นักวิทย์หาความจริง โลกเกิดจากดาวอื่น?
"แพน-สเพอร์เมีย" คือ ทฤษฎีที่เชื่อว่า โลกถือกำเนิดมาจากดาวเคราะห์ดวงอื่น โดยเซลล์ที่สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นในโลกติดมากับก้อนหิน ที่หลุดออกมาจากดวงดาว หรือแม้แต่ระบบดาวอื่น ซึ่งทฤษฎีนี้โด่งดังมากเมื่อราว 12 ปีก่อน ที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์สหรัฐ เสนอแนวคิดที่ว่า สะเก็ดดาวตกที่พบในแอนตาร์กติกาอาจมีร่องรอยฟอสซิลแบคทีเรีย ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่บนดาวอังคาร
เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีนี้ ดร.ฟรานเซส เวสทอล และคณะ จากศูนย์โมเลคูลาร์ไบโอฟิสิกส์ ประเทศฝรั่งเศส จึงทดลอง "สะเก็ดดาวตกเทียม" ขึ้น เพื่อดูว่า หินที่มีฟอสซิลแบคทีเรียและแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่ สามารถผ่านความร้อนสูงขณะที่หินตกลงมายังโลกได้หรือไม่
การทดลองทำโดย ติดสะเก็ดดาวตกก้อนเล็กๆ ที่มีความหนาขนาด 2 เซนติเมตร จำนวน 2 ก้อน ไว้ที่แคปซูลโฟตอนเอ็ม 3 ที่รัสเซียส่งขึ้นไปบนอวกาศเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และกลับลงมายังพื้นโลกในอีก 12 วันถัดมา ส่วนหินก้อนที่ 3 เป็นหินบะซอลต์ที่ติดไว้เพื่อเป็นตัวอย่างควบคุม
สำหรับหินก้อนแรก เป็นหินจากเมืองพิลบารา ประเทศออสเตรเลีย อายุ 3,500 ล้านปี และมีไมโครฟอสซิล ส่วนก้อนที่สอง มาจากหมู่เกาะออร์คนีย์ ของสกอตแลนด์ และมีร่องรอยทางเคมีของแบคทีเรียที่ตายไปนานแล้ว
ด้านหลังของหินทั้งสองก้อน นักวิทยาศาสตร์ได้ป้ายแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่ ชื่อ"โครออค็อกซิดิออพซิส" ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีชีวิตอยู่บนโลกนานแล้ว ทั้งยังเป็นแบคทีเรียที่ตายยากและรอดชีวิตแม้อยู่ในละอองความชื้นขนาดเล็ก โดยนักวิทยาศาสตร์เห็นว่า "โครออค็อกซิดิออพซิส" สามารถเป็นแบคทีเรียแทนที่แบคทีเรียจากดาวอังคาร เพื่อใช้ในการทดลอง
เมื่อแคปซูลโฟตอนเอ็ม 3 กลับลงมายังพื้นโลกด้วยความเร็ว 7.6 กิโลเมตรต่อวินาที หรือ 27,200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พบว่า หินพิลบารามีคราบสีขาวครีมขนาดครึ่งมิลลิเมตรติดอยู่ ส่วนไมโครฟอสซิลยังอยู่เป็นปกติ
สำหรับหินออร์คนีย์ ขนาดของหินลดลงไปประมาณ 1 ใน 3 ส่วนแบคทีเรีย "โครออค็อกซิดิออพซิส" ที่ป้ายอยู่บนหินทั้งสองก้อนตายสนิท ส่วนหินบะซอลต์ก้อนที่ 3 สูญหายไปทั้งก้อน
ดร.เวสทอล เห็นว่า การทดลอง STONE-6 นี้ แสดงให้เห็นว่า ผลการทดลองที่ได้ค้านกับทฤษฎี "แพน-สเพอร์เมีย"
ปัจจุบัน เราพบว่ามีหิน 39 ก้อนบนโลกที่น่าจะเป็นหินจากดาวอังคาร ซึ่งหินทุกก้อนเป็นหินบะซอลต์ หรือหินภูเขาไฟ ไม่ใช่หินที่เกิดจากลม น้ำหรือแรงโน้มถ่วง
ที่มา : ข่าวสด
