ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: 10 กฎเหล็กร้านก๋วยเตี๋ยวคุณภาพ  (อ่าน 943 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
wareerant
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,026



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2017, 19:15:10 »

10 กฎเหล็กร้านก๋วยเตี๋ยวคุณภาพ
   ก๋วยเตี๋ยว เป็นอาหารยอดนิยมของใครหลาย ๆ คน ซึ่งถ้าจะบอกว่าก๋วยเตี๋ยว เป็นอาหารประจำชาติไทยก็คงจะไม่ผิดนัก เชื่อว่าทุกคนคงเคยมีประสบการณ์ในการไปกินก๋วยเตี๋ยว ทั้งร้านที่อร่อยและไม่อร่อย วันนี้จะมาบอกกฎ 10 ข้อ ที่หากท่านจะเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว หรือกำลังเปิดร้าน ได้ปฏิบัติตามกฎทั้ง 10 ข้อนี้ รับรองร้านของท่านจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งยืนนานหมื่นๆ ปี
1.   ความสะอาด คำกล่าวที่ว่า “ร้านยิ่งสกปรกยิ่งอร่อยนั้น” อาจจะเป็นจริง แต่อาหารอร่อย ถ้าทำด้วยความสกปรก ลูกค้าย่อมไม่ปารถนาที่จะกลับมาบริโภคซ้ำอีก ลองนึกภาพดูว่า ขณะที่ท่านกำลังกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ เกิดอยากที่จะเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางไปห้องน้ำได้ไปเห็นสภาพร้าน ที่กองวัตถุดิบเน่า ๆ เต็มไปหมด ทางเดินสกปรก มีซากแมลงสาบเละ ๆ ตั้งอยู่ น้ำขังเป็นแอ่ง ขากลับออกมาท่านจะยังอยากกินก๋วยเตี๋ยวอยู่อีกหรือไม่ ความสะอาดนี้หมายรวมถึงความสะอาดทั้งหมด อุปกรณ์การทำก๋วยเตี๋ยว จานชาม วัตถุดิบที่นำมาทำอาหาร ช้อน ตะเกียบ เครื่องปรุง ทั้งอาคารสถานที่ ห้องน้ำห้องครัว ตลอดจนถึงหน้าร้าน ฯลฯ ผมเคยไปกินกวยจั๊บ(กวยจั๊บ เขียนแบบนี้ครับ) ร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติกัน บังเอิญเห็นมีหนอนนอนตายอยู่ในพริกน้ำส้ม จึงบอกให้ลูกจ้างได้ทราบ ว่าในขณะนี้ มีหนอนได้ไปนอนเสียชีวิตอยู่ในถ้วยพริกน้ำส้มแล้ว ขอความกรุณาได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้เกิดสุขอนามัยในการกินของข้าพเจ้า ลูกจ้างจึงได้รีบดำเนินการตามเจตจำนงของลูกค้าโดยด่วน ผมนึกว่าจะเอาถ้วยนั้นไปเททั้งหมด ปรากฏว่า แค่ตักเอาหนอนน้อยผู้อาภัพตัวนั้น ตวัดทิ้งไปลอยละลิ่วปลิวละล่องไปหล่นแปะอยู่นอกร้าน ทิ้งสารเคมีและสารอินทรีย์ที่เกิดจากหนอนไว้ในถ้วยเช่นเดิม
2.   วัตถุดิบสดใหม่ แน่นอนว่าลูกค้า ย่อมต้องการบริโภควัตถุดิบที่นอกจากจะสะอาดแล้ว ยังต้องสดใหม่ เส้นเหนียวนุ่ม ผักบุ้งกรอบๆ ลูกชิ้นเด้งดึ่ง ไม่ใช่กินแล้วเละในปาก ถ้าเป็นเนื้อวัวมัตสึซากะละลายในปากนั้นไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นลูกชิ้นก๋วยเตี๋ยว เห็นทีจะไม่ไหว คงไม่ต้องบอกว่าวิธีที่จะให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบสดใหม่นั้นทำอย่างไร ก็ต้องไปตลาดแต่เช้า ถ้าไปสายผักก็เหี่ยวและยังเปิดร้านสายอีกด้วย
3.   น้ำซุปต้องเดือดจัดๆ ผมเคยไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง สั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่น้ำตกมากิน ปรากฏว่า น้ำไม่ร้อน เมื่อน้ำไม่ร้อน พวกตับ เครื่องใน เลือด ก็ไม่สุก เมื่อไม่สุก ก็มีกลิ่นคาว มันเกินที่จะรับประทานเข้าไปไหว ร้านนี้ปิดตัวลงโดยใช้เวลาไม่นาน น้ำซุปยิ่งเดือดยิ่งดี ให้ปากพองกันไปเลย
4.   มีชามสำหรับเด็ก ผมมักประสบปัญหาเวลาพาลูกตัวเล็กๆ ไปกินอาหาร เด็กตัวเล็กๆ ไม่สามารถกินอาหารได้เยอะๆ เหมือนผู้ใหญ่ได้ ร้านอาหารจึงควรมีจานอาหารสำหรับเด็ก แต่โดยทั่วไปมักไม่มี ด้วยผู้ขาย มีความต้องการที่จะขายอาหารให้เด็กเท่ากับราคาผู้ใหญ่ เพราะได้เงินเยอะกว่า โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงและประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ หลายครั้งเมื่อเด็กกินไม่หมด ผู้ใหญ่ก็อิ่มแล้ว อาหารจึงต้องเหลือและทิ้งไปเปล่าๆ นอกจากควรมีชามสำหรับเด็กแล้ว ควรมีชามสำหรับคนกินน้อย คนกินพอสมควร และคนกินเยอะด้วย ราคาอาจเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้ เพราะคนเรากินไม่เท่ากัน โดยเฉพาะผู้หญิง ที่ส่วนใหญ่กลัวความอ้วนยิ่งกว่ากลัวผี ร้านไหนแยกได้ดังนี้ ผมรับรองว่าร้านท่านขายดีแน่นอน
5.   มีความปลอดภัย ดังที่ทราบกันดีอยู่ว่า หม้อก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ได้มาตรฐานนั้น เคลือบไว้ด้วยสารตะกั่ว สารปรอท แคดเมียม ซึ่งสารทั้งหลายนี้ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ผมเดาว่าท่านทั้งหลายคงไม่เคยสังเกตเวลาไปกินก๋วยเตี๋ยว ว่าร้านที่กินนั้น เขาใช้หม้อที่ได้มาตรฐานหรือไม่ คราวหน้าก็ลองดูนะครับ
6.   ราคา คำว่า “เราอยู่ได้ เขาอยู่ได้” นับว่ายังใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัย ในยุคที่อาหารจานเดียวและก๋วยเตี๋ยวกวยจั๊บ แข่งกันขึ้นราคา บางแห่งขึ้นไป 70 – 80 แล้ว บางร้านยังอยู่ที่ 40 – 60 แต่ก็มีหลายร้านที่ยังคงอุดมการณ์เดิม คือ อยากให้ลูกค้าผู้มีรายได้น้อย ได้มีอาหารรับประทานในราคาถูก โดยราคาอยู่ที่ 25 – 35 ที่แปลกกว่านั้น บางร้านขายชามละ 5 บาท 10 บาท ก็ยังมี ผมสังเกตทุกครั้งเวลาดูรายการทีวี ร้านที่ขายถูกมากๆ ส่วนใหญ่ เขาปลูกพืชผักสวนครัวด้วย เป็นการลดต้นทุน ถ้าไม่ทำแบบนี้เห็นทีจะคงราคาถูกๆ ไว้ได้ยาก
7.   อัธยาศัยไมตรี แม้ในสมัยนี้คนที่พูดดี พูดเพราะ จะถูกคนทั่วไปสงสัยไว้ก่อนว่าไม่จริงใจ (คนสมัยนี้ชอบให้พูดหยาบๆ) แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังพึงพอใจ ที่จะได้รับการต้อนรับด้วยอาการยิ้มแย้มแจ่มใส ที่คนสมัยก่อนเรียกว่า ยิ้มพิมพ์ใจ หมายถึงรอยยิ้มที่ประทับใจลูกค้าไปนานแสนนาน ผู้ขายที่คอยดูแลเอาใจใส่ ซึ่งการยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นสิ่งที่ไม่ต้องเสียเงิน และยังได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีอีกด้วย
8.   ยอมรับคำตำหนิติเตียน โดยนิสัยคนไทย เมื่อไปกินอาหาร หรือไปใช้บริการร้านใดแล้วไม่อร่อย ไม่ประทับใจ ส่วนใหญ่จะไม่พูด จะไม่ตำหนิติเตียนโดยทันที (ส่วนหนึ่งกลัวเจ้าของร้านด่า) แต่จะไปบอกต่อให้ญาติสนิทมิตรสหายได้ทราบ ว่าร้านนี้ร้านนั้น ไม่อร่อย บริการไม่ดี เมื่อเป็นเช่นนี้นาน ๆ เข้า ร้านของท่านก็จะซบเซา ไม่มีลูกค้า หรือมีก็แต่ขาจร คนใหม่ ๆ มาแล้วก็ไม่มาอีก ทางแก้ไขสำหรับเรื่องนี้ก็คือ ให้ท่านติดตู้แสดงความคิดเห็นไว้หน้าร้าน อย่าติดไว้ในร้าน เพราะลูกค้าจะไม่กล้าเดินไปหยอด และให้นำกระดาษแผ่นเล็กๆ มาเสียบไว้ที่กล่องทิชชู่ เพื่อให้ลูกค้าได้เขียนแสดงความคิดเห็น หรือถ้าใครที่กล้าคอมเม้นท์ตรงๆ กับท่าน ก็ควรรับฟัง และนำมาปรับปรุงแก้ไข ทั้งนี้ก็อยู่ในดุลพินิจของท่าน ไม่ต้องทำตามทุกคำแนะนำ
9.   อย่าเป็นคนเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย มีหลายครั้งที่ผมไปกินอาหาร และปรากฏว่าในจานอาหาร หรือชามก๋วยเตี๋ยว มีเส้นผม , แมลงวัน , ฝอยขัดหม้อ หนังยาง ทองรูปพรรณ  ปะปนมาด้วย (อย่างหลังสุดนี่ไม่มีนะ ผมล้อเล่น) ผมจะขอเปลี่ยนเอาจานใหม่ บางครั้งก็ได้ บางครั้งก็ไม่ได้ บางครั้งก็กินไปเกือบหมดก็ไม่ขอเปลี่ยน ท่านคงเดาออกนะว่า ร้านไหนที่ให้เปลี่ยน ร้านนั้นผมก็จะกลับมาอีก ร้านไหนไม่ให้เปลี่ยน ผมก็จะไม่กลับไปกินอีกเลย เพราะไม่ประทับใจ ซึ่งเรื่องการเจอเส้นผมหรือสิ่งแปลกปลอมในอาหาร และลูกค้าขอเปลี่ยนจานใหม่ ในประเทศเรายังไม่ค่อยให้ความสำคัญ ทั้งด้านลูกค้าและเจ้าของร้าน แต่ในต่างประเทศ ที่เขาให้ความสำคัญเรื่องสุขอนามัย นี่คือเรื่องใหญ่ ร้านไหนไม่เปลี่ยนให้นี่ถือว่าผิดกฎหมายเลย
10.   การแต่งกายดีมีกำไรไปกว่าครึ่ง ต้องยอมรับว่าสมัยนี้ กิจการทั้งหลายซึ่งมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง สิ่งใดที่จะนำมาปรับปรุงส่งเสริม เพื่อให้ชนะคู่แข่งได้นั้น ก็ควรจะทำ การมีแบบฟอร์มสวยเท่เก๋ไก๋ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการขายของท่าน สังเกตดูร้านอาหารแฟรนไชส์จากต่างประเทศ ซึ่งเปิดในห้างสรรพสินค้า ร้อยทั้งร้อยพนักงานจะใส่ชุดฟอร์ม แล้วทำไมร้านก๋วยเตี๋ยวจะมีชุดฟอร์มบ้างไม่ได้ ชุดฟอร์ม จะทำให้ร้านดูดีมีชาติตระกูล มีมาตรฐานสากล ไม่ใช่สองมาตรฐานแบบว่าใครใคร่ใส่เสื้อยืดใส่ ใครใคร่ใส่ยีนส์ใส่ ใครใคร่ใส่เดฟใส่ ใครใคร่ไม่ใส่อะไรเลยก็ไม่ใส่ (ไม่น่าจะได้นะ) แบบนี้ก็โอเคแหละ แต่อย่างที่ทราบกัน สินค้าและบริการนั้น แค่ดี ยังไม่พอ ต้องดีกว่า และน่าจะดีมาก และควรจะดีที่สุด



บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์