ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปE-commerceโฆษณา Facebook: 7 กลยุทธ์ที่ต้องรู้สำหรับเว็บ eCommerce
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: โฆษณา Facebook: 7 กลยุทธ์ที่ต้องรู้สำหรับเว็บ eCommerce  (อ่าน 1607 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jj-marketing-guy
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 42
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 54



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 12 ธันวาคม 2017, 23:24:20 »



ในสมัยนี้การขายของบนเว็บกำลังมาแรง เว็บ eCommerce เลยมีการแข่งขันกันสูง ถ้าใครๆที่กำลังทำเว็บ eCommerce อยู่ก็คงจะเห็นด้วยนะครับว่า คุณต้องโฆษณาอยู่ตลอดและต้องลองทุกช่องทางไม่ว่าจะออนไลน์ไปถึงบนดิน

วันนี้ผมเลยอยากจะมาช่วยอีกแรงด้วยการแชร์กลยุทธ์ที่ผลเคยใช้โฆษณาสินค้าบน Facebook ครับ

ในปี 2560 (หรือ 2017) Facebook มีคนใช้ที่เป็นคนไทยอยู่ 20.6 ล้านคนและเว็บ eCommerce มีแนวโน้มที่จะเติบโตไปพร้อมๆกับ Facebook มากกว่า 156% ในประเทศไทย

มันแปลว่าถ้าตอนนี้คุณไม่เข้าไปขายของใน Facebook ถือว่าคุณเสียโอกาสอย่างมากครับ เพราะตอนนี้คู่แข่งคุณอาจจะกอบโกยลูกค้าอยู่ก็ได้

ดังนั้นวันนี้ผมจะมาพูดถึง 6 กลยุทธ์ที่คุณสามารถนำเอาไปปรับใช้ในโฆษณาใน Facebook ของคุณให้ขายของให้ได้เยอะๆ

กลยุทธ์ที่ 1: ใช้โฆษณาแบบไดนามิก (dynamic product ad)
การโฆษณาแบบนี้ตามสถิติที่ผมทำๆมา ถือว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าคืออะไร ผมจะอธิบายให้ฟังครับ



สมมุติว่าลูกค้าของคุณเข้ามาดูของในเว็บ แต่ไม่ได้ตัดสินใจซื้อ Facebook จะจำข้อมูลนั้นไว้แล้วเอาโฆษณาตัวนั้นมาแสดงให้กับลูกค้าคุณดูอีกทีหนึ่ง เพื่อเป็นการย้ำให้ลูกค้าซื้อครับ การโฆษณาแบบนี้เรียกว่า remarketing ครับ อ่านเพิ่มได้ที่นี้ครับ: {link goes here}

การที่คุณจะทำโฆษณา dynamic product ads ก็ไม่ยากครับ (รอบนี้ผมใส่รูปเข้าไปไม่ได้นะครับ ขอโทษที)

ขั้นตอนที่ 1: อัพโหลดรูปของสินค้าทั้งหมดเข้าไปใน Facebook ad manager เช่น ชื่อ รูป และ ราคา ของสินค้า

ขั้นตอนที่ 2: ใส่ custom audience pixel ลงไปในเว็บของคุณ และเลือกด้วยว่าลูกค้าแบบไหนถึงจะเห็นโฆษณาของคุณ เช่น ต้องอยู่ในเว็บ 2 นาที เป็นต้น



ขั้นตอนที่ 3: หลังจากใส่ข้อมูลอะไรลงไปหมดแล้ว Facebook จะจัดการข้อมูลเอง คุณแค่ต้องบันทึกโฆษณานี้เอาไว้ และใส่ชื่อของโฆษณาจะได้ไม่ลืมในอนาคตครับ

ขั้นตอนที่ 4:
ตั้งค่าว่าอยากจะให้ Facebook โฆษณาทุกสินค้าทุกตัวเลยหรือเปล่าหรือเฉพาะในบางหมวดหมู่เท่านั้น เพราะบางทีจะมีสินค้าเฉพาะบางหมวดหมู่เท่านั้นที่ขายดี

กลยุทธ์ที่ 2: ใช้ Multi-product ads
Multi-product ads คือการที่คุณสามารถแสดงสินค้าหลายๆสินค้าในโฆษณาเดียวได้ครับ เช่นตัวอย่างข้างล่างนี้เลย



คุณอาจจะใช้ multi-product ad เพื่อการโฆษณาสินค้าที่คล้ายๆกันให้กับลูกค้าของคุณได้เลือก ทำให้ลูกค้าของคุณรู้สึกว่าเขามีตัวเลือก

การใช้งาน multi-product ad นี้ไม่ยากเลยครับ ตอนที่กำลังสร้าง dynamic product ad มันจะมีตัวเลือกของ multi-product ad ขึ้นมาครับ สร้างตรงนั้นได้เลย

กลยุทธ์ที่ 3: ทำ Facebook Remarketing
หลายๆคนที่เข้ามาดูของในเว็บของคุณ เขาอาจจะไม่ซื้อทีเดียวครับ เพราะเขาอาจจะติดธุระ หรือยังไม่ว่างจะซื้อตอนนั้น ถ้าคุณไม่ตามเขา เขาก็จะลืมแล้วก็อาจจะไปซื้อของที่อื่นได้เลย เพราะฉะนั้นการทำ Remarketing เลยสำคัญมากครับ

ผมเขียนในอีกโพสต์หนึ่งเกี่ยวกับการทำ Facebook Remarketing ด้วยตัวเอง สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี้เลยนะครับ: Facebook Remarketing อธิบายแบบง่ายๆ ทำเองได้ 100% - Zozav.com

กลยุทธ์ที่ 4: หาลูกค้าใหม่ด้วยการใช้ Lookalike Audience
Lookalike audience ก็คือกลุ่มคนที่มีอะไรคล้ายๆกับลูกค้าปัจจุบันที่คุณกำลัง target อยู่ครับ นี้เป็นอีกหนึ่งวิธีเด็ดที่จะขยายฐานลูกค้าของคุณให้กว้างออกไปอีกครับ

สำคัญคนที่ยังไม่มั่นใจว่าทำ Lookalike audience ยังไง ผมจะทำให้ดูคร่าวๆ แล้วหลังจากนี้เอาไปทำเองได้ 100% ครับ

Step 1: ให้กดเข้าไปที่นี้: Facebook ads manager แล้วจะเห็นต่างแบบนี้ กดเข้าไปตรงนี้ได้เลยครับ


Step 2: เลือก source ว่าจะเจาะจงคนจากไหน จากคนติดตามเพจคุณหรือเปล่า หรือว่าคุณมี list ที่คุณบันทึกเอาไว้อยู่แล้ว ใส่ชื่อลงไปเลยครับ

เลือกพื้นที่ด้วยว่าจะให้ Facebook เริ่มหาคนที่เหมือนกับลูกค้าคุณจากที่ไหน อย่าเลือก audience size ใหญ่เกินไปนะครับ เพราะว่าถ้าใหญ่เกินไป Facebook จะไปยิงโฆษณาใส่คนที่ไม่ได้สนใจสินค้าคุณขนาดนั้น จะเปลืองตังเปล่าๆ

เสร็จแล้วก็กด “create audience” แค่นั้นก็เสร็จแล้วครับ


กลยุทธ์ที่ 5: ใช้ Video เพื่อทำ branding
บางทีการที่เราจะทำโฆษณาเอาแต่จะขายของอย่างเดียวมันก็ไม่ไหวครับ เพราะลูกค้าอาจจะเกิด ad fatigue ได้

Ad fatigue คือการที่ลูกค้าคุณเห็นโฆษณาคุณบ่อยเกินไปจนรู้ค้ารู้สึกรำคาญหรือรู้สึกเฉยๆไม่สนใจไปเลย

เพราะฉะนั้นคุณต้องเปลี่ยนจากการขายเป็นการบอกเรื่องราวของบริษัทคุณบ้างครับ อาจจะเป็นเรื่องราวการก่อตั้ง หรือว่าเรื่องราวที่ลูกค้าของคุณใช้ผลิตภัณไปแล้วและชีวิตเปลี่ยน อะไรก็ว่ากันไปครับ

เหมือนในวิดีโอนี้ครับ: https://youtu.be/qZMX6H6YY1M (ขอโทษนะครับที่แทรกวิดีโอเข้าไปไม่ได้ ผมลองหลายรอบละ)

กลยุทธ์ที่ 6: ยิงโฆษณาให้กับลูกค้าที่มีอยู่แล้ว
ใช้ custom audience เพื่อจะที่สร้างรายชื่อของลูกค้าที่คุณมีอยู่แล้ว อาจจะได้มาจาก email, Facebook ID หรือไม่ก็เป็นเบอร์โทรศัพท์ครับ

คุณควรจะทำแบบนี้ให้ลูกค้าคุณรู้สึกผูกพันธ์กับ brand ของคุณยิ่งเข้าไปอีกครับ

ยิงโฆษณาให้กับลูกค้าที่มีอยู่แล้วให้มาติดตามเพจ

คนที่เขาซื้อของกับคุณอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เขาไม่มีปัญหาหรอกครับที่จะไปติดตามเพจของคุณ ดังนั้นต้องยิงโฆษณาไปหาเขาเพื่อมาไลค์เพจด้วย

เสนอคูปองส่วนลดหรือโปรโมชั่นอื่นๆให้กับฐานลูกค้าเดิม

อย่างที่บอกไปเลยครับว่าฐานลูกค้าเดิมจะไม่มีปัญหาในการซื้อซ้ำถ้าไม่มีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้นคุณต้องลองยิงโฆษณาเกี่ยวกับส่วนลดและโปรโมชั่นพิเศษให้กับเขา

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทำยังไงต่อหลังจากนี้?
ไม่มีอะไรมากเลยครับ เพราะว่าหลังจากคุณตั้งค่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ได้แต่รอแล้วเตรียมนับเงินอย่างเดียว ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติม จัดมาเลยครับ ผมจะพยายามตอบทุกคำถาม

บันทึกการเข้า
indyseo
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 161



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2017, 22:13:26 »



ในสมัยนี้การขายของบนเว็บกำลังมาแรง เว็บ eCommerce เลยมีการแข่งขันกันสูง ถ้าใครๆที่กำลังทำเว็บ eCommerce อยู่ก็คงจะเห็นด้วยนะครับว่า คุณต้องโฆษณาอยู่ตลอดและต้องลองทุกช่องทางไม่ว่าจะออนไลน์ไปถึงบนดิน

วันนี้ผมเลยอยากจะมาช่วยอีกแรงด้วยการแชร์กลยุทธ์ที่ผลเคยใช้โฆษณาสินค้าบน Facebook ครับ

ในปี 2560 (หรือ 2017) Facebook มีคนใช้ที่เป็นคนไทยอยู่ 20.6 ล้านคนและเว็บ eCommerce มีแนวโน้มที่จะเติบโตไปพร้อมๆกับ Facebook มากกว่า 156% ในประเทศไทย

มันแปลว่าถ้าตอนนี้คุณไม่เข้าไปขายของใน Facebook ถือว่าคุณเสียโอกาสอย่างมากครับ เพราะตอนนี้คู่แข่งคุณอาจจะกอบโกยลูกค้าอยู่ก็ได้

ดังนั้นวันนี้ผมจะมาพูดถึง 6 กลยุทธ์ที่คุณสามารถนำเอาไปปรับใช้ในโฆษณาใน Facebook ของคุณให้ขายของให้ได้เยอะๆ

กลยุทธ์ที่ 1: ใช้โฆษณาแบบไดนามิก (dynamic product ad)
การโฆษณาแบบนี้ตามสถิติที่ผมทำๆมา ถือว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าคืออะไร ผมจะอธิบายให้ฟังครับ



สมมุติว่าลูกค้าของคุณเข้ามาดูของในเว็บ แต่ไม่ได้ตัดสินใจซื้อ Facebook จะจำข้อมูลนั้นไว้แล้วเอาโฆษณาตัวนั้นมาแสดงให้กับลูกค้าคุณดูอีกทีหนึ่ง เพื่อเป็นการย้ำให้ลูกค้าซื้อครับ การโฆษณาแบบนี้เรียกว่า remarketing ครับ อ่านเพิ่มได้ที่นี้ครับ: {link goes here}

การที่คุณจะทำโฆษณา dynamic product ads ก็ไม่ยากครับ (รอบนี้ผมใส่รูปเข้าไปไม่ได้นะครับ ขอโทษที)

ขั้นตอนที่ 1: อัพโหลดรูปของสินค้าทั้งหมดเข้าไปใน Facebook ad manager เช่น ชื่อ รูป และ ราคา ของสินค้า

ขั้นตอนที่ 2: ใส่ custom audience pixel ลงไปในเว็บของคุณ และเลือกด้วยว่าลูกค้าแบบไหนถึงจะเห็นโฆษณาของคุณ เช่น ต้องอยู่ในเว็บ 2 นาที เป็นต้น



ขั้นตอนที่ 3: หลังจากใส่ข้อมูลอะไรลงไปหมดแล้ว Facebook จะจัดการข้อมูลเอง คุณแค่ต้องบันทึกโฆษณานี้เอาไว้ และใส่ชื่อของโฆษณาจะได้ไม่ลืมในอนาคตครับ

ขั้นตอนที่ 4:
ตั้งค่าว่าอยากจะให้ Facebook โฆษณาทุกสินค้าทุกตัวเลยหรือเปล่าหรือเฉพาะในบางหมวดหมู่เท่านั้น เพราะบางทีจะมีสินค้าเฉพาะบางหมวดหมู่เท่านั้นที่ขายดี

กลยุทธ์ที่ 2: ใช้ Multi-product ads
Multi-product ads คือการที่คุณสามารถแสดงสินค้าหลายๆสินค้าในโฆษณาเดียวได้ครับ เช่นตัวอย่างข้างล่างนี้เลย



คุณอาจจะใช้ multi-product ad เพื่อการโฆษณาสินค้าที่คล้ายๆกันให้กับลูกค้าของคุณได้เลือก ทำให้ลูกค้าของคุณรู้สึกว่าเขามีตัวเลือก

การใช้งาน multi-product ad นี้ไม่ยากเลยครับ ตอนที่กำลังสร้าง dynamic product ad มันจะมีตัวเลือกของ multi-product ad ขึ้นมาครับ สร้างตรงนั้นได้เลย

กลยุทธ์ที่ 3: ทำ Facebook Remarketing
หลายๆคนที่เข้ามาดูของในเว็บของคุณ เขาอาจจะไม่ซื้อทีเดียวครับ เพราะเขาอาจจะติดธุระ หรือยังไม่ว่างจะซื้อตอนนั้น ถ้าคุณไม่ตามเขา เขาก็จะลืมแล้วก็อาจจะไปซื้อของที่อื่นได้เลย เพราะฉะนั้นการทำ Remarketing เลยสำคัญมากครับ

ผมเขียนในอีกโพสต์หนึ่งเกี่ยวกับการทำ Facebook Remarketing ด้วยตัวเอง สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี้เลยนะครับ: Facebook Remarketing อธิบายแบบง่ายๆ ทำเองได้ 100% - Zozav.com

กลยุทธ์ที่ 4: หาลูกค้าใหม่ด้วยการใช้ Lookalike Audience
Lookalike audience ก็คือกลุ่มคนที่มีอะไรคล้ายๆกับลูกค้าปัจจุบันที่คุณกำลัง target อยู่ครับ นี้เป็นอีกหนึ่งวิธีเด็ดที่จะขยายฐานลูกค้าของคุณให้กว้างออกไปอีกครับ

สำคัญคนที่ยังไม่มั่นใจว่าทำ Lookalike audience ยังไง ผมจะทำให้ดูคร่าวๆ แล้วหลังจากนี้เอาไปทำเองได้ 100% ครับ

Step 1: ให้กดเข้าไปที่นี้: Facebook ads manager แล้วจะเห็นต่างแบบนี้ กดเข้าไปตรงนี้ได้เลยครับ


Step 2: เลือก source ว่าจะเจาะจงคนจากไหน จากคนติดตามเพจคุณหรือเปล่า หรือว่าคุณมี list ที่คุณบันทึกเอาไว้อยู่แล้ว ใส่ชื่อลงไปเลยครับ

เลือกพื้นที่ด้วยว่าจะให้ Facebook เริ่มหาคนที่เหมือนกับลูกค้าคุณจากที่ไหน อย่าเลือก audience size ใหญ่เกินไปนะครับ เพราะว่าถ้าใหญ่เกินไป Facebook จะไปยิงโฆษณาใส่คนที่ไม่ได้สนใจสินค้าคุณขนาดนั้น จะเปลืองตังเปล่าๆ

เสร็จแล้วก็กด “create audience” แค่นั้นก็เสร็จแล้วครับ


กลยุทธ์ที่ 5: ใช้ Video เพื่อทำ branding
บางทีการที่เราจะทำโฆษณาเอาแต่จะขายของอย่างเดียวมันก็ไม่ไหวครับ เพราะลูกค้าอาจจะเกิด ad fatigue ได้

Ad fatigue คือการที่ลูกค้าคุณเห็นโฆษณาคุณบ่อยเกินไปจนรู้ค้ารู้สึกรำคาญหรือรู้สึกเฉยๆไม่สนใจไปเลย

เพราะฉะนั้นคุณต้องเปลี่ยนจากการขายเป็นการบอกเรื่องราวของบริษัทคุณบ้างครับ อาจจะเป็นเรื่องราวการก่อตั้ง หรือว่าเรื่องราวที่ลูกค้าของคุณใช้ผลิตภัณไปแล้วและชีวิตเปลี่ยน อะไรก็ว่ากันไปครับ

เหมือนในวิดีโอนี้ครับ: https://youtu.be/qZMX6H6YY1M (ขอโทษนะครับที่แทรกวิดีโอเข้าไปไม่ได้ ผมลองหลายรอบละ)

กลยุทธ์ที่ 6: ยิงโฆษณาให้กับลูกค้าที่มีอยู่แล้ว
ใช้ custom audience เพื่อจะที่สร้างรายชื่อของลูกค้าที่คุณมีอยู่แล้ว อาจจะได้มาจาก email, Facebook ID หรือไม่ก็เป็นเบอร์โทรศัพท์ครับ

คุณควรจะทำแบบนี้ให้ลูกค้าคุณรู้สึกผูกพันธ์กับ brand ของคุณยิ่งเข้าไปอีกครับ

ยิงโฆษณาให้กับลูกค้าที่มีอยู่แล้วให้มาติดตามเพจ

คนที่เขาซื้อของกับคุณอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เขาไม่มีปัญหาหรอกครับที่จะไปติดตามเพจของคุณ ดังนั้นต้องยิงโฆษณาไปหาเขาเพื่อมาไลค์เพจด้วย

เสนอคูปองส่วนลดหรือโปรโมชั่นอื่นๆให้กับฐานลูกค้าเดิม

อย่างที่บอกไปเลยครับว่าฐานลูกค้าเดิมจะไม่มีปัญหาในการซื้อซ้ำถ้าไม่มีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้นคุณต้องลองยิงโฆษณาเกี่ยวกับส่วนลดและโปรโมชั่นพิเศษให้กับเขา

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทำยังไงต่อหลังจากนี้?
ไม่มีอะไรมากเลยครับ เพราะว่าหลังจากคุณตั้งค่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ได้แต่รอแล้วเตรียมนับเงินอย่างเดียว ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติม จัดมาเลยครับ ผมจะพยายามตอบทุกคำถาม




ความรู้เน้นๆ  wanwan017 wanwan017 wanwan017
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์