จากกระทู้ก่อน
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,387017.0.html ผมขอแยกออกมาวิเคราะห์ให้ฟังโดยละเอียดละกัน
1. ตัวเลขจ่าย 20 ล้านทีเดียวเป็นแค่การตลาดหลอกครับ
การที่บอกว่าครบ 20 ชั้นแล้วจ่ายทีเดียว 20 ล้านบาท ผมเชื่อว่าจะไม่มีใครไปถึงตัวเลขนี้ ด้วยสาเหตุดังนี้
เพิ่มข้อมูลอ้างอิง อันนี้ผมไม่ได้คิดมาเองลอยๆนะครับ เห็นบอกผมคิดเองเออเอง
อันนี้ผมอ้างอิงจากข้อมูลของนักธุรกิจ pageqq เองที่ระบุไว้ตามนี้ หากมีประเด็นฟ้องร้องเกิดขึ้น เพราะผมถือว่านี่คือการวิจารณ์โดยสุจริต
เพราะถ้าเป็นแบบจ่ายครั้งเดียวต่อทุกครั้งการสมัครจะเป็นคนละแบบครับ ความหมายไม่เหมือนกัน ให้ตัดประเด็นข้อนี้ออกไป แต่ไม่ลบทิ้งนะครับ เพราะจะอ้างอิงต่อข้อ 2* แปะอันเดียวพอครับ มีที่อื่นๆด้วย
โดยหลักการของไบนารี อัตราการเจริญเติบโตจะเกิดขึ้นในลักษณะคูณสอง
หมายความว่าแต่ละชั้นจะเป็นการเติบโตทางตัวเลขคือ 2,4,8,16 จนถึงชั้นที่ 20 จะมีจำนวนคน 1 ล้านคน หากรวม 19 ชั้นก่อนหน้าจะได้ราว 2 ล้านคน
ถ้าหักเงินจากแต่ละคนมาคนละ 10 บาท ก็สามารถจ่ายได้ 20 ล้านบาท
แต่แผนลักษณะนี้มีจุดอ่อนครับ
สมมุติว่ารายได้ 20 ล้านบาทต้องใช้จำนวนคน 2 ล้านคน ประเทศไทยมีจำนวนประชากร 66 ล้านคน ฉะนั้นคนที่จะได้รายได้จำนวนนี้ไปมีแค่
33 65 คน (แก้เป็น 65 เพราะเฉพาะคนแรกที่ต้องมี 2 ล้าน คนต่อไปจะมีฐาน 5 แสน รวมกับชั้นก่อนหน้าได้ 1 ล้าน ทำเพิ่มอีกคนละ 1 ล้าน ฉะนั้นตีง่ายๆว่า 1 ล้านคน = 1 คนที่รับ 20 ล้าน)
อย่างที่ผมบอกทีแรกคือการคิดรายได้แบบนี้เป็นแบบจำนวนคนคูณสอง
แต่ถ้าคุณอยู่ในชั้นที่ต่ำลงมา จำนวนประชากรก็จะลดลงคูณ 2 ไปด้วยเช่นกัน ฉะนั้นถ้าลองเอาคนไทยทั้งประเทศอัดเข้าไปในผังไบนารีจนครบ จะมีแค่
33 65 คนเท่านั้นที่ได้รายได้ส่วนนี้จริงๆ
และถ้าเราคิดในเชิงความเป็นไปได้ สมมุติประเทศไทยมี 66 ล้านคน คิดความน่าจะเป็นจะทำสัก 20% ก็เหลือสัก 13.2 ล้านคน ใช้คนในผังคนละ 2 ล้าน ฉะนั้นจะมีคนได้รายได้ส่วนนี้ไปจริงๆแค่ราว
6 12 คนเท่านั้น
แล้วถามว่าคุณมาเป็นคนที่เท่าไหร่แล้ว? (
6 12 คนเต็มตั้งแต่
2 4 ชั้นแรกแล้ว แค่ผมจะลงญาติยังไม่พอเลย)
2. แต่ระหว่างเดือนเขาก็มีการจ่ายนะ 1% จากค่ารักษายอด 6Q (1Q = 50 บาท)
6Q เท่ากับ 300 บาท 1% ของ 300 บาทก็คือ 3 บาท
ตะกี้ผมคำนวณที่หัวละ 10 บาท ตอนนี้เหลือ 3 บาทคุณคิดว่ามันจะลดลงไปสักเท่าไหร่
และผมจะอธิบายดังนี้
ลักษณะไบนารีเป็นลักษณะของฐานกระจายทางกว้าง และการคิดแผนในเชิงจ่าย % ย้อนลำดับชั้น จะเห็นเงินจริงๆก็ต่อเมื่อฐานเริ่มกว้างขึ้นแล้วและคนต้องเต็มผัง
แต่ในเชิงกลับกัน ยิ่งฐานยิ่งกว้าง แปลว่าเราจะมีคนในฐานที่กำลังแย่งหาดาวน์ไลน์กันอยู่ และมันจะติดด้วยจำนวนประชากรอย่างที่บอก ฉะนั้นคนที่ฐานจะสร้างทางลึกได้ยากเพราะการแย่งดาวน์ไลน์กันเอง
ผลที่จะปรากฏก็คือ เขาไม่สามารถมีจำนวนคนในองค์กรมากพอที่จะได้รับ 1% ตรงนั้นให้เพียงพอต่อค่ารักษายอด 300 บาท (ต้องมีคนประมาณ 7 ชั้นซึ่งราวๆ 128 คน ซึ่งจะได้ 384 บาทถึงจะคืนทุน แค่คืนทุนนะยังไมไ่ด้กำไรมากมายนัก แล้วถามว่า ไอ้ 128 คนนั้นเขาจะรักษายอดให้คุณทุกเดือนด้วยไหม)
สมมุติว่า ถ้าคนที่บนยอดสุดคนแรก ทำได้ครบ 20 ล้านคน เขาจะมีคนที่ฐานไบนารีจำนวน 1 ล้านคน ซึ่ง 1 ล้านคนนี้จะต้องมีจำนวนดาวน์ไลน์ทั้งหมด 128 คน นั่นหมายความว่าจำนวนคนที่ต้องการทั้งหมดคือ
128 x 1 ล้านคน เท่ากับ 128 ล้านคน
แต่ผมบอกเลยว่าไม่ต้องรอไปจนถึงตอนนั้นหรอกครับ เอาแค่ยังไม่ครบ 2 ล้านคน คนจะเลิกก่อน
ฉะนั้นที่ยังทำๆกันอยู่ตอนนี้เพราะเขาได้ค่ากินหัวคิวจากค่าสมัคร ไม่ได้มาจากรายได้ตามแผนจริงๆมากมายนัก
3. ธุรกิจนี้เป็นลักษณะใกล้เคียง money game มากกว่า mlm
สาเหตุเพราะ ผลิตภัณฑ์ของมันไม่ได้มีคุณค่าอะไรมากนัก ไม่ใช่เพราะแผนนะ เพราะผมก็มีการประเมินแผนลักษณะนี้ในธุรกิจที่ช่วยพัฒนาอยู่
แต่แผนนี้มันมีจุดอ่อนเรื่องจำนวนประชากร ซึ่งจะแก้ปัญหาได้ก็คือเราจะต้องขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศ แต่มันเป็นไปได้ยาก เพราะศักยภาพของธุรกิจไม่ได้มีมากขนาดนั้นอันด้วยผลิตภัณฑ์ของตัวธุรกิจเอง
ในความคิดของผม pageqq ไม่ได้มีคุณค่าอะไรเลย เพราะมันคือการสร้างผลิตภัณฑ์ปลอมๆที่ไม่มีสินค้าที่คนใช้ได้ประโยชน์ ถ้าในการตลาด mlm ต่อให้คนไม่ได้ผลตอบแทนแต่สิ่งที่เขาได้คือสินค้า
แต่ pageqq พยายามสร้างมูลค่าของสินค้าหลอกๆ ด้วยการเอาค่าโฆษณามาแบ่งปันสมาชิกจากการสร้างเนื้อหาโฆษณา
ซึ่งเราทั้งหลายที่อยู่ในวงการ internet marketing น่าจะรู้ดีกว่า รายได้ในส่วนนั้นมันไม่เพียงพอที่จะแบ่งจ่ายสมาชิกได้ทุกคนอยู่แล้ว และลักษณะการจ่ายเป็นลักษณะแบบเฉลี่ยจ่ายด้วยจำนวนยอดวิว
ลองนึกดูง่ายๆนะครับ
ถ้าจำนวนรายได้เดือนนี้มี 1,000 บาท ยอดวิวมี 1,000 ครั้ง มูลค่า 1 วิว = 1 บาท
แต่ถ้ารายได้ 1,000 เหมือนเดิม ยอดวิวมี 10,000 ครั้ง มูลค่า 1 วิว = 0.1 บาท
ยิ่งจำนวนประชากรเข้ามามากเท่าไหร่ จำนวนยอดวิวจะยิ่งสูงขึ้น และหากมีการปั่นวิวมากขึ้น ยอดวิวก็ยิ่งถูกเฉลี่ยไปจ่ายในฝั่งคนปั่นมากขึ้น ทั้งๆที่ระบบก็จ่ายเท่าเดิมนั่นแหละคือ 1,000 บาท
ถ้าคุณบอกว่า ยอดวิวสูงขึ้น รายได้ก็ต้องสูงขึ้นตามไปด้วย
นั่นก็ถูกครับ แต่ไม่ถูกทั้งหมด สาเหตุเพราะรายได้ไม่ได้แปรผันเป็นเส้นตรงตามจำนวนวิว
มันไม่ใช่ว่า ยอดวิวเพิ่มเป็น 2,000 รายได้จากโฆษณาก็จะเข้ามาเป็น 2,000 บาทตามไปด้วยเสมอไป
และเนื่องจากว่าเนื้อหาไม่ได้คุณภาพ เป็นสาเหตุให้ pageqq โดน google แบนไปแล้ว (ล่าสุดผมเห็นเอาไอคอน google ในหน้า home ออกไปแล้ว)
หรือลองเช็คจำนวนคอนเทนต์ทั้งหมดของเจ้าอื่นเช่น bing
http://www.bing.com/search?q=site:pageqq.com จำนวนอยู่ราวๆ 9,910 results เท่านั้น ซึ่งจะเห็นว่าอัตราการเติบโตของเนื้อหาค่อนข้างช้ามาก และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะโดนแบนเมื่อไหร่กันแน่ (อ่อถามว่าใช้โฆษณาเจ้าไหน ก็ adsense นั่นแหละแต่ดูบนเว็บไม่เห็นนะต้องไปดูในมือถือ ไม่ได้เช็คว่าโดนแบนไปยัง)
ฉะนั้นแล้วการที่บอกว่าได้รายได้จากยอดวิวนั้นจึงเป็นเสมือนผลิตภัณฑ์หลอก
วิธีแก้ปัญหาคือ ก็เอาเงินค่า 6Q รักษายอดเดือนละ 300 บาทนั่นแหละครับ โดยจ่ายกลับเข้าไปในระบบแทนเสมือนเป็นรายได้จากค่าโฆษณา
เมื่อลูกค้าไม่ได้สินค้าอย่างแท้จริง มีแต่คนเข้ามาหาเงินกันอย่างเดียว ไม่ได้เกิดการบริโภคจริงๆ ฉะนั้นธุรกิจนี้จึงมีความโน้มเอียงไปในลักษณะของ money game มากกว่า mlm
เพราะเขาเอาเงินของสมาชิกมาจ่ายสมาชิกเอง ไม่ได้เกิดจากการขายสินค้าและการบริโภคที่ได้ประโยชน์จากสินค้านั้นมากมายนัก
ส่วนถามว่าผ่าน สคบ. มาได้ไง สาเหตุเพราะช่องโหว่ทางกฏหมายครับ เพราะเป็นเสมือนสินค้าอินเตอร์เนต ไม่มีสินค้าจริงๆ
แต่ถ้าไปถามอีกหน่วยงานการคลัง จะบอกว่า เพราะของคุณมีซอฟต์แวร์ จึงถือว่าไม่ใช่ money game เพราะถือว่ามีสินค้า
สรุปสองหน่วยงานนี้มีความคิดเห็นค่อนข้างขัดแยังกันเองมากกว่า ซึ่งถ้ามันเข้าข่ายกฏหมายขายตรง มันจะผิดข้อกฏหมายที่ห้ามจ่ายเกิน 20% จากค่า fast start หรือแรกเริ่ม (ห้ามจ่ายจากค่าสมัครด้วย มันจึงต้องแยกส่วนกัน)
สุดท้าย ผมจะไม่บอกว่าธุรกิจนี้หลอกลวงละกัน เพราะกฏหมายดันเปิดช่องเอาไว้และกว่าจะแก้ไขคงอีกนานหรืออาจไม่แก้ไขเลย (เพราะเห็นบางคนชอบมาโม้ว่าคนในหน่วยงานก็ทำอะไรแบบนี้)
เอาเป็นว่าให้เข้าใจความเป็นไปได้ของธุรกิจก็แล้วกัน ขอให้โชคดี
อ่านต่อเรื่องรายได้จากค่าโฆษณาที่นี่ครับ
http://www.thaiseoboard.com/in...478.msg5281841.html#msg5281841 อัพเดทล่าสุด adsense โดนแบนไปแล้วครับ ถ้าโดนแบนไปแล้ว ต้องถามว่าแล้วรายได้จากค่าโฆษณานำจากส่วนไหนมาจ่าย