ก.ล.ต. ไฟเขียว 7 สกุลเงินดิจิทัล ซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนได้

ก.ล.ต. เดินหน้ากฎหมายคุมสินทรัพย์ดิจิทัล ให้ 7 สกุลเงินดิจิทัลสามารถซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนได้ หลังผ่านขั้นตอนรับฟังความคิดเห็นแล้ว พร้อมประกาศใช้เป็นทางการภายในเดือนมิถุนายน 2561

วันที่ 8 มิถุนายน 2561เว็บไซต์ Money2Know รายงานถึงความคืบหน้าแนวทางกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล โดยนางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า การกำกับดูแลการระดมทุนด้วยวิธีเสนอขายเหรียญดิจิทัลให้คนทั่วไป (ไอซีโอ) และการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขาย นายหน้า และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชน ทั้งเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มที่เกี่ยวข้อง (focus group) แล้ว ซึ่งคาดจะออกประกาศภายในเดือนมิถุนายน นี้

โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ คือ การกำหนดให้การซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท หรือ 7 สกุลเงินดิจิทัลที่กำหนดเท่านั้น ได้แก่ Bitcoin, Bitcoin Cash, Ethereum, Ethereum Classic, Litecoin, Ripple และ Stellar เนื่องจากพิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง และไม่มีปัญหาเรื่องพยายามปิดบังตัวตนจากการตรวจสอบ อีกทั้งยังเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยม ทำให้มีสภาพคล่อง เหมาะกับการใช้งาน

อย่างไรก็ดี คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ประกาศยกเว้นโทเคนดิจิทัล ที่กำหนดสิทธิในการได้มาของสินค้าหรือบริการแบบเฉพาะเจาะจง (utility token) ซึ่งผู้ถือสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที ออกจากการกำกับดูแลการเสนอขายโทเคนดิจิทัล

ขณะเดียวกันยังกำหนดให้ผู้บริการซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่า คงที่เทียบเท่ากับเงินบาท หรือให้บริการแลกเปลี่ยนระหว่าง utility token ด้วยกัน ที่ให้สิทธิประโยชน์เฉพาะในลักษณะเดียวกัน เช่น เหรียญในเกม หรือการสะสมคะแนนแลกสินค้า จะไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กฎหมายนี้

ส่วนหลักเกณฑ์การออกไอซีโอนั้น ได้กำหนดประเภทผู้ลงทุนที่สามารถเสนอขายได้ ประกอบด้วย ผู้ลงทุนสถาบัน, ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ เช่น บุคคลธรรมดาที่มีสินทรัพย์สุทธิเกิน 70 ล้านบาทขึ้นไป, กิจการร่วมลงทุน และผู้ลงทุนรายย่อยที่รายละไม่เกิน 300,000 บาท/ข้อเสนอ โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง ซึ่งวงเงินของนักลงทุนรายย่อย ต้องไม่เกิน 4 เท่าของส่วนผู้ถือหุ้น หรือไม่เกิน 70% ของมูลค่าทั้งหมดที่เสนอขาย

โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยให้มีความชัดเจนมากขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการออกไอซีโอและผู้ที่ทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการถูกหลอกลวงหรือถูกเอาเปรียบลงไปได้ ที่สำคัญยังเป็นการทำให้ภาครัฐมีเครื่องมือสำหรับติดตามและป้องปรามการฟอกเงิน

ภาพและข้อมูลจาก