ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafeกระเทยแม่หม้ายสีรุ้งเจ็ดคาบสมุทรขี่ควายช้อนลูกน้ำยุงลาย (บทความ แม่)
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: กระเทยแม่หม้ายสีรุ้งเจ็ดคาบสมุทรขี่ควายช้อนลูกน้ำยุงลาย (บทความ แม่)  (อ่าน 685 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
BKKMANJR
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 0



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 01 เมษายน 2018, 18:53:29 »

10ข้อพิสูจน์ว่ามีแม่ดีกว่ามีแฟน

หัวข้อ (เฉพาะหัวข้อ ยังไม่รวมรายละเอียด)
1. เรามีแม่แบบที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
2. แม่เป็นผู้ให้อย่างแท้จริง
   ให้ปัจจัย 4
   -อาหาร
-เครื่องนุ่งห่ม
-ที่อยู่อาศัย
-ยารักษาโรค
3. แม่เป็นคนแรกแล้วก็น่าจะเป็นคนเดียวในโลกที่อยู่กับเราตลอด 24 ชั่วโมง นาน 9 เดือน
4. แม่ (บางคน) หาเพื่อน คนสนิทให้กับเรา (ฝาแฝด)
5. แม่เป็นผู้สร้างความมหัศจรรย์ในหลายกรณี
5.1 แม่มีคนทั้งคน หรือหลายคนอยูในร่างกาย
5.2 แม่บางคนเดินเข้าไปในโรงพยาบาลคนเดียว แต่เดินออกมาอย่างน้อย 2 คน
6. แม่เป็นคนแรกที่รักเรา ก่อนจะเห็นหน้าเรา
7. แม่เป็นรักแรกพบ
8. แม่เป็นคนแรกที่ตัดเพื่อเริมต้นชีวิตให้เรา ตัดเพื่อเริ่มต้นความเป็นแม่ลูก อย่างเป็นทางการ
9. แม่คือ คนที่เป็นมากกว่าเพื่อน แล้วก็ดีกว่าแฟน (ทุกคนรวมกัน)
9.1 แม่คือ คนที่เป็นมากกว่าเพื่อน
9.2 ดีกว่าแฟน(ทุกคนรวมกัน)
10. แม่เป็นทุกอย่างในชีวิต (เนื้อหายาวพอสมควร)
10.1 ปัจจัย 4 ภาค 2
10.2 แม่เป็นศัตรูที่ดีที่สุด
-หลายครั้งที่แม่ด่าเรา หรือแช่งเรา
   -แม่ชอบบังคับให้เราทำสิ่งที่เราไม่ชอบ
-แม่เป็นคนที่ขโมยบท แย่งซีนไปจากเรา
   -แม่เป็นคนที่โกหกบ่อย ๆ แล้วหวังจะให้เราเชื่อ(ทุกครั้ง)
   -แม่จะหักหลังเราในบางกรณี
   -แม่เป็นผู้พาเรามาดาวดวงนี้แต่หนีไปก่อน

ทิ้งท้ายด้วยคำถาม (อยู่ตอนท้าย)
เบื้องหลัง
ความหวังที่คิดเอาไว้




1. เรามีแม่แบบที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
ถ้าไม่ได้พูดเรื่องการรักษาศีล ทำสมาธิ เจริญภาวนา สะสมบารมี แล้วได้แม่ที่ดีแบบในตอนนี้เราก็จะพูดอีกมุมหนึ่งได้ว่า
-พ่อเป็นคนที่ใช้การตัดสินใจอันรอบคอบในการใช้ดุลพินิจว่า แม่เป็นผู้หญิงสวย นิสัยดี...จนพ่อปล่อยให้แม่เดินจากไปไม่ได้ ต้องมีไว้ในครอบครอง ยกเว้นพ่อที่บอกกับคนอื่นว่า “ตอนนั้น(พ่อ) ทำแว่นตาหาย
-หลังการตัดสินใจแล้วพ่อก็เป็นคนที่ใช้ทรัพยากร แรงงาน เงินทุน เพื่อให้แม่เปลี่ยนสถานะให้พ่อได้เป็นคนพิเศษของแม่  (นี่พ่อเป็นพ่อ หรือเป็นไม้ขีดไฟก้านน้อยเดียวดาย แอบรักดอกทานตะวัน...)

2. แม่เป็นผู้ให้อย่างแท้จริง
นอกจากจะให้ชีวิต ลมหายใจ รูปร่าง หน้าตาอันเป็นเอกลักษณ์ของเราแล้ว แม่เป็นคนแรกที่ให้ปัจจัย 4 กับเรา
-อาหาร แม่เคี้ยวอาหารแล้วส่งให้เราที่อยู่ในท้องแม่  ทำให้เราไม่เสียค่าอาหาร ไม่ต้องเสียเวลาในการเลือกอาหาร (เพราะเลือกไม่ได้) รวมทั้งไม่ต้องเสียเวลาเคี้ยว (ด้วยเหตุผลที่ทุกคนรู้) รวมทั้งอาหารมื้อแรกหลังจากเราถือสภาพบุคคล (ตามกฎหมาย) ก็เป็นอาหารเหลวจากร่างกายแม่
-เครื่องนุ่งห่ม ถ้าไม่นับชุดวันเกิดที่เป็นผิวหนัง (ที่แม่เป็นผู้ให้) ก็ต้องบอกว่า เครื่องนุ่งห่มชุดแรกที่แม่ให้เป็นชุดที่ดีมาก ป้องกันแรงกระแทก ป้องกันแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่าพลาสติกกันกระแทกจากกรมไปรษณีย์(ที่ใช้ห่อทารกไม่ได้)  มีความคลาสสิค ใช้กันมานานตั้งแต่มนุษย์คนที่ 3 ในโลก (2 คนแรก คือ พ่อกับแม่ อีกคนเป็นลูก) ตอนนี้เครื่องนุ่งห่มชุดแรกในชีวิตกํยังใช้กันอยู่ มันคือ ถุงน้ำคร่ำ
-ที่อยู่อาศัย ที่อาศัยแรกของเราบนดาวดวงนี้ คือ มดลูกของแม่ หรือในท้องของแม่  เป็นที่อยู่ที่ดีมากเพราะ นอกจากจะฟรีตลอด 9 เดือนแล้วคนที่ย้ายออกก่อนเวลา (คลอดก่อนกำหนด) แม่ก็ไม่คิดจะหักค่ามัดจำ แม่ยินดีต้อนรับเสมอ
-ยารักษาโรค นี่เป็นปัจจัย 4 ที่แม่ไม่อยากให้เรา ทำให้แม่บางคนยอมทนเจ็บ แต่ไม่ยอมกินยา เพราะกลัวว่าเราจะได้รับผลกระทบจากยาที่แม่กิน ยกเว้นแม่บางคนที่ติดตามงานเขียนของ “นิดดา หงษ์วิวัฒน์” น้ำปัสสาวะเป็นยารักษาโรค  ถ้าแม่ดื่มตอนท้อง นี่ก็จะเป็นยารักษาโรค อย่างแรก ครั้งแรกในชีวิตของเรา (มาจากร่างกายของแม่เหมือนกัน คลาสสิคหรือเปล่า) (คงต้องลองถามแม่ดูแล้ว)

3.แม่เป็นคนแรกแล้วก็น่าจะเป็นคนเดียวในโลกที่อยู่กับเราตลอด 24 ชั่วโมง นาน 9 เดือน(ถ้าไม่นับรวมข้อ4 ที่จะเป็นข้อต่อไป)
ลองคิดดูดี ๆ ว่าตั้งแต่เราจำความได้ มีใครบ้างที่อยู่กับเราตลอด 24 ชั่วโมง นาน 9 เดือน เรียกได้ว่าอยู่ด้วยกัน ทุกที่ ตลอดเวลา (ในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ) ตั้งแต่ตื่นนอน ทำกิจวัตรประจำวัน เข้าห้องน้ำ (แม่ก็ให้เราใช้เวลาส่วนตัวด้วย เพราะเอาออกจากท้องไม่ได้) ดูซีรีย์เกาหลี ไปทำผม หรืองานสำคัญของแม่ คือ โทรไปคุยกับเพื่อน นอนกลางวัน ด่าพ่อตอนพ่อทำอะไรไม่ถูกใจ เราก็อยู่กับแม่ตลอดเวลาไม่เว้นวันหยุดราชการ


4.แม่ (บางคน) หาเพื่อน คนสนิทให้กับเรา (ฝาแฝด)
 แม่บางคนกลัวว่าเราจะเหงา ก็เลยหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนเรา นั่นคือ ฝาแฝด การมีฝาแฝดนับเป็นคนเดียวหรือคนไม่กี่คน (กรณีมีแฝดหลายคน) ที่จะแย่งความโดดเด่นในพื้นที่พิเศษไปจากเรา
แต่เพื่อนคนแรกในชีวิต ที่อยู่กับเราตลอด 24 ชั่วโมง นาน 9 เดือน ก็เป็นคนที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด หน้าตาเหมือนเรามากที่สุด ตัวเท่ากับเรา มีอะไรหลายอย่างเหมือนเรา แต่ก็จำไม่ได้ว่า ตอนนั้นคุยอะไรกับ น้อง (หรือพี่) ของเราไปบ้าง


5. แม่เป็นผู้สร้างความมหัศจรรย์ในหลายกรณี
5.1 แม่มีคนทั้งคน หรือหลายคนอยูในร่างกาย
นับเป็นความมหัศจรรย์ในโลกนี้ ที่มีคนทั้งคนอยู่ในร่างกายของคนอีกคน เป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่มีอะไรเหมือนกับคนทั่วไป แค่ตัวเล็กกว่าเท่านั้น แล้วคนตัวเล็ก ๆ ก็ออกมาจากท้องแม่ แล้วตัวโตขึ้นจากการดูแลของแม่ บางคนได้เป็นแม่ ในอนาคตด้วย
5.2 แม่บางคนเดินเข้าไปในโรงพยาบาลคนเดียว แต่เดินออกมาอย่างน้อย 2 คน
ถึงจะเป็นวันที่มี หนึ่งคนยิ้ม หนึ่งคนร้องไห้ (หรือแม่บางคนยิ้มไป ร้องไห้ไป) แต่ก็เป็นวันที่หลายคนมีความสุข บางคนได้สวัสดิการแบบไม่รู้ตัว (อาหาร มื้อแรก เครื่องนุ่งห่ม ...) แต่ก็ไม่แสดงความดีใจอะไร เพราะยังไม่รู้เรื่อง แต่ไม่ว่าตัวเองจะสุข หรือทุกข์ เราก็เป็นคนที่สร้างความสุขให้กับแม่ได้ ขอแค่เป็นลูกของแม่ก็พอ



6. แม่เป็นคนแรกที่รักเรา ก่อนจะเห็นหน้าเรา
ใน Facebook อาจมีการใช้หน้าปลอม ไปเอาหน้าใครมาใช้ก็ไม่รู้  แต่ในท้องแม่ แม่อาจเห็นหน้าเราก่อนเวลาด้วยการอัลตราซาวด์  แม่ไม่รู้ว่าหน้าตาเราจะออกมาเป็นแบบไหน  พูดอีกอย่างว่า ไม่คยเห็นหน้ามาก่อน แต่แม่ก็รักเรา ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าเรามาก่อน ก็เป็นความสัมพันธ์ที่แปลก
อยู่ด้วยกันทุกวัน ตลอดเวลา แต่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย  แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น แม่ก็รักเราแบบที่เกือบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเราเลย


7. แม่เป็นรักแรกพบ
ไม่ว่าเราจะหน้าตาดีเท่าคู่จิ้น NY (ณเดช ญาญ่า) หรือเราจะหน้าตาดีน้อยกว่า STEVIE STARR ตอนที่คายลูก POOLBALL ออกจากท้อง (STEVIE STARR เป็นคนมีพรสวรรค์ในการกลืนสิ่งของแล้วคายออกมา  ต้องขอโทษด้วยที่พาดพิงถึงคนที่มีพรสวรรค์ ที่อารมณ์ดีกว่าหน้าตา  หาดูได้ทาง YOUTUBE )
 แม้ว่าเราจะคลอดออกมาแล้วหน้าตาดีน้อยกว่าที่บรรยายไป  แต่แม่ก็เป็นรักแรกพบ พบกันครั้งแรกหลังคลอด แม่พร้อมจะรัก แบบรักแรกพบ ที่ไม่คิดจะเลิกรักจนกว่าจะตายจากกัน



8.แม่เป็นคนแรกที่ตัดเพื่อเริมต้นชีวิตให้เรา ตัดเพื่อเริ่มต้นความเป็นแม่ลูก อย่างเป็นทางการ
งานนี้ไม่ใช่การตัดริบบิ้นของท่านประธาน แต่เป็นการตัดด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์  นั่นคือ การตัดสายสะดือ แล้วเริ่มต้นการใช้ชีวิตนอกท้องของแม่โดยสมบูรณ์แบบ 
รวมทั้งเป็นการเริ่มต้นการเป็นลูกของแม่อย่างเป็นทางการ  แม่เคยมีสะดือเดียวกับเรา แล้วก็ยอมตัดสายสะดือ ที่ใช้หายใจร่วมกัน ตัดแล้วเริ่มต้นอะไรหลายอย่าง
ถ้าเป็นแฟนกันก็คงมีแต่การตัดใจแล้วแยกทางกัน  ยกเว้นกรณีของ คนที่มีถ่านไฟเก่า ไม่เป่าก็ติด


9. แม่คือ คนที่เป็นมากกว่าเพื่อน แล้วก็ดีกว่าแฟน(ทุกคนรวมกัน)

9.1 แม่คือ คนที่เป็นมากกว่าเพื่อน
แม่อยากอยู่กับเราตลอดเวลา รับได้กับทุกสภาพอารมณ์ของเรา ราวกับว่า หัวใจของแม่ทำจากยางรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก รับได้ทุกสภาพพื้นผิวถนน เพราะว่า
-เป็นยางเสริมใยเหล็ก ลองคิดดูดี ๆ แล้วแม่เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา แก่ได้ ป่วยได้ ตายได้ ที่สำคัญ เสียใจได้  แต่ในทุกสถานการณ์แม่จะดูเข้มแข็งกว่าเรา
- เป็นยางที่ดอกยางไม่เคยสึก ไม่ได้คิดจะพูดถึงแม่ในทางอื่นนะ แต่ในข้อนี้หมายถึง ความรู้สึกที่แม่มีกับเราไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แม้ว่าเราจะไม่เหมือนเดิม เช่น อ้วนขึ้น ติดเกมส์ ติดแฟน ติดยา หรือทำให้แม่เสียใจ แม่ก็คิดว่าแม่เป็นแม่ เห็นว่าเราเป็นลูก แม้แต่กับลูกที่ทำแย่ ๆ กับแม่ก็ตาม



-เป็นยางที่เกาะติดทุกสภาพถนน เป็นยางที่ไม่พาเราแหกโค้ง

-เป็นยางที่เกาะติดทุกสภาพถนน
แม่อยู่กับเราได้ไม่ว่าเราจะเป็นแบบไหน กลับบ้านมาด้วยอารมณ์แบบไหน เช่น สอบตก อกหัก เพื่อนยืมเงินแล้วไม่คืน แม่ก็ยังคงอยู่กับเราได้ทุกอารมณ์
แม่ก็ยังคงมีอ้อมกอดอบอุ่น มีคำปลอบใจเราในวันที่อะไร ๆ ดูไม่เป็นใจในชีวิตเรา
แม่มีหมอนที่ดีที่สุดในโลกให้กับเรา คือ ตักของแม่ แม่ให้เรานอนหนุนตัก  จากนั้นเราจะนอนหลับไปแล้วลืมเรื่องทั้งหมด ราวกับว่า เรื่องทั้งหมดเป็นแค่ฝันร้าย
แม่มีมือที่ใช้แทนผ้าเช็ดหน้า มีนิ้วมือยาวเรียว (หรือเหี่ยว ๆ) เช็ดน้ำตาให้เราตั้งแต่เด็กจนโต เช็ดน้ำตาหยดแรกจนหยดสุดท้ายให้เรา เหมือนแม่อยากจะพูดกับเราว่า ชีวิตนี้มันขมพอแล้ว อย่ากินของเค็ม ๆ อย่างน้ำตาอีกเลย พรุ่งนี้อาจมีของหวาน ๆ ให้เรากินก็ได้

-เป็นยางที่ไม่พาเราแหกโค้ง
แม่สอนแต่สิ่งดี ๆ ให้กับเรา อยากเห็นเราเป็นคนดี ประสบความสำเร็จในชีวิต ยินดีที่จะเป็นครู เป็นเทรนเนอร์ให้กับเราตลอดชีวิต โดยไม่คิดค่าจ้าง (บางครั้งก็ทำงานล่วงเวลาจนลูกต้องเอาหมอนมาปิดหูเลย ตอนนั้นแม่อาจจะพูดว่า “ช่วยไม่ได้ ใครให้แกมาเกิดเป็นลูกของฉัน”)

9.2 ดีกว่าแฟน(ทุกคนรวมกัน)
แน่นอนว่า แม่เป็นคนที่ดีกว่าแฟน เพราะว่า
-แม่เป็นคนแรกที่รักเรา เป็นรักแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่คิดจะเลิกรักเรา
-แม่เคยอยู่กับเราตลอด /24 ชั่วโมง นาน 9 เดือน แต่แฟนทำแบบนั้นไม่ได้
-แม่ไม่เคยบอกเลิกการเป็นแม่ ไม่ว่าเราจะทำแย่ ๆ กับแม่ยังไง แต่ถ้าเป็นแฟน อาจจะพูดว่า “เราเป็นเพื่อนกันเถอะ เธอดีเกินไป”
-ถ้าเราโชคร้ายพอที่จะไม่มีใครรักเราอีกแล้ว  น้องหมาตัวโปรดด่วนจากไป เพื่อนทิ้ง แฟนบอกเลิกฯรวมทั้งเรื่องที่แย่ที่สุด คือ เราเลิกรักตัวเองแล้ว พยายามจะลาโลกนี้ก่อนเวลา  ขอให้จำไว้ว่า แม่ยังคงเป็นคนสุดท้ายที่จะรักเรา ไม่สำคัญว่าแม่จะอยู่บนโลกนี้กับเราหรือเปล่า หรือไม่สำคัญแม้แต่ว่า เราจะรักแม่มากแค่ไหน  แม่ก็ยังคงรักเรา  แล้วก็ดูเหมือนจะเป็นไม่กี่คนที่รักเราเหนือเหตุผล  แม่มีเหตุผลเดียวของแม่ ว่า  “เพราะเราเป็นลูกของแม่”  สรุปได้ว่า ไม่ว่าเราจะพยายามรักแม่มากแค่ไหน ก็คงไม่มากเท่ากับที่แม่จะรักเรา

10. แม่เป็นทุกอย่างในชีวิต

10.1 ปัจจัย 4 ภาค 2
หลังจากที่เราเกิดมาแล้ว แม่ก็ยังคงให้ปัจจัย 4 อย่างต่อเนื่องโดยไม่พูดเรื่องเงิน
-อาหาร
แม่ให้อาหารมื้อแรก หลังเราเกิด เป็นอาหารที่ดีที่สุดในโลก สำหรับช่วงเวลานั้น รวมทั้งเราย้อนกลับไปกินอาหารมื้อนั้นไม่ได้แล้ว
เป็นอาหารสากลสำหรับเด็กทารกทุกคน
เป็นอาหารที่คนให้เต็มใจให้ โดยที่ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นยังไง ให้นมแล้วแม่จะมีผลกระทบยังไง
เป็นอาหารที่ดีกว่าอาหารร้านสะดวกซื้อ เพราะแม่ให้กินนมในที่สาธารณะ โดยที่แม่ก็ไม่เลือกเวลารู้แต่ว่า เป็นเวลาที่ลูกหิวแล้ว

-เครื่องนุ่งห่ม
ผิวหนัง หรือชุดวันเกิด เป็นชุดที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต แม้ว่าตอนโตมันจะมีการเปลี่ยนจนไม่เหลือผิวหนังชุดแรกในวันกิด แต่ก็ต้องมองอีกมุมว่า มันเป็นชุดแรกที่แม่ให้เรา ไม่มีใครแม้แต่พ่อที่จะให้เราได้ เป็นชุดที่คลาสสิค ทุกคนบนโลกได้รับเหมือนกัน แล้วก็เป็นแม่ที่ล้างชุด (อาบน้ำ)ให้กับเราอีกหลายปี เช็ดตัวให้ตอนป่วยด้วย รวมทั้งเช็ดตัวคนที่ชอบเมากลับบ้านด้วย
แม้เราจะเคยเปลือยตอนเด็ก ๆ แต่การมีแม่คอยอุ้มเรา พาเดินไปเที่ยว ก็ทำให้เราดูไม่เปลือย สัมผัสจากแม่ปรับอุณหภูมิได้พอดี แม่เป็นเครื่องนุ่งห่มที่มหัศจรรย์มาก ๆ

-ที่อยู่อาศัย
หลังจากเราเกิด แม่พากลับบ้าน ไม่ว่าเราจะอยู่บ้านแบบไหน ก็ต้องถือว่าแม่เป็นเจ้าของบ้าน แต่ที่น่าคิดก็คือ แม่เป็นเจ้าของบ้านที่ยอมทำตัวเป็นเหมือนคนที่อาศัยบ้านของเราอยู่ เพราะว่า แม่ทำทุกอย่างให้กับเรา เพื่อแลกกับสิ่ง ๆ เดียว คือ อยากให้เราอยู่บ้านกับแม่ เมื่อเราจำเป็นต้องก้าวเท้าออกจากบ้าน แม่ก็เป็นคนที่ให้เงินกับเรา รวมทั้งแสดงความเป็นห่วง ที่ในบางครั้งเราตอบแทนด้วยความรำคาญ หรือพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ดี “...รู้แล้วน่า... พูดอยู่ได้... “

-ยารักษาโรคหรือหมอ
แม่เป็นมากกว่ายารักษาโรค หรือ หมอ เพราะแม่จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เราป่วย เช่นคอยนั่งตบยุงให้ลูก บางครั้งแม่ไม่สนใจว่าตัวเองจะโดนยุงกัดหรือเปล่า  ถ้าเราป่วยแล้วแม่ก็จะทำทุกทางให้เราหาย แม่บางคนยืมเงินมารักษาอาการป่วยให้ลูก
แม่เป็นมากกว่าหมอ เพราะว่า ถ้าป่วยแทนเราได้ แม่ก็จะยอมทำแบบไม่ลังเล รวมทั้งแม่ยอมทำสิ่งสุดท้ายที่ทำได้ให้กับลูกได้ คือ ตายแทนลูกได้  แล้วลองทายดูสิ คำพูดสุดท้ายที่แม่จะพูดกับเราคืออะไร
(ขอแถมประเด็นนี้)
-แม่เป็นเตียงนอนที่ไม่เหมือนเตียงใด ๆ ในโลก
ตอนที่นอนกินนมแม่ คือ เตียงนอนพร้อมอาหาร
ตอนที่แม่อุ้มเราแล้วร้องเพลงกล่อม คือ เตียงนอนพร้อมเสียงเพลง
ตอนที่แม่อุ้มเดินเที่ยว คือ การมีเตียงนอนที่พาเราไปเที่ยวได้ (พร้อมเสียงเพลงกับอาหารสำรอง)
ตอนที่แม่อุ้มเราแล้วพาไปซื้อของด้วย คือ เตียงนอนที่พาเราไปช็อปปิ้งได้
ตอนที่แม่อุ้มพาดบ่าแล้วเราหลับ เป็นการหลับที่คล้าย ๆ ยืนหลับ มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราได้ยืนหลับ


10.2 แม่เป็นศัตรูที่ดีที่สุด
ถ้าแม่เป็นทุกอย่างในชีวิต ตอนนี้แม่ก็เป็นศัตรูของเราได้ด้วย
เขียนข้อดีของแม่มาหลายประเด็นแล้ว   เขียนข้อเสียของแม่ในประเด็นที่ว่า...

-หลายครั้งที่แม่ด่าเรา หรือแช่งเรา เช่น “...ดี อยากไปนักก็ไปเลย จะไปตายหงส์ ตายห่าน (ตัวเอียงเป็นคำเซ็นเซอร์) ที่ไหนก็ไป  แต่ในใจแล้วแม่คิดตรงข้ามกับคำพูดแช่งชักหักกระดูก
-แม่ชอบบังคับให้เราทำสิ่งที่เราไม่ชอบ เช่น บังคับให้กินยา ขอยกตัวอย่าง กรณีของคนเขียน ตอนนั้นคนเขียนอายุ ประมาณ 3-4 ขวบ ป่วยเป็นอะไรไม่รู้ คนเขียนเป็นเด็กที่มีความคิดเป็นของตัวเองคือ ทำยังไงก็ไม่ยอมกินยา รวมทั้งแม่เป็นแม่แบบ hard core รวมทั้งมีความคิดสร้างสรรค์ในการป้อนยา  แม่จับคนเขียนให้นอนกับพื้น ใช้มือข้างหนึ่งจับมือสองข้างของคนเขียน เอาเท้าวางบนอกของคนเขียน (ถามแม่ทุกครั้งแม่บอกว่า ไม่ได้เหยียบ แม่เอาเท้าวางบนอกเฉย ๆ เชื่อแม่ดีกว่า) ใช้มืออีกข้างจับแก้วใส่ยาน้ำป้อนคนเขียน  แต่   แต่ มีหรือ ที่คนมีอุดมการณ์ที่แน่นอน(ดื้อ) แบบนั้นจะยอม   คนเขียนกัดแก้วยาแตก(เป็นแก้วเล็ก ๆ บาง ๆ) แก้วบาดปากหรือเปล่าจำไม่ได้  จำได้ว่าโดนแม่ตีซ้ำ ไม่รู้ว่าโกรธที่ลูกทำอะไรอันตรายหรือเสียดายแก้ว   นี่เป็นความทรงจำที่ทำให้ยิ้มได้เมื่อคิดถึง

-แม่เป็นคนที่ขโมยบท แย่งซีนไปจากเรา
ขออธิบายด้วยคำพูดประโยคนี้ “นางฟ้าขี้เหร่ กับแม่มดเจ้าเสน่ห์”
-นางฟ้าขี้เหร่ ในกรณีที่มีลูกเป็นผู้หญิง แม่จะขโมยบทเด่นทันทีด้วยการรับบทนางฟ้าขี้เหร่ เป็นนางฟ้า ที่เป็นคนขี้เหร่เพราะวัยที่เปลี่ยนไป กับคำพูดที่ทำให้เป็นนางฟ้า (เพราะหวังดี) ส่วนลูกสาวที่เป็นคนฟัง จะถูกบังคับให้เป็นแม่มดเจ้าเสน่ห์ไปทันที เช่น ใส่กระโปรงสั้นแบบนี้กลัวคนจะไม่มองหรือไง... “...ไม่มีอะไรจะอวดแล้วยังใส่เสื้อคอลึกอีก...”  “...จะแต่งหน้าให้สวยไปถึงไหน  รีบกินข้าวแล้วไปได้แล้ว...”
-ในกรณีที่แม่มีลูกชาย การเป็นนางฟ้าขี้เหร่ ก็มี เพราะแม่ก็อาจมีปัญหากับแฟนของลูกชาย แม่จะยอมให้ลูกไม่ชอบยอมขัดใจลูก ยอมเป็นนางฟ้าขี้เหร่  ดีกว่าจะให้ลูกได้แฟนแบบแม่มดเจ้าเสน่ห์(ในความคิดของแม่)

-แม่เป็นคนที่โกหกบ่อย ๆ แล้วหวังจะให้เราเชื่อ(ทุกครั้ง)
   -ตอนอาหารเหลือไม่มาก “ แม่ไม่หิวหรอก กินไปเถอะ เหลือก็ทิ้งเปล่า ๆ “
   -ตอนแม่ไม่สบาย “แม่ไม่เป็นไรหรอก นอกพักเดี๋ยวก็หาย”
-ตอนที่แม่ต้องนอนโรงพยาบาล “กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องมาเฝ้าแม่อีก 2-3 วันหมอก็ให้แม่กลับบ้านแล้ว
-ตอนแม่ป่วยหนัก “แม่ไม่เจ็บหรอก ไม่เป็นไร”

-แม่จะหักหลังเราในบางกรณี
จากคำถามในภาพยนตร์ “8 มม.ฟิล์มมรณะ” นักสืบถามกับแม่ของเด็กที่สูญหายว่า ถ้าเลือกได้อย่างเดียว  ให้ลูกมีชีวิตอยู่แต่ไม่มีทางหาเจอ กับ ให้รู้ว่าตายไปแล้ว จะเลือกอะไร แม่ในเรื่องตอบว่า
ให้รู้ว่าตายไปแล้ว 
เชื่อว่าแม่ส่วนมากเลือกให้ลูกตาย (ในกรณีที่ต้องเลือก 1ใน 2 ทางเลือกแบบนี้)  แม่ของคนเขียนให้เหตผลว่า อย่างน้อยลูกตายไป  ก็ไม่มีใครทำอะไร (เช่น ทำร้าย)ได้แล้ว การให้ลูกมีชีวิตอยู่แต่หาไม่เจอ   แม่จะคิดถึงทุกวัน ว่า วันนี้จะเป็นยังไง จะกินอะไรหรือยัง คิดถึงทุกครั้งที่ฝนตก ...

-แม่เป็นผู้พาเรามาดาวดวงนี้แต่หนีไปก่อน
แม่ไม่อยากเห็นเราจากไปก่อน ก็เลยหวังว่าจะเป็นฝ่ายไปก่อน
ในกรณีข้างบนเป็นทางแย่ 2 ทางที่แม่ต้องเลือกทางแย่น้อยกว่า แต่โชดดีที่ไม่ใช่แม่ทุกคนที่ต้องตัดสินใจ
แต่กรณีนี้แม่ทุกคนต้องเลือกอย่างแน่นอน เลือกว่า จะให้ลูกจากไปก่อน หรือ ตัวเองจากไปก่อน
แน่นอนว่าแม่ต้องเลือกให้ตัวเองจากไปก่อน เพราะไม่อยากเห็นลูกจากตัวเองไป  สุดท้ายแม่จะไปตามทางของตัวเอง  ที่อยู่ที่แรกของเรา(ร่างกายของแม่) จะถูกชำระ (อาบ) ด้วยน้ำ แล้วชำระอีกครั้งด้วยไฟ  ควันสีดำปลายปล่องไฟจะเป็นภาพติดตาใครหลายคนไปอีกนาน  เป็นภาพติดตาทั้งที่มองมันไม่ชัด 
มีน้ำตา แต่ไม่มีคน ๆ เดิมมาปลอบใจแล้ว  เพราะแม่ไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกแล้ว
ไม่มีคนมาเช็ดน้ำตาแล้ว  เพราะแม่ไปตามทางของตัวเองแล้ว
ไม่มีคนมาหลอกให้เราดูช้างบินสีชมพูเพื่อให้หยุดร้องไห้อีกแล้ว  เพราะแม่ ตายไปแล้ว

ต่อไปนี้ คนที่เคยเป็นทุกอย่างของเราต้องจากไปตามเวลาแล้ว  ไปแบบที่ไม่มีใครพากลับมาได้
 เราต้องอยู่ต่อไปโดยไม่มีคนนำทางอีกแล้ว
ไม่มีคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ เราอีกแล้ว
ไม่มีใครรอให้เรากลับบ้านอีกแล้ว
ไม่มีคนที่ให้ทุกอย่างกับเราอีกแล้ว
ไม่มีคนที่เป็นทุกอย่างในชีวิตเราอีกแล้ว

 เพราะ ชีวิตกับร่างกายของแม่กลายเป็นควันไฟที่ลอยขึ้นกับเถ้าถ่านในเตา

ถึงตอนนี้สิ่งที่เรามี ก็แค่ ความทรงจำทีมีถึงแม่ เวลาอาจจะพรากแม่ไปจากเราได้
  แต่เวลาแยกความทรงจำที่เรามีร่วมกับแม่ไม่ได้
 ตอนเด็กที่แม่หลอกล่อ เพื่อป้อนข้าวเรา
 ตอนเด็กที่วิ่งเล่นกับแม่
ตอนเด็ก วันแรกที่แม่พาเราไปส่งที่โรงเรียนแล้วรีบหันหลังกลับ
ตอนเด็กที่เราป่วยแล้วแม่เช็ตตัวให้
ตอนโตที่เราเถียงกับแม่ พูดอะไรบางอย่าง กระทืบเท้า วิ่งเข้าห้องกระชากประตูให้ปิดเสียงดัง


หลายคนไม่ได้ร้องไห้เพราะความทรงจำ  แต่ร้องเพราะประโยคนี้ “...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...”

ทิ้งท้ายด้วยคำถาม
(อ่านเรื่องย่อของหนังเกาหลีก่อน คำถามอยู่ตอนท้ายเรื่อง)
คำอธิษฐานของใครหลายคน
 “ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอกลับมาเกิดเป็นลูกของแม่อีก”

ประเด็นนี้มาจากหนังเกาหลี MISS GRANNY
 (ทั้งเรื่องย่อ ทั้งคำพูดในเรื่องสรุปมาจากความทรงจำนานมาแล้ว  ถ้ามีอะไรผิดต้องขออภัยด้วย)

MISS GRANNY (เรื่องย่อ)
เรื่องมีอยู่ว่า มีครอบครัวที่มีพ่อ แม่ ลูก แล้วก็ ย่าอาศัยอยู่ด้วยกัน แล้ววันสำคัญในชีวิตของย่าก็มาถึง คุณย่าไปถ่ายรูปที่ร้าน แล้วได้เปลี่ยนร่างกายกลับไปตอนที่ยังสาว กลับเป็นสาวได้ กลับเป็นคนแก่ก็ได้ถ้าคุณย่าเสียเลือด หรือผิวหนังถูกเลือด (ไม่แน่ใจ) หลังจากนั้น หลานของย่าประสบอุบัติเหต ขณะที่ย่ากำลังจะถ่ายเลือดตัวเองให้กับหลาน  ลูกของคุณย่า (พ่อของคนประสบอุบัติเหตุ ที่รู้ว่าผู้หญิงสาวคือแม่ของตัวเอง) พูดกับแม่ว่า แม่ไม้ต้องถ่ายเลือด (ให้หลาน) แต่ขอให้ไปมีชีวิตของตัวเอง แล้วก็ อย่ามีลูกที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้อีก



คำถาม
คิดถึงคำพูดนี้แล้ว  ลองถามแม่ดูสิ 
“ชาติหน้ามีจริง แม่อยากกลับมาเกิดเป็นแม่ของหนู / ผมอีกหรือเปล่า” 
แม่คงจะยิ้มแล้วตอบว่า “ชาตินี้ชาติเดียวก็พอแล้ว”

ลงชื่อ ฮิปโปอันตราย ตายไม่เป็น (นามปากกาของผู้เขียนบทความ)


(เบื้องหลัง)
(ใช้นามปากกานี้ เพราะว่า
-ตอนเด็ก ๆ เป็นคนอ้วน ๆ ขาว ๆ แม่ชอบใจมาก
-หลายครั้งคนเขียนลืมไปว่าตัวเองต้องตาย (ในวันข้างหน้า) การใช้ชีวิตแบบลืมความจริงข้อนี้ทำให้ใช้ชีวิตแบบอันตรายกับตัวเอง  ทำเหมือนตัวเองจะตายไม่เป็น (ไม่ต้องตาย)
-สุดท้ายทั้งตัวเอง ทั้งแม่ หรือคนอื่น ก็พบกับปลายทาง “ตายไม่เป็น” (ตาย หาความเป็นผู้มีชีวิตไม่ได้)

ความหวังที่คิดเอาไว้
จริง ๆ แล้วตั้งใจจะเขียนบทความมานานแล้ว แต่ติดปัญหาเรื่องสุขภาพ
ตอนป่วยแม่คอยดูแลแล้วก็ให้กำลังใจ  ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว  ก็เลยทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ คือ
เขียนบทความเกี่ยวกับแม่ 

เมื่อก่อนชอบล้อแม่ เวลาแม่ทำอะไรที่พอจะล้อได้ เช่น เวลาที่แม่เดินไปเดินมานาน ๆ ล้อเลียนแม่ว่า  “นี่แม่แก่แล้วนะ”  ตอนนี้กลัวความจริงข้อนี้ เพราะรู้ว่า ทั้งแม่ทั้งครอบครัวเหลือเวลาให้เราอีกไม่มาก ผู้หญิงที่สนิทมากที่สุดในชีวิตมีเวลาเหลือให้แบบจำกัด ตอนนี้มีความหวังหลายเรื่อง

หวังว่าจะได้ล้อเลียนแม่ไปอีกนาน ๆ  จนกว่าคนทั้งโลกเปลี่ยนมาใช้ภาษามือ
หวังว่าจะได้พูดเรื่องตอนเด็กกับแม่ไปอีกนาน ๆ  จนกว่าโกโบริจะพาอังสุมารินออกจากทางช้างเผือกมาเยี่ยมดาวโลก
หวังว่าจะมีขนมของแม่ให้กินไปอีกนาน ๆ จนกว่าร้านสะดวกซื้อทั่วโลกจะเปิดเฉพาะวันพระ
หวังว่าจะมีมือของแม่มาลูบหัวไปอีกนาน ๆ จนกว่าชายหญิงทั่วโลกจะเปลี่ยนทรงผมเป็นหัวล้าน
หวังว่าแม่จะมาดูแลตอนป่วยไปอีกนาน ๆ จนกว่าโรงพยาบาลทั่วโลกจะปิดกิจการเพราะไม่มีใครในโลกป่วยอีก  แม้แต่คนเดียว
หวังว่า  ถ้าความหวังทุกอย่างเป็นไปไม่ได้  เรา (ทุกคน) จะมีความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับแม่อยู่ต่อไปพร้อมกับรอยยิ้มสุดท้าย  การหลับตาครั้งสุดท้าย การนอนหลับครั้งสุดท้าย
ลมหายใจสุดท้าย.....
                     (ป่วยมานานเขียนไม่ทันวันแม่ 
ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แม่คอยดูแลเหมือนตอนเด็กเลย 
เขียนบทความเพื่อแม่  พร้อมแอบนินทาแม่นิดหน่อย)
                        กันยายน 2560
               (อย่าลืมหาเพลงความทรงจำสีจางกับแค่ได้คิดถึงมาฟังด้วย)
บันทึกการเข้า
cloudsphere
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 229
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,198



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 14 เมษายน 2018, 19:36:14 »

ขอบคุณสำหรับบทความครับ  wanwan003 wanwan003
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์