คนเราส่วนใหญ่ย่อมต้องผ่านการมีความรักความสัมพันธ์กันเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะกุ๊กกิ๊กแบบแฟนฉัน หรือจริงจังขั้นแต่งงาน แต่ในทุกๆ ความสัมพันธ์เมื่อถึงวันที่ต้องจบลงย่อมเจ็บปวดเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นฝ่ายถูกทิ้ง อกหักรักคุด ถูกบอกเลิก ล้วนต้องเคยทำอะไรไร้สาระ เพ้อเจ้อ ด้อยค่า และน่าสมเพช มาก่อนทั้งนั้น วันนี้เราจึงรวบรวม 10 ข้อห้าม!! ที่ห้ามทำบนโซเชียลเมื่อพึ่งเลิกกับแฟนมาฝากกันค่ะ
1. ห้ามทำตัวน่าสงสาร เรียกร้องความสนใจบนโลกออนไลน์การโพสต์ว่าตัวเองโง่มาก ถูกเมิน หรือถูกหักหลังเพียงเพื่อต้องการให้เพื่อนๆ และผู้ติดตามสนใจหรือสงสารนั้นดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย รู้ไหมว่าคุณกำลังทำให้ตัวเองดูโง่ ที่สำคัญแน่ใจได้อย่างไรว่าคนที่ช่วยปลอบประโลมและให้กำลังใจคุณจะไม่แอบไปพูดนินทาลับหลัง ดังนั้นต่อให้คุณรู้สึกท้อแท้มากแค่ไหนก็ไม่ควรโพสต์สิ่งที่จะทำให้คุณดูเหมือนอดีตแฟนที่น่าสมเพชเหลือเกิน
2. ห้ามตั้งสเตตัสระบายลงโซเชียลการโพสต์ระบายลงโซเชียลมันเป็นการแสดงความเป็นตัวตนของเราในอีกทางหนึ่ง ยิ่งเป็นการแสดงอารมณ์อย่างรุนแรง มันจะทำให้คนภายนอกมองเราในทางที่ไม่ดี โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเราเป็นคนอย่างไร ที่แย่ไปกว่านั้นมันอาจเป็นการรบกวน ทำให้คนอื่นเกิดความรำคาญได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น หากแฟนเก่ามาเห็นโพสต์ของเราก็มีแต่เสียกับเสีย เพราะมันอาจทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองตกเป็นจำเลยในเรื่องนี้ และอาจจะมองหน้ากันไม่ติดไปเลย
3. ห้ามแอบส่องเขาเด็ดขาดเมื่อเราได้ตัดสินใจลงไปแล้ว ก็ควรจะทำให้ได้อย่างเด็ดขาด ส่องไปก็มีแต่จะเจ็บไปเปล่าๆ ทางที่ดีก็ควรจะบล็อก หรืออันเฟรนด์กันไปเลย และที่สำคัญเมื่อบล็อกแล้วก็ไม่ควรส่องเฟซบุ๊คของเพื่อนหรือคนในครอบครัวของเขาด้วยเช่นกัน ซึ่งในช่วงแรกก็อาจจะลำบากหน่อยแต่สักพักทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเอง
4. ห้ามส่งข้อความคุกคาม หรือข่มขู่การส่งข้อความเพื่อคุกคาม หรือข่มขู่แฟนเก่านั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ดีไม่ดีคุณอาจจะโดนแจ้งข้อห้าหรือฟ้องร้องได้เลย ดังนั้นโปรดใช้ความระมัดระวัง และคิดก่อนที่จะทำสิ่งที่วู่วามลงไปก่อนเสมอ
5. ห้ามระรานแฟนใหม่ หรือมือที่ 3หากการเลิกราของคุณเกิดจากบุคคลที่ 3 หรือเมื่อแฟนคุณไปมีแฟนใหม่แล้ว เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะรู้สึกโกรธแค้นมากเป็นอย่างยิ่ง แต่การไประรานบุคคลที่ 3 นั้นไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก การไประรานความสัมพันธ์ของคนอื่น นอกจากจะไม่ดีในสายตาของคนคู่นั้นแล้ว คุณจะยังดูไม่ดีในสายตาของคนรอบข้างด้วย ที่สำคัญมันเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เราดูไม่แพงเป็นอย่างยิ่ง
6. ห้ามเอาเรื่องราวของแฟนเก่าไปด่าทอในโลกออนไลน์การโพสต์ถึงเขาแย่ๆ บนสื่อโซเชียลไม่ได้มีประโยชน์อะไร แถมยังไม่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นด้วย และคุณต่างหากที่ดูเหมือนเป็นพวกขี้แพ้ชวนตี ดังนั้นคุณควรโพสต์เกี่ยวกับการเดินทางสู่ชีวิตโสดของตัวเองดีกว่า และอย่าไปพาดพิงถึงการเลิกราแย่ๆ ที่ผ่านมา วิธีนี้จะทำให้คุณรู้สึกแข้มแข็งและมีพลังมากขึ้น ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเขาในชีวิตก็ตาม
7. ห้ามเปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์ของคุณเป็น “ซับซ้อน”จงเผชิญหน้ากับมัน ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นและเดินทางต่อ มันอาจจะเป็นเรื่องยากในตอนแรก แต่คุณก็ไม่ควรโกหกตัวเองเพื่อลดทอนความรุนแรงลง ความจริงคือยิ่งคุณยอมรับความจริงว่าตัวเองโสดได้เร็วเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเดินหน้าต่อไปได้เร็วเท่านั้น ดังนั้นจงเปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์เป็น “โสด” แทนที่จะเป็น “ซับซ้อน” จะดีกว่า
8. ห้ามรีบหาคนใหม่มาดามใจเพื่อประชดแฟนเก่าการรีบหาคนใหม่มาดามใจเพื่อประชดแฟนเก่านั้น เป็นการกระทำที่ลดคุณค่าในตัวของคุณลงไปมาก นอกจากแฟนเก่าคุณจะไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว คุณและแฟนใหม่ก็ต้องเจ็บด้วย เพราะไม่ว่าแฟนคนใหม่ของคุณจะดีสักแค่ไหน แต่ถ้าหากว่าคุณยังคิดถึงคนเก่าๆ มันก็ไม่ได้ช่วยให้สภาพจิตใจของคุณดีขึ้นมาหรอก มันยิ่งจะเป็นการทรมานกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทางที่ดีควรให้เวลากับตัวเอง หาความสุขให้ตัวเองก่อน เพราะถ้ามีคุณมีความสุขจริงๆ คุณจะเจอสิ่งที่ดีๆ เอง
9. ห้ามพร่ำเพ้อพรรณนาถึงแฟนเก่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ผ่านอารมณ์ เศร้าโศก เสียใจ โกรธแค้น ประชดประชันมาหมดแล้ว ภาวะต่อมาก็คือ ความเหงาและคิดถึง คุณก็อาจจะส่งข้อความพร่ำเพ้อ พรรณนาไปหาแฟนเก่าของคุณ โดยเฉพาะเวลาเมา เนื่องจากพอแอลกอฮอล์เข้าร่าง สาวๆ จะมีความกล้า ถือโอกาสชุลมุนส่งไลน์หาแฟนเก่ากันทุกราย แต่การส่งข้อความไปบรรทัดสองบรรทัด ณ ตอนมึนเมานั้น มันง่ายนะคะ แต่ถ้าเขาตอบมาไม่ได้ดั่งใจ หรือไม่ตอบ คุณก็อาจจะเศร้าหนักเข้าไปอีก ดังนั้นหากไม่ได้มีธุระที่ต้องติดต่อกันแล้ว คุณควรจะลบเบอร์โทรหรือบล็อคเขาไปเลย
10. ห้ามแกล้งทำเป็นเข้มแข็งมีคนไม่น้อยเลยที่พออกหัก ถูกทิ้ง เลิกกับแฟน ก็ลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัว เปลี่ยนลุค ตัดผมสั้น บลาๆ แล้วโพสลงโซเชียล เพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันไม่เป็นไร ฉันเข้มแข็ง และที่สำคัญคือเพื่อให้แฟนเก่าเสียดาย พฤติกรรมเยี่ยงนี้สะท้อนให้เห็นว่าคุณยังขังตัวเองอยู่ในความสัมพันธ์เก่าๆ จริงๆ แล้ว การลุกขึ้นมาปฏิวัติการแต่งตัวและเล่นโซเชียลก็ถือดีกว่าการนั่งอมทุกข์เก็บตัว แต่เราต้องทำมาจากความรู้สึกจริงๆ จิตใจต้องสดชื่นเบิกบานจริงๆ ด้วย ไม่ใช่ลุกขึ้นมาแต่งสวย แต่ตายังคงเศร้าอยู่แบบนั้น