เป็นกระทู้ส่งท้ายปีละกันนะครับ สืบจากกระทู้
http://www.thaiseoboard.com/in....msg5247273/topicseen.html#new เรื่องแนวคิดว่าการทำธุรกิจว่าจะต้องเอาจริงเอาจังกับมันแล้วประสบผลสำเร็จ ก็ดีใจว่ามีคอมเม้นต์ดี ๆ ที่จั่วหัวก็เพื่อเขียนเล่น ๆ ไม่ได้เกทับใครนะครับ อันพูดจริงครับ เอาละเข้าเรื่องหัวข้อนี้ละกันเรื่องของเรื่องก็คือมีหลายท่านอาจจะสงสัยว่างานแบบนี้เป็นของสายซอร์ฟสายควัน ถ้าไม่ถนัดก็ทำไม่ได้ ผมก็คิดว่างั้นเหมือนกันแต่เหนือสิ่งอื่นไดคือความตั้งใจและความมุ่งมันมากกว่าครับที่จะทำให้เราประสบผลสำเร็จ ผมขอยกตัวอย่างเคสสด ๆ ร้อนของผมละกันครับ เรื่องก็ประมาณเดือนก่อนนี่เอง ผมคิดจะหาธุรกิจใหม่มาทำก็เลยลองหาเทรนในอินเตอร์เน็ตก็เลยไปถูกใจเรื่องของไฟเบอร์ออฟติกซึ่งมันสามารถเอาไปประยุกต์ได้เยอะมาก ผมก็เลยเอามาจัดแผนงานดังนี้ครับ ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
1. เลือกธุรกิจ 1 อาทิตย์
ไฟเบอร์ออฟติก
2. ค้นหาโซลูชั่น 1 อาทิตย์
เท่าที่หาดูงานเกี่ยวกับไฟเบอร์ออฟติกเยอะมาก แต่ที่ถูกใจและง่ายที่สุดคือการทำระบบ cctv ด้วยระบบไฟเบอร์ออฟติก จากนั้นก็ลองเข้าไปหางานใน egp ดู โอว์แม่เจ้างานมันเยอะมากแต่ละโครงการเมพๆทั้งนั้น
3. จากนั้นก็มาศึกษาดูว่าการจะทำระบบ cctv ด้วยระบบไฟเบอร์ออฟติก รายการอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นกล้องไอพี, เครื่องบันทึก NVR, เครื่องเชื่อมสาย และก็อื่น ๆ ใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 เดือน
4. พอมั่นใจก็ลงมือซื้อของมาลองดู อันนี้สำคัญเพราะอุปกรณ์แพงมาก แต่ส่วนใหญ่ผมก็สั่งเองมาจากจีน (AliExpress) เพื่อลดต้นทุนครับ ส่วนเครื่องเชื่อมสายยังไม่เคยใช้ต้องซื้อในไทยแล้วให้เค้ามาสอนให้
บรรยากาศวันอบรม (พรอพจัดเต็ม)
5. พอรู้หลักการก็ลงมือทำเอง
6. สุดท้ายก็ติดตั้งอุปกรณ์จริง ที่บ้านผมเอง ข้อ 4-6 ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์เพราะต้องรอของจากจีน
ึตอนนี้ก็เก็บความรู้พวกงานราชการไปก่อน เช่นการเลือกอุปกรณ์ตามสเปคลองเอา TOR เก่า ๆ ของหน่วยงานมาแกะรายการอุปกรณ์ ผมกำหนดว่าในเดือนกพปีหน้าจะเริ่มรับงาน CCTV ครับ นอกจากนี้ไหน ๆ ก็เข้ามาทำเรื่องกล้องแล้วผมก็คิดว่าจะเอาไปประยุกต์กับโปรแกรมที่ผมถนัด ตอนนี้ก็ลองเริ่มเขียนโปรแกรมจับภาพจากกล้อง CCTV อาจจะเอาไปใช้ในโปรเจคอ่านป้ายทะเบียนรถพวกนี้ครับ
สายถึกอาจจะลงทุนมากกว่าสายซอร์ฟหน่อยแต่ผลลัพธ์ก็คุ้มพอกันขึ้นแล้วอยู่ว่าใครถนัดอะไร สรุปครับงานสายถึกก็สามารถนำมาทำธุรกิจให้เป็นเรื่องเป็นราวได้ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจริงจังและมุ่งมั่นแค่ไหน ที่สำคัญถ้าคิดแล้วว่าดีก็ลงมือทำและวางแผนให้ดีครับ
=========================
เสริมขอเสริมเผื่อมีใครสนใจแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ปกติการหางานราชการเราจะต้องเข้าไปเป็นสมัครเป็นผู้ค้ากับหน่วยงานของรัฐก่อนโดยไปสมัครได้ฟรีที่เว็บของกรมบัญชีกลาง
http://process3.gprocurement.go.th/EGPWeb/jsp/index_new.jsp เมื่อสมัครผ่านก็จะได้รหัสผ่านเพื่อใช้เข้าระบบ ปกติจะใช้เวลาอยู่ 2-3วัน หลังจากนั้นก็ต้องมากรอกข้อมูลเบื้องต้นต่าง ๆ ให้ครับถ้วน (ทำตาม
https://www.youtube.com/watch?v=a0z1wgvIBlY ) ส่วนขั้นตอนการจัดซื้อนั้นก็จะมีหมวดโครงการให้เลือกอยู่หลายหมวดแต่ปกติที่ผมใช้ก็มีแค่สอบราคาปกติและe-bidding การสอบราคานั้นเราจะต้องเข้าไปรับซองและเงื่อนไขโครงการ (TOR)เองที่หน่วยงาน เมื่อรับเอกสารแล้วก็เอามาทำเป็นเอกสารประกอบโครงการและใบเสนอราคา แล้วกลับไปยื่นที่หน่วยงานอีกครั้ง ส่วน e-bidding ง่ายหน่อยสามารถดาวน์โหลดเอกสารและยื่นทางอินเตอร์เน็ตได้เลย และเมื่อเราชนะการประมูลแล้วก็จะต้องทำสัญญากับหน่วยงาน และที่สำคัญคือจะต้องวางเงินประกันหรือแบงค์การันตี (LG)ไว้ด้วยตามที่ท่าน khonnon บอก ส่วนใหญ่จะประมาณ 5% เงินประกันนี้จะถูกยึดไว้เท่ากับอายุสัญญาหรือระยะการประกัน อาจจะ 1 หรือ 2 ปีก็แล้วแต่ โดยฝากเข้าบัญชีที่หน่วยงานกำหนดและจะสามารถถอนคืนได้เมื่อครบสัญญา แต่ถ้าเราทำตามเงื่อนไขไม่ได้เงินนี้จะถูกยึดไป (ตัวอย่างกสทชยึดเงินประกันของจัสมิน 700ล้าน)และติด blacklist ค้าขายกับรัฐไม่ได้อีกเลย โดยรวมแล้วการเป็นคู่ค้ากับราชการนั้นไม่ยากและกำไรดีแต่มันก็จะมีขั้นตอนนิดหน่อย ส่วนการเลือกหน่วยงานก็ควรเลือกหน่วยงานที่ใหญ่หรือเป็นกลางหน่อย ไม่แนะนำให้รับงานเทศบาลหรืออบตเพราะบางที่มีการขอค่าหัวคิวด้วย นี่ก็เป็นหลักการคร่าว ๆ ผมสนับสนุนมาช่วยกันเป็นผู้ค้ากับรัฐกันเยอะ ๆ ครับ เงินเค้าเยอะจริง