ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปInternet Marketingชั่วโมงนี้ ใครไม่เล่น bitcoin ถือว่าเชยมาก
หน้า: 1 2 3 [4]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ชั่วโมงนี้ ใครไม่เล่น bitcoin ถือว่าเชยมาก  (อ่าน 5604 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sunwu
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 17
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 720



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #60 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2017, 16:35:12 »

ok เลยครับ  Embarrassed
บันทึกการเข้า

PropProEA EA บริการสอบกองทุน Funds Forex EA รันพอร์ตกองทุนฟอเร็กซ์รับสอบกองทุน
PropProEA EA บริการสอบกองทุน Funds Forex EA รันพอร์ตกองทุนฟอเร็กซ์EA สอบกองทุน
PropProEA EA บริการสอบกองทุน Funds Forex EA รันพอร์ตจริงกองทุนฟอเร็กซ์EA สอบกองทุน ฟรี EA รันพอร์ตจริง
คลังความรู้สอบกองทุน Funds ForexFundsForex
บริการสอบกองทุนไม่ผ่านคืนเงิน100%EA สอบกองทุน
picharnan
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 90
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,400



ดูรายละเอียด
« ตอบ #61 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2017, 16:47:57 »

เชยซะแล้วเรา
บันทึกการเข้า
Irsaro
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 101
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,142



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #62 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2017, 21:39:57 »

bitcoin นี่เป็นอะไรที่เหมาะสมกับคำว่า "รู้งี้" ที่สุดแล้วครับ

ผมเข้าวงการบิทคอยน์ตั้งแต่ราคาบิทละหมื่นกว่าบาท รู้งี้ซื้อไว้สัก 10 บิท ถึงตอนนี้คงรวยเละเลย
บันทึกการเข้า

peetnawapol
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 57
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,293



ดูรายละเอียด
« ตอบ #63 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2017, 22:18:20 »

bitcoin นี่เป็นอะไรที่เหมาะสมกับคำว่า "รู้งี้" ที่สุดแล้วครับ

ผมเข้าวงการบิทคอยน์ตั้งแต่ราคาบิทละหมื่นกว่าบาท รู้งี้ซื้อไว้สัก 10 บิท ถึงตอนนี้คงรวยเละเลย
เช่นกันครับ  Cry
บันทึกการเข้า
บิ๊กตู่
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 28



ดูรายละเอียด
« ตอบ #64 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2017, 00:07:54 »




ก่อนอื่น ผมข้อเล่าถึง Big Think ที่เกิดขึ้น ยุค 1990 ช่วงปี 1997 การเกิดขึ้นของ Internet ตอนนั้นไทย ยังไม่ได้สนใจกับ Internet มากนัก และไม่ได้มุ่งเน้นพัฒนาด้านเครือข่าย Interent เท่าที่ควร

และ Bitcoin มันคือ Big Think อันที่ 2 ต่อจาก Internet ครับ

ทำไมมันถึงสำคัญ ทำไมแม้แต่ Bill Gate เอง ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง CNBC ว่า Bitcoin คือ การเงินยุคใหม่ ช่วงปี 2013

ทำไม ธนาคาร สถาบันการเงิน ถึง พยายาม ออกมาต่อต้าน โจมตี Bitcoin ไม่ว่าจะเป็น Warren Buffett , Jamie Dimon CEO ของ JPMorgan , Ben Bernanke

เพราะการเกิดขึ้นของ Bitcoin หรือ Cryptocurrencies นั้น จะส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงิน ธนาคาร และตลาดหุ้น แน่นอน เพราะเม็ดเงินจำนวนมาก จะไหลไปสู่ตลาด Crypto นั่นเองครับ

และ Blockchain คือ เทคโนโลยี หลังบ้านของ Bitcoin และเหรียญอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Ethereum , Dash , Litecoin , Zcash , Monero  ฯลฯ

และด้วยด้วยการเก็บข้อมูลแบบ Blockchain ที่กระจายไปเก็บไว้ในเครื่องต่างๆ ของนักขุด Miners จึงทำให้ข้อมูล ถูกเก็บไว้บนที่ต่างๆ ทั่วโลก จาก Computer หลักล้านเครื่อง

เป็นการเก็บข้อมูล ที่มีความปลอดภัยสูงมากๆ ไม่มีใคร หรือ Hacker คนไหน สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูล หรือ Transaction ของ Cryptocurrencies ได้

และนักขุด Miners จะทำการ Confirm Transaction เพื่อได้รับรางวัล จากการยืนยันธุรกิจ แบบ Proof of Work และล่าสุด เหรียญ ETH ก็กำลังปรับจาก Proof of Work ไปเป็น Proof of Stake เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง และเป็นการฝากเงิน เพื่อได้รับรางวัล แทนที่การขุด และนักขุดเรียกว่า การตีเหล็ก นัน่เองครับ ETH กำลังจะเปลี่ยนจาก PoW เป็น PoS ตั้งแต่เดือน ธันวาคม เป็นต้นไป ค่อยๆ เปลี่ยน ให้เสร็จภายในปีหน้า 2018

การที่เราได้ข่าวว่ามีการ Hack ส่วนใหญ่มาจาก การแฮกเว็บ Exchange , เว็บ Trade หรือ เว็บซื้อ-ขาย กำลังขุด Hash Rate นั่นเอง โดยไม่สามารถ Hack เหรียญ หรือ Blockchain ได้

ก็ไปแฮกเอา Wallet Address และ Private Key บน Server ของผู้ให้บริการแทน แน่นอน ความปลอดภัย มาจากผู้ให้บริการแต่ละเจ้า

และเราจะเห็นว่า ส่วนใหญ่ หากเป็นกระเป๋าเก็บเงินเว็บ Exchange , เว็บ Trade หรือ เว็บซื้อ-ขาย กำลังขุด Hash Rate เขาจะไม่ให้ Private Key กับเรา ให้แต่  Wallet Address เมื่อเขาเก็บ Private Key สำหรับยืนยันการฝาก ถอน เงิน ของเรา แน่นอน เมื่อ Hacker เข้าถึง ก็สามารถแฮกเอาเงินไปได้นั่นเอง

นักขุด นักเทรด จึงสร้าง Wallet Address นอก ไว้ใช้เอง และเก็บ Private key เป็นความลับ บางคนก็จดใส่กระดาษเก็บไว้ หรือ หลายคน ก็ไปซื้อ Wallet Hardware Security อย่าง Ledger Nano เก็บเงิน Cryptocurrencies ของตัวเองครับ

แล้วทำไม Bitcoin จึงไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทยในการซื้อ ขาย สินค้า บริการ ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนครับว่า ปัจจุบัน ยังไม่มีกฎหมายรองรับ Bitcoin ในประเทศไทยครับ และไม่สำมารถชำระหนี้ ทางกฎหมายได้

แต่เราสามารถแลก Bitcoin และเหรียญอื่นๆ เป็นเงินบาท ผ่านเว็บ BX.in.th , Tdax.com และเว็บแลกเงินต่างประเทศเช่น Localbitcoins , Bitpay , CEX.io , Bitflyer , Bithumb

นอกจากนี้ ปัจจุบัน เราสามรถสร้างบัตร Debit Bitcoin จาก Epayments และ Tenx เพื่อเอาบัตรที่สร้างจากต่างประเทศ มากดเงินบาท ตู้ ATM ทุกธนาคารได้ โดยที่เราฝากเงิน Cryptocurrency เข้าไปในระบบ จากนั้น เราเอาบัตรไปกดออกมาเป็นเงินบาท แล้วผู้ให้บริการจะไปหัก Bitcoin และเหรียญอื่นๆ เองอัตโนมัติ

www.epayments.com

www.tenx.tech

นอกจากนี้ ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ออกกฎหมายรองรับการใช้ Bitcoin ซื้อ-ขายสินค้่า อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเกาหลีเองก็เช่นกัน เพียงแต่ เกาหลีใต้จะแบน ICO หรือ การระดมทุนจากเหรียญใหม่ จาก Start Up

ประเทศอเมริกาเองก็ได้ออกกฎหมายรองรับ Bitcoin ด้วยเช่นกัน และถือว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ล่าสุดวันที่ 10 ธันวาคม CBOE ได้เปิดเทรด Bitcoin Future และวันที่ 17 CME Group ถือเป็นตลาดฟิวเจอร์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็จะเปิดเทรด Bitcoin Future ด้วยเช่นกันครับ ส่วน Nasdaq จะเปิดเทรดในปี 2018

นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทย ก็ได้พัฒนา Blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลังบ้าน ของ Bitcoin มาช่วยในการเก็บข้อมูลของธนาคาร ช่วยทำให้การทำธุรกรรมทางการเงิน สัญญากู้ยืม เร็วขึ้นภายใน 1 วัน จากเดิม 7 วัน จริงๆ CEO กสิกร บอกว่า เร็ว 1 ชั่วโมง เพียงแต่ต้องการทำให้มันถูกต้องจริงๆ

ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ใช้เทคโนโลยี ของเหรียญ Ripple ในการโอนเงินระหว่างประเทศ เช่น ไทย - ญี่ปุ่น จากเดิมที่ต้องโอนเงินไปญี่ปุ่น ใช้เวลา 7 วัน ขึ้นไป มาใช้เวลาเพียง 15 นาที

แต่แม้ว่า Fiat Money หรือเงินสด ของธนาคาร จะนำเอา Blockchain ไปใช้ แต่มันก็ไม่ใช่ Decentralized 100% ซึ่งตรงจุดนี้ ไม่มีทางที่ระบบการเงินยุดเก่า จะเอาชนะ Cryptocurrency ได้เลย เพราะมันเป็น Decentralized 100% นั่นเอง

และตอนนี้ LAZADA ในไทย ก็จะเปิดใช้ Bitcoin ในการซื้อขาย สินค้า

และล่าสุดทาง EBay ทาง CEO ก็บอกว่าจะเร่งใช้ Bitcoin ในการซื้อขายสินค้าด้วยเช่นกันครับ

และเหรียญ OmiseGo ซึ่งเป็นเหรียญของ บริษัท Omise เป็น Payment Gate Way ของไทย กับ ญี่ปุ่น ที่สร้างจากเทคโนโลยี Blockchain ของ Ethereum ก็ได้ ทำการซื้อ Pay Sabay ต่อจาก Dtac เพื่อ นำเอามาให้บริการ จ่ายเงิน ชำระเงิน

แม้ว่าหลายคนมองว่า จะไม่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ลึกๆ แล้วเราใช้มันอยู่ครับ





 wanwan011
บันทึกการเข้า
Minnymouse
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 12
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 325



ดูรายละเอียด
« ตอบ #65 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2017, 04:12:48 »

จุดประกายเล็กๆ เลยค่ะ คห.บนๆ
บิทคอยท์ มันแพงเกินกว่าจะซื้อเก็บแล้วตอนนี้ 
คงต้องมองเหรียญอื่นบ้าง มันก็ยังไม่แพงเท่าไหร่
ง้นเก็บก่อน "รู้งี้" ดีกว่าเน๊อะ °^^
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 3 [4]   ขึ้นบน
พิมพ์