มากขึ้น ธุรกรรมต่างๆ เร็วขึ้น ง่ายขึ้น หลากหลายช่องทางมากกว่านี้

ตอนนี้อเมซอน ก็มีร้านค้าออฟไลน์ในห้างเหมือนกันครับ แต่มีสินค้าเฉพาะแบรนด์อเมซอนต์เอง นั่นคือ กำไรจาก
แบรนด์ของตัวเองสำคัญมาก อเมซอนถึงลงไปเล่นในตลาดออฟไลน์ เพื่อสร้างแบรนด์กับคนชอบเดินห้างเลย

การส่งฟรี ก็เหมือนกับการลงทุนสร้างแบรนด์ สร้างประสบการ์ณที่ดีต่อลูกค้า หากอีคอมเมิร์สโตมากเมื่อไร
กำไรต่อหน่วยก็สูงขึ้น เสริมกับโลจิสติกส์ที่ดีขึ้น ต้นทุนต่ำลงกำไรก็ตามมา เพียงแต่หลายค่ายยังคาดการณ์
ตลาดอีคอมฯ อนาคตสูงเกินกว่าที่เป็น อาจมีหลายเจ้าลาโลงไปก่อน อนาคตคนที่รอดมีกำไรมหาศาลเอง

ผมเคยได้ยินว่า อเมซอนจะมาลุยในตลาดเอเซ๊ย แต่พอลงทุนในญี่ปุ่นแล้วก็ หยุดโครงการไว้ก่อน การเล่นกับ
อนาคตมันเสี่ยงสูง ขนาดเจ้าใหญ๋ยังเดินหมากอย่างสุขุมเลย ทั้งที่มีคลาวด์ชั้นเยี่ยม โลจิสติกส์ชั้นยอด ซอฟต์แวร์
ระดับสูง หากตลาดโตเมื่อไร หนาวแทนลาซาด้า กับ ชอปปี้ เลย ยิ่งชอปปี้นี้ ระดมทุนในเมกาด้วย หนาวแทนจริงๆ

ลืมไป อเมซอน นี้ใหญ่กว่า tencent กับ alibaba ประมาณ 3 เท่านะครับ และมีเทคโนโลยีอีคอมเมิร์สและคลาวด์
ดีกว่าทั้งสองเจ้านี้มาก หากวัดกันปอนด์ต่อปอนด์นี้ มวยคนละรุ่นนะครับ ขนาดอเมซอนยังรอตลาดโตนี้ มันก็แปลกละ
ตลาดอีคอมฯในเอเชียโตเมื่อไร คงได้เห็นอเมซอนโผล่หน้ามาละครับ แต่จะมาแบบไหน อย่างไร เจ้าอื่นหนาวแน่



ขอบคุณครับ 
บันทึกการเข้า
pond_z1000
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 40
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,325



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2018, 15:39:54 »

ยังไงก็ต้องเสียอยู่ดีคับ
บันทึกการเข้า

dekdoo
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 58
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 891



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2018, 00:58:21 »

หลักการก็คือ ก็ยอมขาดทุนไงครับ แต่คุณไม่ได้ขาดทุนโดยตรง
พวก lazada หรือ shopee, aliexpress อะไรพวกนี้เขายอดส่งให้ฟรี แต่คุณต้องเอาสินค้าไปไว้ที่โกดังเขานะ
บันทึกการเข้า

wattasin
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 62
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,698



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2018, 09:36:55 »

ตลาดอีคอมเมิร์สในเอเชีย และอาเซียน เป็นอนาคตรับ ก็เหมือนกับธุรกิจสตาร์ทอัพนั่นละ
คือ มีคนกล้าเสี่ยงลงทุนกับธุรกิจที่ไม่มีกำไรเริ่มต้น เป็นเวลา 5-7 ปีก็มี อย่างยูทูปที่
กูเกิลซื้อมา 15,000 ล้านดอลล่าร์ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ยูทูปก็เริ่มต้นฟรี ขาดทุนมาสองปี
จนยูทูปมาซื้อไป ทำให้คนลงทุนและกลุ่มคนสร้างไอเดียนี้ขึ้นมา ร่ำรวยกันไปแค่ 2 ปี
กูเกิลซื้อยูทูปมาอีกสี่ถึงห้าปี กว่าจะติดโฆษณาทำรายได้ เรียกได้ว่า ยูทูปขาดทุนเกือบ 7 ปี
แล้ววันนี้ทำเงินให้กูเกิลมากมายไหมก็ยัง แต่ยูทูปมันคืออนาตตที่ทำเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ประเด็นสำคัญคือมันทำให้Google ครบวงจรในการสื่อออนไลน์อันดับหนึ่งของโลกอย่างยาวนานแน่

ลาซาด้ากับชอปปี้ ก็คงเหมือนกัน เขาซื้ออนาคตเหมือนกับยูทูป ปัญหาของตลาดในเอเซียคือ
อีคอมเมิร์สมันยังโตไม่มากเหมือนในอเมริกาและยุโรป จึงมีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย หากทุนไม่หนาจริง
มีหวังเลิกแน่ เพราะตลาดอีคอมฯในเอเซียโตช้ากว่าคาดการณ์ แม้แต่เกาหลีใต้หรือญี่ปุ่นเองก็ตามคล้ายกันหมด

อีกอย่างที่ผมเห็นข้อบกพร่องของอีคอมฯ ในเอเชียและอาเซียน คือการไม่ใช่ซอฟต์แวร์ชั้นเลิศมาช่วยบริหารจัดการ
อเมซอน ลงทุนระบบคลาวด์(อเมซอน เว็บเซอร์วิส) ซึ่งอเมซอนเห็นแล้วว่า ซอฟต์แวร์ชั้นเลิศ ระบบชั้นเลิศ
สร้างผลกำไรได้สูงมาก ไม่ว่าจะเป็น ระบบหน้าร้าน หลังร้าน โลจิสติกส์ Affiliate Seller หรืออื่นๆ
อเมซอน เริ่มพัฒนาระบบคลาวด์เชิงธุรกิจแบบจริงจังก่อนใคร มีทูล มีเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ชั้นเลิสด้านคลาวด์
ก่อนใคร ก่อนที่ยักษ์ไอที Google และไมโครซอฟต์ จะตื่นขึ้นมาไล่ตาม และพัฒนาเทคโนโลยีสู้

นั่นคือ จุดอ่อนของ บริษัทอีคอมเมิร์ส (B2C) ของเอเซีย คือไม่มีระบบคลาวด์ชั้นเลิศ ซอฟต์แวร์ชั้นเลิศมาช่วย
ต้นทุนแฝงมันน้อยลง ตอบโจทย์ผู้ซื้อได้มากขึ้น ธุรกรรมต่างๆ เร็วขึ้น ง่ายขึ้น หลากหลายช่องทางมากกว่านี้

ตอนนี้อเมซอน ก็มีร้านค้าออฟไลน์ในห้างเหมือนกันครับ แต่มีสินค้าเฉพาะแบรนด์อเมซอนต์เอง นั่นคือ กำไรจาก
แบรนด์ของตัวเองสำคัญมาก อเมซอนถึงลงไปเล่นในตลาดออฟไลน์ เพื่อสร้างแบรนด์กับคนชอบเดินห้างเลย

การส่งฟรี ก็เหมือนกับการลงทุนสร้างแบรนด์ สร้างประสบการ์ณที่ดีต่อลูกค้า หากอีคอมเมิร์สโตมากเมื่อไร
กำไรต่อหน่วยก็สูงขึ้น เสริมกับโลจิสติกส์ที่ดีขึ้น ต้นทุนต่ำลงกำไรก็ตามมา เพียงแต่หลายค่ายยังคาดการณ์
ตลาดอีคอมฯ อนาคตสูงเกินกว่าที่เป็น อาจมีหลายเจ้าลาโลงไปก่อน อนาคตคนที่รอดมีกำไรมหาศาลเอง

ผมเคยได้ยินว่า อเมซอนจะมาลุยในตลาดเอเซ๊ย แต่พอลงทุนในญี่ปุ่นแล้วก็ หยุดโครงการไว้ก่อน การเล่นกับ
อนาคตมันเสี่ยงสูง ขนาดเจ้าใหญ๋ยังเดินหมากอย่างสุขุมเลย ทั้งที่มีคลาวด์ชั้นเยี่ยม โลจิสติกส์ชั้นยอด ซอฟต์แวร์
ระดับสูง หากตลาดโตเมื่อไร หนาวแทนลาซาด้า กับ ชอปปี้ เลย ยิ่งชอปปี้นี้ ระดมทุนในเมกาด้วย หนาวแทนจริงๆ

ลืมไป อเมซอน นี้ใหญ่กว่า tencent กับ alibaba ประมาณ 3 เท่านะครับ และมีเทคโนโลยีอีคอมเมิร์สและคลาวด์
ดีกว่าทั้งสองเจ้านี้มาก หากวัดกันปอนด์ต่อปอนด์นี้ มวยคนละรุ่นนะครับ ขนาดอเมซอนยังรอตลาดโตนี้ มันก็แปลกละ
ตลาดอีคอมฯในเอเชียโตเมื่อไร คงได้เห็นอเมซอนโผล่หน้ามาละครับ แต่จะมาแบบไหน อย่างไร เจ้าอื่นหนาวแน่



ความรู้ใหม่เลย ขอบคุณครับ

บันทึกการเข้า

kidteung55
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 7
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 447



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2018, 10:23:44 »

 wanwan015
บันทึกการเข้า

m_ld
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 135
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,002



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2018, 15:33:58 »

กำไรบางส่วนมาจากเบรนด์แนมต่าง ๆ นะ ผมคิดว่าอย่างพวก Microsoft อะไรพวกนี้
แล้วก็พวกธนาคารที่ให้การสนับสนุน พวกสปอนเซอร์เค้าก็มีเยอะนะครับ
ส่วนใหญ่ที่ฟรีก็คงให้แต่รายย่อยเท่านั้นมั้ง  wanwan044
บันทึกการเข้า

hirase8888
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 42
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 672



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #31 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2018, 17:11:06 »

พวกนี้สายป่านต้องยาวครับ  ดูอย่าง   เจ้าตัวเลข สิ (ขอไม่เอ่ยชื่อนะ)   พวกนี้ต้องสายป่านยาวครับ  ทำไม่ไหวก็เปลี่ยนเจ้าครับ  แต่อย่างเจ้าแดง คุณก็ต้องดูด้วยว่ารายได้เขามาจากไหน  ใช่เจ้าเดียวกับเกมหรือเปล่า สายป่านถึงยาว ประมานนี้
บันทึกการเข้า

สอน SEO รับทำ Google Ads https://www.seo928.com/
ซากุระไฮเปอร์
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 604
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,586



ดูรายละเอียด
« ตอบ #32 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2018, 17:17:03 »

พนักงานส่งคนนึง ต้องส่งหลายที่ เขียนโค๊ดเพิ่มเข้าไปนิดหน่อย ให้จัดสรรตารางได้เหมาะสม ยิ่งส่งฟรีงานก็ยิ่งต้องเยอะ น่าจะเป็นกลยุทธอย่างนึงนะคะ
บันทึกการเข้า

มีแฟนเป็นโปรแกรมเม่อร์ ชีวิตคงง่ายขึ้น T^T // Ps. รูปโปรตัวจริงค่ะ แต่ผ่านมาหลาย app
tesla
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 115



ดูรายละเอียด
« ตอบ #33 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2018, 20:02:33 »

พนักงานส่งคนนึง ต้องส่งหลายที่ เขียนโค๊ดเพิ่มเข้าไปนิดหน่อย ให้จัดสรรตารางได้เหมาะสม ยิ่งส่งฟรีงานก็ยิ่งต้องเยอะ น่าจะเป็นกลยุทธอย่างนึงนะคะ

เขาเรียกว่าระบบ แบบแชริ่งอีโคโนมีครับ ซึ่งจะต้องใช้ซอฟต์แวร์เป็นตัวบริหารจัดหารหลัก
ซอฟต์แวร์อย่างเดียวไม่พอ ต้องมีฮาร์ดแวร์ที่ดีด้วย จัดการตำแหน่ง เวลา อุณหภูมิ จิปาทะ

ตัวอย่างเน็ตฟลิก ใช้คลาวด์ของอเมซอน ทำซอฟต์แวร์คล้ายๆ แชริ่งอีโคโนมี
เพื่อส่งวิดีโอความชัดสูง ถึงลูกค้าอย่างรวดเร็วไม่สะดุด แม้สมาชิกบางคน
อินเตอร์เน็ตจะช้า เขาก็ใช้ซอฟต์แวร์จากอเมซอนคลาวด์ช่วย

จากคนด้านบนบอกครับว่า อเมซอนคลาวด์ช่วยให้บางบริษัทโตอย่างน่ากลัว
ตัวอย่างก็ เน็ตฟลิกนี้ละ ภายใน 7 ปี กลายมาเป็นยักษ์ใหญ่ กว่าดิสนีย์
นั่นเพราะเขา วางแผนซอฟต์แวร์อย่างเดียวเลย จึงแซงและทิ้งคนเก่า
แบบไม่่ติดผุ่นเลยครับ

อเมซอน ก็จ้างพนักงานส่งของไม่ประจำ คล้ายกับอูเบอร์เลย นั่นคือ
ระบบต้องเปะมาก หยืดหยุ่นสูงมาก ระบบต่างๆ มันเชื่อมประสานกัน
โดยซอฟต์แวร์หลักบนคลาวด์ทั้งนั้น ไม่ว่า รอบอท โดรน คน

ทำงานเป็นทีมเดียวกันได้ ไปเห็นกับตามาน่าทึ่งจริงๆ ปกติเรา
เห็นแต่โรบอททำงานกับคนในโรงงานรถยนต์ แต่ในอเมซอน

มีทั้งโดรน คน โรบอท ทำงานออกมาเร็วมากๆ เพราะซอฟต์
แวร์บนคลาวดมันช่วยเพิ่มฟังก์ชันให้ ประสิทธิภาพออกมาสูงสุด
ใช้เวลาน้อยที่สุด ไม่รู้ว่า เอไอที่ใส่ไปในระบบเขา กี่ล้านตัว

ผมดูคลิปสัมนาเกี่ยวกับระบบพวกนี้ เห็นเขาบอกว่าเพิ่งเข้าสู่
ยุคที่จะแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้นกว่านี้ได้อีก โอ้ สุดยอดจริงๆ

กูเกิลประกาศเมื่อเช้าในข่าวเทคโนโลยี จะโอนงานทั้งหมดไปบนคลาวด์
และจะพยายามผลักดันบริษัทอื่นที่ตัวเองลงทุนไว้ ไปบนคลาวด์ด้วย
ที่แปลกใจมากๆ ก็คือ vimeoนั่นคือ จะไปอยู่บนคลาวด์Google
เอะหรือว่า กูเกิลลงทุนซื้อ vimeo ไปแล้ว ข่าวเงียบมา
ไม่รวม เวิร์ดเพลสดอทคอม และอีกมากมาย กำลังจะไปอยู่
บนคลาวด์Google

ผมไม่ได้ชมกูเกิลคลาวด์เกินไปนะ มันง่ายและถูกกว่าสองค่ายมาก
แพ้เรื่องเดียว คือ ทูลที่มีตอนนี้ยังน้อยกว่า อเมซอนและไมโครซอฟต์
หากมีทูลต่างๆ เท่าๆกัน กูเกิลคลาวด์นี้ละ เจ๋งสุดๆ

ใครจะพัฒนาระบบแข่งกับต่างชาติมองกูเกิลคลาวด์เป็นพื้นฐานเลยครับ
ai, deep learing และอื่นๆ ง่ายและใช้งบน้อยกว่าสองเจ้าแน่นอน

หากจะแข่งกับต่างชาติไม่ใช้คลาวด์ดีๆ ไม่เกิน 10 ปี เจ๊งแน่ครับ





บันทึกการเข้า

ToMoon@2020 ร่วมกันกดไลท์กดแชร์ คลิปช่อง NASA หรือ ช่อง ESA เพื่อแบ่งปันความก้าวหน้าที่สุดของมนุษย์ให้กับคนที่คุณรัก ร่วมกันไปยืนยันชื่อพวกเราไว้อีกล้านๆ ปีว่า พวกเราคือสิ่งมีชีวิตที่พิเศษสุดๆ สำหรับจักรวาล ToMar@2030
seoland
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 118
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 643



ดูรายละเอียด
« ตอบ #34 เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2018, 10:40:00 »

เห็นด้วยกับ ด้านบน นะครับ เสริมอีกนิดหนึ่งระบบ Sharing Economy เป็นการจัดการทรัพยากรบนคลาวด์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ในระบบขนาดใหญ่ โดยใช้ Microservice เป็นระบบหลักในการพัฒนาบนคลาวด์

นอกจากเทคโนโลยี ไมโครเซอร์วิส แล้วยังต้องมี เทคโนโลยีจัดการดาต้าเบสใหม่ Bigdata DataScience AI และ Deep Lerning
ที่คุณเห็นระบบอเมซอนนั้น เขาเริ่มสร้างระบบมานานแล้วนะครับ มีการปรับปรุงอยู่ทุกวันถามว่า AI เป็นล้านตัวไหม ทุกเซนเซอร์ในอนาคตจะมี AI ประกอบครับ และจะมี AI ตัวแม่คอยเป็นตัวแบ่งงานและแชร์ข้อมูลให้ AI ลูกๆ นั่นคือ ถ้านับ AI ทั้งหมดก็เยอะครับ

แต่หากนับแค่ AI ตัวแม่ และพวก Deep Learning ต่างที่ควบคุมระบบทั้งหมด น่าจะแค่หลักพันหรือหมื่นครับ แต่ในทางเทคนิคเขาบอกว่าดีกว่าจ้างงานคน พันล้านคนนะครับ

ที่คุณอึ่งนะมันแค่เริ่มต้นจริงๆ ครับ มันยังต้องพัฒนาไปอีกเยอะเลย AI ยังไม่ฉลาดพอ DeepLearning ยังไม่มากพอ ไมโครเซอร์วิสสามารถทำให้เล็กใหญ่ ซับซ้อน เล็ก ใหญ่ ย้ายตัวเองไปอยู่ตามดาต้าเซนเตอร์ได้ตามที่ลูกค้าอยู่จริง

เน็ตฟลิกบุกเบิกแนวทางนี้อย่างจริงจัง ในการทำระบบที่สเกลเซอร์วิสไฟล์หนังตัวเองให้ใหญ่ ให้เล็ก ในดาต้าเซนเตอร์ที่ไหนก็ได้ ใกล้ลูกค้ามากที่สุด เพื่อให้การดูภาพรื่นมากที่สุด แต่ก็ยังพัฒนาต่อไปได้อีก ในยุค ดิจิตอล ทรานฟอร์เมชั่น


ที่สำคัญ เน็ตฟลิกก้าวมาใหญ่โตมหาศาล ก็เพราะการสเกลขนาดข้อมูล ให้เหมาะสมกับพื้นที่ลูกค้าจะดูในวินาทีนั้นนอกจากทำให้ลูกค้าประทับใจแล้ว ยังประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก จนสามารถนำเงินเหล่านี้ไปจ้างคนสร้างหนัง สร้างซี่รีย์ มาต่อยอดได้เยอะกว่าเจ้าเก่าครับ เรียกว่า ระบบดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

ข้อดีของระบบขนาดใหญ่ในคลาวด์ที่ดี คือ มีโครงสร้างคลาวด์มาตรฐานสูง มีซอฟต์แวร์ทูลเยอะและมาตรฐานสูง และลงทุนวิจัยเทคโนโลยีมาก ถามว่าจีนลงทุนวิจัยเยอะไหมเยอะครับ

ทำไมจีนถึงสู้ไม่ได้ ระบบการศึกษาครับ สหรัฐมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลก 1-100 ครึ่งหนึ่ง และ 1-10 มีอยู่ 6-8 แห่งเลยทีเดียว ดังนั้น งานวิจัยที่บริษัทเหล่านี้ได้ คุณภาพคนที่บริษัทในสหรัฐได้ คุณภาพสูงมาก ด้วยความเป็นเสรีทำให้รัฐเปิดกว้างข้อมูลวิชาการเหล่านี้ด้วย

เห็น คุณ ทรัมป์ จะจัดการ อเมซอน ที่ทำให้ไปรษณีย์อเมริกา รายได้ลดลง ปีละ 300 ล้านบาท แต่อเมซอนบอกเขาไม่ได้อยู่ในธุรกิจ โลจิสติกส์ เขาส่งของเฉพาะลูกค้าเขา เหมือนกับร้านค้าอื่นๆ

เสรีภาพทางความคิดสร้างสรรค์ของคน คุณภาพของคน คูณภาพทางวิชาการ คุณภาพมหาวิทยาลัย หากมหาลัยในประเทศไหนไม่ติด 1-25 เลย โอกาสจะแข่งขันกับประเทศยักษ์ใหญ่ยาก อนาคตก็ยิ่งห่างไปเรื่อยๆ และบริษัทยักษ์ไอทีก็จะโฮมรันธุรกิจในประเทศอื่นแน่
อีกไม่เกิน 10 ปี เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ชัดขึ้น ประเทศที่คุณภาพการศึกษาดีจะได้เปรียบมากยิ่งขึ้น
บันทึกการเข้า
somkuan
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 146
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 448



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #35 เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2018, 18:59:57 »

เน้นส่งฟรี
บันทึกการเข้า

Tutorcuu
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #36 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2018, 09:50:30 »

เขาาาาปักหมุด
บันทึกการเข้า
hirase8888
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 42
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 672



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #37 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2018, 10:08:03 »

พนักงานส่งคนนึง ต้องส่งหลายที่ เขียนโค๊ดเพิ่มเข้าไปนิดหน่อย ให้จัดสรรตารางได้เหมาะสม ยิ่งส่งฟรีงานก็ยิ่งต้องเยอะ น่าจะเป็นกลยุทธอย่างนึงนะคะ

เขาเรียกว่าระบบ แบบแชริ่งอีโคโนมีครับ ซึ่งจะต้องใช้ซอฟต์แวร์เป็นตัวบริหารจัดหารหลัก
ซอฟต์แวร์อย่างเดียวไม่พอ ต้องมีฮาร์ดแวร์ที่ดีด้วย จัดการตำแหน่ง เวลา อุณหภูมิ จิปาทะ

ตัวอย่างเน็ตฟลิก ใช้คลาวด์ของอเมซอน ทำซอฟต์แวร์คล้ายๆ แชริ่งอีโคโนมี
เพื่อส่งวิดีโอความชัดสูง ถึงลูกค้าอย่างรวดเร็วไม่สะดุด แม้สมาชิกบางคน
อินเตอร์เน็ตจะช้า เขาก็ใช้ซอฟต์แวร์จากอเมซอนคลาวด์ช่วย

จากคนด้านบนบอกครับว่า อเมซอนคลาวด์ช่วยให้บางบริษัทโตอย่างน่ากลัว
ตัวอย่างก็ เน็ตฟลิกนี้ละ ภายใน 7 ปี กลายมาเป็นยักษ์ใหญ่ กว่าดิสนีย์
นั่นเพราะเขา วางแผนซอฟต์แวร์อย่างเดียวเลย จึงแซงและทิ้งคนเก่า
แบบไม่่ติดผุ่นเลยครับ

อเมซอน ก็จ้างพนักงานส่งของไม่ประจำ คล้ายกับอูเบอร์เลย นั่นคือ
ระบบต้องเปะมาก หยืดหยุ่นสูงมาก ระบบต่างๆ มันเชื่อมประสานกัน
โดยซอฟต์แวร์หลักบนคลาวด์ทั้งนั้น ไม่ว่า รอบอท โดรน คน

ทำงานเป็นทีมเดียวกันได้ ไปเห็นกับตามาน่าทึ่งจริงๆ ปกติเรา
เห็นแต่โรบอททำงานกับคนในโรงงานรถยนต์ แต่ในอเมซอน

มีทั้งโดรน คน โรบอท ทำงานออกมาเร็วมากๆ เพราะซอฟต์
แวร์บนคลาวดมันช่วยเพิ่มฟังก์ชันให้ ประสิทธิภาพออกมาสูงสุด
ใช้เวลาน้อยที่สุด ไม่รู้ว่า เอไอที่ใส่ไปในระบบเขา กี่ล้านตัว

ผมดูคลิปสัมนาเกี่ยวกับระบบพวกนี้ เห็นเขาบอกว่าเพิ่งเข้าสู่
ยุคที่จะแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้นกว่านี้ได้อีก โอ้ สุดยอดจริงๆ

กูเกิลประกาศเมื่อเช้าในข่าวเทคโนโลยี จะโอนงานทั้งหมดไปบนคลาวด์
และจะพยายามผลักดันบริษัทอื่นที่ตัวเองลงทุนไว้ ไปบนคลาวด์ด้วย
ที่แปลกใจมากๆ ก็คือ vimeoนั่นคือ จะไปอยู่บนคลาวด์Google
เอะหรือว่า กูเกิลลงทุนซื้อ vimeo ไปแล้ว ข่าวเงียบมา
ไม่รวม เวิร์ดเพลสดอทคอม และอีกมากมาย กำลังจะไปอยู่
บนคลาวด์Google

ผมไม่ได้ชมกูเกิลคลาวด์เกินไปนะ มันง่ายและถูกกว่าสองค่ายมาก
แพ้เรื่องเดียว คือ ทูลที่มีตอนนี้ยังน้อยกว่า อเมซอนและไมโครซอฟต์
หากมีทูลต่างๆ เท่าๆกัน กูเกิลคลาวด์นี้ละ เจ๋งสุดๆ

ใครจะพัฒนาระบบแข่งกับต่างชาติมองกูเกิลคลาวด์เป็นพื้นฐานเลยครับ
ai, deep learing และอื่นๆ ง่ายและใช้งบน้อยกว่าสองเจ้าแน่นอน

หากจะแข่งกับต่างชาติไม่ใช้คลาวด์ดีๆ ไม่เกิน 10 ปี เจ๊งแน่ครับ








อเมซอน คลาวด์นี่ +1  เลยครับ บริษัทใช้อยู่ นี่ยังไม่มีข้อมูลของ กูเกิลคลาวด์  ไว้มีโอกาสจะลองดูครับ   Cry
บันทึกการเข้า

สอน SEO รับทำ Google Ads https://www.seo928.com/
methapun
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 20
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 553



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #38 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2018, 12:20:29 »

ได้ความรู้หลายอย่างเลยครับงานนี้ wanwan003 wanwan003 wanwan003 wanwan003 wanwan003
บันทึกการเข้า

lgmiwi
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 14



ดูรายละเอียด
« ตอบ #39 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2018, 09:06:41 »

ความรู้เพียบ ขอบคุณครับ  wanwan017
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3   ขึ้นบน
พิมพ์