ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปGeneral (ถามคุยวิชาการ IM)รีวิวการใช้งาน Windows 10 บน Azure ในด้านฮาร์ดแวร์ของระบบคลาวด์
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: รีวิวการใช้งาน Windows 10 บน Azure ในด้านฮาร์ดแวร์ของระบบคลาวด์  (อ่าน 347 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
tesla
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 115



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2017, 14:15:09 »

วันอาทิตย์ที่ผ่านมาบังเอิญจริงๆ ค้นในกูเกิลทั้งวันเกี่ยวกับ Deep Machine Learning และ DeepMind อยู่ เพื่อหาแนวทางการ ใช้เวลาว่างในการเขียนบอท AI เพื่อเทรด forex แบบอัตโนมัติบนระบบ Cloud สิ่งที่เจอแบบไม่คาดคิด เป็นสิ่งที่เราเคยเรียนมาแล้วเมื่อ 15-16 ปีที่แล้ว นั่นคือชิป FPGA ที่ ไมโครซอฟต์วิจัยแล้วนำมาใช้จริงในระบบคลาวด์ของตัวเอง โดยเฉพาะบน Windows Azure
รู้จักชิป CPU, GPU , FPGA คือ อะไร สรุปโดยภาพรวม
CPU คือ ตัวประมวลผลดิจิตอล ใช้ในคอมพิวเตอร์ ทุกรุ่นทุกแบบ เพื่อประมวลผลข้อมูลต่างๆ ผ่านทางโปรแกรม
GPU คือ ตัวประมวลผลกราฟฟิก ใช้ในงานมัลติมีเดีย วิชวลมีเดีย และเกมส์
FPGA คือ ตัวประมวลผล DSP ที่สร้างขึ้นได้ด้วยการเขียนโปรแกรมให้สวิทช์เล็กที่อยู่ในชิปเป็นอย่างที่เราออกแบบไว้ สามารถออกแบบให้ทำงานเป็น CPU GPU ไมโครคอมโทรลเลอร์ หรืออื่นๆ ได้ตามต้องการ ใช้ในงานด้านวิศวกรรมเป็นส่วนใหญ่ ทางวิศวกรรม จะเรียก FPGA นี้ว่าเป็นชิป เลโก้ คืออยากให้ชิปนี้ทำงานเป็นชิปอะไรแบบไหน ก็ออกแบบและสร้างคล้ายกับการต่อชิ้นงานเลโก้ อยากให้เป็นชิป CPU GPU Microcontroller DSP ได้ทุกรูปแบบ
เปรียบเทียบด้านความง่ายในการใช้งาน
CPU, GPU ใช้งานได้ง่ายกว่าเพราะเป็นชิปหรือแผงวงจรสำเร็จรูปมาแล้ว ส่วน FPGA ต้องออกแบบแผงวงจร ออกแบบตัวชิป เขียนโปรแกรมให้ตัวชิป ทดสอบการใช้งานแล้วปรับปรุงจนสำเร็จ สิ้นเปลืองระยะเวลาในการวิจัย ออกแบบ สร้างจริง และเงินลงทุนค่อนข้างมาก
เปรียบเทียบด้านคุณสมบัติทั่วไป
CPU, GPU ต้องทำงานประสานกับซอฟต์แวร์ โดยสรุปคือ มีพวกรหัส ASCII หรือ ภาษาแอสแซมบลี้ ติดมากับ CPU เพื่อใช้พัฒนาซอฟตร์แวร์ OS หรือโปรแกรม เพื่อทำงานร่วมกับชิ้นส่วนอื่นๆ ส่วนในกรณีของ FPGA ไม่จำเป็นต้องออกแบบให้มีซอฟต์แวร์ด้วยก็ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าในการประมวลผลข้อมูล นี้คือ ข้อสรุปที่ดีที่สุดที่อ่านเจอมา ทางไมโครซอฟต์ได้สรุปว่า FPGA สามารถทำงานได้เร็วกว่า CPU และ GPU เกือบสองเท่า เมื่อเรามาใช้งานเป็นชิปสำหรับแคช VM Windows
เปรียบเทียบด้านกายภาพกับยานอาวกาศ
ชิป CPU จะเหมือน ยานอาวกาศที่ถูกออกแบบให้ทำงานได้สมบูรณ์แบบไปท่องอาวกาศได้อย่างปลอดภัยโดยมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น รูปร่างแบบยาน Discovery ส่วน GPU เปรียบได้เหมือนกับระบบเทอร์โบของยานดิสคัฟเวอรี ที่ทำให้การขับดันยานไปได้เร็วและแรงขึ้น ส่วน FPGA นั่นเราสามารถต่อชิปให้เป็นแบบ ยาน Discovery ก็ได้ ติดเทอร์โบก็ได้ นอกจากนั้น ยังสามารถออกแบบยานรูปร่างใหม่ เป็นแบบ ยานของเอเลี่ยนก็ได้ ซึ่งต้องอาศัยทักษะ การลงทุน และระยะเวลายาวนานกว่าที่จะเห็นผลสำเร็จจริง
อ่านมาตั้งนานไม่เห็นชิป FPGA จะเข้ามาเกี่ยวกับระบบคลาวด์ตรงไหนเลย นั่นคือสิ่งที่ผมมองข้ามมาเป็นสิบปีเหมือนกัน เพราะว่าระบบคลาวด์ในยุคแรกยังอยู่ในขั้นพัฒนาฮาร์ดแวร์มาพร้อมกันทุกบริษัทยักษ์ใหญ่ ต่างก็มุ่งเน้นไปยังการใช้ CPU กับ GPU ฮาร์ดดิสก์ แรม DDR เป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้ระบบคลาวด์ของตัวเองเร็วและครอบคลุมทุกพื้นที่ จน Microsof และ Facebook ได้วิจัยนำ ชิป FPGA มาใช้กับระบบคลาวด์ของตัวเอง เพื่อลดความล่าช้าในการประมวลผลและเน็ตเวิร์กจำลอง เราอาจมองไม่เห็นความแตกต่างเพราะ ต่างกันสองเท่าในหน่วยทศนิยม มิลลินาที คือแทบไม่เห็นความต่างครับ แต่ๆ ถ้าใช้ง่ายบ่อยและต่อเนื่องจริงเห็นผลครับ
นึกภาพว่า เรามีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวบนคลาวด์ ก็คือ คอมพิวเตอร์เสมือนที่ถูกสร้างขึ้นบน CPU GPU แรม และอื่นๆ มากมายมหาศาล แต่บน CPU จำลองของเราที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานกับตัวเองนั้น มีแรมใน CPU เสมือนเป็นชิป FPGA จริงที่ทำงานด้วยฮาร์ดแวร์ล้วนๆ เร็วกว่าแรมทั่วไปเกือบสองเท่า บนการ์ดเน็ตเวิร์คเสมือนนั้น คือ ชิป FPGA ที่ใช้แคชเน็ตเวิร์คจริงบนของคลาวด์สำหรับเราโดยเฉพาะ โดยสรุปก็คือ เขาออกแบบชิป FPGA ซึ่งทำงานโดยไม่พึ่งพาซอฟต์แวร์เลย ให้เป็นชิปจริงที่ใช้แคช CPU และเน็ตเวิร์คเสมือนของเราให้เร็วขึ้น
ผมสงสัยมานานว่า VM ของ วินโดว์เซิปเวอร์ 2008,2012 ของทั้ง AWS , Google Cloud, Windows Azure มาสามปี เพื่อใช้เทรดหุ้น ทำเว็บ ทำแอปเล่นๆ เกือบสามปีไม่เห็นความแตกต่างเลย แต่มาปีนี้ ผมสังเกตเห็นว่า VM ของ Windows Azure ไม่ว่าจะเป็น วินโดว์ 2012,2016,windows 10 ที่ทำงานคลาวด์ มีความเสถียรและเร็วกว่า จะเห็นความแตกต่างเมื่อเราทำงานกับ Windows บนระบบคลาวด์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ด้วยการออกแบบและวิจัยที่แตกต่างกัน ผลลัพธ์บางอย่างย่อมให้ผลต่างกันอยู่บ้างแม้เพียงเล็กน้อย ทุกบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสหกรรมคลาวด์คอมพิวติ้งย่อมมีจุดเด่นของตัวเอง เงินลงทุนมหาศาลที่ถูกทุ่มลงไปเพื่อให้เกิดความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย มันไม่ใช่จุดชี้ชัยชนะในอนาคต แต่ในแง่ผู้ใช้แล้ว ดูคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย แม้ระบบฮาร์ดแวร์จะถูกออกแบบให้เลิศยังไง ถ้าระบบซอฟต์แวร์ของเจ้าของคลาวด์นั้นไม่พีคจริง ก็คงไม่มีประโยชน์เท่าใดนัก
ความเร็วที่ผมเห็นว่า VM Windows 2012, 10 บนระบบ Windows Azure เสถียรและเร็วนี้จากการทดลองใช้ด้วยตัวเอง เน้นนะว่าผลลัพธ์ที่ได้นี้ มาจาก ผมใช้ Windows บนระบบคลาวด์ ด้วยเงื่อนไขที่คล้ายกันมาก ใช้สถานที่ตั้งใกล้กัน เนื่องจากยังไม่มีเอกสารหรือบทความใดๆ ที่รีวิวให้เห็นภาพเชิงลึกของฮาร์ดแวร์ในระบบคลาวด์ จึงไม่มีข้อมูลเชิงเปรียบเทียบให้เห็นในมุมมองอื่น เว็บแอปพลิเคชั่นอื่น นั่นคือ ผมไม่เคยทดลองใช้เปรียบเทียบในรูปแบบอื่นเลย
หวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง เมื่ออนาคตคุณต้องการมี Windows 10 หรือวินโดว์อื่นๆ บนระบบคลาวด์ ที่ใช้งานเป็นประจำเหมือนกับเครื่องคอมฯ เครื่องหนึ่งของตัวเอง ส่วนเรื่องราคา ผมมองว่าใกล้เคียงกันมาก ของอเมซอนถูกกว่านิดหน่อย ส่วนของกูเกิลมีระบบอื่นๆ ให้ใช้งานได้หลากหลายกว่า เชื่อว่ายักษ์ใหญ่ทุกเจ้าก็มีการลงทุนและวิจัยอย่างหนักเพื่อให้ได้รับส่วนแบ่งสูงที่สุดในอนาคต ก็มีแค่ 3 เจ้าที่ต้องแข่งขันกัน การวิจัยของแต่ละเจ้าคงสู้กันอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ใจผู้ใช้งานและเพิ่มความคุ้มค่ายิ่งขึ้นไป เมื่อเราจ่ายเงินเราย่อมมีสิทธิ์เลือกเจ้าที่ดีที่สุดสำหรับงานเราในขณะนั้น เพราะการย้ายคลาวด์คงเป็นเรื่องง่ายมากๆ ในอนาคต เป็นตัวสะท้อนผลกำไรของบริษัท งานวิจัยด้าน FPGA ของไมโครซอฟต์นี้ทำให้ผมประทับใจและรู้สึกคุ้มค่าทุกบาทที่จ่ายไปครับ จบครับ


ปล. ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดหรือผลประโยชน์ใดๆ จากบริษัทไมโครซอฟต์ เขียนตรงไปตรงมาตามที่ค้นคว้าได้จริง จากกูเกิลและยูทูปครับ
บันทึกการเข้า

ToMoon@2020 ร่วมกันกดไลท์กดแชร์ คลิปช่อง NASA หรือ ช่อง ESA เพื่อแบ่งปันความก้าวหน้าที่สุดของมนุษย์ให้กับคนที่คุณรัก ร่วมกันไปยืนยันชื่อพวกเราไว้อีกล้านๆ ปีว่า พวกเราคือสิ่งมีชีวิตที่พิเศษสุดๆ สำหรับจักรวาล ToMar@2030
devnow
Global Moderator
สมุนแก๊งเสียว
*****

พลังน้ำใจ: 36
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 622



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2017, 15:13:58 »

รบกวนขอคอมเม้นท์นิดนึง ครับ

1. จขกท ควรเว้นวรรค แบ่งย่อหน้า หรือ เขียนหมายเลขกำกับไว้ทีละเรื่องๆ เพื่อความเข้าใจในการอ่าน เนื้อหาดีนะครับ แต่เขียนติดกันอ่านยากมากเลยครับ

2. No comment ในส่วนของ FPGA ครับ ยังไม่เคยลองใช้  แต่ฟังดูน่าสนใจ

3. ตลาด cloud ทั้งโลก Ms.Azure + Google Cloud รวมกันยังไม่เท่า AWS เลย ดังนั้น แค่ความเร็วของชิป ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จในตลาดนี้

4. ในมุมมองผู้ประกอบการ ผมยังเชื่อว่าการตลาดสำคัญกว่าเทคโนโลยี ครับ  ผมเคยเห็นมือถือเทคโนโลยีห่วยแตก แต่การตลาดดีขายดี  แต่ไม่เคยเห็นมือถือเทคโนโลยีดี การตลาดห่วยแล้วขายดี ครับ

5. ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆครับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 กรกฎาคม 2017, 18:51:39 โดย devnow » บันทึกการเข้า

รับซื้อ แฟนเพจ เว็บไซต์ เว็บเล็กเว็บน้อยก็รับ PM มาเสนอได้ครับ

โปรโมชั่น ส่วนลด สินค้าราคาถูก รวมไว้ที่นี่ โครตรโปรดอทคอม
tesla
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 115



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2017, 16:44:49 »

ขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ ผมเขียนไว้โน้ตส่วนตัว คือสรุปคร่าวๆ ไว้ที่ไมโครซอฟต์โน้ตออนไลน์ ซึ่งจัดหน้าและรูปแบบยาก พอนึกอยากแชร์ก็เลยก็อปปี้มาวางเลยไม่มีเวลาแก้ไขต้นฉบับมากนัก ยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับอ่านยากไปหน่อย จากบทความด้านบน ขอสรุปใหม่เป็นข้อๆ ดังนี้
1. เมื่อเราต้องการใช้ วินโดว์บนคลาว์ ให้เหมือนเครื่องคอมเครื่องหนึ่งของเรา วินโดว์บนระบบ Microsoft Azure เสถียรและเร็วกว่า วินโดว์ บนระบบคลาวด์เจ้าอื่น  ผลลัพธ์ได้จากล็อกไฟล์ต่างๆ เทสต์ด้วยโปรแกรม 4-5 ตัว ผลสรุปออกมาตรงกันครับ
2. ความเร็วนี้เกิดจาก Microsoft ได้ทำการวิจัยด้าน FPGA มาใช้ในระบบคลาวด์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับสำหรับด้านนี้ แต่ที่ใหม่คือ การนำ FPGA มาใช้เพื่อทำให้ วินโดว์บนระบบคลาวด์ ของ Azure นั่นเสถียรและเร็วขึ้น ยังไม่มีเจ้าไหนคิดค้นและทำต่อเนื่องแบบนี้
หน้าที่ของชิป FPGA บน Microsoft Azure นี้ทำหน้าที่ แคช(เก็บสำรองข้อมูลที่ใช้บ่อย) CPU กับ Network จำลองในคลาวด์ส่วนตัวเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัว OS วินโดว์
3. บทความนี้ไม่ได้เปรียบเทียบ VM(Virturl Machine) ของ OS อื่น เช่น ลินุกซ์ หรือเว็บแอปต่างๆ เช่น CMS เวิรด์เพลส หรือเว็บแอปอื่นๆ ที่ทำงานบนระบบคลาวด์ ว่าได้ผลลัพธ์ได้เหมือนกันหรือไม่ แต่ทางไมโครซอฟต์แสดงตัวอย่างยืนยันให้เห็นว่ามีผลดีเช่นเดียวกับข้อ 1 (ผมไม่ยืนยันและไม่ได้ทดสอบ)
4. บทความกลาวถึง ชิป FPGA ที่ไมโครซอฟต์ออกแบบไว้ให้ทำงานกับ Cloud ของตัวเองยังไง ซึ่งตอนเขียนบทความยังไม่มีคนกลางมารีวิว ให้คะแนนด้านนี้เลย สิ่งที่ผมได้คือ การวิเคราะห์เอาเองจาก รูปแบบโครงสร้างชิปที่ไมโครซอฟต์เผยแพร่ในกูเกิลและยูทูป ผลิตโดย อินเทล
5. ด้วยเหตุผลข้อ 1-2 จึงสรุปไว้ว่า ถ้าต้องการใช้ Windows บนระบบคลาวด์ ที่คุ้มค่าเงินและเวลา สะดวก ง่าย ราคามสมเหตุผล ไว้ว่าควรเลือก Microsoft Azure ครับ นี้เป็นประเด็นสำคัญหรือเนื้อหาในบทความต้องการสื่อครับว่า ทำไม Microsoft Azure จึงดีกว่าในการใช้งานด้าน VM windows
นอกจากด้านความเสถียรและความเร็วแล้ว ยังมี Windows 10 ให้เลือกใช้ได้อีก หรือมี Windows ตัวใหม่ก็สามารถเปลี่ยนได้ทันที ส่วนตัวเชื่อว่าไมโครซอฟต์ย่อมเข้าใจวินโดว์ได้ดีกว่าเจ้าอื่น การใช้วินโดว์บน Azure จึงเป็นทางเลือกที่ดีคุ้มค่าเงินครับ

ตามข้อมูล ปี 2560 จากวารสาร pcword สัดส่วนมีดังนี้ครับ AWS = 39% , Azure = 24%, Google = 18%  นั่นคื AWS เติบโตได้ช้ากว่าเจ้าอื่นครับ ไม่ว่า่ Azure กับ Google เติบโตได้ดีกว่า เขาสรุปไว้ว่า AWS เริ่มต้นได้ดีกว่าและออกแบบราคาไว้เหมาะสมมาก จึงทำให้ประสบความสำเร็จสูง แต่ปัจจุบันสองเจ้าหลังนี้ พัฒนาเร็วขึ้นจนทำให้สัดส่วนที่ AWS เติบโตที่ต้องโตอย่างต่อเนื่องนั่น เปอร์เซนต์การเติบโตลดลง
มองในแง่โครงสร้างการพัฒนาเว็บแอป ผมชอบ Google มากกว่า มีลูกเล่น ฟังก์ชัน api ต่างให้มากและง่ายกว่า เมื่อเดือนที่แล้วเลยหันมาใช้งาน Azure กับ Google เป็นหลัก เพราะเรื่อง Machine Learning, BigDATA ทั้งสองเจ้านี้ ใช้ง่ายและก้าวหน้ากว่าของ AWS
ถ้ามองแง่ราคาและมีฝีมือในการพัฒาแอปเก่ง  AWS ดีที่สุด ประหยัดงบประมาณด้านต่างๆ ได้เยอะกว่าในระยะยาว อนาคตเมื่อแข่งขันกันสูงมาก ยิ่งดีต่อเราทั้งนั้น เพียงแต่เราจะสิ่งที่เหมาะสมกับเราและคุ้มค่าเงินเรามากอย่างไร ในแง่ผู้ใช้งาน ผมชอบอ่านรีวิวหลากหลายก่อน เรื่องการตลาดครับ จึงคิดว่า รีวิวนี้น่าจะช่วยให้ผู้อ่านได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ สุดท้ายถ้าดีจริงคนก็บอกต่อกันปากต่อปาก เช่นเดียวกับบทความนี้ เห็นว่าดีจริงตามข้อ 5 จึงอยากบอกต่อครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 กรกฎาคม 2017, 16:54:02 โดย tesla » บันทึกการเข้า

ToMoon@2020 ร่วมกันกดไลท์กดแชร์ คลิปช่อง NASA หรือ ช่อง ESA เพื่อแบ่งปันความก้าวหน้าที่สุดของมนุษย์ให้กับคนที่คุณรัก ร่วมกันไปยืนยันชื่อพวกเราไว้อีกล้านๆ ปีว่า พวกเราคือสิ่งมีชีวิตที่พิเศษสุดๆ สำหรับจักรวาล ToMar@2030
BadGeniusth
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2017, 16:46:09 »

ลายตา  wanwan022
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์